ตอนที่ 10 ถึงฆาต
ตอนที่ 10 ถึงฆาต
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ลู่โจวได้หยุดพูดขึ้นมาก่อนที่จะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ถ้าหากลูกศิษย์เองช่วยทำภารกิจด้วย ผู้เป็นอาจารย์อย่างฉันก็จะได้แต้มบุญด้วยสินะ นี่มันก็สมเหตุสมผลดีใช่เล่น!
ภายในหนึ่งชั่วโมงหยวนเอ๋อได้จัดการกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ผู้กล้าหาญไปหลายสิบคน ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้จ้องมองไปที่เมนูอีกครั้ง
แต้มบุญในตอนนี้ของเขามีถึง 300 แต้มแล้ว
"เปิดร้านค้า"
"ซื้ออวตารระดับเบื้องต้นไท่จี๋"
"ติ้ง! คุณได้รับร่างอวตารฝึกหัดไท่จี๋"
ในตอนที่ตัวเขาได้พลังของร่างอวตารมา ตอนนั้นเองตัวเขารู้สึกราวกับว่าตัวเองนั้นกำลังอยู่บนน้ำพุที่กำลังไหลทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังที่เอ่อร้นออกมานั้นไหลไปทั่วร่างกายของเขา
พลังที่เอ่อล้นนี่มัน!
เขาได้ก้าวเข้าสู่ขั้นตอนในการฝึกฝนจากขั้นของทักษะการผ่อนคลายร่างกายไปเป็นการรู้แจ้งเห็นจริงแล้วนั่นเอง
ขั้นของการฝึกฝนทักษะการผ่อนคลายร่างกายนั้นจะเป็นการฝึกฝนเส้นเอ็น, กระดูก และผิวหนังเพียงเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นแล้วทักษะการผ่อนคลายไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพร่างกายด้านอื่นเลย แต่เมื่อคนคนนั้นกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไป ทักษะทั้งตัวของเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างทวีคูณ
"เท่านี้ฉันก็จะสามารถฝึกฝนขั้นต่อไปได้แล้ว" ลู่โจวรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเขา หลังจากนั้นไม่นานพลังทีเอ่อล้นภายในร่างกายของเขาก็หยุดลง
ชื่อ: ลู่โจว
เผ่าพันธุ์: มนุษย์
เคล็ดวิชาพื้นฐาน: ขั้นการรู้แจ้งเห็นจริง, การฝึกฝนหัวใจ
แต้มบุญ: 0
พลังชีวิต: 613 วัน
ของที่มี: การ์ดระเบิดจุดสุดยอด x2, การ์ดประกันชีวิต x5
…
อวตารขั้นต่อไปคืออวตารพลังสองร่าง การจะซื้อร่างอวตารนี้ได้จะต้องใช้แต้มบุญทั้งหมด 1,000 แต้ม นี่มันแพงชะมัด
ดูเหมือนว่าการจะฝึกฝนจนแข็งแกร่งได้เทียนเท่าจีเทียนเด๋าคงจะเป็นอะไรไม่ง่ายอีกต่อไป นอกจากนี้เองตัวเขายังไม่มีเคล็ดวิชาที่จะเอาไว้ฝึกฝนอีกด้วย
"ฉันควรจะฝึกฝนเคล็ดวิชาแบบเก่าดีไหมนะ?"
ภายในจิตใจของลู่โจว ตัวเขานั้นมีทั้งประสบการณ์ในการฝึกฝนเคล็ดวิชาทั้งหมดที่เคยเป็นของจีเทียนเด๋ามาก่อน นอกจากนี้เองเขายังรู้เคล็ดวิชาของลูกศิษย์ทั้งเก้าอีกด้วย นี่ถือว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับเขาก็ว่าได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็ยังมีทั้งเคล็ดวิชาที่เหมาะกับตัวเขารวมไปถึงเคล็ดวิชาที่ไม่เหมาะกับตัวเขาอยู่ด้วย
ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาของจีเทียนเด๋าเองจะหยุดอยู่เพียงแค่นั้น ตัวเขาไม่อาจที่จะฝึกฝนตัวเองต่อไปในร่างกายที่แก่ชราแบบนี้ ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นแล้วเขาจึงตั้งใจที่จะรักษาชีวิตของเขาไว้ก่อนก่อนที่จะมาหาเคล็ดวิชาฝึกฝนใหม่อีกครั้ง
การฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ไม่ดีไปก็มีแต่เปล่าประโยชน์เท่านั้น ดังนั้นการที่ไม่ตัดสินใจทำอะไรเลยอาจจะดีกว่าลู่โจวมากกว่า
จนถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าแต้มบุญของตัวเขาจะไม่เพิ่มขึ้นอีกต่อไป
"หยวนเอ๋อศิษย์คนนี้สามารถฝึกฝนจนถึงขั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอมากที่จะจัดการกับพวกเหล่าผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้"
"ฉันต้องหางานให้พวกเขาทำมากขึ้นสินะ" เนื่องจากพวกศิษย์สาวกทั้งหลายของลู่โจวทำให้ตัวเขาสามารถรับแต้มบุญเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นการใช้พวกเขาทำงานจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
ลู่โจวค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนที่จะยืดร่างกายของตัวเอง ในขณะที่กำลังก้าวออกจากประตูศาลา ทันใดนั้นเองก็มีเงาของอะไรบางอย่างพุ่งตรงมาหาเขา
"เอ๊ะ?"
เงาที่พุ่งมาหาตัวเขารวดเร็วดุจดั่งสายฟ้า มันทะลุหน้าต่างเข้ามาจากทางด้านทิศตะวันออกของศาลา ในมือของชายคนนั้นมีดาบสั้นเล่มหนึ่งอยู่ ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของลู่โจวเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าผู้ที่เขามาจะต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน นี่เป็นการโจมตีของยอดฝีมือนั่นเอง
มีพลังงานจำนวนมากไหลออกมาจากคมดาบ มันไหลเข้าสู่หัวใจของเขาโดยตรง
"นี่ฉันควรจะตะโกนขอความช่วยเหลือไหม?"
ฉึก!
ดาบเล่มนั้นได้แทงทะลุหน้าอกของลู่โจว แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดการ์ดประกันชีวิตก็ได้ถูกใช้งาน มันแตกสลายไปในทันที
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็เห็นแล้วว่าใครคืนคนร้าย
"เจ้ามันศิษย์ของสำนักดาบสวรรค์โจวจี้เฟิงสินะ?" ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างประหลาดใจ
โจวจี้เฟิงไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะถูกเปิดเผยตัวตนได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ ตอนนั้นเองเขาจึงลนลานจนรีบชักดาบกลับมาก่อนที่จะแทงดาบเข้าไปในตัวลู่โจวอีกครั้ง
"ตายซะ!"
ลู่โจวขมวดคิ้วของเขาเอง
ขั้นการฝึกฝนรู้แจ้งเห็นจริงคือขั้นที่ลู่โจวอยู่ในตอนนี้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็ช่างไร้ประโยชน์สำหรับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในโลกแห่งนี้ ไม่มีทางเลยที่ลู่โจวจะสามารถต้านทานการโจมตีจากโจวจี้เฟิงได้ เขาคนนี้ฝึกฝนจนถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วนั่นเอง
ตอนนี้ตัวเขาจึงเป็นเหมือนกับลูกไก่ในกำมือ เพียงออกแรงเบาๆ เท่านั้นตัวเขาก็จะตายไปไม่ต่างอะไรกับลูกไก่
เห็นได้ชัดว่าโจวจี้เฟิงคนนี้มาเพื่อแก้แค้นให้กับอาจารย์ของเขานั่นเอง เขาช่างกล้าจนบ้าบิ่นอะไรแบบนี้ เขาบ้าจนขนาดที่ไม่ได้สนใจชีวิตของตัวเองที่เหลืออยู่
เพล๊ง!
นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงอีกครั้งหนึ่ง
แต่ถึงแบบนั้นดาบที่โจมตีไปใส่ลู่โจวก็ถูกพลังแสนประหลาดป้องกันไว้ได้ โจวจี้เฟิงที่ถูกแรงกระแทกจากพลังป้องกันกระเด็นกลับถอยหลังไปในอากาศ แขนของเขารู้สึกชาจนไม่รู้สึกอะไร
นี่มัน...เป็นไปได้ยังไงกัน?
ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ากลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
โจวจี้เฟิงพยายามที่จะกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ดวงตาของเขาค่อยๆ เปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ ตัวเขาได้กระอักเลือดออกมาจากมุมปาก ดาบในมือของเขาสั่นเครือเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเขาไม่รู้เลยว่าจะควรโจมตีต่อไปดีไหม
"ไม่โจมตีต่อแล้วอย่างงั้นเรอะ?" ลู่โจวจ้องมองมาที่คู่ต่อสู้ของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งไฟดุจดั่งเปลวเพลิง
"..."
เรี่ยวแรงที่โจวจี้เฟิงเคยมีได้หายไปจากขาทั้งสองข้าง ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างพลังของพวกเขาทั้งสองคนนั้นมันต่างกันจนเกินไป ตอนนี้ตัวเขายอมแพ้ที่จะโจมตี
"เจ้าน่ะประเมินตัวเองสูงเกินไป!" ลู่โจวส่งเสียงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด "ใจเย็นๆ ไว้ตัวฉัน ฉันจะให้เขาเห็นความอ่อนแอที่มีในตัวไม่ได้เด็ดขาด"
"เจ้าฆ่าอาจารย์ของข้า...ข้าจะแก้แค้นให้กับท่านจารย์ เจ้าน่ะจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!" โจวจี้เฟิงพูดออกมาในขณะที่มือของเขากำลังกำดาบแน่น
"เจ้าน่ะเสียเวลาเปล่าแล้ว"
โจวจีเฟิงยังคงไม่ยอมแพ้ เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกับดาบเล่มเดิมของเขา ตัวเขาที่พุ่งตรงไปรวดเร็วราวกับลมวายุ ระดับพลังของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์นั้นเทียบไม่ได้เลยกับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วๆ ไป
ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้เอง...
"ท่านอาจารย์!"
มีแสงสีฟ้าพุ่งเข้ามาจากด้านนอกศาลา ตอนนั้นเองหัวใจของโจวจี้เฟิงก็ได้สั่นเครือ การเคลื่อนไหวของเขาเองก็ช้าลงไปมาก
เงาของใครบางคนที่เต็มไปด้วยแสงสีฟ้าได้ปล่อยพลังออกมาใส่โจวจี้เฟิงไป โจวจี้เฟิงที่ถูกพลังนั่นโจมตีเข้าไปเต็มๆ จึงกระอักเลือดลงมาก่อนที่จะล้มลงสู่พื้น
"เจ้ากล้าดียังไงกันมาลอบทำร้ายท่านอาจารย์แบบนี้! ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รักชีวิตแล้วสินะ?" หยวนเอ๋อที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วนั้นลอยลงสู่พื้น สีหน้าของเธอในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของเธอดูเหมือนกับพวกฆาตกรไม่มีผิด
"สงบสติไว้หยวนเอ๋อ!"
"ท่านอาจารย์ เขาลอบทำร้ายท่าน ให้ศิษย์หั่นมันเป็นชิ้นๆ เลยดีไหม..."
เมื่อโจวจี้เฟิงได้ยินแบบนั้นแล้ว สีหน้าของเขาก็ซีดเผือกยิ่งขึ้นไปอีก แน่นอนว่าศิษย์คนที่เก้าอย่างหยวนเอ๋อนั้นกล้าพอที่จะทำตามคำพูดอย่างไม่ต้องสงสัย
โจวจี้เฟิงเองก็พอจะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับศิษย์คนนี้มาอยู่บ้าง ตัวเขาในตอนนั้นไม่เชื่อข่าวลือไร้สาระพวกนี้เลย แต่ตอนนี้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ข่าวลือที่ตัวเขาเคยได้ยินนั้นมันเป็นความจริงไม่ผิดแน่ เขาได้เห็นมันกับตาตัวเอง แม้ว่าดูภายนอกแล้วสาวน้อยคนนี้จะตัวเล็กน่ารัก แต่แท้จริงแล้วเธอนั้นอันตรายเกินไป!
โจวจี้เฟิงรู้สึกเสียดายตัวเอง ตัวเขามาที่นี่เพื่อจะแก้แค้นให้กับท่านอาจารย์!
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ใช้โอกาสนั้นพยายามที่จะทรงตัวให้ได้ ตัวเขาได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะคิดอะไรบางอย่างกับตัวเอง "ร่างกายอันแก่ชรานี้มันช่างอ่อนแอจริงๆ"
ในตอนที่ตัวเขาอยู่ในร่างที่มีพลังสุดยอดอยู่ ตัวเขาไม่เคยสนใจคนอย่างโจวจี้เฟิงเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในเวลานี้เขาเกือบถูกฆ่าตายโดยชายคนนี้ซะแล้ว ถ้าหากลูกศิษย์ของเขาไม่มาได้ทันเวลา ดูเหมือนว่าการ์ดประกันชีวิตทั้ง 5 ใบจะต้องถูกใช้ไปหมดแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นแล้วตัวเขาคงจะต้องใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดอีกใบ
ลู่โจวไม่ได้แปลกใจกับการกระทำของโจวจี้เฟิงเลย ด้วยพลังในตัวเขาที่สามารถฝึกฝนจนถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ ตัวเขาจะต้องแอบขึ้นมาบนภูเขาทองลูกนี้ในตอนที่ม่านพลังป้องกันถูกซ่อมแซมอยู่ได้แน่ และตอนนี้เองศิษย์คนอื่นๆ ของเขาก็กำลังให้ความสนใจไปกับการซ่อมแซมม่านพลังอยู่ แต่ถึงแม้ว่าจะเคยคิดเอาไว้แต่ลู่โจวก็ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าพอที่จะบุกมาด้วยตัวคนเดียวแบบนี้
ดวงตาของเขาจ้องมองโจวจี้เฟิงที่อยู่บนพื้น
ชื่อ: โจวจี้เฟิง
เผ่าพันธ์: มนุษย์
วรยุทธ์พื้นฐาน: ขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับเบื้องต้น
สถานะ: เป็นศัตรู, ความเป็นศัตรู 85%
…
"ข้านะฆ่าอาจารย์เจ้าไป มันก็คงจะสมเหตุสมผลแล้วล่ะที่เจ้าจะมาแก้แค้นกับข้า แต่ถึงแบบนั้นเจ้าน่ะก็ประเมินพลังของตัวเองสูงจนเกินไป การบุกมาที่นี่ด้วยตัวคนนี้แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตายโง่ๆ ไม่มีประโยชน์เลยที่เจ้าทำแบบนี้"
ลู่โจวในตอนนั้นได้นั่งลงอย่างช้าๆ เขาพยายามค้นหาความทรงจำเกี่ยวที่เกี่ยวกับเจ้าหนูนี้ผ่านความทรงจำของจีเทียนเด๋า
"โจวจี้เฟิง เจ้าน่ะสามารถฝึกยุทธ์ได้ตั้งแต่อายุแปดขวบ, ตอนอายุเก้าขวบเจ้าก็ฝึกฝนจนถึงขั้นรู้แจ้งเห็นจริงได้, ในตอนที่อายุสิบสามเองเจ้าก็สามารถฝึกฝนจนไปถึงขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ได้, ส่วนในตอนที่อายุสิบแปดเจ้าก็ยังสามารถฝึกไปถึงขั้นมหาราชครูได้ และสุดท้ายเจ้าก็สามารถฝึกจนถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์นี่ได้ตั้งแต่อายุยี่สิบ เจ้าในตอนนี้น่ะถือว่าเป็นอัจฉริยะหายากก็ว่าได้ มีไม่กี่คนหรอกนะที่จะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยเพียงนี้ได้ เจ้าน่าจะฝึกฝนให้ตัวเองพร้อมกว่านี้ก่อนค่อยมาแก้แค้นให้กับอาจารย์ก็ยังไม่สาย ทำไมเจ้าจึงต้องคิดสั้นแบบนี้ด้วย?"
โจวจี้เฟิงรู้สึกเสียใจมาก
เขาเป็นอัจฉริยะที่รู้จักกันดีในสำนักดาบสวรรค์
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นจึงรับพูดแทรกขึ้นมา "ท่านอาจารย์เรียกเจ้านั่นว่าอัจฉริยะหายากอย่างงั้นหรอคะ? ในตอนที่ศิษย์อายุได้สิบขวบท่านอาจารย์ก็ยอมรับในตัวตนของศิษย์ และในตอนที่ศิษย์อายุได้สิบห้าปี ในตอนนั้นศิษย์ก็สามารถฝึกฝนจนถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้..."
"..."
เมื่อโจวจี้เฟิงได้ยินเช่นนั้น ความภาคภูมิใจในตัวเองทั้งหมดของเขาก็ได้หายไปไม่เหลือชิ้นดี
"เงียบซะ อย่ามาขัด!" ลู่โจวได้พูดขึ้นมาก่อนที่จะจ้องมองหยวนเอ๋ออย่างไม่สบอารมณ์
หยวนเอ๋อแลบลิ้นออกมาก่อนที่จะก้าวไปข้างๆ ตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้พูดต่อไป "โจวจี้เฟิง เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยังไม่ฆ่าเจ้า?"
"ตาเฒ่าวายร้ายอย่างแกไม่ต้องทำมาเป็นหน้าไหว้หลังหลอกหรอก ลงมือซะ! รีบฆ่าข้าสิ!" โจวจี้เฟิงพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ
ลู่โจวได้ส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้น "เจ้าคิดว่าลู่ฉางเฟิงนั่นเป็นลูกผู้ชายจริงๆ อย่างงั้นหรอ?"
"เจ้าหมายความว่าอะไรกัน?" โจวจี้เฟิงได้จ้องมองไปทางเขาอย่างสงสัย
"เจ้าเด็กเมื่อวานซืน! ในตอนที่เจ้าเพิ่งเกิด ในตอนนั้นข้าก็ได้พบกับลู่ฉางเฟิงแล้ว"
"เจ้าพยายามจะพูดอะไรกันแน่?"
"ถ้าหากข้าบอกว่าคนที่ฆ่าพ่อเจ้าคือลู่ฉางเฟิงล่ะ เจ้าจะว่ายังไง?"
"ติ้ง! ภารกิจลับ: ทำให้โจวจี้เฟิงเป็นผู้ทรยศซะ!"
"คำแนะนำ: ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทำมีผลต่อการเปิดเผยภารกิจลับ"
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย