ตอนที่ 18 หนิวเอ้อร์
ตอนที่ 18 หนิวเอ้อร์
"เกิดอะไรขึ้น!"
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทำให้ทั่วทั้งบ้านตกอยู่ในความมืด แม้แต่ตะเกียงที่ตั้งอยู่ในห้องก็ดับลงไปด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วซูหยิงหยิงก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นนางก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาทันที
และนางก็ดึงแขนเสื้อของมู่อี้ไปโดยไม่รู้ตัว
มู่อี้ยืนขึ้นทันทีพร้อมกับลมหนาวที่พัดเข้ามา เขาเอื้อมมือไปที่กระเป๋าเสื้อและหยิบยันต์ปราบปีศาจออกมาเตรียมพร้อม
อย่างไรก็ตามหลังจากลมแรงที่พัดเข้ามาสงบลงก็ไม่มีความผิดปกติใดๆเกิดขึ้น บรรยากาศค่อยๆกลับมาเงียบสงบอีกครั้งและมู่อี้สามารถได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งสองคนดังมาจากข้างๆอย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองพี่น้องไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องขนหัวลุกเช่นนี้มาก่อนจึงทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีลมพัดผ่านเปลวไฟบนแท่งเทียนก็จะดับลง แต่ประเด็นสำคัญคือโคมไฟทั้งสองนั้นมีคุณสมบัติกันลมแต่เปลวไฟก็ยังดับไปด้วยเช่นกัน ทั้งสองรู้สึกเสียวสันหลังราวกับว่ามีอะไรบางอย่างยืนอยู่ข้างหลังตนเองในตอนนี้
หลังจากมู่อี้ทำจิตใจให้สงบเขาก็รับรู้ได้ว่าสายลมที่พัดเข้ามานั้นมาจากสิ่งที่ผิดปกติอย่างแน่นอน คิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้เขาก็เอื้อมมือไปที่กระเป๋าของตนเองและหยิบตะเกียงทองแดงออกมา
ตะเกียงทองแดงดวงนี้เป็นสิ่งที่นักพรตเฒ่ามอบให้เขา นักพรตเฒ่ามักพูดเสมอว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า แต่มู่อี้ไม่เคยจริงจังกับคำพูดของนักพรตเฒ่าเลยจนกระทั่งเขาเริ่มฝึกฝนก็ค่อยๆตระหนักว่าสิ่งที่นักพรตเฒ่าพูดอาจเป็นจริงเพราะเมื่อเขาถือตะเกียงทองแดงหัวใจของเขาเริ่มรู้สึกสงบมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าเขาจะไม่รู้วิธีการใช้งานที่แท้จริงของตะเกียงทองแดง แต่เขามักจะพกมันติดตัวไว้เสมอเพราะมันอาจมีประโยชน์ในยามจำเป็น
ในตอนนี้หลังจากหยิบตะเกียงทองแดงขึ้นมาเขาก็รีบจุดไฟขึ้นทันที
เปลวไฟสีส้มดวงเล็กๆขนาดเท่าปลายเล็บสว่างขึ้นอย่างช้าๆ แม้ว่ามันจะไม่สามารถขจัดความมืดมิดในบ้านหลังนี้ออกไปได้ทั้งหมดแต่ก็ทำให้ซูจินหลุนและซูหยิงหยิงรู้สึกดีขึ้นมาก
เมื่อตะเกียงทองแดงส่องแสงที่สว่างไสวออกมา มู่อี้ก็วางมันลงบนขอบหน้าต่าง เป็นเรื่องที่แปลกมากถึงแม้ว่าขอบหน้าต่างยังมีลมแรงแต่ก็เปลวไฟภายในตะเกียงทองแดงก็ไม่ได้ดับลงไป
ซูจินหลุนรอดูสถานการณ์มาระยะหนึ่งเมื่อไม่เห็นความผิดปกใดๆ เขาจึงลุกขึ้นมาและจุดเทียนทุกเล่มภายในห้องอีกครั้ง
แต่ภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่ซูจินหลุนจุดเทียนก็มีลมกระโชกพัดเข้ามาอีกครั้ง เปลวไฟบนเทียนทุกเล่มสั่นไหวอย่างรุนแรงและดับลงไปทันที แต่คราวนี้มีเพียงตะเกียงทองแดงที่มู่อี้วางไว้บนขอบหน้าต่างเท่านั้นที่ยังไม่ดับไป
ลมธรรมดาทั่วไปที่พัดอยู่นอกหน้าต่างทำให้เปลวไฟภายในตะเกียงทองแดงแกว่งไปมาเบาๆ แต่เมื่อลมกรรโชกที่พัดเข้ามาภายในห้องเข้าใกล้ตะเกียงทองแดงเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นและแผดเผาลมที่พัดเข้ามาใกล้ในทันที
มู่อี้ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแม้แต่น้อยเพราะต้องการสังเกตประสิทธิภาพของตะเกียงทองแดงนี้ สำหรับผลที่ได้เห็นก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง ตอนนี้เขารู้สึกเชื่อมั่นมากขึ้นว่าสิ่งที่นักพรตเฒ่าพูดนั้นเป็นความจริง ตะเกียงทองแดงนี้เป็นสมบัติอันล้ำค่าและมันเป็นสมบัติที่สามารถกำจัดความชั่วร้ายและวิญญาณได้
ตะเกียงทองแดงยังคงสว่างไสวและมู่อี้ไม่รู้สึกกังวลอีกต่อไป เขาถือตะเกียงทองแดงไว้ที่มือซ้ายและเดินตรงไปที่มุมห้องที่มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่พร้อมกับถือยันต์ปราบปีศาจเอาไว้ในมือขวา
เมื่อมู่อี้เริ่มเคลื่อนไหว ซูจินหลุนและซูหยิงหยิงต่างรู้สึกกระวนกระวายใจและตาของทั้งสองคนก็จับจ้องไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ตรงหน้ามู่อี้
มู่อี้ค่อยๆเปิดตู้เสื้อผ้าออกอย่างช้าๆ และหัวใจของทั้งสองที่กำลังเฝ้ามองเต้นระรัวราวกับกำลังจะระเบิดออกมา
"แอด!"
แม้ว่าเขาจะฝึกฝนจิตใจมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อได้เห็นร่างเล็กๆขดตัวนั่งอยู่ที่มุมตู้เสื้อผ้า มู่อี้ก็รู้สึกเสียวซ่านไปทั่วหนังศีรษะ ความร้อนที่มีอยู่ในร่างกายจางหายไปและถูกแทนที่ด้วยความเหน็บหนาวไปจนถึงกระดูก
นางเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ดูอายุเพียงสามหรือสี่ขวบเท่านั้น มีใบหน้าที่งดงาม ทำผมแกละ 2 ข้าง สวมชุดกระโปรงสีม่วง นางขดตัวอยู่ที่มุมตู้ มือจับหัวเข่าทั้งสองข้างไว้อย่างแน่นหนา และไม่มีร่องรอยของสิ่งชั่วร้ายในดวงตาที่บริสุทธิ์คู่นั้น
หลังจากได้เห็นมู่อี้ เด็กหญิงตัวเล็กๆดูเหมือนจะผงะไปทันทีด้วยความกลัวและสายตาของนางก็แสดงความหวาดกลัวออกมาด้วยเช่นกัน
มู่อี้กลืนน้ำลายลงไปและบังคับจิตใจของตนเองให้สงบลง แต่จิตใจของเขาก็ไม่ได้เชื่อฟังแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามมันกลับเต้นเร็วกว่าที่เคยและในตอนนี้แม้แต่มือของเขาก็ไม่เชื่อฟังด้วยเช่นกัน
"พี่ชาย พี่จะมาจับข้าไปด้วยหรือ?" ในขณะที่มู่อี้กำลังสับสนและไม่รู้จะทำยังไง ทันใดนั้นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆก็พูดออกมา แต่ไม่รู้ว่าทำไมซูจิหลุนและซูหยิงหยิงที่เฝ้ามองอยู่ด้านหลังดูเหมือนจะไม่เห็นอะไรเลย
"ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?" หลังจากที่เด็กหญิงตัวเล็กๆเอ่ยปากพูด มู่อี้ก็ค่อยๆสงบลงและถามนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เมื่อมู่อี้อ้าปากพูดซูจินหลุนและซูหยิงหยิงก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ในสายตาของพวกเขามู่อี้กำลังยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าและพูดคุยกับตัวเอง แต่ข้างในตู้เสื้อผ้านั้นว่างเปล่าเป็นสถานการณ์ที่ชวนให้รู้สึกขนลุกเป็นอย่างยิ่ง
"ที่นี่คือบ้านของข้า" เด็กหญิงตัวเล็กๆพูดตรงไปตรงมาด้วยความไร้เดียงสา
"บ้านของเจ้า?" มู่อี้เงียบไปครู่หนึ่ง หากเด็กหญิงตัวเล็กๆคนนี้เป็นเด็กที่เสียชีวิตด้วยโรคร้ายแรงดังนั้นที่นี่คือบ้านของนางจริงๆและเขาก็เป็นผู้บุกรุกในเวลานี้ จากนั้นเขาก็คิดถึงสิ่งที่นางพูดไปก่อนหน้านี้ จะมาจับนางไปด้วย?
ก่อนหน้านี้ตระกูลซูได้เชิญพระสงฆ์และนักพรตเต๋าจำนวนมากเข้ามาที่นี่เพื่อจับตัวนาง แต่ผู้ที่เข้ามาที่นี่เพื่อจับนางไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิตแค่ได้รับผลกระทบทางจิตใจเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร บางทีอาการป่วยของหญิงชราอาจมีเรื่องบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ความระมัดระวังของมู่อี้ก็ค่อยๆหายไป เขาไม่สามารถลงมือฆ่าเด็กผู้หญิงธรรมดาๆที่น่ารักได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นวิญญาณก็ตาม
“พี่ชาย ท่านอยากเล่นกับข้าไหม?” เด็กหญิงตัวเล็กๆดูเหมือนจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของมู่อี้ดังนั้นนางจึงเอ่ยปากพูดอีกครั้ง
“ได้สิ แต่เจ้าต้องบอกพี่ชายคนนี้ก่อนว่าเจ้าชื่อว่าอะไร?” มู่อี้พยักหน้าและถาม
"ข้าชื่อเนี่ยนหนิวเอ้อร์" เด็กหญิงตัวน้อยพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"เนี่ยนหนิวเอ้อร์? เป็นชื่อที่แม่ของเจ้าตั้งให้หรือ?" มู่อี้ถามต่อไป
แต่เขาไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่เขากำลังทำในตอนนี้ทำให้ซูจินหลุนและซูหยิงหยิงหวาดกลัวและตัวสั่น
"ไม่ใช่ ท่านแม่บอกข้าว่าคำว่า หนิวเอ้อร์ ท่านพ่อเป็นคนตั้งให้" เนี่ยนหนิวเอ้อร์พูดขณะที่นางคลานออกมาจากตู้เสื้อผ้า
"พ่อของเจ้า?" นี่เป็นครั้งแรกที่มู่อี้ได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับลูกสาวคนเล็กของซูจงซานและอดไม่ได้ที่จะอยากรู้เรื่องราวมากขึ้น
ในตอนนี้เนี่ยนหนิวเอ้อร์เข้ามาใกล้เทียนอย่างเงียบๆ ด้วยเหตุนี้มู่อี้จึงดูเหมือนจะไม่รู้ตัว
เมื่อมู่อี้ต้องการที่จะคว้ามือเล็กๆของนางมาเพราะจิตใต้สำนึก รูปลักษณ์ของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาทั้งสองข้างของนางกลายเป็นสีฟ้าและมีเขี้ยวงอกออกมาจากปาก มือเล็กๆเปลี่ยนเป็นกรงเล็บและคว้าไปทางมู่อี้
มู่อี้ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งและรู้ดีว่ามันสายเกินไปที่จะหลบหนี แม้แต่ยันต์ปราบปีศาจที่ถืออยู่ในมือก็ไม่สามารถร่ายคาถาได้ทัน
ในตอนนั้นเอง ตะเกียงทองแดงในมือซ้ายของเขาก็ส่องประกายขึ้นทันทีและเปลวไฟที่มองไม่เห็นก็แผดเผาร่างของเนี่ยนหนิวเอ้อร์โดยตรง
"กรี้ด!"