ตอนที่ 28
ตอนที่ 28
เมื่อผู้อัญเชิญเห็นว่า ร่างกายของซูฮยอนเริ่มกลับมาพร้อมสู้อีกครั้ง
มันจึงตัดสินใจชี้นิ้วสั่งมอนสเตอร์ออกไปทันที
“ไปฆ่าพวกมันซะ”
เมื่อเสียงคำสั่งของมันเงียบลง...
พวกมอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมาก็เริ่มเคลื่อนไหว
คมเขี้ยวและกงเล็บที่แหลมคม ต่างพุ่งตรงไปหาซูฮยอนและลีจุนโฮอย่างพร้อมกัน
มอนสเตอร์ทุกตัวมีความแข็งแกร่งคล้ายๆ กับ ลิซาร์ดคอมพ์
แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่แกร่งแข็งกว่า
ตู้ม
ในเวลานั่นเอง ดาบของซูฮยอนก็ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง
ยังไม่หมด รอบๆตัวของซูฮยอนยังเต็มไปด้วยทะเลเพลิงที่ร้อนแรง
เขาเคลื่อนไหวไปมาตามผนังถ้ำอย่างรวดเร็วจนตามองไม่ทัน
ผู้อัญเชิญเมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี
มันจึงหยิบไม้เท้าขึ้นมาเพื่อทำการป้องกัน
“มันหายไปไหนกัน”
โฮกกกกก
เมื่อมอนสเตอร์เห็นเหยื่อของมัน
พวกมันก็พากันวิ่งกรูกันไปในทางเดียวกัน
ผู้อัญเชิญมีหน้าที่แค่ควบคุมสติปัญญามอนสเตอร์เท่านั้น
มันไม่มีสิทธิ์ไปควบคุณสัญชาตญาณดิบเถื่อนของสเตอร์
เมื่อมอนสเตอร์พุ่งตรงไปหาซูฮยอน
ร่างกายของพวกมันก็ระเบิดตูม ก่อนจะกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อที่กระจัดกระจ่าย
ตามเนื้อตามตัวของมัน โดนเปลวเพลิงของซูฮยอนคลอกจนสามารถรับประทานได้
เมื่อมอนสเตอร์บางส่วนตายลง จนทางข้างหน้าโล่งโจ้ง
ซูฮยอนก็ใช้การเคลื่อนไหวแบบใหม่พุ่งตรงไปหาผู้อัญเชิญทันที
ผู้อัญเชิญตัดสินใจชูไม้เท้าขึ้นบนฟ้า
แล้วค่อยๆร่ายคาถาของมัน
ไม่นานพลังเวทย์แห่งความมืดที่ชั่วร้าย ก็พวยพุ่งออกมาจากไม้เท้าของมัน
ตูม
ดาบและไม้เท้าเข้ามาปะทะกัน
เปลวเพลิงสีแดงฉานเข้าปะทะกับเวทย์แห่งความมืด
เมื่อพลังทั้ง 2 มาเจอกัน มันก็เกิดปฏิกิริยาระเบิดขึ้น
ผู้อัญเชิญโดนแรงระเบิดจนกระเด็นติดผนังถ้ำ
มันพยายามพยุงตัวขึ้น ก่อนจะกระอักเลือดออกมา
เมื่อยืนได้อย่างมั่นคง ผู้อัญเชิญก็มองไปที่มือทั้ง 2 ข้างที่สั่นเทา
<<พลังอะไรกัน…>>
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นพลังของซูฮยอน
ด้วยความที่ซูฮยอนบีบอัดพลังเวทย์ลงไปในสกิลเป็นจำนวนมาก
มันทำให้ผลของสกิลที่ออกมา รุนแรงขึ้นหลายเท่า
แม้ว่าจะปะทะกันแค่ครั้งเดียว แต่ซูฮยอนก็รู้ได้เลยว่า....
<<พลังความมืดของมัน เป็นปรปักษ์กับพลังของฉัน>>
ณ. ตอนนี้ ผู้อัญเชิญเริ่มมีความหวาดเกรงขึ้น
การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของซูฮยอน มันก็น่าปวดหัวมากอยู่แล้ว
แถมตอนนี้ยังต้องมาเจอกับสกิลเวทย์ที่หักล้างกับพลังความมืดของมันอีก
เมื่อผู้อัญเชิญเห็นว่าซูฮยอนแกร่งแข็งกว่าที่มันคิด
มันจึงตัดสินใจชูไม้เท้าขึ้นไปบนฟ้าเพื่อใช้พลังเวทย์ของมันอีกครั้ง
ไม่นานพลังแห่งความมืดก็ทะลักออกมา
อากาศภายในดันเจี้ยนเริ่มเต็มไปด้วยกลิ่มเหม็นเน่า
พื้นดินที่เหยีบบอยู่ก็เริ่มเสื่อมสภาพ
จากเดิม...บรรยากาศโดยรอบมีแค่ความร้อนของเปลวเพลิง
แต่บัดนี้กลับมีพลังความมืดเข้าแทรกแซง
ใช้เวลาไม่นานพลังความมืดก็กะจ่ายไปทั่วดันเจี้ยน
ในที่สุดผู้อัญเชิญ ก็สามารถระบุตำแหน่งที่ตายตัวของซูฮยอนได้สักที
คาถาของมันที่ร่ายออก สามารถหาที่ซ่อนของซูฮยอนเจอในเวลาอันสั่น
ถึงแม้ผู้อัญเชิญจะร่ายคาถาดูเงอะงะ
แต่มันก็ได้ผล
เมื่อซูฮยอนมาเจอพลังเวทย์แห่งความมืด เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น
ซูฮยอนจ้องมองไปที่ไม้เท้า ซึ่งยอดของมันมีหินสีม่วงเรืองแสงอยู่
<<เป็นเพราะเจ้านั้นเหรอ?>>
ดูเหมือนพลังเวทย์ส่วนใหญ่จะถูกปล่อยออกมาจากหินก่อนนั้น
แค่มองแว็บเดียว ซูฮยอนก็รู้ได้ทันที่ว่ามันคืออะไร
<<หินอีเธอร์เกรดสูงสุด>>
ภายในหินอีเธอร์ทุกก้อน จะมีพลังเวทย์บรรจุอยู่ภายใน
ที่สำคัญหินอีเธอร์มันถูกค้นพบได้ในเฉพาะดันเจี้ยนเท่านั้น
ด้วยจำนวนที่น้อยนิดของมัน
ทำให้ราคาของหินอีเธอร์ แพงจนหูแทบขาด
ไอเทมหรืออุปกรณ์ที่ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ใช้ มันก็สร้างมาจากหินอีเธอร์เกือบทั้งหมด
<<ถ้าฉันปราบมันได้ ไม่แน่ฉันอาจจะได้อาวุธดีๆสักชิ้น>>
สถานการณ์ตอนนี้ของซูฮยอน ดูรับมือยากเล็กน้อย
แต่ซูฮยอนก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรมาก
เพราะซูฮยอนมั่นใจว่า เขาจะต้องเอาชนะ ผู้อัญเชิญได้แน่
ตูม...
ซูฮยอนระเบิดพลังเวทย์ของตัวเองออกมา จนพลังทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้ง
ซูฮยอนรีดพลังเวทย์จากร่างกายออกมาทั้งหมด
และปล่อยใส่ผู้อัญเชิญอย่างเต็มแรง
“อะไรกัน....”เสียงของผู้อัญเชิญเต็มไปด้วยความตกใจ
ผู้อัญเชิญเริ่มถอยหลังไปที่ละก้าวสองก้าว
พลังเวทย์แห่งความมืดที่มันภูมิใจ เริ่มถูกเปลวเพลิงของซูฮยอนกลืนกินไปที่ละนิด
ซูฮยอนทำให้เวทย์ปกคลุมตัวดาบอีกครั้ง
ก่อนที่เขาจะง้างดาบแล้วปักลงสู่พื้นดิน
ฉึก
ด้วยดาบที่แหลมคมและพลังเวทย์ที่ซูฮยอนปล่อยออกมา
มันทำให้พลังแห่งความมืดถูกคลื่นความร้อนของซูฮยอนกลืนกินไปจนหมด
ผู้อัญเชิญเมื่อเห็นว่ามีคลื่นพลังงานความร้อนพุ่งตรงมาหาตัวมัน
มันจึงตัดสินใจยกไม้เท้าที่ถืออยู่ มาบังการโจมตีของซูฮยอนทันที
“ปะ...เป็นไปไม่ได้….”
เมื่อการโจมตีผ่านไป รอยแตกเล็กๆก็ปรากฏขึ้นบนไม้เท้าของมัน
ผู้อัญเชินตอนนี้จิตใจเต็มไปด้วยความสับสน
เพราะมันคิดไม่ถึงว่า ไม้เท้าที่แกร่งแข็งของมันจะเกิดรอยแตกร้าวได้
“อย่างพึ่งได้ใจไป มันยังไม่จบ”
ดาบของซูฮยอนโจมตีออกไปอีกครั้ง
เมื่อผู้อัญเชิญเห็นว่าซูฮยอนกำลังจะโจมตีออกมาอีกครั้ง
มันจึงตัดสินใจยกไม้เท้าขึ้นแล้วร่ายคาถาเพื่อป้องกันร่างกาย
ไม่นานเกราะบางๆที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความมืดก็ปกคลุ่มร่างของผู้อัญเชิญ
<<ถ้าอยากทำลายเกราะป้องกันของมัน..>
เขาต้องเข้าประชิดตัวของมัน
หลังจากที่ซูฮยอนตัดสินใจได้แล้ว
เขาก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศอีก 2-3 ครั้ง เพื่อเพิ่มความเร็ว
ฟรึ่บ
ซูฮยอนใช้การเคลื่อนไหวแบบใหม่ แล้วพุ่งเข้าสู่สนามเวทย์ของมันทันที
เมื่อซูฮยอนเข้ามาในอาณาเขตของผู้อัญเชิญ
ร่างกายของเขาก็ปวดร้าวไปทั้งตัว
ไม่ใช่แค่นั้น เขายังได้กลิ่นเหม็นเน่าที่น่า สะอิดสะเอียนลอยฟุ้งอยู่เต็มอากาศ
ซูฮยอนเรียกเปลวเพลิงออกมาเพื่อปกป้องร่างกาย
เขากำดาบในมือแล้ว สะบัดไปทางผู้อัญเชิญซึ่งหลบอยู่หลังม่านกันบังของมัน
“ลาก่อน”
ฉึก
ดาบยาวของซูฮยอนแทงทะลุชุดคลุมที่มันสวนใส่
* * *
“เกือบไปเรา”
ลีจุนโฮชี้ดาบไปที่มอนสเตอร์และหันหลังเข้ากับกำแพง
โฮกกกกกกก
ตอนนี้เขาไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว
“ซวยเป็นบ้า นี้ฉันจะต้องมาตายที่นี่จริงๆเหรอ”
นี่เป็นครั้งแรกของลีจุนโฮที่ต้องมาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์มากมายขนาดนี้
ต้องขอบคุณสกิล สวิ๊ฟ ของเขา ที่ทำให้ลีจุนโฮมีชีวิตจนถึงตอนนี่
ถ้าไม่มีมัน เขาคงได้กลายเป็นอาหารของพวกมอนสเตอร์ไปนานแล้ว
<<ฉันฆ่าพวกมันไปได้ 10 กว่าตัวสินะ>>
ถึงแม้จะฆ่าไปเยอะแล้ว
แต่ก็ยังเหลือมอนสเตอร์อีกนับ 10 รอให้ลีจุนโฮไปจัดการอยู่
ตอนนี้สภาพร่างกายของลีจุนโฮเริ่มไม่ไหวแล้ว
ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น
สภาพจิตใจของเขาก็อ่อนล้าเช่นกัน
เหตุเพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์จำนวนมากด้วยตัวคนเดียว
เลยทำให้เขาต้องแบกรับความกดดันหนักเกินไป
ในตอนนั้นเอง มอนสเตอร์ที่เพ็งเล็งไปที่ลีจุนโฮก็มีอาการแปลกๆไป
‘หรือว่าที่ตรงนั่น จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?’
การต่อสู้ระหว่างซูฮยอนกับผู้อัญเชิญ เริ่มทำให้ลีจุนโฮไม่สบายใจ
<<ที่สำคัญการต่อสู้ของพวกเขาทั้ง 2 คน ลีจุนโฮไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้>>
เพราะพลังของพวกเขาทั้งรุนแรงเกินไป
แค่เข้าไปเหยียบอาณเขตแค่นิดเดียว ลีจุนโฮก็รู้สึกแสบผิวหนังแล้ว
ถ้าลีจุนโฮกระโจนเข้าไปช่วยซูฮยอน เขาก็เป็นได้แค่ตัวถ้วงเปล่าๆ
<<ไม่ใช่แค่นั้น>>
สกิลของพวกเขาทั้งสอง ยังมีอานุภาพที่รุนแรงมากๆ
แม้แต่ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A ยังยากเลยที่จะปล่อยสกิลที่รุนแรงแบบนั้นออกมา
ลีจุนโฮเชื่อว่าแม้แต่ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ A บางคน ยังมีฝีมือไม่ถึงครึ่งของซูฮยอนเลยด้วยซ้ำ
ลีจุนโฮสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วปล่อยออกมา
หลังจากถอนหายใจออกมา ภายในจิตใจของก็เริ่มสงบขึ้น
มานาของเขาที่เกือบจะหมด ก็เริ่มฟื้นฟูอย่างช้าๆ
ลีจุนโฮตอนนี้รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น
“เอาล่ะ”
หมับ
ลีจุนโฮจับดาบในมือด้วยสายตามุ่งมั่น
“ฉันควรลงมือต่อได้แล้ว”
บูม
ในตอนนั้นเอง ถ้ำดันเจี้ยนก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
พร้อมกับรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังเวทย์ ที่มีอานุภาพรุนแรงเข้าปะทะกัน
“อ๊ากก อะไรอีกวะเนี้ย”
* * *
ตูม
เมื่อเปลวเพลิงเข้าปะทะกับพลังแห่งความมืด
มันก็เกิดปฏิกิริยาระเบิดขึ้นอีกครั้ง
แรงระเบิดของมันทำให้ถ้ำสั่นสะเทือนไปทั้งหมด
พลังเวทย์ที่ปล่อยออกมาจากดาบของซูฮยอนเริ่มกัดกินร่างกายของผู้อัญเชิญอย่างช้าๆ
ฉึก
เมื่อปลายดาบของซูฮยอนทิ่มทะลุไปได้
เขาก็อัดพลังเวทย์ลงไปที่ดาบอีกจำนวนมาก
เปลวเพลิงสีแดงฉานเริ่มเผาไหม้เสื้อคลุมของมัน
ซ่า ซ่า
ปัง
ไม่นาน ผู้อัญเชิญก็เริ่มทนไม่ไหว มันล้มตัวลงกับพื้นถ้ำ พร้อมสภาพล่อนจ้อน
แม้หัวของมันจะถูกดาบซูฮยอนเจาะเป็นรูโบ๋
แต่มันก็ยังไม่ตาย มันพยายามเปิดปากพูด
“ข้า..จะ..สาปแช่ง..แก...”
“อ่อเหรอ..ไปสาปแช่งในนรกก็แล้วกัน”
เปรี๊ยะ
ซูฮยอนใช้เท้าเหยียบหัวกะโหลกของผู้อันเชิญจนแตกละเอียด
เมื่อกะโหลกของผู้อัญเชิญแตกออก
ลูกปัดเม็ดเล็กๆก็กลิ้งออกมาโดนขาของซูฮยอน
ซูฮยอนหันไปมองซากศพของมันแล้วกล่าว “หลับให้สบาย”
โฮกกกกกก
เมื่อผู้อัญเชิญเสียชีวิต มอนสเตอร์ที่โดนควบคุมก็เริ่มได้สติกลับคืนมา
“ถ้างั้น ต่อไปก็...”
ซูฮยอนหันหน้าไปมองลีจุนโฮที่มีสีหน้าอ่อนล้า
วุป วุป
เขารวบรวมพลังเฮีอกสุดท้ายลงไปในดาบแล้วกล่าว
“มาทำให้มันจบๆกับเถอะ จะได้กลับบ้านกัน”
* * *
“แฮ่ก แฮ่ก”
ลีจุนโฮนอนพักอยู่กับพื้น พร้อมกับร่างกายที่เหนื่อยล้า
ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงมากๆ
มันเหมือนกับว่า หัวใจดวงน้อยๆของลีจุนโฮอยากออกมาดูโลกภายนอกอย่างไงอย่างงั้น
“ร่างกายของฉันขยับต่อไม่ไหวแล้ว”
ด้านหลังของลีจุนโฮตอนนี้เปียกโชกไปด้วยเลือดของมอนสเตอร์
เขากล้าสาบานเลยว่า ตั้งแต่ที่เขากวาดล้างดันเจี้ยนมา
เขาไม่เคยเจอศึกหนักขนาดนี้มาก่อน
<<ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะรอดมาได้>>
เขาเคยเตรียมตัวเตรียมใจได้แล้วว่าเขาต้องตายที่ดันเจี้ยนแห่งนี้แน่ๆ
แต่เหมือนปาฏิหาริย์จะมีจริง
ทำให้ลีจุนโฮรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด
ไม่ใช้แค่นั้น
<<การต่อสู้ที่ผ่านมาของฉัน ก็จัดอยู่ในระดับที่ดีมากๆ>>
สายตาของลีจุนโฮแอบไปมองซูฮยอนเล็กน้อย
เมื่อลองดูจากภายนอก สภาพร่างกายของซูฮยอนยังดูดีกว่าลึจุนโฮหลายเท่านัก
มันจำให้ลีจุนโฮอายนิดๆ
พูดตามตรงลีจุนโฮไม่เคยเห็นซูฮยอนต่อสู้จริงจังเลยสักครั้งเดียว
เพราะทักษะของเขายังอ่อนเกินไป
ถ้าลีจุนโฮเข้าไปช่วย เขาคงได้ตายก่อนเป็นคนแรกๆ
เหตุที่สภาพร่างกายของซูฮยอนยังมีแรงเหลืออยู่
เป็นเพราะว่าเขาบริหารจัดการมานาในร่างกายได้เป็นอย่างดี
เลยทำให้ซูฮยอนมีกำลังเหนืออยู่นิดหน่อย
ถึงแม้จะมีแรงเหลืออยู่ แต่เนื่องจากคู่ต่อสู้ของเขามีแข็งแกร่งมากๆ
มันจึงทำให้ร่างกายของซูฮยอนเริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามมา
“พักสักหน่อยเถอะ”
ซูฮยอนบอกให้ลีจุนโฮนอนต่อ
เพราะผู้อัญเชิญได้ตายไปแล้ว ทำให้ดันเจี้ยนแห่งนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก
เมื่อไม่มีอะไรให้ลีจุนโฮต้องทำ เขาก็ค่อยหลับตาลงแล้วพักเอาแรง
แต่ให้เมื่อซูฮยอนมีแรงเหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย
ทำให้เขาต้องรับบทเป็นพระเอก เพื่อจบเรื่องราวทั้งหมด
[เหลือเวลาอีก : 00:01:45]
เวลามันเหลืออีกแค่นิดเดียว
ถ้าพวกเขาช้าไปแค่อีกก้าวเดียว พวกเขาคงไม่สามารถทำลายหินอัญเชิญได้ทันแน่ๆ
ตุบ
ซูฮยอนเดินไปหาหินอัญเชิญแล้ววางมือทาบลงไป
หลังจากการต่อสู้จบลง เจ้าหินอัญเชิญก็เกิดปริแตกเล็กน้อย
เมื่อซูฮยอนวางมือลงไปบนหินอัญเชิญเสร็จ
เขาก็อัดพลังเวทย์ลงไป
วิ้ง วิ้ง วิ้ง
คลื่นพลังเวทย์ที่รุนแรงเริ่มหลอมรวมกับหินอัญเชิญ
ใช้เวลาไม่นาน
ตูม
เมื่อมันไม่สามารถลองรับพลังเวทย์ของซูฮยอนได้อีกต่อไป
หินอัญเชิญก็เกิดรอยร้าวมากขึ้น จนในที่สุดมันก็แตกออกจากกัน
[คุณผ่านการทดสอบแล้ว]