ตอนที่ 17 การตรวจสอบตนเอง 3 ข้อ
ตอนที่ 17 การตรวจสอบตนเอง 3 ข้อ
จริงๆแล้วไม่ได้มีเพียงมู่อี้แต่ซูจินหลุนก็รู้สึกอยากรู้สิ่งที่น้องสาวกำลังจะถามเช่นกัน
"หยิงหยิงอยากขอร้องให้ท่านนักพรตเต๋าน้อยยกโทษให้เจิ้งสือซงสักครั้งได้ไหม?" ซูหยิงหยิงกัดริมฝีปากของตนเองเล็กน้อยในขณะที่พูดอย่างช้าๆ
"อ๋อ? ยกโทษให้ลูกพี่ลูกน้องของท่าน? ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรเขาเลยขอรับ" มู่อี้ตกตะลึงและมองซูหยิงหยิงด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะมีความรู้สึกที่เฉียบแหลมเป็นอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าตนเองเก็บสีหน้าท่าทางได้ดีมากและแม้แต่เจิ้งสือซงต้องการที่จะอยู่กับซูจงซานเขาก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรเพราะคิดว่ามันจะสามารถลบล้างการกระทำก่อนหน้านี้ของเขาได้
มู่อี้ยังจำสายตาดูถูกเหยียดหยามและการคุกคามเอาชีวิตของเขาที่เจิ้งสือซงแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี
เขาไม่ได้ใจกว้างพอที่จะให้อภัยกับคนที่ดูถูกเหยียดหยามและคุกคามชีวิตของเขา
บุญคุณต้องตอบแทนแค้นต้องชำระ
แต่มู่อี้ไม่ได้คาดคิดว่าซูหยิงหยิงจะสามารถมองความคิดของเขาออก ด้วยเหตุนี้นางจึงเลือกที่จะขอร้องเขาในเวลานี้เพราะไม่ว่ายังไงเจิ้งสือซงก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับนางและทั้งสองคนก็ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
สายตาของซูจินหลุนแสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ เขาไม่ได้ช่วยซูหยิงหยิงพูดหรือตำหนิน้องสาวของเขา แม้ว่าวันนี้เขาจะมีภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนแอแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่ามีบางสิ่งที่ซูหยิงหยิงพูดได้แต่เขาไม่สามารถพูดได้
มู่อี้จ้องมองซูหยิงหยิงและไม่ได้พูดอะไรออกมาในทันที ตอนนี้เขารู้ว่าซูหยิงหยิงขอร้องเขาเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่านางคิดว่าเขาจะลงมือทำจริงๆ ยิ่งกว่านั้นแม้ว่ามู่อี้จะมีความสามารถในการสะกดวิญญาณร้าย แต่ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับคนคุ้มกันในบ้านตระกูลซูเขาคงไม่อาจทำอะไรได้เลย
ดังนั้นแม้ว่ามู่อี้อยากจะแก้แค้นเขาก็จะพยายามทำให้แนบเนียนที่สุดเพื่อไม่ให้มีคนสังเกตเห็นและดูเหมือนว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะต้องผิดใจกับตระกูลซูและไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขอีกต่อไป
แต่ตอนนี้ซูหยิงหยิงมาขอร้องด้วยตัวนางเอง หากมู่อี้ยังอยากที่จะแก้แค้นอีกก็คงจะดูเป็นคนใจแคบจนเกินไป แม้ว่าสิ่งที่เขาทำจะดูแนบเนียนเป็นไปตามธรรมชาติ มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รับรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่และผู้อื่นไม่สามารถตัดสินโดยตรงได้
เขาถือว่าเป็นคนมีศีลธรรมในการทำร้ายคนอื่น
มูยี่มองไปที่ซูหยิงหยิง เขาไม่เพียงพยายามคาดเดาว่านางกำลังคิดอะไรแต่ยังคิดว่าจะตอบกลับคำถามนี้ไปเช่นไรดี หรือนางกังวลว่าเขาจะไม่ช่วยท่านย่าของนางอย่างถึงที่สุด?
มู่อี้ก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอนแต่อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร
เมื่อมู่อี้สบสายตาของซูหยิงหยิงโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั่วร่างกายของเขาก็สั่นขึ้นมาทันทีราวกับถูกโยนลงในอ่างน้ำเย็นและความคิดที่วนเวียนอยู่ในใจของเขาก็หายไปจนหมด
หลังจากนั้นมู่อี้ก็หลับตาและสูดลมหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งจิตใจก็กลับมาสงบอีกครั้งหนึ่ง
"ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าไม่ได้ต้องการฆ่าเขา แต่เขาเป็นคนเลือกเส้นทางด้วยตัวเองและไม่สามารถโทษคนอื่นได้" มู่อี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อซูหยิงหยิงได้ฟังคำพูดของมู่อี้ นางไม่ได้รู้สึกดีใจแม้แต่น้อยแต่กลับมีสีหน้าที่ดูขมขื่น ใครก็ตามที่ได้ยินคำพูดของมู่อี้จะรู้สึกถึงความแตกต่างได้ทันที
ตั้งแต่ตอนที่นางยังเป็นเด็ก ซูหยิงหยิงพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในการมองเห็นจิตใจของผู้คนได้อย่างดี แม้ว่าอีกฝ่ายจะแสดงสีหน้าท่าทางออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจนางก็จะรับรู้ได้ในทันที นี่คือเหตุผลที่ซูหยิงหยิงเป็นที่รักของคนในบ้านทุกคน
แม้ว่าในยุคสมัยนี้หญิงสาวในตระกูลใหญ่ทั้งหลายจะสนใจเรื่องความงามของตนเองและการรัดเท้าตั้งแต่วัยเยาว์ แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ซูหยิงหยิงสนใจเลยแม้แต่น้อย
เพราะนางสามารถเข้าใจหัวใจของผู้คนได้ นางจึงสามารถเป็นที่รักของทุกคนรอบตัวนางได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอายุของซูหยิงหยิงที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันกับหลานสาวตัวน้อยของซูจงซานที่เสียชีวิตไปเนื่องจากความเจ็บป่วย จึงทำให้นางเป็นที่รักของผู้อาวุโสตระกูลซูทั้งสองคนเป็นอย่างยิ่ง
และนางก็มักจะใกล้ชิดกับซูจงซานและภรรยาของเขาเสมอ
ความฉลาดของซูหยิงหยิงและความสามารถที่นางมี ทำให้นางค่อยๆเรียนรู้การ "เข้าถึง" หัวใจของผู้คนได้อย่างช้าๆ
นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ซูหยิงหยิงเชิญมู่อี้มาที่นี่หลังจากพบหน้ากันเพียงครั้งเดียว นางรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มีอยู่ในจิตใจของมู่อี้ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่นางขอร้องให้มู่อี้ยกโทษให้เจิ้งสือซงเพราะนางเชื่อว่า มู่อี้จะเห็นด้วยกับคำขอของนางอย่างแน่นอน
แต่นางไม่ควรแสดงสีหน้าที่นิ่งเฉยราวกับรู้คำตอบอยู่แล้วให้มู่อี้เห็น
มันเป็นความอัปยศอดสูของมู่อี้ที่ความเยือกเย็นของตนเองพังทลายลงไปเพราะหญิงสาวผู้งดงามที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
ก่อนหน้านี้มู่อี้เคยรู้สึกภูมิใจกับจิตใจที่แข็งแกร่งของตนเอง แต่ตอนนี้กลับถูกทำลายลงไปอย่างง่ายดาย
ไม่น่าแปลกใจที่ชาวพุทธให้ความสนใจกับการขัดเกลาจิตใจเพื่อให้แน่ใจว่าจิตใจของตนเองนั้นว่างเปล่าอยู่เสมอ แม้แต่ลัทธิเต๋าก็มีการตรวจสอบตนเอง 3 ข้อเพื่อให้จิตใจไม่ออกนอกลู่นอกทาง
เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ไม่ใช่เซียนมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทำอะไรผิดพลาด ความรู้สึกของมนุษย์คือสิ่งที่ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง โลกใบนี้ล้วนเต็มไปด้วยความวุ่นวายและมีผู้คนมากมายที่ถูกหลอกลวงให้หลงทางไปโดยไม่ตั้งใจ
หลังจากพยายามเข้าใจสิ่งนี้มู่อี้ก็รู้สึกว่าจิตใจของเขาหลอมรวมจนกลายเป็นดาบแห่งปัญญา จากนั้นเขาก็สามารถตัดความรู้สึกผิดหวังออกไปในเวลาสั้นๆ แม้จิตใจที่แข็งแกร่งจะมัวหมองไปบ้างแต่ตอนนี้มู่อี้ก็เข้าใจว่าเขาจะฝึกฝนขั้นต่อไปได้อย่างไร
สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นเหมือนเตาไฟที่สามารถหลอมรวมและปรับแต่งได้ กุญแจสำคัญคือเราจะสามารถปรับตัวอยู่กับมันได้หรือไม่
และขั้นตอนนี้เป็นการเข้าถึงแก่นแท้ของหัวใจตนเอง เมื่อเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริงและยอมรับความเป็นจริงก็จะถือว่าเป็นความสมบูรณ์แบบ
ในตอนนี้มู่อี้เพิ่งจะเข้าใจมันเท่านั้น เขาเข้าใจความจริงเพียงแค่ครึ่งหนึ่งและยังห่างไกลจากการข้ามไปสู่ขั้นที่ 3 แต่เขาเชื่อว่าอาจใช้เวลาเพียงไม่นานในการยกระดับตัวเอง หลังจากก้าวสู่ขั้นที่ 3 ก็จะต้องเผชิญกับความยากลำบากที่แท้จริง
“หยิงหยิงผิดไปแล้ว ขอท่านนักพรตเต๋าโปรดอภัยให้ด้วย” ซูหยิงหยิงขอโทษทันทีหลังจากรู้ความผิดพลาดของตนเอง
อย่างไรก็ตามในตอนนี้มู่อี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวได้อีกต่อไป แม้ว่าซูหยิงหยิงได้สร้างความประทับใจไว้ในหัวใจของเขา แต่ตอนนี้นางถูกขับออกจากหัวใจของเขาอย่างไร้ความปราณี
ซูหยิงหยิงเป็นหญิงสาวที่งดงาม มู่อี้ติดตามนักพรตชรามานานหลายปีและเคยพบหญิงสาวที่งดงามกว่าซูหยิงหยิงเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แม้ในตอนนั้นเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เขาเหลือบมองนาง แต่ภาพนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของมู่อี้
มู่อี้พยายามอย่างหนักในการฝึกฝนจิตใจให้แข็งแกร่งแต่การที่ภาพของหญิงสาวคนนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจคงมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
แต่ตอนนี้มู่อี้ไม่ยึดติดกับสิ่งนี้มากเกินไป อาจเป็นเพราะตอนนั้นเขาอายุยังน้อยและอยู่ในวัยแรกรุ่นซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ
"ฟิ้ว!"
ในตอนนั้นเอง เกิดลมกรรโชกพัดเข้ามาในบ้านและปัดเป่าเทียนจนดับไปทั้งหมด
"เกิดอะไรขึ้น!"