ตอนที่ 11 ช่วยชีวิต
ตอนที่ 11 ช่วยชีวิต
"ท่านนักพรตน้อย ท่านย่าของข้าเป็นเช่นไรบ้าง?"
สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของมู่อี้ทำให้ซูหยิงหยิงที่ยืนอยู่ข้างๆรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที
"มันเลวร้ายกว่าที่ข้าคิดเอาไว้" มู่อี้ตอบกลับมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เขาไม่ได้เสแสร้งตอบกลับมาแบบนี้แต่มันเป็นความจริง
เดิมทีนางอยากจะมาถามมู่อี้อยู่แล้ว แม้ว่านายท่านผู้เฒ่าของตระกูลซูจะบอกว่าท่านย่าของนางไม่ได้เป็นอะไรมากนัก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมตอนนี้นายท่านผู้เฒ่าของตระกูลซูที่อยู่ภายนอกห้องจึงรีบเข้ามาบอกให้เขาทำการรักษา เขาทราบดีอยู่แล้วว่าหญิงชรานั้นป่วยเพราะอะไร
"มีวิธีรักษาหรือเปล่าท่านนักพรตน้อย?" คำตอบของมู่อี้ก่อนหน้านี้ทำให้ซูหยิงหยิงรู้สึกกระวนกระวายใจมากแต่สายตาของนางก็ยังเป็นประกายด้วยความหวัง
"ข้าจะทำให้ดีที่สุดขอรับ" มู่อี้ตอบกลับมาหลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง
ในตอนนี้เขาต้องทำพิธีขับไล่วิญญาณเพียงคนเดียวและถ้าหากหญิงชราคนนี้เสียชีวิตไปแล้วแม้ว่าเขาจะขับไล่วิญญาณออกไปได้ก็คงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดคือการช่วยชีวิตของหญิงชราคนนี้เอาไว้
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขามีเพียงแค่ยันต์สะกดวิญญาณเท่านั้น เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เลวร้ายของหญิงชรามู่อี้ก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า
แม้แต่การเจ็บป่วยที่รุนแรงก็ยังต้องใช้ยารักษาที่รุนแรงตามไปด้วยแต่ในตอนนี้หญิงชราคนนี้เหลือเพียงแค่ลมหายใจสุดท้ายเท่านั้น หากทำอะไรรุนแรงเกินไปลมหายใจของนางอาจจะหายไปตลอดกาล ดังนั้นในตอนที่มู่อี้ตอบกลับไปว่ามันเลวร้ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้นั้น ในใจของเขาก็รู้ว่าเขาต้องเสี่ยงกับสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว
ถ้าเขาไม่ยอมเสี่ยงหญิงชราคนนี้คงมีชีวิตอยู่ไม่พ้นคืนนี้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเขาลองเสี่ยงมันอาจจะมีโอกาสสำเร็จอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
"ข้าขอให้ท่านหยิงหยิงเชิญท่านผู้อาวุโสคนก่อนหน้านี้ให้เข้ามาที่นี่ได้ไหมขอรับ" มู่อี้พูดขึ้นมา
แม้ว่าเขาจะตัดสินใจว่าต้องลองเสี่ยงดูแต่การตัดสินใจครั้งนี้เขาก็ไม่อาจพูดออกจากปากของตัวเองได้ เพราะโอกาสสำเร็จมีเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ถ้าหากเขาทำสำเร็จเขาอาจจะได้รับชื่อเสียงแต่ถ้าหากว่ามันไม่สำเร็จเขาอาจจะต้องตายได้ ถ้าหากว่าเจิ้งสือซงยืนยันว่าจะสังหารเขาจริงๆคงไม่มีใครหยุดได้แน่นอน
"ได้สิ ข้าจะไปทันที" ซูหยิงหยิงรีบวิ่งออกไปโดยไม่ลังเล
หลังจากนั้นซูหยิงหยิงก็กลับมาพร้อมกับผู้อาวุโสของตระกูลซู
"ข้า ซูจงซานขอแสดงความเคารพท่านนักพรตเต๋า หากต้องการสิ่งใดขอท่านนักพรตบอกมาได้เลย" ซูจงซานเข้ามาทักทายเขาด้วยความเคารพและไม่รู้ว่าซูหยิงหยิงพูดอะไรกับชายชราคนนี้บ้าง
"ท่านผู้อาวุโสจริงจังเกินไปแล้วขอรับ ข้ามีเรื่องที่ต้องการให้ท่านผู้อาวุโสช่วยเหลือจึงขอให้ท่านผู้อาวุโสเข้ามาที่นี่ขอรับ" มู่อี้บอกไปตามตรง
"ท่านนักพรตเต๋า เชิญบอกมาได้เลย" ใบหน้าของซูจงซานดูเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเขาจ้องมองไปที่ชราที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
"ตอนนี้สถานการณ์ของท่านหญิงผู้นี้เลวร้ายกว่าที่คาดคิดเอาไว้ หากข้าคิดเอาไว้ไม่ผิดที่ท่านหญิงผู้นี้มีอายุขัยได้จนถึงตอนนี้เป็นเพราะโสมเก่าแก่ใช่ไหมขอรับ?" มู่อี้ถามกลับมาตรงๆ ความจริงแล้วเขาได้กลิ่นยาที่รุนแรงตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้
"ที่ท่านพูดมาก็ไม่ผิด มันคือโสมที่มีอายุ 100 ปี ท่านหมอที่มีชื่อเสียงยืนยันว่านางจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้น" ซูจงซานตอบกลับมาตรงๆ ด้วยสติปัญญาของเขาเขารู้ว่ามู่อี้ก็ทราบเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน
"ถ้าหากเป็นเมื่อ 10 วันก่อนข้ามั่นใจถึง 9 ใน 10 ส่วนว่าจะสามารถรักษาท่านหญิงได้ และแม้ว่าจะเป็น 3-5 วันก่อนข้ายังมั่นใจ 6 ใน 10 ส่วน แต่ตอนนี้โอกาสที่จะสำเร็จมีเพียง 1 ใน 10 เท่านั้นขอรับ และการทำพิธีกรรมอาจทำให้ท่านหญิงต้องเสียชีวิตได้ ข้าไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตนเองได้ต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้" มู่อี้มอบการตัดสินใจให้อีกฝ่าย นี่จะทำให้ภาระที่เขาต้องรับผิดชอบนั้นหายไปทันที
แต่แน่นอนว่าเขายังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่และถ้าหากมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆเขาก็ต้องรับผิดชอบ
สิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้เขาพูดเกินจริงไปมาก เมื่อ 10 วันก่อนเขายังยุ่งอยู่กับเรื่องศพของท่านปู่ แล้วเขาจะออกมารักษาท่านหญิงได้อย่างไร? เมื่อ 3 วันก่อนเขาก็ยังคงหาคำตอบว่าเขาสามารถวาดยันต์สะกดวิญญาณได้หรือไม่
แต่เมื่อซูหยิงหยิงได้ยินแบบนี้นางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที เพราะนางได้พบกับมู่อี้เมื่อ 3 วันก่อน หากนางเชิญมู่อี้มาที่นี่ตั้งแต่แรกบางทีท่านย่าของนางอาจจะหายเป็นปกติก็ได้
ซูจงซานฟังสิ่งที่มู่อี้พูดออกมาแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไปทันที แม้ว่าคำถามนี้ดูเหมือนจะมีตัวเลือกที่ดีแต่ลึกๆแล้วมันก็เกี่ยวข้องกับชีวิตภรรยาของเขา มันยากยิ่งนักที่เขาจะตัดสินใจได้ เพราะถ้าหากยืดเวลาออกไปหลังจากนี้อีก 2-3 วันเขาอาจจะได้พบกับความหวังขึ้นมาก็ได้
ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาแล้ว พูดได้เลยว่าชีวิตของภรรยาอยู่ในมือของเขา มันช่างเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากเสียจริงๆ
ซูหยิงหยิงรวมถึงหญิงวัยกลางคนผู้งดงามที่อยู่ข้างๆนางไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกนางไม่มีสิทธิ์พูดอะไรในเรื่องนี้
"ข้าขอให้ท่านนักพรตเต๋าช่วยรักษาภรรยาของข้าด้วย แม้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะรับผิดชอบเองท่านนักพรตไม่ต้องกังวลไป" ซูจงซานสูดลมหายใจเข้าลึกๆและมองไปที่มู่อี้อย่างเคร่งขรึมเมื่อเขาบอกว่าเขาจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง
"ได้เลยขอรับ" มู่อี้รอคอยประโยคนี้อยู่ เขาพยักหน้าจากนั้นก็นำยันต์สะกดวิญญาณ ออกมาและเดินเข้าไปที่เตียงนอนพร้อมกับสีหน้าที่เป็นกังวลของทุกๆคน
ในตอนที่เขาวางยันต์สะกดวิญญาณลงไปบนร่างกายของหญิงชรามู่อี้ก็รู้สึกได้ทันทีว่าที่ยันต์ของเขามีความร้อนขึ้นมาเล็กน้อยและเขารีบลงมือต่อทันที เขาวางยันต์สะกดวิญญาณเอาไว้บนหน้าผากของหญิงชราจากนั้นก็ท่องคาถาในใจ
"ย่าห์!"
เขาเห็นว่ายันต์สะกดวิญญาณส่องแสงสีขาวออกมาจากนั้นแสงสีขาวก็เข้าไปในร่างของหญิงชราทันทีและยันต์สะกดวิญญาณก็สลายกลายเป็นขี้เถ้า
ในเวลาเดียวกันหญิงชราที่นอนอยู่บนเตียงก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวและควันสีดำเริ่มไหลออกมาจากทวารทั้ง 7 ของนาง
เมื่อเห็นแบบนี้มู่อี้ก็ก้าวถอยหลังออกไปเล็กน้อย ควันสีดำลอยขึ้นมาอย่างบิดเบี้ยวจากนั้นมันก็สลายไปในอากาศและภายในบ้านแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นทันที
"รีบเปิดหน้าต่าง เร็วเข้า" มู่อี้กลั้นหายใจและหันไปพูดกับซูหยิงหยิงที่เกือบจะสลบไปแล้ว
"ข้าทราบแล้ว" ซูหยิงหยิงรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีและรีบเดินไปเปิดหน้าต่างทีละบาน
เมื่อลมภายนอกเข้ามากลิ่นเหม็นที่อยู่ภายในบ้านก็เริ่มลดน้อยลงไป
"ท่านนักพรตสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" ซูจงซานจ้องมองไปที่มู่อี้ด้วยความกระวนกระวายใจและในสายตาของเขาแสดงความกลัวออกมาเล็กน้อย
มู่อี้เดินเข้าไปที่เตียงนอนอีกครั้งและมองไปยังร่างของหญิงชราที่นอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนว่ายันต์สะกดวิญญาณชิ้นนี้จะได้ผลกว่าที่เขาคิดเอาไว้และมันสามารถขับไล่วิญญาณที่ชั่วร้ายออกไปจากร่างของหญิงชราได้ในทันที แม้ว่าในตอนนี้ร่างกายของหญิงชราจะยังมีควันสีดำพัวพันเอาไว้อยู่แต่มันก็ไม่ได้มากมายเหมือนกับก่อนหน้านี้
ในตอนนี้วิญญาณที่ชั่วร้ายได้หายไปจากร่างของหญิงชราแล้ว สิ่งที่สังเกตเห็นได้ดีที่สุดก็คือลมหายใจของหญิงชราที่มีเสียงชัดเจนมากยิ่งขึ้น ใบหน้าของนางก็ไม่ได้ดำคล้ำเหมือนกับก่อนหน้านี้และเริ่มกลับมาเป็นปกติ
เมื่อได้เห็นสถานการณ์ในตอนนี้มู่อี้ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ยันต์สะกดวิญญาณและเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า โชคดีที่ยันต์สะกดวิญญาณได้ผลยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก
แต่ถ้าอยากให้หญิงชราฟื้นขึ้นมาต้องกำจัดความหมองคล้ำตำแหน่งสุดท้ายที่ระหว่างคิ้วของนางก่อน ซึ่งมันดูจะเป็นปัญหาเล็กน้อยเพราะเขาต้องใช้วิธีอื่นในการจัดการเรื่องนี้ หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือเขาต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
วิธีเดียวที่จะทำให้หญิงชราผู้นี้ตื่นขึ้นมานั่นก็คือสังหารวิญญาณร้ายที่ต้องการครอบครองร่างกายของนางให้สิ้นซาก
"โชคดีที่ดูเหมือนจะได้ผลขอรับ" มู่อี้ยิ้มให้ซูจงซาน