ตอนที่ 9 มอบหมายงาน
ตอนที่ 9 มอบหมายงาน
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
หลังจากที่จ้องมองไปที่ของทั้งหมดที่มีอยู่ในร้านค้า ลู่โจวก็แทบที่จะรู้สึกเป็นลม
เขาไม่สามารถซื้อได้เลยแม้แต่ร่างอวตารที่มีขนาดเล็กและมีราคาที่ถูกที่สุด อะไรกัน ของพวกนี้มันไม่แพงเกินไปหน่อยอย่างงั้นหรอ
แม้ว่าพลังร่างอวตารจะเป็นหนึ่งในวิชาอันทรงพลังสูงสุดของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ แต่เพราะพลังนี้เองจึงทำให้พวกเหล่าฝึกยุทธ์ไม่สามารถพัฒนาไปไหน พวกผู้ฝึกยุทธ์มากมายหลายคนต่างก็ติดอยู่ในดินแดนแห่งนี้ไปตลอดชั่วชีวิต ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะพัฒนาระดับร่างอวตารของตัวเองได้นั่นเอง
"แล้วไอที่ไม่แสดงราคาหมายความว่ายังไงกัน?" ลู่โจวบ่นออกมาอย่างสงสัย
สุดยอดอวตารแห่งพลังนั้นเป็นร่างอวตารที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น ในโลกของเหล่าชาวยุทธ์ตอนนี้ แม้แต่ปรมาจารย์มหาวายร้ายอย่างจีเทียนเด๋าเองก็สามารถใช้พลังร่างอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีได้เพียงเท่านั้น
ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาฝึกฝนตัวเองมากว่าพันปี เขาคนนี้ก็ยังไม่สามารถใช้ร่างอวตารดอกบัวทั้งเก้าแห่งร้อยวิถีได้ และแน่นอนว่าตัวเขายังห่างไกลที่จะใช้พลังร่างอวตารยูไลพันมือ
"เอาล่ะ ฉันไม่ควรที่จะคิดไปไกลเกินเอื้อมสินะ...ฉันจะต้องปรับวิธีคิดซะก่อน"
เนื่องจากเคล็ดวิชาติดตัวอย่างทักษะการผ่อนคลายขั้นที่ 9 ที่เขามีทำให้ตอนนี้ร่างกายของลู่โจวไม่อาจที่จะใช้ที่ทรงพลังแบบนั้นได้ และเพราะพลังนั้นเองทำให้ความคิดของเขาอ่อนแอลงอีกด้วย เขาคงไม่สามารถหวังอะไรได้อีกต่อไปอีกแล้ว
"งั้นก็คงจะต้องจับฉลากนำโชคสินะ" ลู่โจวมีหวังอีกครั้ง
"ติ้ง! การจับฉลากนำโชคเริ่มต้น ณ บัดนี้"
"ติ้ง! คุณใช้แต้มบุญไป 50 แต้ม คุณได้รับการ์ดพลังชีวิต"
"คุณต้องการที่จะจับฉลากนำโชคต่อไปไหม?"
"โอ้? อัตราที่จะได้ของเยอะขนาดนั้นเลยอย่างงั้นหรอ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ขอบคุณนะแต่ฉันเอาไว้จับฉลากโอกาสหน้าดีกว่า" ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ตอนนี้ฉันมีแต้มบุญเหลือ 150 แต้ม...มันคงจะดีกว่านะถ้าหากฉันเก็บแต้มที่เหลือเอาไว้ซื้อร่างอวตารสำหรับการฝึกฝนแทน "
ตามการฝึกฝนของคนปกติทั่วไป เขาจะต้องฝึกฝนจนกว่าจะทะลุขีดจำกัดของเคล็ดวิชาทักษะการผ่อนคลายขั้นที่ 9 ให้ได้ซะก่อน และเมื่อตัวเขาทำแบบนั้นได้ตัวเขาก็จะเข้าสู่การฝึกฝนในช่วงของการรู้แจ้งเห็นจริง ก่อนที่เขาจะเชี่ยวชาญถึงระดับนั้นได้ตัวเขาจะต้องใช้พลังร่างอวตารระดับพื้นฐานให้ได้ซะก่อน
แต่เนื่องจากลู่โจวสามารถซื้อพลังร่างอวตารมาจากระบบได้ และเพราะแบบนั้นแล้วเขาจึงไม่ต้องฝึกฝนจนทะลุขีดจำกัดอีกต่อไป
"แสดงภารกิจที"
"ภารกิจหลัก: สั่งสอนเหล่าวายร้าย ผู้ที่เปรียบได้ทั้งอาจารย์และพ่อผู้ให้ชีวิตมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้ที่กล้าแม้แต่จะทรยศอาจารย์มันไม่ต่างอะไรจากพวกหมูพวกหมาหรอก เพราะแบบนั้นแล้วจงสั่งสอนให้เหล่าสาวกจงรักภักดีให้ได้"
"ภารกิจรอง #1: เพิ่มค่าความจงรักภักดีให้กับหยวนเอ๋อ, เสร็จสิ้น"
"ภารกิจรอง #2: ลงโทษศิษย์ไม่รักดีทั้ง 3, เสร็จสิ้น"
"ภารกิจรอง #3: สั่งสอนซู่ฮ่องกง, กำลังดำเนินการ..."
"ภารกิจรอง #4: ความชั่วร้ายจะต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้น จงเปลี่ยนเปลงสถานการณ์ซะ, กำลังดำเนินการ...."
เมื่อเห็นหน้าต่างภารกิจของตัวเขารีเฟรชไป ลู่โจวก็ถอนหายใจออกมา
"การทำให้ศิษย์คนที่แปดเชื่อฟัง นั่นหมายความว่าเขาจะต้องหาศิษย์คนนั้นให้พบ และด้วยระดับวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้การไปหาศิษย์คนที่แปดก็ไม่ต่างอะไรกับการขุดหลุมฝังตัวเอง" ลู่โจวพูดกับตัวเอง "ฉันจะต้องคิดทุกอย่างให้รอบครอบกว่านี้ จะทำอะไรผลีผลามไม่ได้เด็ดขาด"
ตอนนี้ตัวเขานึกย้อนไปหาศิษย์มหาวายร้ายทั้งสามคนของเขา แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะถูกลงโทษอยู่ แต่ถ้าหากลู่โจวยังอยู่ใกล้กับพวกเขามากจนเกินไป ยังไงความจริงก็จะต้องถูกเปิดเผยในไม่ช้าอย่างแน่นอน
มีเพียงหยวนเอ๋อเท่านั้นที่สามารถไว้ใจได้มากที่สุด
การฝึกยุทธ์พื้นฐานของเธอทั้งหมดมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และนอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่มีความจงรักภักดีกับเขาสูงมากที่สุดด้วย และนอกจากนี้เธอยังเป็นศิษย์คนสุดท้อง ดังนั้นเธอจึงเหมาะที่จะศิษย์ที่จะคอยมาอยู่เคียงข้างกายของเขามากที่สุด และเธอยังรับฟังคำสอนของลู่โจวโดยง่ายอีกด้วย ถ้าหากให้เธอมาอยู่ข้างกายนอกจากจะได้ผู้ช่วยแล้วเธอยังอาจจะกลายเป็นคนดีได้ นี่จึงเป็นเหมือนกับการยิงปืนครั้งเดียวได้นกถึงสองตัว
เมื่อเขาคิดแบบนั้นได้ ลู่โจวก็ค่อยๆ ลึกขึ้นก่อนที่จะกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
"ตอนนี้ฉันยังมีการ์ดพลังชีวิตอยู่ ฉันจะต้องหาทางใช้การ์ดนี้ก่อนให้ได้"
ศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นที่อยู่อาศัยของจีเทียนเด๋ารวมไปถึงศิษย์สาวกทั้งหมดที่อยู่ในภูเขาทองนั่นเอง มันตั้งอยู่ที่ส่วนบนสุดของยอดเขา มันเป็นสถานที่ที่แสนเงียบสงบ
...
สามวันต่อมาที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มสันเขาพยัคฆ์...
"หน่วยสอดแนมเป็นยังไงบ้าง?"
"ข้าได้ส่งคนไปที่ภูเขาทองด้วยรถม้าบินแล้ว ดูเหมือนว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่นั่นจะรุนแรงเกินไป แม้แต่คนของพวกเราเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ แต่...ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง เขาเห็นพลังร่างอวตารกับตาของตัวเอง"
"พลังร่างอวตารอย่างงั้นหรอ? พลังแบบไหนกัน?"
"ร่างอวตารที่มีความสูงกว่าหนึ่งร้อยฟุต มีความกว้างมากกว่ายี่สิบฟุต ที่รอบร่างอวตารมีดอกบัวสีทองส่องสว่าง ตรงนั้นเองมันมีดอกบัวกว่า 8 กลีบด้วยกัน!"
ฟรึบ!
ซู่ฮ่องกงได้ตกลงมาจากบัลลังก์ของเขา สีหน้าของเขาในตอนแรกที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและพลังบัดนี้มันได้หายไปหมดแล้ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ขาของชายคนนี้กำลังสั่นไม่หยุด
ถ้าจะมีใครสักคนที่มีร่างอวตารสูงกว่าหนึ่งร้อยฟุตอยู่ใกล้กับภูเขาทอง คงจะมีเพียงคนเดียวนั่นก็คืออาจารย์ของเขานั่นเอง หลังจากใช้พลังอวตารดอกบัวแห่งร้อยวิถีได้ ความสูงของร่างอวตารจะสูงมากขึ้นถึงยี่สิบฟุตหากสามารถเพิ่มกลีบดอกบัวดอกหนึ่งขึ้นมาได้
ซู่ฮ่องกงยังคงตัวสั่นไปทั้งตัว "นี่ถ้าหากเป็นท่านอาจารย์...ข้าจะต้องทำยังไง...ข้าจะต้องทำยังไงกัน..."
ภายในศาลาปีศาจลอยฟ้า...
ลู่โจวได้ใช้การ์ดพลังชีวิตอีกครั้ง พลังชีวิตของเขาเพิ่มมาถึง 613 วันแล้ว หลังจากนี้เขาคงจะมีเวลาพักผ่อนมากยิ่งขึ้น แน่นอนยิ่งมีพลังชีวิตเหลือมากเท่าไหร่ก็เป็นประโยชน์กับลู่โจวมากขึ้นเท่านั้น
"การ์ดใบนี้ให้พลังชีวิตเพียงแค่ 300 วันเท่านั้น มันไม่เห็นจะเหมือนกับการ์ดใบแรกที่ได้ใช้เลย" ลู่โจวพึมพำกับตัวเองอยู่
ตอนนี้รูปลักษณ์ภายนอกของลู่โจวได้กลับมาดูเด็กมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงแบบนั้นมันก็เป็นเพียงแค่รูปลักษณ์ของเขาเท่านั้น นอกจากเส้นผมที่ดูดกดำขึ้นร่างกายของเขาก็กลับมาดูมีพลังมากกว่าเดิม มีเพียงแค่นั้นที่เปลี่ยนไปจริงๆ
"ตอนนี้ฉันเหลือแต้มบุญเพียง 150 แต้ม...น้อยอะไรขนาดนี้กัน!"
ลู่โจวไม่ได้วางแผนที่จะฝึกฝนวรยุทธ์ทั้งหมดใหม่ตั้งแต่ต้น รวมไปถึงตัวเขาก็คงจะไม่มีอะไรสอนให้กับเหล่าศิษย์ทั้งหลายอีกด้วย ตอนนี้ตัวเขาต้องการที่จะแลกวรยุทธ์ทั้งหมดมาจากร้านค้าเท่านั้น
เขาไม่อยากที่จะทำผิดแบบจีเทียนเด๋าอีกต่อไป
การที่จะตัดสินเรื่องของความดีและความชั่วนั้นจะฟังเสียงจากผู้อื่นไม่ได้ นี่เป็นเหมือนกับนิสัยของจีเทียนเด๋า ดังนั้นเขาจะต้องรักษานิสัยอันนี้เอาไว้ให้ได้ แม้ว่าเหล่าสาวกศิษย์ทั้งหลายจะต้องการทรยศตัวเขามากแค่ไหน แต่เคล็ดวิชาทั้งหลายรวมไปถึงประโยชน์ต่างๆ ต่างก็อยู่กับลู่โจวคนนี้ทั้งหมดแล้ว และด้วยของพวกนี้จึงทำให้ลู่โจวไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลูกศิษย์ของเขาฆ่าในเร็วๆ นี้
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอกของประตู
"ท่านอาจารย์ ศิษย์หยวนเอ๋ออยากจะขอพบท่าน"
"เข้ามาสิ!"
หยวนเอ๋อตัวน้อยได้เปิดประตูเข้ามาก่อนที่จะก้าวเท้ามาทีละน้อย เมื่อเธอเห็นอาจารย์ของเธอกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น เธอก็หัวเราะออกมาอย่างเบาๆ ก่อนที่จะพูดขึ้นมา "ท่านอาจารย์ ท่านดูเด็กลงอีกแล้วนะคะ"
"พูดได้ดีนิ" ลู่โจวยกมือขึ้นก่อนที่จะเคาะไปที่หัวของเธอเบาๆ
"ท่านอาจารย์ ท่านนี่สุดยอดจริงๆ เลยนะคะ!"
"ข้าอย่างงั้นหรอ?"
"ท่านอาจารย์เป็นเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ที่สามารถขับไล่เหล่ายอดฝีมือทั้งสิบกลับไปได้ด้วยตัวคนเดียว" หยวนเอ๋อพูดชื่นชมอาจารย์คนนี้ออกมาจากใจจริง
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นไม่ได้พูดอะไรออกไป ที่ตัวเขาสามารถทำเรื่องทั้งหมดได้เป็นเพราะของพิเศษต่างหาก แน่นอนว่าตัวเขาไม่มีหน้าที่จะพูดถึง
ตอนนั้นเองหยวนเอ๋อกระพริบตาดวงโตของเธอก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง "ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์เคยบอกกับศิษย์มาก่อนว่าให้พวกเราสามารถจัดการกับใครก็ได้ตราบใดที่พวกเรานั้นแข็งแกร่งมากพอ แต่ทำไมท่านอาจารย์ถึงจะยังไว้ชีวิตศิษย์พี่ทั้งสามด้วยล่ะคะ?"
"..."
ตอนนั้นเองสายตาของลู่โจวก็จับจ้องไปที่หยวนเอ๋อ เขาไม่คาดคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะมีความคิดที่อันตรายถึงขนาดนี้
"หยวนเอ๋อ"
"คะ? ท่านอาจารย์"
"เจ้าน่ะจะต้องลืมความจริงทั้งหมดรวมไปถึงคำพูดก่อนหน้านี้ซะนะ..."
"ท่านอาจารย์ ศิษย์จะทำตามค่ะ!"
ลู่โจวสังเกตเห็นใบหน้าของศิษย์คนนี้เต็มไปด้วยความลังเล ตอนนั้นเองเขาจึงส่ายหัวของตัวเองก่อนจะพูดออกมา "เจ้าน่ะก็แค่ถามในสิ่งที่เจ้าน่ะสงสัย...ข้านะตำหนิเจ้าไม่ได้หรอกนะ"
"ท่านอาจารย์เคยสัญญาเรื่องหนึ่งกับศิษย์เอาไว้...ท่านอาจารย์คงจะลืมสัญญานั้นไปแล้วสินะ?" หยวนเอ๋อตัวน้อยพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนที่จะถามขึ้นมา
ตัวฉันในอดีตเคยสัญญาอะไรกับเธอกัน?
ลู่โจวรีบค้นหาภาพความทรงจำอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พบอะไรที่เกี่ยวข้องอยู่เลย หลังจากที่เขาได้ร่างกายของชายชราคนนี้มา ดูเหมือนว่าจะมีความทรงจำหลายส่วนได้รับความเสียหายไป
"ข้าไปสัญญาอะไรกับเจ้าไว้อย่างงั้นหรอ?" ลู่โจวถามออกมาอย่างสับสน
"ท่านอาจารย์ ท่านเคยบอกเอาไว้กับศิษย์ว่าถ้าหากศิษย์สามารถไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ท่านอาจารย์จะมอบหยกหางม้าให้กับศิษย์..."
แม้ว่าลู่โจวจะจำคำสัญญาไม่ได้เลย แต่เขาก็รู้จักหยกหางม้าดี มันเป็นสมบัติระดับสูงที่จะช่วยเพิ่มพลังให้กับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ได้
แต่ถึงแบบนั้นในตอนที่ลู่โจวได้เข้ามาสู่ร่างกายของจีเทียนเด๋า เขาคนนี้ก็สูญเสียของทั้งหมดไป ตอนนี้เขาจะหาของชิ้นนั้นให้กับหยวนเอ๋อได้ยังไงกัน?
ลู่โจวเข้าใจแล้วว่าทำไมจีเทียนเด๋าถึงจะต้องทำแบบนี้ การทรยศของเหล่าสาวกนั้นเป็นการท้าทายพลังอำนาจของเขาโดยตรง และถ้าหากตัวเขาไม่ได้ทำให้เหล่าศิษย์สาวกพวกนี้อ่อนแอลง ยังไงทุกคนก็คงจะต้องทรยศตัวเขาไม่ช้าก็เร็ว นี่เป็นเหมือนกับการทำอะไรที่เปล่าประโยชน์จริงๆ
"แน่นอนว่าเจ้าน่ะก็ต้องลืมเรื่องนั้นไปด้วย!"
หยวนเอ๋อรู้สึกผิดหวังมาก
ลู่โจวได้พูดต่อไป "แต่ข้าน่ะจะมอบสมบัติที่ดีกว่านั้นให้เอง หยกหางม้าน่ะเป็นของที่จำเป็นสำหรับผู้ฝึกยุทธ์อาวุโส มันคงไม่เหมาะสมกับเด็กผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะ หยวนเอ๋อ"
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกดีใจมาก เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นจึงโค้งคำนับลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา "ขอบคุณมากค่ะท่านอาจารย์!"
ลู่โจวก็ได้พยักหน้าให้ก่อนที่จะพูดต่อไป "ข้าอยากที่จะวานอะไรเจ้าหน่อย"
"ศิษย์พร้อมรับใช้ท่านอาจารย์เสมอค่ะ"
"ยังมีพวกผู้ฝึกยุทธ์ออโธดอกซ์เหลืออยู่ที่ภูเขาทองลูกนี้ของเรา ข้าอยากให้เจ้าไปจัดการพวกเขา"
"ศิษย์จะทำงานให้ลุล่วงเองค่ะ"
"เอาล่ะไปได้แล้ว"
ช่วงเวลานั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้ออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป เธอบินลงภูเขาไปอย่างรวดเร็วและสง่างามเหมือนกับนกนางแอ่นไม่มีผิด เพียงสิบนาทีเท่านั้นตัวของลู่โจวก็ได้รับการแจ้งเตือนของระบบ
"คุณได้สังหารวายร้ายได้ ได้รับแต้มบุญ 10 แต้ม"
"คุณได้สังหารวายร้ายได้ ได้รับแต้มบุญ 10 แต้ม"
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย