ตอนที่ 21: ประโยชน์ตกอยู่กับชาวประมง*
“มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆหรอคะ?”
ในตอนที่ฉันกำลังรวบรวมเอกสารบางอย่างอยู่, ฟีเน่ก็กำลังรินชาในขณะที่ถามแบบนี้ออกมา
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไรกัน?”
“เรื่องที่เพิ่มเอิร์ลเบลส์เข้ามาเป็นพันธมิตรของเราค่ะ ข้ารู้สึกเห็นใจเขาอยู่บ้างก็จริงแต่ท่านก็ไม่สามารถปฏิเสธได้นะคะว่าเขาเองก็กำลังทรมานจากผลที่ตามมาสำหรับการกระทำของเขา เขาเคยมอบให้ทุกสิ่งตามที่เธอขอและจากนั้นก็หย่ากับเธอเพราะในที่สุดเขาก็ควบคุมเธอไม่ได้......ในฐานะผู้หญิงข้าคิดว่าข้าไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ค่ะ”
“ก็นะ, ถ้าเธอมองมุมนั้นเอิร์ลก็คงดูเหมือนผู้ชายที่เลวร้ายที่สุดเลยหล่ะ”
“มันมองมุมอื่นได้ด้วยหรอคะ?”
ถ้าเธอมาพูดกับฉันตรงๆแบบนี้ก็แสดงว่าเธอไม่พอใจระดับนึงเลยหล่ะ เอาเถอะ, ถึงยังไงพวกเราก็กำลังพูดเรื่องความรัก, มันไม่ใช่สิ่งที่จะโยนทิ้งง่ายๆแค่เพราะมันหมดประโยชน์แล้ว จากมุมมองของผู้หญิงคนนึง, มันเป็นธรรมดาที่พวกเธอจะรู้สึกไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม, เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของพวกเขาสองคน
ฉันเริ่มอธิบายให้เธอฟังในขณะที่รวบรวมเอกสารต่อ
“เบทิน่า, อดีตภรรยาของเอิร์ลนั้นมีสายเลือดของขุนนางทางใต้, จากบ้านเอิร์ลดาอึม ซึ่งเอิร์ลดาอึมคนนี้เป็นญาติกับขุนนางที่มีอำนาจมากที่สุดทางใต้, ดยุคครูเกอร์ คุ้นกับชื่อตระกูลนี้ไหมหล่ะ?”
“คุ้นค่ะ ข้าจำได้ว่ามีสนมองค์นึงของจักรพรรดิมาจากบ้านครูเกอร์ใช่ไหมคะ?”
“ใช่, สนมคนที่ห้าคือน้องสาวของดยุคครูเกอร์ในปัจจุบัน หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือ, ดยุคบ้านนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์ เอาหล่ะไหนลองตอบข้ามาซิ, ลูกของสนมคนที่ห้าคือใคร?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักนึง, ฟีเน่ก็ตบมือในตอนที่นึกคำตอบออก
จากนั้นเธอก็ตอบออกมาด้วยความมั่นใจ
“องค์หญิงซานดร้า......”
“เจ้าชายลำดับเก้าด้วย แต่ตอนนี้น้องชายของเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรอก จุดที่สำคัญก็คือความเชื่อมโยงระหว่างซานดร้ากับเบทิน่า”
“ความเชื่อมโยงหรอคะ.....? แต่ข้าไม่คิดว่าเครือญาติจากฝั่งแม่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งขนาดนั้นเลยหรอคะ?”
“ปกติก็คงจะใช่แหล่ะ แต่ในกรณีนี้มันต่างกันนิดหน่อย ว่าแต่, ฟีเน่, เธอยังจำฐานอำนาจของคู่แข่งได้อยู่รึเปล่า?”
“อ๋อ, ค่ะ องค์ชายเอริคมีเสียงสนับสนุนจากคณะรัฐมนตรี, องค์ชายกอร์ดอนได้รับเสียงสนับสนุนจากกองทัพส่วนองค์หญิงซานดร้าได้รับเสียงสนับสนุนจากนักเวทย์ใช่ไหมคะ?”
เธอยังจำได้อยู่สินะ
ก็ดี, ถ้าเธอจำเรื่องพวกนี้ไม่ได้มันจะเป็นปัญหากับเราได้
ในตอนที่ฉันบอกเธอว่าถูกต้อง, ฟีเน่ก็มีท่าทีดีใจในขณะที่พูดออกมาเสียงดังว่า ‘ทำได้แล้ว’ จากนั้นด้วยความคิดที่ว่ายัยนี่ตั้งเป้าหมายต่ำจังเลยนะเขาก็พูดต่อ
“แล้วคิดว่าเสียงสนับสนุนของใครอ่อนแอที่สุดในเมืองหลวงของจักรวรรดิ?”
“ในเมืองหลวง? ไม่ได้หมายถึงทั้งจักรวรรดิใช่ไหมคะ?”
“ใช่, เมืองหลวง”
“อืมม...ที่แข็งแกร่งที่สุดก็น่าจะเป็นขององค์ชายเอริคดังนั้นก็เหลือแค่องค์ชายกอร์ดอนกับองค์หญิงซานดร้าแต่ว่า.....อ้ะ, เข้าใจแล้วค่ะ! ขององค์ชายกอร์ดอนค่ะ!”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?”
“ก็ในเมื่อเจ้าหน้าที่ของกองทัพอยู่ที่แนวหน้า, อิทธิพลของเขาในเมืองหลวงก็น่าจะอ่อนแอค่ะ”
“แนวคิดไม่ผิดหรอกแต่ตอบไม่ถูก มีเจ้าหน้าที่ของกองทัพที่ไม่ได้อยู่แนวหน้าเหมือนกันนะ คำตอบที่ถูกคือของซานดร้าต่างหากหล่ะ”
“อ้ะ, ข้าตอบผิดซะแล้ว.....แต่ทำไมเสียงสนับสนุนของซานดร้าถึงอ่อนแอที่สุดหล่ะคะ?”
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะอธิบายยังไงดีให้เธอเข้าใจง่ายๆ, ฉันก็หยิบขนมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเสียงตอบรับที่ดีจากคริสต้า, ขนมวันนี้จึงเป็นคุกกี้รูปสัตว์
ฉันเลือกหยิบคุกกี้สิงโต, นกและหมาป่า ฉันวางสิงโตกับนกเอาไว้บนจานและขยี้คุกกี้หมาป่ากระจายมันเอาไว้รอบๆ
“โถ่.....ครั้งนี้ข้าอุตส่าห์ทำออกมาได้ดีแท้ๆเชียว.......”
“อ่าวหรอ, ขอโทษแล้วกันนะ ตอนนี้, บนจานคือเสียงสนับสนุนของเอริคกับกอร์ดอน, ส่วนที่กระจายอยู่ก็คือของซานดร้า ตอนนี้, เธอพอจะเข้าใจรึยังว่าข้ากำลังจะสื่ออะไร?”
“????”
“แสดงว่าไม่สินะ เอาเถอะ รัฐมนตรีกับเจ้าหน้าที่ทหารนั้นมักจะอยู่ในเมืองหลวง แต่ว่า, นักเวทย์ไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในรัฐบาลของเรา แน่นอนว่า, มีเจ้าหน้าที่ส่วนนึงที่เป็นนักเวทย์อยู่แต่พวกเขากระจายอยู่ตามตำแหน่งอย่างรัฐมนตรี, ขุนนางท้องถิ่น, และเจ้าหน้าที่ทหารที่พรมแดน พวกเขากระจัดกระจายกันมากเกินไป”
“เข้าใจแล้วค่ะ! แสดงว่าคนที่สามารถสนับสนุนองค์หญิงซานดร้าในเมืองหลวงได้นั้นมีอยู่ไม่มากใช่ไหมคะ?”
“ก็นะ, มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ประเด็นหลักอยู่ตรงนี้”
“เอ๋.....? ที่บอกไปเมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่ประเด็นหลักหรอคะ....?”
ฟีเน่ตัวสั่นเล็กน้อยเพราะเธอกลัวว่าบทสนทนาจะเข้าใจยากยิ่งขึ้น
ด้วยการมอบรอยยิ้มอันแสนขมขื่นให้เธอ, ฉันก็พยายามอธิบายให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ง่ายๆเลยก็คือ, ซานดร้ามีเสียงสนับสนุนน้อยกว่าในตำแหน่งสำคัญๆของจักรวรรดิเพราะธรรมชาติของฐานอำนาจของเธอ กอร์ดอนมีเจ้าหน้าที่ทหารและเอริคก็สนิทกับรัฐมนตรี, คนพวกนี้สามารถถ่ายทอดความต้องการของพวกเขากับจักรพรรดิได้ แต่ซานดร้าในอีกด้านนึง, เธอไม่มีเส้นสายที่จะทำเช่นนั้น และเพราะเหตุนี้เองมันก็เลยเป็นปัญหาสำหรับซานดร้าใช่ไหมหล่ะ?”
“พอจะเข้าใจแล้วค่ะ ข้าคิดว่ามันคงสร้างความแตกต่างได้จริงๆถ้ามีผู้สนับสนุนที่มีเก้าอี้อยู่ในที่ประชุมสภาองคมนตรี”
“ถูกต้อง และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ซานดร้ามักจะพยายามหาทางทำให้ผู้สนับสนุนของเธอได้เก้าอี้รัฐมนตรีอยู่ตลอด”
“ทำได้ด้วยหรอคะ? คนที่แต่งตั้งรัฐมนตรีได้มีแค่องค์จักรพรรดิไม่ใช่หรอคะ?”
“ก็นะ, มันพอมีวิธีอยู่”
พอพูดจบ, ฉันก็เอาคุกกี้มาวางซ้อนกันบนจานเป็นแนวตั้ง
พอเห็นแบบนี้, ฟีเน่ก็เอียงศรีษะ ถ้าไม่ได้เคยชินกับการแสดงออกเหล่านี้ก็คงจะถูกขโมยหัวใจไปได้เลยเพราะมันเป็นการแสดงออกที่ดูน่ารักมาก ฉันคงปล่อยให้เอิร์ลเบลส์เห็นภาพนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะขอแต่งงานกับเธอขึ้นมาเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้
อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่ได้หวั่นไหวกับมันและขยี้คุกกี้สิงโตที่วางอยู่บนสุด
“อ้ะ!? อีกแล้วหรอคะ!?”
“ถึงยังไงก็จะเอามันมากินอยู่ดีไม่ใช่หรอ? เถอะน่า, นี่คือวิธีที่จะเอาคนที่ต้องการเข้าไปอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรี”
“หมายความว่ายังไงหรอคะ?”
“จะสมมุติแบบนี้ก็แล้วกัน สิงโตคือรัฐมนตรีที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ นกที่อยู่ข้างล่างก็คือผู้สมัครตำแหน่งรัฐมนตรี ถ้าสิงโตข้างบนแตก, ตำแหน่งก็จะตกลงมาที่นก
“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ! สรุปก็คือเตรียมผู้สมัครรัฐมนตรีคนต่อไปเอาไว้ในขณะที่หาทางกำจัดคนปัจจุบันสินะคะ!”
เธอมีจินตนาการค่อนข้างใช้ได้ โดยปกติเธอจะไม่ทันคนอื่นเขาในตอนที่เป็นเรื่องอุบายแบบนี้แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอโง่สินะ บางครั้งเธอก็เข้าใจง่ายเกินไปจนทำให้เรากลัวเหมือนกัน
“ตามนั้นแหล่ะ ถ้าผู้สนับสนุนเป็นรองรัฐมนตรีหรือมีตำแหน่งใกล้เคียงก็จะสามารถดึงคนที่อยู่จุดสูงสุดในปัจจุบันลงมาได้และเอาตัวเองไปเป็นรัฐมนตรีแทน”
“เข้าใจแล้วค่ะ.....แล้วทำไมต้องเป็นเอิร์ลเบลส์หล่ะคะ?”
“หา....ตอนนี้เอิร์ลเบลส์อยู่ตำแหน่งอะไร?”
“รองรัฐมนตรีกระทรวงวิศวะ.......อ้ะ!?”
ในที่สุดเธอก็เชื่อมโยงเรื่องราวได้แล้ว
ก็ยังดี, มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนเพราะฉะนั้นมันก็ช่วยไม่ได้หล่ะนะ
“ซานดร้ากำลังชักใยเบทิน่าผ่านทางบ้านของครอบครัวฝ่ายแม่เธอ, ตัวเบทิน่าเองต้องถูกสั่งให้เที่ยวเล่นไปทั่วแน่ๆ เธอเต้นรำไปตามบทเพลงที่มีคนกำหนดเอาไว้อย่างมีความสุข และช่วงนี้ซานดร้าก็ได้มอบอีกคำสั่งให้เธอด้วย”
“ยังมีอีกหรอคะ......”
“มันคือส่วนสำคัญเลยหล่ะ เบทิน่ามีชู้กับรัฐมนตรีกระทรวงวิศวกรรมคนปัจจุบัน มันอาจจะดูเหมือนตัวรัฐมนตรีเองที่เป็นคนเริ่มความสัมพันธ์แต่บางทีเบทิน่านั่นแหล่ะที่เริ่มอ่อยเค้าก่อน ยิ่งไปกว่านั้น, ภรรยาของรัฐมนตรีก็คือลูกสาวเพื่อนสนิทขององค์จักรพรรดิ เห็นได้ชัดเลยว่า, จักรพรรดิเป็นคนที่จับคู่พวกเขา ถ้าฝ่าบาททรงรู้เรื่องนี้เข้าเขาจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน”
“.....อย่าบอกนะว่า, มันถูกจัดฉากเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว?”
“ใช่แล้ว มันคือเรื่องราวที่ซานดร้าเป็นคนออกแบบขึ้นมา เธอส่งสาวงามคนนึงไปหาเอิร์ลเบลส์ที่ไม่เก่งเรื่องผู้หญิงและทำให้เขาทุกข์ทรมาน ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, เธอก็เล่นงานรัฐมนตรีเพื่อเตรียมกำจัดเขา จากนั้นหลังจากที่เธอช่วยเอิร์ลด้วยการบอกจักรพรรดิเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เมื่อถึงตอนนั้นก็, เซอร์ไพรส์, จู่ๆฉันก็ได้ผู้สนับสนุนเป็นรัฐมนตรี”
“ดะ, เดี๋ยวนะคะ! ถ้า, ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่า........”
ฉันยิ้มให้กับสีหน้าเชื่อไม่ลงของฟีเน่
เธอเก่งมากสำหรับการดำเนินแผนการพวกนี้มาเป็นเวลาหลายปี บางที, เธอน่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่มุงกุฎราชกุมารจากไป มันเหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะสำเร็จอยู่แล้ว
“ก็นะ, ฉันแค่ทำลายแผนการของซานดร้าทิ้งทั้งหมด ตอนนี้เธอคงจะกำลังโมโหสุดๆอยู่”
“ไม่จริงหน่า!? ท่านอัลกับท่านลีโอจะออกจากจักรวรรดิในเร็วๆนี้ใช่ไหมคะ? แล้วตอนนี้ท่านจะไปยั่วโมโหองค์หญิงซานดร้าทำไมกัน!?”
“ก็เพราะพวกเราใกล้จะออกเดินทางแล้วเนี่ยแหล่ะถึงต้องรีบทำลายแผนการของเธอซะ ตราบใดที่พวกเราไม่อยู่ในเมืองหลวง, พวกเขาก็จะมาโจมตีฐานอำนาจของพวกเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ว่า, ถ้าพวกเราทำลายสมดุลย์การต่อสู้ของพวกพี่ๆทั้งสามหล่ะ เอริคกับกอร์ดอนคงไม่ปล่อยให้พลาดไปแน่ พวกเขาสามารถจัดการพวกเราเมื่อไหร่ก็ได้แต่มีแค่ไม่กี่ช่วงที่พวกเขาสามารถโจมตีซานดร้าที่อ่อนแอได้ ถ้าเป็นข้า, ข้าจะรับโอกาสนี้เพื่อสลายอำนาจของซานดร้าอย่างแน่นอน”
“นี่ท่านคิดไปไกลถึงขนาดนั้นเลยหรอคะ.......?”
“ทั้งหมดคงต้องขอบคุณเซบาสนั่นแหล่ะนะ เขาสามารถดึงเอาข้อมูลสำคัญทั้งหมดมาจากนักฆ่าได้, แล้วเขาก็เป็นคนที่สืบเรื่องเอิร์ลเบลส์ให้ข้าด้วย”
ดูเหมือนว่าซานดร้าเองก็ทำเรื่องโง่ๆเป็นเหมือนกันสินะ
พอคิดว่าเธอส่งนักฆ่าที่เคยจัดการเรื่องเอิร์ลเบลส์มาจัดการฉันแล้ว ก็คงต้องขอบคุณหล่ะนะ, เพราะเรื่องนี้เลยแผนการของเธอถึงถูกชิงไป แต่ก็เอาเถอะ, ฉันไม่อยากพูดไม่ดีกับเธอหรอกแต่ดูเหมือนเธอจะดูถูกพวกเราไปหน่อยนะ
“เอ่อ....ข้าสงสัยมาซักพักแล้วค่ะ, คือว่าท่านเซบาสเป็นใครกันแน่คะ?”
“หืม? ข้าไม่เคยบอกหรอ? เซบาสเคยเป็นนักฆ่ามาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น, เขาค่อนข้างจะมีชื่อเสียงไปจนถึงขั้นที่ทั่วทั้งทวีปรู้จักเขาด้วยฉายาว่า ‘ยมทูต’ เลยนะ”
“!? แล้วคนระดับนั้นมาเป็นพ่อบ้านของท่านอัลได้ยังไงคะเนี่ย!?”
“ไว้คราวหน้าค่อยเล่านะ เรื่องมันค่อนข้างยาวหน่ะ เอาหล่ะ, ในเมื่อได้ฟังคำอธิบายมาจนถึงขั้นนี้แล้วยังคิดจะบ่นเรื่องที่ข้าช่วยเหลือเอิร์ลอีกไหม?”
“มะ, ไม่แล้วค่ะ....”
“โอเค บางทีเหตุผลที่เขาอ่อนแอเรื่องผู้หญิงขนาดนี้อาจจะเป็นฝีมือของซานดร้าด้วยเหมือนกัน ถึงยังไงเขาก็เป็นรองรัฐมนตรีมาสามปีแล้ว ถ้าคิดตามปกติ, มันควรจะเป็นฝั่งผู้หญิงต่างหากหล่ะที่เป็นคนเข้าหาเขา”
“เขาดูค่อนข้างน่าสงสารยังไงก็ไม่รู้สินะคะ.....”
“นั่นสินะ, เขาต้องเต้นบนฝ่ามือของซานดร้ามาหลายปีหลังจากการแต่งงานของเขาและในที่สุดพวกเราก็สามารถช่วยเอิร์ลที่น่าสงสารคนนี้ได้ แถมเขายังมีประโยชน์กับเราอยู่ด้วย”
พอพูดจบ, ฉันก็จัดการรวบรวมเอกสารต่อ
มันคือเอกสารเรื่องที่รัฐมนตรีกระทรวงวิศวกรรมมีกิ้ก ฉันจะให้เอิร์ลเบลส์นำไปมอบให้จักรพรรดิ
เพียงเท่านี้, อีกไม่นานก็จะเกิดการแก่งแย่งอย่างลับๆกับซานดร้า ซึ่งกอร์ดอนจะต้องเคลื่อนไหวโดยไม่ปล่อยให้พลาดโอกาสไปอย่างแน่นอนและสงครามผู้สืบทอดก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น
แต่ว่า แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก, กอร์ดอนมองซานดร้าเป็นศัตรูอยู่แล้ว, แถมจากนิสัยของซานดร้า, เธอคงไม่อยากถูกกอร์ดอนจัดการแน่ๆ
ถ้าพวกเขาต่อสู้กันเอง, พวกเราก็จะได้ประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น, ในสถานการณ์แบบนี้, เอริคก็คงจะไม่ทำการเคลื่อนไหวห่ามๆเหมือนกัน
ในขณะที่พวกเราต้องออกจากเมืองหลวง, ก็ให้พวกพี่ๆลดทอนอำนาจกันเองตามที่สบายใจ
ด้วยความคิดเช่นนี้, ฉันก็หยิบเศษคุกกี้เข้าปาก
......................
*ประโยชน์ตกอยู่กับชาวประมง (漁夫の利gyofu no ri) เป็นสำนวนญี่ปุ่นมีความหมายประมาณว่ามีคนทะเลาะกันแล้วผลประโยชน์ไปตกอยู่กับบุคคลที่สาม มาจากนิทานเรื่องหอยกับนกกระสา นกกระสาจะกินหอยแต่ถูกหอยงับปากเอาไว้ แล้วชาวนามาเห็นเลยจับไปทั้งหอยและนกกระสา