บทที่ 36 สู้กับจิตใจด้านลบ
บทที่ 36 สู้กับจิตใจด้านลบ
เจียวเหม่ยรู้สึกเหลือเชื่อกับคำพูดของกุนไท่ นางมองกุนไท่อย่างแข็งค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อน จะรู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานที่ไร้ที่สิ้นสุดของอีกฝ่าย หากเป็นหญิงสาวผู้อื่นคงคิดว่ากุนไท่นั้นมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือความทะเยอทะยานของชายหนุ่มนั้นมันเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง
แต่สำหรับนางแล้วนั้นกุนไท่เป็นเพียงน้องชายที่น่าเอ็นดูเท่านั้น นางไม่ได้คิดอื่นไกลเลยแม้แต่น้อย นางก็เหมือนกับกุนไท่ที่คิดแต่เพียงว่าต้องการบ่มเพาะ เพื่อแสวงหาพลัง มิได้คิดเรื่องความรักใคร่ที่เป็นสิ่งก่อกวนต่อการบ่มเพาะเลยแม้แต่น้อย!
กุนไท่เดินนำเข้าในเส้นทางที่สาม ซึ่งเจียวเหม่ยไม่สามารถเข้าไปได้ มีเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติเท่านั้น แต่นางเองก็สามารถเข้าไปในเส้นทางอีกสองทางที่เหลือได้ เพราะแต่ละเส้นทางก็ได้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น นางกลับเลือกเส้นทางนรก! เส้นทางที่คนส่วนมากหลีกเลี่ยง
นางคิดว่าการบ่มเพาะต้องเต็มไปด้วยความยากลำบาก การเลือกเส้นทางที่ยากลำบากนั้นจะทำให้นางแข็งแกร่งขึ้น!
กุนไท่ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ว่างเปล่า ทุกอย่างรอบตัวของชายหนุ่มนั้นเป็นสีขาวโพลนทั้งหมด ไม่มีสิ่งใดเป็นจุดเด่นเป็นพิเศษ
“จิตใจของคนเราเป็นสิ่งที่น่ากลัวเสมอ เจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”
เสียงที่แหบแห้งดังขึ้นมา มันเป็นเสียงที่รังเกียจต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ เบื้องหน้าของกุนไท่มีร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏขึ้น ทั้งรูปร่างหน้าตาเหมือนกุนไท่ทุกส่วนเพียงแต่ตัวของมันนั้นมีสีขาวทั้งตัว มันแสยะยิ้มขึ้นก่อนจะกล่าวออกมาว่า
“ข้าคือตัวเจ้าอีกคน ข้าคือจิตใจของเจ้าที่อยู่ในด้านมืด เจ้าจะต้องเอาชนะข้าให้ได้ หากไม่แล้ว! ข้าจะกลายเป็นผู้ควบคุมกายหยาบนี้แทน!”
“ถ้าเช่นนั้นก็มาสู้กัน!”
กุนไท่กล่าวจบก็ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมา อีกฝ่ายก็เช่นกันทั้งคู่นั้นมีพลังเหมือนกัน และกลิ่นอายที่พิเศษแบบเดียวกัน
กุนไท่รวมกลิ่นอายก่อนจะสร้างพลังมายาขึ้นมา สัตว์อสูรที่ดูดุร้ายปรากฏขึ้นนับร้อยตัว แต่ละตัวนั้นมีระดับพลังอยู่ที่หลอมรวมพลังเป็นอย่างต่ำ เสียงคำรามมากมายดังระงมไปทั่ว ทำให้พื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้สั่นสะเทือน
กุนไท่ในร่างขาวก็ทำเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ฉากตรงหน้าก็กลายเป็นสงครามระหว่างสัตว์อสูรด้วยกัน เศษเนื้อ และซากศพแทบมีอยู่ทุกที่ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอย่างน่าสะอิดสะเอียน
วิชาระดับสามัญชนขั้นสูง โลกแห่งมายา!
ตอนนี้กลายเป็นวิชาขั้นสูงไปแล้ว ตอนที่กุนไท่ใช้กับหมิงเซียนตอนที่ประลองเมื่อครั้งนั้น มันยังคงเป็นแค่วิชาขั้นกลาง แต่ตอนนี้ระดับพลังบ่มเพาะของกุนไท่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ระดับของวิชาเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย!
ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ที่โลกอีกใบหนึ่ง แสงแดดที่แผดเผาอยู่นั้นทำให้คนธรรมดามอดไหม้ได้เลยทีเดียว
กุนไท่ยืนอย่างสง่าแล้วโบกมือคราหนึ่งปรากฏเปลวเพลิงสีแดงที่มีรูปร่างคล้ายนก มันพุ่งเข้าหากุนไท่ร่างขาวอย่างรวดเร็ว
หึ!
กุนไท่ร่างขาวแค่นเสียงผ่านลำคอออกมา พลางจับจ้องไปที่นกเปลวเพลิงตัวนั้น ก่อนจะใช้พลังมายาสร้างตัวปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกนกตัวนั้นให้ไปใส่ร่างปลอมของมัน
“ต่อไปตาข้าบ้าง!”
กุนไท่ร่างขาวคำรามอย่างเย็นชาก่อนจะใช่วิชาต่อสู้ออกมา
วิชาระดับสามัญชน ขั้นสูง! ดัชนีเก้ามายา!
พลันลำแสงดัชนีพุ่งออกไปเก้าสายทำให้อากาศรอบตัวสั่นไหว คลื่นพลังจากดัชนีนี้ทำให้เกิดคลื่นพลังที่ทำให้ดวงตาพลางมัวมองไม่ออกว่าดัชนีทั้งเก้าสายอยู่ไหน นี้คือที่มาของดัชนีเก้าสาย เป็นวิชาที่กุนไท่เก็บไว้เป็นไพ่ตาย ที่ยังไม่ได้ใช้กับใคร!
กุนไท่ก็ใช้ออกมาเช่นเดียวกัน ก่อนจะเกิดการปะทะขึ้น พลังมหาศาลกวาดผ่านไปในทุกแห่งหน ทำให้เกิดแรงลมระเบิดออกไป กุนไท่ตัวจริง และกุนไท่ร่างขาวกระเด็นออกมาทั้งคู่ ทำให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ
เพียงแต่กุนไท่ร่างสีขาวฟื้นได้เร็วกว่า มันใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น และมองดูแล้วมันกลับไม่เหน็ดเหนื่อยเลยจากการต่อสู้เลย ซึ่งแตกต่างจากกุนไท่ที่สูญเสียพลังปราณไปเป็นจำนวนมาก
ทันใดนั้นปรากฏขลุ่ยสีม่วงขึ้น มันคือขลุ่ยจักรพรรดิวิญญาณ กุนไท่เรียกอาวุธคู่กาย กุนไท่ร่างขาวก็เรียกออกมาเช่นเดียวกัน ก่อนจะเริ่มศึกบรรเลงบทเพลง!
เสียงเพลงที่ไพเราะเกิดการปะทะกัน มันแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล พร้อมกับกลิ่นอายพิเศษที่ระเบิดออกมา ทำให้พื้นที่ว่างเปล่าเริ่มที่จะมีรอยร้าวปริแตกออกมา
ตูมมม!
ในที่สุดพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้ก็ทนรับพลังไม่ไหว ที่ทนรับไม่ไหวไม่ใช่พลังปราณ แต่เป็นพลังของกลิ่นอายที่สูงส่ง และศักดิ์สิทธิ์ มันเหยียดหยามทุกสรรพชีวิตเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน
แน่นอนว่าด้วยระดับพลังของกุนไท่นั้นการจะทำลายพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้นั้นเป็นเรื่องเพ้อฝัน ต่อให้เป็นผู้เชียวชาญขอบเขตยอดฝีมือขั้นสูง ก็ไม่สามารถทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้!
“ปะ เป็นไปได้อย่างไรกัน! เจ้าเป็นใครกันแน่! กลิ่นอายนั่นเจ้าไม่ใช่มนุษย์!”
เสียงที่เก่าแก่นั้นดังขึ้น เพียงฟังดูในน้ำเสียงก็ทราบแล้วว่าเต็มไปด้วยความประหลาดใจปนสงสัย
เมื่อพื้นที่ว่างเปล่าพังสลายไป วิสัยทัศน์รอบตัวของกุนไท่ก็กลับมาปกติ มันเป็นถ้ำน้ำตกดั่งเดิม ส่วนกุนไท่ร่างขาวนั้น เมื่อพื้นที่ว่างเปล่าสลายไปมันก็สลายไปด้วยเช่นเดียวกัน
มีร่างโปร่งแสงอยู่ร่างหนึ่ง มีลักษณะเป็นชายชราร่างกายกำยำทั่วร่างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าภูผา ผมยาวสีขาวของชายชราผู้นั้นให้ความรู้สึกว่ามันเป็นสีผมที่มีกลิ่นอายโบราณ ชายชราผู้นี้เป็นเจ้าของเสียงนั้น
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ชายชรากล่าวราวกับจะมองทุกสิ่งทุกอย่างออก
“ข้าเห็นแล้ว เจ้ามีสายเลือดเทพเจ้าไหลเวียนอยู่! เป็นร่างกำเนิดของเทพเชื้อสายโบราณ! เจ้าไม่ใช่คนของโลกใบเล็กนี่? นี่คือโลกแห่งความฝัน มีเพียงผู้สร้าง หรือทายาทเท่านั้นถึงจะสามารถเข้ามาได้”
ชายชรากล่าวต่อ กุนไท่ถึงกับผวาไปที่อีกฝ่ายนั้นสามารถเห็นทุกอย่างในตัวเขาได้ แต่เขาสงสัยว่า สายเลือดเทพเจ้าคือสิ่งใด! แล้วร่างกำเนิดเทพคือ?
ชายชราเห็นความสงสัยในแววตาของชายหนุ่มก็เริ่มอธิบายออกมา
“เจ้าคงยังสงสัยว่าบิดา และมารดาเจ้าก็เป็นมนุษย์สินะ แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้มีสายเลือดเทพเจ้า! อาจเป็นเพราะบรรพบุรุษของเจ้าเป็นเทพเจ้า แล้วพอสืบต่อกันมาก็ทำให้พลังของสายเลือดอ่อนแอลงไปตามการสืบทอดสายเลือด และสายเลือดที่เริ่มอ่อนแอนั้นกลับได้รับการกระตุ้นก่อนที่มันจะหายไป เพราะมันกลัวว่าสายเลือดนี้จะหายไปตลอดกาล พอมาในรุ่นของเจ้าสายเลือดที่ใกล้จะจางหายไปกลับเข้มข้นขึ้น เพื่อไม่ให้สายเลือดนี้จางหายไปในที่สุด และสามารถสืบทอดไปในรุ่นลูกหลานของเจ้าต่อไปได้!”
กุนไท่ตกตะลึงจนพูดไม่ออกเขาใช้ความคิดเป็นอย่างมากในเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไป
“แล้วท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน อย่าบอกนะว่าท่านก็เป็นเทพเจ้า!”
กุนไท่ที่พึ่งฉุดคิดได้นั้นหันมามองชายชราด้วยความตกตะลึง