ตอนที่7 ยังไงดี
ตอนที่7ยังไงดี
นอนหลับไปแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวจนตื่นมาอีกทีในห้องทำงานของคุณยูโดยที่ตัวเองนั้นมีเสื้อนอกของเจ้าตัวคลุมทับไว้อยู่
“อ..อือ..หาววว”อ้าปากหาวเบาๆ พลางยันตัวลุกจากเตียงเพื่อจะออกไปหาเจ้าของเสื้อแต่สายตาก็ดันตวัดไปเจอเข้ากับอาหารที่วางไว้อยู่บนเคาท์เตอร์
“??” เอียงคอเล็กน้อยก่อนจะก้าวเท้าไปดู เห็นเพียงลายมือตวัดลวกๆ เขียนไว้กำกับ พร้อมกับยาที่วางไว้ข้างๆ รับถาดเอาอาหารมาไว้แล้วลงมือกินอย่างรีบร้อนพลางคิดในหัวไปต่างๆ นาๆ ว่าเมื่อคืนน่าจะเป็นอย่างที่คิดฉันดันเผลอลืมกินยาก่อนนอนซะได้
‘บางทียาอาจจะเอาไม่อยู่ก็ได้..’
สักพักใหญ่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอกพร้อมบานประตูที่ถูกแง้มออกเล็กน้อย
“ไหวรึเปล่า?..”น้ำเสียงเรียบๆ ถามขึ้นเบาๆ
“อ..อื้อดีขึ้นนิดหน่อยแล้วค่ะ..”
“อืม..งั้นก็ดี..กินเสร็จมาหาฉันที่โต๊ะ”
“ค่ะ..”
“ปึง..”
พร้อมด้วยบานประตูที่ถูกดึงดังปึง ทิ้งไว้แค่ฉันที่นั่งเงียบคนเดียวในห้องในสภาพที่ไม่ค่อยสู้ดีแต่ก็ฝืนยิ้มรับแต่งตัวให้เรียบร้อย เพื่อที่จะไปเจอกับเจ้านายหรือคุณยูนั่นเอง
“แอ๊ดดด..ขออนุญาตค่ะ..ปึง”
“อืม..”เจ้าตัวยังคงขานรับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนเดิมไม่ต่างจากเมื่อกี้
“ขออนุญาตนั่งลงนะคะ”
“เชิญ..”
หย่อนก้นนั่งลงด้วยอาการไม่สู้ดีแต่ก็ยอมทำกวาดสายตามองไปรอบๆ บนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยแฟ้มงานต่างๆ นาๆ จนฉันอดหวั่นใจไม่ได้ว่าเจ้าตัวทำแบบนี้คนเดียวมาตลอดหลายปีได้ยังไงด้วยตัวคนเดียวแบบนี้
“จะจ้องอีกนานไหม?”
“...ข..ขอโทษค่ะ”
“ปึงๆ..มานี่”
“เอ๊ะ??คะ??”
“ฉันบอกให้มานี่..”น้ำเสียงเรียบๆ เริ่มเข้มขึ้นนิดๆ ตามอารมณ์ของเจ้าตัวที่ออกคำสั่งแต่ฉันดันเหม่อลอยซะได้ ก่อนจะรีบลุกแล้วเดินไปดูแฟ้มงานอยู่ข้างๆ เจ้าตัวที่นั่งเก้าอี้หนัง
“รายละเอียดคร่าวๆ ที่จะต้องทำ..อย่างแรกเช็คข้อมูลการเงิน สองตรวจสอบเช็กสินค้าต่างๆ หรือแม้แต่แขกที่เข้าพัก..”
“อ..อึกค่ะ”
ระหว่างที่ยืนฟังรายละเอียดไปเรื่อยๆ ก็พึ่งรู้สึกแปลกๆ ที่แขนของตัวเองจนหันควับไปดูถึงเห็นว่าตอนนี้คุณยูกำลังกุมมือฉันเล่นอยู่ในขณะที่ทำหน้าขรึมบอกรายละเอียดจนฉันอดกลัวไม่ได้จนชักมือหนีแต่ว่าก็ถูกดึงไว้ด้วยแรงกระชากจนเสียหลักไถลลงบนเก้าอี้โดยมีคุณยูนั่งเงียบมองดู
“ป..ปล่อยนะคุณยู”
“เปลี่ยนคำเรียก..”
“??”ฉันเลิกคิ้วงงๆกับคำถามใหม่ที่ออกมาจากปากของคุณยู จะให้ฉันเรียกว่าอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่คุณยู
“จ..จะให้ฉันเรียกว่าอะไรล่ะคะ..ปล่อยนะ..”
“บอส..”
“??บอส??”
“เรียก..เพี๊ยะ”
“อิ๊..เจ็บนะคุณยู..อ๊ะๆๆเจ็บๆๆๆ”
“เพี๊ยะๆๆๆ”เสียงฝ่ามือที่กำลังกระทบเข้ากับก้นของฉันผ่านเนื้อกระโปรงดังสนั่นลั่นห้อง ส่วนฉันทำได้แค่ตีขาหนีไปมาอย่างเจ็บแสบ
“เจ็บบบบ..ปล่อยฉันนะ...คุณ..”
“เพี๊ยะ..”
“อือออ..เจ็บบบบ..งั่มมม”
“อื้อออออออ..เจ็บบบ”
ฉวยโอกาสกัดเข้าไปเต็มแรงที่ท่อนแขนขาวๆ นั่นที่กำลังรัดกุมข้อมือฉันไว้จนขยับไม่ได้ก็ต้องงัดไม้แข็งเข้าสู้ สะบัดหัวไปมาเหมือนหมาบ้ายื้อกระชากแขนของคุณยูที่ตอนนี้เหมือนจะมีเลือดซึมนิดๆ จนฉันต้องยอมอ้าปากคายด้วยความหงุดหงิดแถมตกใจ
“เจ็บ...”น้ำเสียงเย็นๆดุกับฉันอย่างไม่โกรธแค้นแต่ว่าฉันกำลังเสียท่าถูกคนเจ้าเล่ห์กว่าถอดกางเกงในไปโดยที่ฉันไม่รู้ตัว
“ฮึบ...”
“?”ฉันยืนงงด้วยท่าทีตงิดๆใจกว่าจะรู้ตัวก็ตอนใช้มือลูบต้นขาตัวเองแล้วพบว่าไม่มีกางเกงในอยู่
“คุณยู!!คืนกางเกงในฉันมานะ..คุณยู..”ชี้หน้าเถียงแว้ดๆ อย่างไม่กลัวตายใส่คนตรงหน้าที่ทำหน้าขรึมนิ่งๆ พร้อมสายตาคู่นั้นที่กำลังหรี่ลงอย่างพินิจ
“ครืนนน..”ไม่ช้าเก้าอี้หนังก็ถูกเลื่อนถอยไปพร้อมร่างของอสูรกายกำลังยืนตัวตรงก่อนจะทำการปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตตัวเองออกแล้วพับขึ้นประมาณครึ่งแขนโชว์ร่องรอยแผลที่ถูกฉันกัดเมื่อกี้จนเขียวช้ำแถมมีเลือดซิบๆ ออกเป็นรอยฟันด้วย
“อ...อึก”
“เจ็บ..แต่เธอ”
“เฮือก!!”สะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆก็ถูกเจ้าตัวกดเสียงต่ำเรียก ลอบกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ก่อนจะเบนหน้าหลบจากคนตรงหน้าที่ดูเหมือนกำลังเดินมาใกล้เรื่อยๆ จนตอนนี้ตัวฉันกำลังประชันกับปีศาจของแท้แน่เลย
“ลายหมีน้อย..”มีเพียงคำพูดสั้นๆที่ข้างหูก่อนจะผละออกไปทิ้งไว้แต่ฉันที่ยืนหน้าแดงก่ำกำมือแน่นจนตัวสั่นเทิ้มด้วยอาการโมโหสุดขีด
“ไอ้คนลามก!!!!”
“หึ..ฉันเนี่ยนะ??”ยูชี้หน้าตัวเองอย่างงๆกับท่าทีประหลาดๆ ของมัดหมี่ที่ทำหน้าตาฟึดฟัดใส่
“ค..คุณมันก็แค่ไอ้คนบ้าคนผีทะเล..”ฉันสรรหาคำด่าต่างๆนาๆมาด่าทอใส่คนตรงหน้าที่ยิ้มเรียบๆให้ยังกับมีไพ่เหนือกว่าในมือ
“ถ้าฉันเป็นคนลามกจริง..เมื่อคืนเธอคงไม่ร่อนแบบนั้นใส่ฉันทั้งคืนหรอกนะ..”
“....”เพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่ทำให้ฉันแทบลืมหายใจช็อกกับคนตรงหน้าที่เลิกคิ้วอย่างกวนๆ ให้ก่อนจะทิ้งตัวลงเก้าอี้นั่งกระดิกขาไปมาเหมือนตำรวจที่กำลังจี้เอาผิดกับคนร้ายซึ่งก็คือฉันที่ตอนนี้สติหลุดไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้เรื่อง
“จะว่ายังไงดีคุณเลขา..หึ”น้ำเสียงหัวเราะหึจากคนใจร้ายที่กำลังฉีกยิ้มแสยะให้อย่างเหนือชัย
“..ฉ..ฉันไม่รู้เรื่อง..คุณพูดบ้าอะไร..”
“แหม่ๆ...ไม่รู้เรื่อง??..คุณเป็นคนความจำสั้นรึไงหึ?”
“ฉ..ฉันไม่รู้...”
เหมือนกับว่าฉันจะจำไม่ได้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นรู้แต่ว่านอนเปลือยในห้องในสภาพเมาเละเทะพร้อมสายตาของคนอื่นๆที่มองดูเมื่อเช้านี้ก็ด้วย
“ครืนนน..ตึก..ตึก..หมับ”
“อื๋อ??”
ชั่วพริบตาตัวฉันถูกผลักล้มลงกับโซฟาโดยมีร่างของคนตัวสูงกำลังคร่อมไว้อยู่ ตั้งสติได้ก็เผลอระรัวกำปั้นทุบลงไปที่อกนุ่มๆของคุณยู
“ตุ๊บๆๆๆ...ตุ๊บ..”หลังจากที่กระหน่ำทุบไปแต่เหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากคร่อมฉันไว้เฉยๆ พร้อมสายตาที่เย็นชากำลังตวัดไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็นึกว่าเป็นพวกอีตัวหิวเงินซะอีก..ฟุ่บ”
ประโยคสั้นๆที่ชวนให้ฉันรู้สึกจุกที่อกได้ไม่ยากก่อนจะผละออกไปทิ้งไว้ให้ฉันนอนหมดท่าบนโซฟาเป็นอะไรที่เจ็บจิ๊ดๆ ข้างในแต่ทำไมคุณค่าของฉันในสายตาคุณยูถึงน่าขยะแขยงแบบนี้
“สองคำก็หิวเงินสามคำก็ว่าอีตัว..คุณเห็นฉันเป็นคนรึเปล่าคุณยู!”
“เหอะ..คนแบบเธอมีสิทธิ์อะไรมาร้องขอความเป็นธรรมกับฉัน..อ่อแล้วก็วันนี้เธอต้องไปที่ๆ หนึ่งกับฉันต่อให้เธอไม่อยากก็ตามที..”
มองดูคนตัวสูงเดินหายลับออกจากห้องไปทิ้งไว้แค่ฉันที่ยันตัวลุกจากโซฟาขึ้นมานั่ง
“ฮ..ฮึก..ฉันเป็น..อะไรไป...ฮืออออ”
ซบลงกับมือของตัวเองก่อนปล่อยโฮออกมาอย่างหมดความอดทนกับตัวเองและท่าทีที่แปลกไปของคุณยูที่ยังดีกับฉันเมื่อวานแต่เปลี่ยนไปแบบนี้จนฉันอดกลัวไม่ได้ว่าจะต้องถูกเลิกจ้างงานในไม่ช้าแน่ๆ
ไม่นานนักก็เลิกร้องไห้ก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาซะใหม่แต่ถึงยังงั้นก็ปิดหน้าตาตัวเองไม่ได้อยู่ดี ตาบวมปูดเป็นลูกมะกรูดแบบนี้น่ะนะ ตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อให้กำลังใจก่อนจะเปิดประตูออกก็ยังไม่เจอวี่แววของคนใจร้ายที่ต่อว่าฉันอยู่ในห้อง
“ไปไหนของเค้ากันอีกนะ..ฮึก..”
สะอื้นเบาๆ กับตัวเองก่อนจะกวาดตามองรอบๆ หากระเป๋าตัวเองที่เอามาเจอมันวางแหมะบนโต๊ะทำงานของคุณยู พร้อมกับซิปที่ถูกรูดเปิดออก
“ฮึก..ลามปามที่สุด..”บ่นอุบอิบกับตัวเองเบาๆก่อนจะทำการล้วงหามือถือตัวเองที่น่าจะอยู่ในนั้นแต่ก็ไม่อยู่จนฉันอดโมโหไม่ได้เทกระเป๋าลงกับพื้นแต่ก็ไม่เจออะไรใดๆ หรือแม้แต่กระเป๋าตังค์
“ฮึยยยย..ไอ้คนขี้ขโมย..”ทุบกำปั้นกับพื้นอย่างโมโห แต่ไม่ทันไรประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับคนใจร้ายที่มาในสภาพสวมเสื้อผ้าสบายตาคาบบุหรี่ในปาก
“ฟู่..เป็นบ้าอะไร??”
“คืนของฉันมานะ...”
“อ่อ..ขยะเปียกนี่เนี่ยนะ?”คุณยูชูมือถือกับกระเป๋าตังค์ของฉันในถุงพลาสติกเปียกน้ำให้ดู
“กริ๊ดดดด..คุณทำบ้าอะไรกับของๆฉัน!!”
“ฟู่..”คุณยูเอาแต่ยืนพ่นควันฉุยใส่ห้อง จนฉันต้องยกแขนมาปิดจมูกตัวเองไว้เพราะมันเหม็น
“หึ..ถ้าอยากได้ก็ทำตามที่ฉันบอก..ฟู่..กึดดด..”ยูกิทำได้เพียงจิ้มบุหรี่ตัวเองลงกับที่เขี่ยบุหรี่ด้วยอารมณ์หงุดหงิดหน่อยๆ เมื่อเห็นคนตรงหน้าทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกจนต้องทิ้งบุหรี่ของตัวเองซะได้
“ขอให้เป็นมะเร็งตายซะ!!”
“??..เธอพูดว่าอะไรนะ!?”
“ฉันขอให้คุณป่วยตายไวๆเพราะบุหรี่...อุ๊บ..อื้ออออ”
แป๊บเดียวเท่านั้นที่ฉันถูกคนตรงหน้าใช้มืออุดปากฉันก่อนจะกดลงกับพื้นด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กับฉันนี่สิตีขาพั่บๆ ไปมาจะขาดอากาศตายซะก่อน
“ถ้าฉันจะตายเธอก็ต้องตายด้วย..อุ๊ฟ..อื้อออ”
“อื้อออออออออ”
ริมฝีปากเย็นเฉียบบดลงมาที่ริมฝีปากล่างของฉันอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะใช้มือบีบคางฉันจนอ้าออก ปล่อยโอกาสให้คนใจร้ายสอดลิ้นเข้ามาซะได้ สัมผัสเย็นๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นบุหรี่ที่อยู่ในปากฉันทำให้ฉันมึนหัวได้ไม่ยากจนเผลอตัวขยุ้มเสื้อคนใจร้ายอย่างดิ้นรนก่อนจะได้รับอิสระหายใจเฮือกใหญ่พร้อมอากาศที่เข้าปอด
“เฮือก..ฮ่า..ฮ่า..”
“แผล่บ...รสจูบก็งั้นๆไม่เหมือนเมื่อคืนสักนิด..ชิ”
“0///0)...!?”
คนใจร้ายผละออกไปทิ้งไว้ก็เพียงรอยจูบเย็นๆ ที่ยังชาๆค้างติ่งอยู่บนริมฝีปากของฉันที่บวมเจ่อ
หัวใจเต้นถี่ระรัวราวกับมันจะฉีกทะลุเสื้อผ้าออกมาซะได้ ยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆ ออกไป วันนี้ทั้งวันฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนอนอืดแล้วก็เถียงฉอดๆ กับคุณยูไม่ตกฟากแม้จะถูกลงมือไม้ลงมือก็ตาม
(ตัวเองเป็นคนทำก่อนแท้ๆ)
หลังจากที่ปะทะคารมกันเสร็จฉันก็เก็บข้าวของตัวเองให้เรียบร้อย มองดูนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มือถือก็พังกระเป๋าก็เปียกน้ำ..ทำไงดีวะ..”บ่นงึมงัมกับตัวเองระหว่างยัดของที่เทลงพื้นใส่กระเป๋าคืน
“แอ๊ดดดด..เสร็จรึยัง..”
“เสร็จแล้วค่ะ..ชิ..กริ๊กกก..ฟึบ”
เอาแต่ใจออกคำสั่งไม่หยุดนี่เห็นฉันเป็นขี้ข้ารึไงเนี่ย
“เสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอก..ซะสิ”
“ค่าๆๆ..แปะๆ..แอ๊ดปึง”ปิดประตูใส่อัดหน้าคนใจร้ายที่สั่งซะฉันเป็นทหารฝึกหนักไปได้ คอยดูเถอะถ้าทำงานหาเงินจ่ายค้าหนี้เสร็จฉันจะออกไปจากที่นี่เร็วๆ ต่อให้จะใช้เวลาหลายปีก็เถอะชิ
แอ๊ด..ปึง..”คนใจร้ายออกจากห้องก่อนจะลงมือปิดประตูสาวเท้าไปขึ้นลิฟต์ทันที โดยไม่เอ่ยปากเรียกฉันสักคำ
“ติ๊ง..จะไปไม่ไป”
“ไปค่ะ..ตึกๆ ๆ ..”วิ่งเข้าลิฟต์ไปในทันที ลิฟต์ก็ไม่ได้แคบแต่ทำไมต้องมาเบียดฉันด้วยเนี่ยไอ้คนใจร้าย
“ออกไปหน่อยสิคุณ..ฉันอึดอัดนะจะเบียดฉันทำไหมเนี่ย”
“ใครเบียด..ไม่มีนี่”
เจ้าตัวพูดโกหกหน้าตายแถมยังเบียดตัวฉันเข้าไปใหญ่จนฉันทนไม่ไหวลอดแขนออกมาแต่ก็ถูกแขนยาวๆ เจ้าปัญหารวบไว้ไปกอดไม่ปล่อยซะงั้น
“อ๊ากกกกกกก..ปล่อยฉ้านนนคุณยู!!”
“อืม..”เพียงคำพูดสั้นๆ ที่แค่อืมคำเดียวเนี่ยนะ แต่ก็ไม่ปล่อยจนลิฟต์ลงถึงข้างล่างตัวฉันถูกคนใจร้ายผลักออกจากลิฟต์จนเซเกือบล้มหน้าทิ่มพื้นซะงั้น คนบ้าอะไรเนี่ยโรคกำเริบรึไง??
“ว๊าย..คุณยู!คุณทำบ้าอะไรของคุณอีกล่ะเนี่ยฉันเป็นเลขาคุณนะ”
“ไปรอที่รถ!..”เสียงแข็งตวาดกราวเล่นเอาฉันสะอึก แต่ก็ต้องยอมทำแต่โดยดีเดินไปที่รถคอตกแต่ก็เข้ารถไม่ได้เพราะไม่มีกุญแจ
“โธ่เว้ย!เป็นบ้าอะไรของเค้าอีกล่ะเนี่ยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอีกสักหน่อยฉันน่าจะถูกฆ่าตายแหง”
ราวๆ 5นาทีเจ้าตัวก็เดินมาที่รถพร้อมกับถุงอะไรสักอย่าง
“ปิ๊บๆ..แกร๊ก..ปึง”เจ้าตัวเข้ารถหน้าตาเฉยส่วนฉันก็เอาแต่ยืนเหวอเบาๆ แล้วลุกลี้ลุกลนเข้ารถตามเจ้าตัวไป
“ปึง”
“...”
ไม่มีคำพูดใดๆ ในตัวรถนอกจากเสียงถอนหายใจเบาๆ ของเจ้าตัว ไม่ช้ารถยนต์ก็เริ่มเคลื่อนที่ออกไปที่ไหนสักแห่งโดยที่ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป จะพิมพ์แชทบอกผัดก็ไม่ได้ว่ามือถือพังเฮ้อชีวิตหนอชีวิต
มองดูวิวนอกหน้าต่างก็ไม่ค่อยจะอะไรมากเพราะมันก็ค่ำแล้ว แค่ฟ้าสลัวๆ มีรถผ่านไปมาลมเย็นโชยเบาๆ ก้อนเมฆประปรายพอประมาณ เหมือนถ่ายMVซะงั้น
มองดูวิวที่ผ่านฉับๆ ตัดกับความเร็วของรถพร้อมลมเย็นๆ ที่พัดโชยปะทะหน้าอย่างจังจนเย็นวาบก่อนจะถูกดุจากคุณยูซะงั้น
“ครืดดดดด..หนาว”กระจกรถถูกกดเลื่อนขึ้นจนปิดหน้าต่างจนมิด ส่วนฉันทำได้แค่กอดอกทำหน้ามุ่ยใส่เจ้าตัวที่หัวเราะหึอย่างถูกใจที่แกล้งขัดคอฉันได้
“จะไปไหนกันคะ..บอส!” เน้นกระแทกคำตรงคำว่าบอสเพราะไม่อยากโดนทำโทษอีกเรื่องที่เรียกชื้อห้วนๆ ว่าคุณเหมือสนิทกันก็มิปาน
“ห้าง..”
“ซื้ออะไรเหรอคะบอส? ..”
“ของใช้...บรืนนนนนนนน”ประโยคตัดจบพร้อมความเร็วของรถที่เพิ่มขึ้นจนทะยานแซงรถหลายๆ คันไปลิบลิ่ว
ราวๆ 20นาทีก็ถึงห้างอะไรสักอย่างนี่แหละแต่รู้ว่าใหญ่ถ้ากะจากสายตาข้างนอกน่ะนะก็พอจะเห็นได้แหละว่ามันใหญ่
“บรืนนน..เอี๊ยด..พรึ่ม..แกร๊ก..แอ๊ดปึง!”
“??”ฉันทำหน้าเหวอเบาๆก่อนจะกุลีกุจอออกจากรถตามไปติดๆ ตอนนี้ก็ตัวล่อนจ้อนแหะไม่มีเงินสักบาทเลยมือถือก็พังไม่รู้ว่าไปทำพังตอนไหนรึว่าคนใจร้ายแอบเอาไปเขวี้ยงลงน้ำ
‘มันต้องมีเงื่อนงำมัดสัมผัสด้ายยยย’
เดินตามหลังคนตัวสูงต้อยๆ จนตอนนี้มาหยุดอยู่ร้านขายมือถือซะงั้น คนรวยนี่จะซื้ออะไรก็ไม่ต้องคิดเลยใช่ป่ะ (เบะปากใส่พร้อมมองแรงค่า)
“รุ่นไหนมาใหม่..”
“อ่อรุ่นนี้เลยค่าxxxสเปคแรงพร้อมกับความจุxxราคาเริ่มต้นที่5x,xxxรุ่นใหม่จากค่ายเลยค่ะ..”
“รุ่นนั้นล่ะ..”
“พึ่งออกมาได้ราวๆ 2อาทิตย์ค่ะกล้องสวยเหมาะสำหรับคุณผู้หญิงใช้ถ่ายภาพเลยค่ะมีหลายโหมดให้เลือก..หรือจะเน้นแบบพกพาสะดวกไม่เกะกะก็แนะนำตัวนี้ค่ะxxx”
“อืม..อยากได้รุ่นไหน”
“??”ใบ้กินค่ะเมื่อจู่ๆ คนที่ผีเข้ากำลังถามฉันเรื่องมือถือ สงสัยคงจะหักเงินทำงานฉันไปแหงๆ เอาไงดีไม่เอาได้ม๊ะ? ไม่อยากได้กลัวโดนหักเงิน
“คิดไรเยอะ..ฉันซื้อให้”
“!?”สตั๊นเลยค่ะ
“เรื่องมากจัง..เอารุ่นใหม่ที่สุดรับบัตรเครดิตไหม? ..”
“ค่ะ..เชิญด้านนี้เลยค่ะ..”
“ตามพนักงานไป..ฉันไม่มีเวลามากหรอกนะ”
“อ...อึก..ค่า”
ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามพนักงานร้านขายมือถือไป ด้วยหน้าตาที่ไม่รู้จะบรรยายยังไงดีก็เลยเออออห่อหมกไปด้วยเลือกสีได้ก็เอาสวยๆ สีไข่มุกทองๆ มลๆ หน่อยจะเรียกสียังไงดีล่ะดูไม่เป็น พอได้เครื่องเสร็จดีก็เดินออกมาหาบอสที่แสนดีที่กำลังนั่งอมยิ้มแก้มตุ่ยคนเดียวบนโซฟายาว จนฉันอดที่จะแกล้งไม่ได้เลยไอใส่จนเจ้าตัวผละจากหน้าจอมามองหน้าฉันแทนด้วยตาขวางซะงั้น
“เสร็จรึยัง..”
“นี่บัตรของบอสค่ะ..แล้วก็ขอบคุณค่ะที่ซื้อให้”
“อืม..ฟุ่บ..รีบเถอะมีหลายที่ ที่ต้องไป”
“ค่าๆ ..”
ก็แวะหลายร้านจนถึงร้านสุดท้ายร้านขายเสื้อผ้านี่แหละแต่ก็ไม่วายที่จะเบนสายตาไปดูชุดชั้นในแบรนด์ดังๆ ที่ออกมาแข่งกัน แถมแต่ละตัวก็สวยๆ นะนั่นเห็นแล้วก็อยากได้สักตัวสองตัว
‘รอเงินออกก่อนเถอะจะมาซื้อ..’
“อยากได้เหรอ? ..”
“ป..เปล่าค่ะแค่มองเฉยๆ ..”
“อืม..”
ไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามนอกจากเดินเลือกชุดที่ต้องใส่ทำงานเพราะโจทย์วันนี้คือ ซื้อชุดทำงานโดยมีบอสตัวเองนั่งจ้องเขม็งจนเสียวแผ่นหลังวาบๆ เลือกๆ ที่ใส่ได้จริงๆ ไม่เน้นหวือหวาก็ราวๆ 6-7ชุด พอถึงตอนจ่ายเงินนี่ปากค้างเพราะตัวเลขนี่แบบ ไม่ขอบอกนะเดี๋ยวโดนดุว่าถูกบอสสปอยยับ
“ฟุ่บ..”
“??อะไรคะเนี่ย..”
“รับไปเถอะ..แล้วไปกินข้าวได้แล้ว..นี่ก็3ทุ่มกว่าแล้ว”
“อึก...ค่ะ”
แอบโดนแต๊ะอั๋งนิดหน่อยตอนเดินออกจากร้าน เจ้าตัวแอบฉวยมือฉันไปจับก่อนจะเดินนำดุ่มๆ พาไปร้านอาหารปกตินี่แหละไม่ได้หวือหวาแบบในละครหรอกนะจะบอกให้
“ร้านอาหารจีน?? ..”
“อืม..อยากกินน่ะ”
“อ่อ..ค่ะ”
ไม่รู้จะพูดไรต่อแหละงั้นก็ไปกินกันเถอะฉันก็หิวเหมือนกัน ดูรวมๆ มันก็ไม่ได้อะไรนะก็ร้านอาหารไงจะอะไรล่ะ คุณยูเป็นคนเลือกที่นั่งเองโดยที่ไม่บอกฉันสักแอะ ฉันก็ไม่อะไรยักไหล่เบาๆ พร้อมนั่งลงข้างๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเซลฟี่ พบกับช่วงเห่อมือถือนำแสดงโดยฉันเองมัดหมี่เลขาของคุณยูกิ แลดูตอแหลเนาะทำไงได้ก็คนมันเห่ออ่าราคาแพงเอาเรื่องเล่นเอาซะคิดหนักตอนจ่ายเงิน (ไม่ใช่เงินตัวเองก็เถอะ)
“เอ่อ..เอาเอ่อ..หมาล่าชุดกลาง1ค่ะ..”
“อืม..เอาผัดเต้าหู้เสฉวน..ซีฟู้ดราดหมาล่า1ไม่ต้องเผ็ดมาก..”
“คิก..บอสกินเผ็ดไม่ได้เหรอคะเนี่ยอุ๊บ..ฮ่าๆๆ”
“น้ำ..เอาส้มปั่น..”
“เอาน้ำเปล่าค่ะ..มีนมไหม?คะเอานมปั่น1ค่ะ”
“รับข้าวเปล่าเพิ่มหรือของทานเล่นไหมคะ?”
“เอาค่า..ของทานเล่นคงไม่ดีกว่าค่ะ”
“ขอทวนรายการนะคะ...”
หลังจากพนักงานร้านจากไปฉันก็อ้าปากหาวหวอดๆ อีกแล้วง่วงชะมัด ต้องเตือนตัวเองว่าอย่าลืมกินยานะเนี่ย ขาก็เริ่มหายดีก็ไม่เจ็บไม่ปวดใดๆ แล้วล่ะ
“ขอตัวแป๊บนะ..ครืดด..ตึกๆๆ..”
“ค่า..ไหนดูสิว่ามีอะไรใหม่ๆให้เล่นบ้าง..แล้วซิมนี่ยังใช้งานได้ดีป่าวเนี่ย..เฮ้ออยากโทรหาผัดนะเนี่ยแต่ว่าก็ไม่ได้อยู่ไทยคงดึกแหงๆ”
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะคะ..”
“ค่ะ..”
หลังจากกินกันเสร็จแล้ว ใช้สำนวนถูกไหมเนี่ยทำไมกำกวมจังช่างมันเถอะๆ ตอนนี้ก็ได้เวลากลับบ้านแต่สิ่งที่ชวนให้ฉันตงิดใจหน่อยๆ ทำไมคุณยูถึงบ่นงึมงำคนเดียวสงสัยอาการกำเริบมั้ง
“มัด!”
“เฮือก..คะๆคุณบอส...”
“เรียกเหมือนเดิม..”
“อึก..ค่ะคุณยู..มีอะไรกับมัดเหรอคะ?”
“ระหว่างรสนี้กับรสนี้อันไหนที่เธอคิดว่ามันโอเคสุด..”คุณยูเปิดหน้าจอมือถือของตัวเองเป็นรูปกล่องถุงยางอนามัยสองกลิ่นเทียบกันให้ฉันดูขุ่นพระอกอีมัดจิแตกแอ๊ก
“เอาอะไรให้มัดดูคะเนี่ย..>//<)”
“ถุงยางไง..ช่วยเลือกหน่อย”
“อันนี้ค่ะอันนี้ๆ”ปิดตาแล้วเอามือจิ้มมั่วๆ แต่เหมือนว่าตอนนี้ฉันไม่ได้จิ้มหน้าจอมือถือแต่ดันไปจิ้มหน้าคุณยูแทนซะงั้น กว่าจะรู้ตัวก็ถูกคนใจร้ายงับนิ้วซะงั้น
“งั่ม...แผล่บ”
“เฮือก..คุณยูทำอะไรน่ะคะ”
“มีที่ไหนเอานี้มาเข้าปากคนอื่นแบบนี้..งั่ม”
“อ๊ะ..ย..อย่างับนิ้วมัด..อื้อ”
พยายามชักนิ้วดึงกลับแต่ก็ไม่วายถูกคนใจร้ายตะคุรบมือไว้ก่อนจะดูดกินเหมือนฉันเป็นไอติมเลย ถึงจะล้างมือมาแล้วก็เถอะแต่คุณยูจะทำแบบนี้ม่ายด้าย
“ฮ่า..พึ่งรู้ตัวเองนะว่าเป็นพวกชอบรังแกคนไม่มีทางสู้แบบเธอมัด..”คุณยูเอนตัวจากฝั่งคนขับก่อนจะก้มหน้ามากระซิบข้างหูของฉันแถมงับติ่งหูฉันด้วย ว้ายๆ ช่วยด้วยค่าขนอิฉันลุกพรึ่บทั้งตัวเลย
“ฟู่..ถ้าไม่ติดว่าเธอยังเจ็บอย่าหวังเลยว่าเธอจะรอด..ต่อให้เป็นบนรถฉันก็ไม่สน”
“0////0)...ต..แต่นี้มันที่สาธารณะนะคะ”
“ถ้าไม่สาธารณะเธอจะให้ทำสินะ..ฟู่”
‘กริ๊ดดดดดช่วยด้วยอิฉันจะถูกคนโรคจิตปล้ำบนรถเจ้าค่า’
อย่างที่บอกว่าฉันจะถูกปล้ำและมันก็เป็นจริงตอนนี้ฉันถูกคนใจร้ายดึงตัวมานั่งบนตักเป็นที่เรียบร้อย
“ปล่อยมัดนะ..คุณยู!!”
“หึ..ทีเมื่อคืนยังครางไม่หยุดเร้าๆขอแรงๆหน่อยสิคะแค่นี้ไม่เห็นจะสนุกเลย..พออีกวันตื่นมาก็ใสๆใส่เห็นฉันหน้าโง่ขนาดนั้นรึไง?”
“มัดไม่รู้คุณพูดบ้าอะไร..ปล่อยมัดเถอะค่ะมัดง่วงแล้ว”
“นอนไปสิ..พอถึงบ้านฉันจะปลุกเองรึจะปล่อยทิ้งไว้ในรถดีล่ะ”สายตาเจ้าเล่ห์แพรวพรายเป็นประกายจนฉันอยากจะจกลูกตาสีเขียวๆ นี้ให้แตกซะเหลือเกิน
“ก..ก็ได้ค่ะ..หาววววว..”พูดไม่ทันจบก็อ้าปากหาวหวอดๆก่อนจะทิ้งหัวลงบนบ่ากว้างๆ
“แค่นี้ก็จบ...”
ฉันไม่เข้าใจอารมณ์ที่เหมือนผีเข้าผีออกแบบนี้เลย อยากจะเป็นพายุรึไงเดี๋ยวแรงเดี๋ยวเบาว่างๆ น่าจะพาคุณยูไปขังที่โรงบาลให้หมอเช็คสมองซะหน่อย
“หาวววว..อือ..”ตอนนี้ตาเริ่มปิดๆเพราะแอร์เย็นบวกกับกลิ่นหอมๆเย็นๆ ของคุณยูที่น่าจะเป็นยานอนหลับที่ดีนะเนี่ยกล่อมซะฉันจะหลับเลยตอนนี้
“พอไม่ดื้อก็น่ารักดีนี่..”
“หือ..หาววว”
‘คุณยูบ่นอะไรอ่าฟังไม่รู้เรื่อง...’
“ฟึบๆ..หลับไปซะยัยเลขาปากมาก..”
“อืออ..คุณยู..งึมๆ”
รู้แต่ว่าตอนนี้คุณยูลูบหลังอยู่สบายดีจังช้อบชอบคุณยูขา
ตอนนี้ยูกิไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ นอกจากลูบหลังของมัดหมี่เบาๆ จนเจ้าตัวผล็อยหลับไปบนไหล่ของตัวเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะจัดการขับรถกลับบ้านโดยมีร่างของมัดหมี่ที่นอนซบแหมะบนตัวเอง โชคดีของมัดที่ดันตัวเล็กแล้วก็เตี้ย!! ไม่สิแคระสินะก็เลยไม่มีผลกับการบังทางขับรถของยูกิแถมยังเป็นผ้าห่มรับลมหนาวจากแอร์แทนเธอด้วยซะอีก
“อย่างน้อยๆก็ไม่หนาว..หึ”
นี่คือแผนจริงๆของยูกิตั้งใจจะเปิดแอร์แรงๆ แล้วแกล้งให้อีกคนป่วยจะได้ไม่ต้องมาทำงานเพราะว่าตอนนี้เธอมีบางอย่างที่ไม่อยากให้เลขาจอมจุ้นตัวเองมาสอดแนม
“หาวววว..ชักง่วงเหมือนกันนะเนี่ย...ขอให้เป็นหวัดเป็นไข้อะไรก็เถอะจะได้ไม่ต้องไปแหกปากที่ทำงานของฉัน..มัดหมี่”
ยูกิบ่นกับตัวเองยาวเป็นพรืดก่อนจะเร่งความเร็วเครื่องยนต์ขึ้นจนแล่นฉิ่วไปบนถนน