บทที่ 67
ในที่สุดงานล่าอสูรก็จบสิ้นลง ศิษย์สำนักทั้งสามที่ยังมีชีวิตอยู่ค่อยๆหายไปจากป่า ทีละคนสองคน ก่อนหน้าที่ทุกคนจากออกจากป่าอสูรสองชั่วยาม เนี่ยฟงและหยางเวยทดสอบฝีมือของกันและกัน แน่นอนว่าหยางเวยถึงแม้จะมีระดับพลังที่เพิ่มสูงถึงระดับสีน้ำตาลขั้นกลาง แต่ช่วงระหว่างระดับนั้นห่างไกลจนเกินไป จึงถูกเนี่ยฟงทุบตีอยู่ฝ่ายเดียว ถึงแม้จะใช้พิษที่ยกระดับมาแล้ว แต่ก็ทำสิ่งใดต่อเนี่ยฟงไม่ได้เพราะในตัวของเนี่ยฟงมีไข่มุกพิษสวรรค์อยู่ หลันเช่อเองก็เช่นกันตอนนี้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย ขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น ประกายสายฟ้าพุ่งออกมารอบกาย มันเดินออกมาจากถ้ำรีบเอาศีรษะถูไปที่มือขวาของเนี่ยฟง ในขณะที่มันมองหยางเวยเพียงแค่หางตา แน่นอนว่าหยางเวยก็รับรู้ได้เช่นกัน
“เนี่ยฟงเจ้าจะทำอย่างไรกับแมวน้อยตัวนี้ ข้าไม่คิดว่ามันจะติดตามพวกเราออกไปด้านนอกได้”
เนี่ยฟงหันไปมองหลันเช่อพร้อมกับใช้มือขวาลูบไปที่ศีรษะของมัน ไม่นานก็มีประกายสายฟ้าพุ่งออกมาปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ขึ้นที่ศีรษะของหลันเช่อชั่วน้ำเดือดก็จางหายเขาไปในศีรษะ หลันเช่อกูร้องคำราม
“เจ้าทำสิ่งใดกับมัน”
“ไม่มีสิ่งใดข้าเพียงแค่ให้มันเป็นอสูรในพันธสัญญาที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น”
“เจ้ามันเป็นปีศาจชัดๆ คงมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถกระทำได้”
“เจ้าเองก็หาได้ต่างจากข้า นั่งฝึกลมปราณอยู่ในดงสมุนไพรพิษ”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟง ทั้งสองก็หัวเราะออกมาดังลั่นชั่วน้ำเดือดทั้งสองก็ค่อยหายไปจากป่ารวมถึงหลันเช่อ ทันทีที่ออกมาด้านนอก แรงกดดันมหาศาลระดับสีแดงขั้นต้นของเจ้าสำนักกิเลนไฟฉีหวังลู่ก็เข้ากดทับเนี่ยฟงและหยางเวย รวมไปถึงกลุ่มศิษย์ทั้งหมดจากสำนักพยัคฆ์สายลม ทั้งสองคุกเข่าลงกับพื้นหยางเวยถึงกับสำรอกออกมา สามลมหายใจแรงกดดันก็หายไป เมื่อมองไปที่ด้านหน้าพบว่าแรงกดดันที่หายไปเป็นเพราะเจ้าสำนักจางหลิง เดินเข้ามาเผชิญกับฉีหวังลู่เจ้าสำนักกิเลนไฟ เหตุที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะสภาพของบุตรชายอยู่ในสภาพยับเยิน อีกทั้งศิษย์สำนักที่ส่งเข้าไปร่วมห้าร้อยคนกลับออกมาไม่ถึงห้าสิบ แน่นอนว่าสี่ร้อยกว่าคนล้วนตกตายภายในงานล่าอสูรทั้งสิ้น แต่ศิษย์สำนักพยัคฆ์สายลมที่เป็นเป้าหมายกลับออกมามากกว่าสี่ร้อยคน
“เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ว่าเจ้าต้องการทำสิ่งใดฉีหวังลู่”
“ทำสิ่งใดกันตาแก่จางหลิง เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรที่บุตรชายข้าบาดเจ็บหนัก อีกทั้งศิษย์สำนักข้าก็ตกตายไปไม่น้อย หากไม่เป็นเพราะศิษย์ของเจ้าสังหารศิษย์สำนักข้า”
“เหอะ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้าสมคบคิดกับสำนักเจ็ดดาวในเขตดินแดนแห่งไฟ เพื่อสังหารศิษย์สำนักพยัคฆ์สายลมของข้าภายในงานล่าอสูร แน่นอนที่ข้าสามารถรู้ได้เพราะ ผู้อาวุโสลู่ซวงและผู้อาวุโสลู่ซ๋วนกลับมาแจ้งข้าต่อข้าหลังจากถูกคนของสำนักเจ็ดดาวทำร้าย หากเจ้าจะถามหาหลักฐานมันคงไม่มี เพราะว่าตอนนี้ทั้งสองคนล้วนสิ้นใจไปแล้ว”
“เรื่องบัดซบอันใด เจ้ากล่าวเรื่องอันใดกันตาแก่จางหลิง”
“เรื่องนี้ข้ายืนยันได้”
อยู่ๆก็มีเสียงกล่าวออกมาจากกลุ่มของราชสำนัก ทุกคนกันไปมองก็พบว่าเป็นองค์ชายสี่ที่ก้าวเดินออกมาอยู่ด้านหน้า อีกทั้งยังชี้ไปที่ฉีเจิงกวน
“ฉีเจิงกวน เหตุใดเจ้าไม่กล่าวต่อบิดาของเจ้าเล่า ว่าเจ้าทำเรื่องบัดซบอันใดในงานล่าอสูร เจ้าสังหารคนของเราอีกทั้งยังปล้นชิงสมบัติไม่น้อยจากเราผู้นี้อีก”
แน่นอนว่าเมื่อมีคนเปิดโปงย่อมมีผู้กระทำตามแผ่นหนังถูกนำออกมา เป็นหลี่จางที่นำออกมามอบให้แก่เจ้าสำนักจางหลิง
“เรียนเจ้าสำนัก นี้เป็นแผ่นหนังที่ยึดได้จากศิษย์สำนักกิเลนไฟขอรับ มันคือแผนที่ในป่าอีกทั้งมันยังแสดงจุดทั้งหมดว่าผู้ใดอยู่ที่ไหน”
เจ้าสำนักจางหลิงเมื่อรับแผ่นหนังจากหลี่จางก็หันมามองหน้าฉีหวังลู่
“พวกเจ้าทำงามหน้าไว้มากทีเดียวฉีหวังลู่ ศิษย์สำนักเจ้าตกตายเพียงแค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับชีวิตของผู้อาวุโสทั้งสองของสำนักข้า ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปแต่หากมีอีกครั้ง เจ้าเตรียมตัวหลบหนีออกจากเขตดินแดนแห่งสายลมได้เลย รับรองว่าข้าจะไล่ล่าสังหารเจ้าจนกว่าชีวิตบัดซบของเจ้าสิ้นลง”
ฉีหลังลู่หมายจะกล่าวตอบ แต่ทว่าถูกแรงกดดันระดับสีแดงขั้นกลางจากเจ้าสำนักจางหลิงเสียก่อน ทำให้กระอักเลือดออกมาพร้อมกับคุกเข่าไปที่พื้น สายตาจ้องมองเจ้าสำนักจางหลิงด้วยความเคียดแค้น ไม่นานก็มีเสียงกล่าวดังออกมา
“พอเถอะเจ้าสำนักจางหลิง เจ้าสำนักฉีหลังลู่คงไม่กล้าทำเรื่องงามหน้าเช่นนี้อีกต่อไปแน่ ถือว่าเรื่องนี้ข้าขอก็แล้วกัน คนก็ตกตายไปแล้วรื้อฟื้นสิ่งใดผู้อาวุโสทั้งสองก็คงไม่ฟื้นกลับมา ถือว่าครั้งนี้เจ้าสำนักฉีหวังลู่คงได้รับผลกรรมแล้ว”
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปชายผู้หนึ่งที่เดินออกมาจากด้านหลังของกลุ่มราชสำนัก เป็นชายสูงอายุมีหนวดเครารกรุงรังสวมชุดแม่ทัพเดินออกมา
“ได้ ข้าเห็นแก่ท่านแม่ทัพเมิ่งเซียว เรื่องในครั้งนี้ข้าจะยุติเพียงแค่นี้”
ชายที่ถูกเรียกขานว่าแม่ทัพเมิ่งเซียวก็หันไปมองทุกคน
“เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้วข้าของให้ทุกท่านเดินทางกลับสำนักเถอะ บรรดาลูกศิษย์ในสำนักคงอยากพักผ่อนกันแล้ว จากการอยู่ในงานล่าอสูรตลอดทั้งหนึ่งเดือน”
ทันทีที่เจ้าสำนักจางหลินสลายแรงกดดัน เจ้าสำนักฉีหลังลู่ก็ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ฉีเจิงกวนรีบพุ่งออกมาประคองบิดาของตน
“เจ้าทำงามหน้าไว้มากนักเจิงกวน ก่อนการประลองเขตการปกครองข้าจะส่งเจ้าไปที่ผาสำนึกตนหลังเขา”
“ขอรับท่านพ่อ”
แต่ในใจของฉีเจิงกวนรู้สึกโกรธแค้นไม่น้อย และยังไม่รู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่กระทำกับตนในป่า หลังจากนั้นกลุ่มของสำนักกิเลนไฟก็ทยอยเดินทางกลับ กลุ่มของราชสำนัก และปิดท้ายโดยสำนักพยัคฆ์สายลม ขบวนรถม้าถูกขับเคลื่อนอย่างช้าๆมุ่งกลับสำนัก บนขบวนรถม้าที่เนี่ยฟงและหยางเวยนั่ง มีศิษย์สำนักจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาลุมล้อม กล่าวขอบคุณแก่คนทั้งสองที่ช่วยเหลือในป่า อีกทั้งหลันเช่อก็ถูกสนใจจากบรรดาศิษย์สำนักไม่น้อย มีหลายคนสอบถามเนี่ยฟงถึงหลันเช่อสัตว์อสูรในพันธสัญญาที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะน้อยมากนักที่สัตว์อสูรจะเชื่อใจมนุษย์ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อขบวนรถม้าเข้ามาในเขตเมืองก็ถูกตอบรับอย่างดีจากชาวเมือง ทันทีที่ขบวนรถม้ากลับมาถึงสำนัก เนี่ยฟงก็ถูกเรียกตัวให้เข้าพบเจ้าสำนักโดยด่วน