ตอนที่แล้วตอนที่ 7 เริ่มสอนได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 มอบหมายงาน

ตอนที่ 8 จับฉลากนำโชคหรือจะร้านค้าดีนะ?


ตอนที่ 8 จับฉลากนำโชคหรือจะร้านค้าดีนะ?

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

ลู่โจวเหลือบตามองลูกศิษย์ทั้งสามคนของเขาก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นมา ท่าทีในการลุกขึ้นยืนของเขาดูที่จะมีปัญหา ตอนนั้นศิษย์น้องเล็กหยวนเอ๋อที่สังเกตท่านอาจารย์อยู่ตลอดเวลาจึงวิ่งมาช่วยพยุงลู่โจวเอาไว้ หลังจากที่เธอช่วยพยุงเสร็จเธอจึงรีบถอยออกไปจากลู่โจวในทันที

ลู่โจวเอามือทั้งสองข้างของเขาประสานเอาไว้ที่ด้านหลัง แต่แทนที่ตัวเขาจะมองไปที่ศิษย์ทั้งหมด ตัวเขากลับเดินไปที่หน้าต่างของศาลาแทน ตัวเขาได้มองออกไปยังภูเขาที่กว้างใหญ่

บนยอดเขาภูเขาทองมีหมอกลอยอยู่ทั่วไป มันหมุนเวียนไปตามแรงลม ด้วยหมอกที่หนาทึบนั้นเองทำให้ภูเขาทองลูกนี้ดูเป็นสถานที่ที่ดูลึกลับ

"เจ้าสาม!"

"ครับท่านอาจารย์!" ด้วนมูเฉิงตัวสั่นก่อนที่จะขานรับลู่โจวไปในทันที

"ตอนนี้เจ้ามีชื่ออยู่ในบัญชีดำลำดับเท่าไหร่แล้วล่ะ?"

"ขะ...ข้าติดอยู่ที่ลำดับ 18 ครับ"

"แล้วเจ้าล่ะเจ้าสี่?"

"ขะ...ข้าเองไม่ได้ดีไปกว่าศิษย์พี่หรอก ข้าติดอยู่ที่ลำดับ 25 ครับ"

จ้าวยู่เองไม่ได้รอให้ผู้เป็นอาจารย์เอ่ยปากถาม "แต่ข้าโชคดีที่ติดอยู่ที่ลำดับ 28 แล้วครับ"

"โชคดีอย่างงั้นเรอะ?" เสียงของลู่โจวดูจริงจังมากกว่าเดิม "เจ้าน่ะเป็นลูกศิษย์ที่น่าทึ่งจริงๆ... ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พวกเจ้าทั้งหมดรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อมีชื่ออยู่ในบัญชีดำแบบนี้ พวกเจ้าทำให้ข้าขายหน้าซะจริง!"

"พวกเราผิดไปแล้วครับท่านอาจารย์" หัวใจจ้าวยู่สั่นไปด้วยความหวาดกลัว

ลู่โจวได้นึกถึงบัญชีดำที่ได้คุยกับหยวนเอ๋อ ตอนนั้นเองตัวเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าชื่อของเขาอยู่ที่ลำดับบนสุดของบัญชีดำ ดูเหมือนว่าตอนนี้ตัวเขากำลังทำตัวเองขายหน้าอยู่...

จนถึงตอนนี้ลู่โจวรู้สึกระอายเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นเขาก็จะต้องโยนความรู้สึกผิดนี่ทิ้งไป

"พวกเจ้าคงจะรู้สึกผิดกันแล้วใช่ไหม ดังนั้นพวกเจาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง" ลู่โจวพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

เปลี่ยนอย่างงั้นหรอ?

เปลี่ยนยังไงกัน?

ศิษย์ทั้งสามคนมองหน้าของกันและกัน

พวกศิษย์สาวกทั้งหมดคิดมาเสมอว่ากำลังเดินอยู่ในเส้นทางเดียวกับผู้เป็นอาจารย์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทำทั้งหมดก็เป็นเหมือนกับการทำตามผู้เป็นอาจารย์อย่างเขาเท่านั้น

"ต่อจากนี้จะไม่มีการทำชั่วอีกต่อไป พวกเจ้าสามารถทำกันได้ไหมล่ะ?" ลู่โจวค่อยๆ พูดออกมาอย่างช้าๆ

ศิษย์ทั้งสามหยุดคิดไปชั่วขณะ ท่านอาจารย์ของพวกเขาในตอนนี้ทำให้พวกเขาสับสน แต่ในตอนนั้นทั้งสามคนที่กำลังรู้สึกผิดอยู่ไม่กล้าที่จะขัดใจอะไรท่านอาจารย์คนนี้ "ศิษย์ทั้งสามจะเชื่อฟังท่านอาจารย์ทุกอย่าง!"

หลังจากที่ศิษย์ทั้งสามตอบลู่โจวไป ทั้งศาลาก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบอีกครั้ง หลังจากความเงียบได้กินเวลาไปกว่าครู่หนึ่ง ลู่โจวก็ได้ใช้ดวงตาของเขามองไปที่ทิวทัศน์ที่ไกลแสนไกลก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง "ข้าน่ะได้ทำผิดพลาดมาในชีวิตนี้ ข้าได้แต่สอนวรยุทธ์ให้กับพวกเจ้า แต่ข้ากับไม่ได้อบรมบ่มนิสัยของพวกเจ้าเลย นี่ถือว่าเป็นความผิดพลาดของข้าจริงๆ"

"ข้าน่ะทำผิดพลาดมาและก็เพราะแบบนี้เองข้าก็เลยสร้างศิษย์ปีศาจร้ายเช่นพวกเจ้าขึ้นมา!"

โลกแห่งนี้เป็นโลกสำหรับผู้แข็งแกร่ง มีผู้ฝึกยุทธ์มากมายหลายคนที่อยากจะแข็งแกร่งมากที่สุด และเพราะความแข็งแกร่งนี้เองจึงทำให้ทุกคนต่างก็แสวงหาหนทางเพื่อที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าหนทางนั้นจะเป็นการทรยศต่อสำนักตัวเองรวมไปถึงหักหลังใครก็แล้วแต่

ศิษย์ทั้งสี่ของลู่โจวไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงออกมา

ถ้าหากท่านอาจารย์พูดแบบนี้แล้วก็ไม่มีใครที่จะกล้าเถียงอะไรเขา

"ด้วนมูเฉิง หมิงซี่หยิน!"

"ครับท่านอาจารย์!" ศิษย์ทั้งสองขานรับออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

"ตอนนี้ม่านพลังป้องกันของภูเขาทองได้ถูกทำลายไปจนหมดแล้ว บทลงโทษสำหรับพวกเจ้าทั้งสองคนก็คือการเฝ้ายามภูเขาทองลูกนี้เอาไว้ก่อนที่ม่านพลังป้องกันจะซ่อมแซมตัวเองจนสำเร็จ แน่นอนว่าพวกเจ้าทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากภูเขาลูกนี้ได้ จนกว่าการซ่อมแซมจะเสร็จสิ้น จนถึงตอนนั้นข้าจะให้อภัยพวกแกเอง" ลู่โจวพูดออกมาอย่างแผ่วเบาเช่นเดิม

นี่ถือเป็นการกักบริเวณของพวกเขาไป การซ่อมแซมม่านพลังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันจะต้องใช้เวลานานกว่า 8-10 ปีกว่าที่การซ่อมแซมจะเสร็จ นี่ถือเป็นบทลงโทษที่ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว การลงโทษในครั้งนี้ดีกว่าการประหารพวกเขานั่นเอง

ศิษย์ทั้งสองแอบโล่งใจเล็กน้อย

"พวกเราศิษย์ของท่านอาจารย์จะเชื่อฟังคำสั่งท่านทุกอย่าง!"

หลังจากได้ยินแบบนั้นแล้วลู่โจวก็เหลือบมองไปที่ศิษย์คนที่ห้า "จ้าวยู่!"

"ค่ะท่านอาจารย์!"

"เจ้าสามและเจ้าสี่ได้รับบทลงโทษกันไปแล้ว...ข้าเองก็จะต้องลงโทษเจ้าด้วยเช่นกันที่กล้าก่อเรื่องในครั้งนี้ขึ้นมา เจ้าน่ะมีอะไรจะคัดค้านไหม?"

จะต้องได้รับโทษ?

จ้าวยู่ทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างสิ้นหวัง เธอได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ "ศิษย์ผิดไปแล้วท่านอาจารย์ ศิษย์คนนี้ไม่กล้าที่จะทรยศท่านแม้แต่น้อย ไหนเลยศิษย์จะกล้าคัดค้านได้ แต่..."

"แต่อะไร พูดออกมา!"

"แต่ศิษย์จะต้องชดใช้ความผิดยังไงกัน?"

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ส่ายหัวของเขา เหล่าสาวกมหาวายร้ายพวกนี้ติดตามจีเทียนเด๋ามานานกว่าหลายปีแล้ว การติดตามมานานหลายปีทำให้มุมมองในการใช้ชีวิตรวมไปถึงการเห็นคุณค่าของชีวิตนั้นถูกเปลี่ยนไป พวกเขาทั้งหมดสูญเสียสามัญสำนึกขั้นพื้นฐานรวมไปถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปหมดแล้วนั่นเอง

ลู่โจวไม่ได้พูดออกมาในทันที ตัวเขาหันกลับไปก่อนที่จะเดินผ่านศิษย์ทั้งสี่ แม้ว่าในตัวของลู่โจวในตอนนี้จะไม่มีพลังออร่าอะไรหลงเหลืออยู่เลย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นศิษย์ทั้งสามก็ยังคงตัวสั่นไปด้วยความกลัวอยู่ดี

"หยวนเอ๋อ ไหนบอกอาจารย์ที่สิว่าอะไรกันคือความดี อะไรกันคือความชั่ว?" ลู่โจวได้ถามออกมาอย่างไม่แยแส

ศิษย์น้องเล็กหยวนเอ๋อหยุดชะงักไปในทันที เธอกำหมัดแน่นก่อนจะพูดออกมาว่า "การช่วยเหลือผู้อื่นคือการทำความดีค่ะ ส่วนการทำชั่วก็คือการทำร้ายผู้อื่นนั่นเอง"

คำตอบที่หยวนเอ๋อได้พูดออกมาเธอคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องก็เป็นได้

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หันไปถามศิษย์ทั้งสาม "และเจ้าล่ะคิดว่ายังไงเจ้าสาม?"

ด้วนมูเฉิงที่ได้ยินแบบนั้นรีบก้มหัวก่อนที่จะพูดขึ้นมา "การทำกุศลก็คือการทำความดี ส่วนการปล้นฆ่านั้นเป็นการทำชั่วครับท่านอาจารย์"

ลู่โจวได้ส่ายหัวอีกครั้ง

"แล้วเจ้าล่ะ เจ้าสี่"

"การได้รับใช้ชาติบ้านเมืองและช่วยเหลือประชาชนก็การทำความดี ส่วนการช่วยเหลือพวกคนชั่วทำเรื่องที่ชั่วช้าคือความชั่วครับ" หมิงซี่หยินได้ตอบออกมาอย่างลังเล

ลู่โจวยังคงส่ายหัวต่อไป

คำตอบของศิษย์ทั้งหมดต่างก็ตื้นเขินจนเกินไป

ศิษย์ทั้งสี่ได้แต่สบตากันด้วยสีหน้าที่งุนงง ตอนนี้ผู้เป็นอาจารย์ของพวกเขายังไม่พึงพอใจกับคำตอบที่ได้

ลู่โจวในตอนนั้นได้เอามือไขว้หลังก่อนที่จะพูดออกมา "ในชีวิตของคนเราไม่จำเป็นจะต้องทำความดีหรือการรับใช้ชาติและประชาชนอะไรนั่นหรอกนะ...ไม่มีวันหรอกที่ทุกคนจะพึงพอใจกับสิ่งที่พวกเจ้าจะทำไป การทำดีน่ะก็คือการที่ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ให้ใจของเรารู้สึกผิด"

ในตอนนั้นเองศิษย์ทั้งสี่ก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผู้เป็นอาจารย์ของพวกเขา สายตาของท่านอาจารย์ดูซับซ้อนมากกว่าครั้งไหนๆ ทันใดนั้นเองพวกเขาทั้งหมดก็รู้แล้วว่าท่านอาจารย์คนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว

หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ จีเทียนเด๋าได้สั่งให้พวกเขาฆ่าใครก็แล้วแต่ที่ทำให้พวกเขาไม่พอใจ แต่ตอนนี้ท่านอาจารย์กลับเปลี่ยนไป เขาดูสุขุมและพูดออกมาอย่างรอบคอบ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะได้ยินคำพูดของผู้เป็นอาจารย์มากับหู มันก็ยากอยู่ดีที่จะไม่ให้ประหลาดใจ

"งั้นถ้าหากไม่มีใครมีความรู้สึกผิดอยู่ภายในใจ...ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วท่านอาจารย์ ข้าจะจัดการกับใครก็แล้วแต่ที่กล้ามาดูถูกท่านอาจารย์ของพวกเรา..." จ้าวยู่ได้กัดฟันพูดออกมา

"..."

สิ่งที่ลู่โจวได้พูดออกไปมากมายดูเหมือนว่าจะสูญเปล่า ลู่โจวไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเขาอยากที่จะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมากันแน่

"งั้นช่างเถอะ ข้าคิดว่าถ้าหากเจ้าอยู่บนภูเขาลูกนี้ร่วมกับศิษย์พี่ศิษย์น้องก็อาจจะเป็นการลงโทษที่ดีแล้ว" ลู่โจวส่ายหัวอย่างหมดหวัง

จ้าวยู่ตัวแข็งทื่อ หลังจากที่ได้ฟังแบบนั้นเธอก็พูดออกมา "ศิษย์คนนี้จะเชื่อฟังคำสั่งท่านอาจารย์ค่ะ"

ดูเหมือนว่าศิษย์ทั้งสามคนนี้ที่ติดตามจีเทียนเด๋ามานานจะทำให้ความคิดเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาทั้งหมดผิดเพี้ยนไป ความผิดเพี้ยนพวกนี้ฝังลึกลงไปในใจของพวกเขาทั้งหมดแล้ว การจะแก้ไขทัศนคติของพวกเขาได้คงอาจจะแก้ไขด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำไม่ได้ จ้าวยู่นั้นเป็นเหมือนกับฆาตกรอันเหี้ยมโหด ดังนั้นแล้วถ้าหากปล่อยเธอคนนี้ออกจากภูเขาไป เธอจะต้องไปฆ่าคนมากมายอย่างแน่นอน

ในปัจจุบันตอนนี้วรยุทธ์ที่ลู่โจวมีก็ดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก ถ้าหากตัวเขายังอยู่ที่นี่ต่อไปนั่นจะต้องยิ่งอันตรายอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าศิษย์สาวกของเขาทั้งหมดในสำนักก็ต่างจับตาดูเขาอีกด้วย

ลู่โจวได้เหลือบมองไปที่ศิษย์สาวกทั้งหมดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าค่าความจงรักภักดีของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 50%, 45% และ 52% ตามลำดับ

ศิษย์มหาวายร้ายทั้งสามของเขาจะต้องเป็นคนดื้อรั้นอย่างที่สุด

ปัญหาที่สำคัญกว่าตอนนี้ก็คือการทำความดีและการทำความชั่วนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะถูกแก้ไขให้ถูกต้องได้ในเวลาอันสั้น นอกจากนี้ค่าความจงรักภักดีของพวกเขาจะต้องมีมากกว่า 60% ให้ได้

ดูเหมือนว่าบทลงโทษที่ตัวเขาได้มอบให้ไปคงจะเป็นเวลาที่ไม่มากพอ

ลู่โจวค่อยๆ หันหลังกลับมาก่อนที่จะเดินไปนั่งขัดสมาธิบนศาลาของเขา

"นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะเคยทำอะไรในอดีตมา ให้ปล่อยอดีตให้เป็นเรื่องของอดีตไป แต่ถ้าหากพวกเจ้ากล้าทำผิดอีกครั้ง กล้าที่จะทรยศข้าอีกครั้ง ข้าจะไม่คิดไว้ชีวิตพวกเจ้าแน่!"

ในครั้งนี้แม้แต่หยวนเอ๋อเองก็ยังก้มคุกเข่าลงเช่นกัน ศิษย์ทั้งสี่รู้ดีว่าทำไผิดไปแล้ว พวกเขาทั้งหมดสัญญาว่าจะไม่ทำผิดอีกต่อไป และในตอนนั้นเองค่าความจงรักภักดีของสาวกทั้งสามก็ได้เพิ่มขึ้นมา 5%

"พวกเจ้าทุกคนนั้นเป็นคนของภูเขาทองลูกนี้แล้ว และนับตั้งแต่พวกเจ้าเป็นศิษย์ของข้า ข้าก็จะปกป้องพวกเจ้าเอง ไม่ต้องห่วงไป..."

ค่าความจงรักภักดีของศิษย์ทั้งสามได้เพิ่มขึ้นมาอีก 10% ในขณะเดียวกันค่าความจงรักภักดีของหยวนเอ๋อก็เพิ่มขึ้นมา 2%

ลู่โจวได้แต่พยักหน้าในใจ ดูเหมือนว่าคำสัญญาที่จะปกป้องของตัวเขาจะทำให้ค่าความจงรักภักดีเพิ่มมากขึ้น โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ แม้ว่าศิษย์สำนักออร์โธดอกซ์จะมีชื่อเสียงมากมายหลายคนแต่แน่นอนว่าคนพวกนั้นเองก็ล้วนแต่เป็นคนหน้าซื่อใจคดและยังเป็นผู้ที่ทรยศแฝงตัวอยู่อีกมากมาย ในโลกใบนี้นั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันและความเหี้ยมโหด คงจะไม่มีใครเลยที่กลัววายร้ายที่แท้จริง แต่การแสร้งทำเป็นดีนั้นน่ากลัวกว่าเยอะ โลกแห่งการฝึกยุทธ์ใบนี้นั้นเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดมากมายและยังเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจ

ในความเป็นจริงแล้วความคิดเดียวที่ลู่โจวมีในตอนที่มาถึงโลกใบนี้ก็คือการยอมรับว่าเป็นอาจารย์ของพวกเขาเหล่านี้นั่นเอง

"ติ้ง! ภารกิจลงโทษศิษย์ทั้งสามเสร็จสิ้น คุณได้รับรางวัลเป็นแต้มบุญ 100 คะแนน"

ตัวเขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบขึ้นมา

"เอาล่ะไปได้แล้ว!" ลู่โจวพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

"ครับ/ค่ะท่านอาจารย์!" ศิษย์ทั้งสี่เดินออกจากศาลาไปในทันที

แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะยังไม่ได้รู้สึกสบายใจ แต่พวกเขากลับรู้สึกงุนงงและประหลาดใจมากขึ้นกว่าก่อนโดยเฉพาะศิษย์มหาวายร้ายทั้งสามคน ทั้งๆ ที่พวกเขาทั้งสามคนพยายามทรยศผู้เป็นอาจารย์ แต่เขากลับไว้ชีวิตและปล่อยให้พวกเขาทั้งสามอยู่ในภูเขาทองคำลูกนี้ต่อไป

นี่ช่างเหนือความคาดหมายของพวกเขามาก

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกซัดพลังใส่อย่างเหี้ยมโหดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

เมื่อศิษย์สาวกทั้งหมดเดินจากไป ลู่โจวก็ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนที่จะเปิดเมนูส่วนตัวของเขาขึ้น

ชื่อ: ลู่โจว

เผ่า: มนุษย์

วรยุทธ์พื้นฐาน: เคล็ดการผ่อนคล้ายขั้นที่ 9

อวตาร: ไม่มี

แต้มบุญ: 200

ชีวิตที่เหลืออยู่: 321 วัน

ของที่มี: การ์ดระเบิดจุดสุดยอด x2, การ์ดประกันชีวิต x5

เคล็ดวิชา: ไม่มี

ตัวเขาในตอนนี้อ่อนแอมาก

หลังจากที่ได้ใช้พลังสูงสุดไปตอนนี้ลู่โจวก็รู้แล้วว่าร่างกายของตัวเขามันอ่อนแอขนาดไหน

เมื่อเห็นว่ามีแต้มบุญถึง 200 แต้มตัวเขาจึงตัดสินใจที่จะเลือกใช้เมนู "จับฉลากนำโชค"

"ติ้ง! การจับฉลากนำโชคในแต่ละครั้งจะใช้แต้มบุญทั้งหมด 50 แต้ม และถ้าหากจับฉลากไม่สำเร็จจะได้รับแต้มโชคดี 1 คะแนน"

"นี่มันโกงกันชัดๆ"

"ร้านค้า"

เมนูในสายตาของเขาเปลี่ยนไปในทันที ตอนนั้นเองร้านค้าที่เต็มไปด้วยอาวุธและเคล็ดวิชาทั้งหลายปรากฎขึ้นมาแทน

"ฉันจะซื้ออวตารได้ไหม?" ลู่โจวได้ถามออกไปภายในใจของเขา

การใช้พลังอวตารเป็นหนึ่งในพลังวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดนั่นเอง เมื่อผู้ฝึกยุทธ์สามารถฝึกฝนจนตัวเองจนมาถึงขอบเขตหนึ่งได้ ในตอนนั้นพวกเขาเองก็จะรวบรวมพลังจนสามารถใช้ร่างอวตารอันใหญ่ยักษ์ได้นั่นเอง ยิ่งผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน พลังร่างอวตารเองก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

น่าเสียดายที่ของส่วนใหญ่ทั้งหมดเป็นสีแดงอยู่ ลู่โจวในตอนนี้ไม่สามารถซื่อได้นั่นเอง

"ร่างอวตารระดับเบื้องต้น "ไท่จี๋" ต้องการแต้มบุญ 300 แต้ม"

"ร่างอวตาร "พลังสองร่าง" ต้องการแต้มบุญ 1,000 แต้ม..."

ลู่โจวเหลือบไปเห็นร่างอวตารที่มีราคาสูงสุด ร่างอวตารนั่นคือ "สุดยอดอวาตารแห่งพลัง" ร่างอวตารร่างนี้เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามในคำอธิบาย

"..."

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด