ตอนที่ 72 ช่วงเวลาชี้ชะตา (ฟรี)
"เมิ่งอี้?"
ลู่เฟิงตกตะลึงเมื่อได้ยินชื่อน้องชายของเมิ่งเทียน ทำไม เมิ่งอี้ ไม่ได้ติดตาม เมิ่งเทียนไปที่ เมืองหยุนไห่ เขามาทำอะไรที่นี่?
เขาได้หันหน้าไปมองเมิ่งอี้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ลู่เฟิงได้กล่าวถามอย่างเฉยเมย"เมิ่งอี้ ทำไมเจ้าไม่ตาม เมิ่งเถียน พี่ชายของเจ้าไปที่เมือง หยุนไห่ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?"
"ฝ่าบาท แม่ทัพเมิ่งเถียน รู้ดีว่าการกระทำของเขานั้นผิด ดังนั้นข้าจึงได้อาสามาขอโทษฝ่าบาท และหวังว่า ฝ่าบาทจะอภัยโทษให้!"เมิ่งอี้ รีบตอบกลับ
"อภัยโทษ?"
"สมกับเป็นพี่น้องตระกูลเมิ่ง!"
ลู่เฟิง จ้องมองไปที่ เมิ่งอี้ และกล่าวถามอย่างเย็นชา"พี่ชายของเจ้ามีกองทัพในอาณัติมากกว่า 500,000 นาย การกระทำของเขาเช่นนี้ ใช่เขากำลังก่อการกบฏต่อข้าหรือไม่?"
"ตอบคำถามมา!"
แม่ทัพหลายคนที่อยู่โดยรอบแห่งนี้ ได้ควักดาบออกมาและชี้ไปที่ เมิ่งอี้ หากมีสิ่งใดผิดปกติ พวกเขาก็พร้อมจะบั่นศีรษะของอีกฝ่ายทันที
"ฝ่าบาท ข้าน้อย และ พี่ชาย ไม่เคยมีความคิดที่จะก่อการกบฏ ดังนั้นข้าจึงได้อาสามาที่นี่เพื่อแจ้งให้ฝ่าบาทเข้าใจ"เมิ่งอี้ ได้ตอบกลับอย่างกังวล
"เมิ่งเถียน ต้องการทำอะไร?"ลู่เฟิง ได้กล่าวถามอย่างเย็นชา
"ฝ่าบาท พี่ชายข้า ทราบถึงวิกฤติในเมืองว่านเหอ และ เขาได้ส่งทหารม้า 30,000 นายมาสนับสนุนเมืองว่านเหอ ตอนนี้พวกเขารออยู่ที่นอกประตูเมืองว่านเหอทางทิศตะวันตก"เมิ่งอี้ได้ตอบกลับด้วยความเคารพ
"ทหารม้า 30,000 นาย?"
ลู่เฟิง ได้หันศีรษะไปทาง เติ้งฉีหยุน เติ้งฉีหยุน ได้เข้าใจทันทีและรีบลงไปตรวจสอบ
ไม่นาน เติ้งฉีหยุน ก็กลับมาพร้อมกับทำความเคารพต่อลู่เฟิง"ฝ่าบาท มีกองทหารม้าเหล็ก 30,000 นายรออยู่ด้านนอกประตูตะวันตก จริง ๆ พะยะค่ะ!"
ลู่เฟิง ได้พยักหน้า และตอบกลับ"เมิ่งอี้ ข้าอนุญาติให้เจ้ากลับไปหาพี่ชายของเจ้า พร้อมกับ จดหมายจากข้า!"
ลู่เฟิง ได้โบกมือ ไม่นานก็มีคนนำกระดาษและปากกาหมึกมาให้เขา
เขาได้เขียนคำว่า " ระวัง " เอาไว้
จากนั้นก็ยื่นกระดาษแผ่นนี้ให้กับ เมิ่งอี้ พร้อมกับพูดว่า "นำข้อความนี้ไปบอกพี่เจ้า!"
"ข้าน้อยรับคำสั่ง!"
เมิ่งอี้ ได้รับกระดาษมาพร้อมกับจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจาก เมิ่งอี้ จากไป เกาชุน ก็กล่าวพูดขึ้น"ฝ่าบาท เมิ่งเถียน นั้นทำอะไรผิดปกติ"
"หมายความว่ายังไง?"ลู่เฟิง ได้กล่าวถาม
"เมิ่งเถียน ได้รับรายงานการสู้รบจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นจริง ก่อนหน้านี้ เขาก็ได้มุ่งหน้ามายังเมืองว่านและอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งวัน แต่ว่าเขาได้ เปลี่ยนเส้นทางในวันต่อมา ในความเป็นจริงแล้ว กองทหารม้าที่เขาส่งมาช่วยเมืองว่านเหอ น่าจะมาถึงภายในครึ่งวัน แต่นี่มันกลับผ่านไปมากกว่าหนึ่งวัน นี่มันไม่ถูกต้อง"เกาชุนได้ตอบกลับ
"จริงด้วยฝ่าบาท ทหารราบนั้นอาจจะใช้เวลาเดินทางหนึ่งวัน แต่ทหารม้านั้น ใช้เวลาเต็มที่เพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น การใช้เวลาถึงหนึ่งวัน ย่อมผิดปกติอย่างไม่ต้องสงสัย"
แม่ทัพคนอื่น ๆ ก็กล่าวพูดขึ้น
ลู่เฟิงได้สั่นศีรษะทันที"สำหรับ เมิ่งเถียน ข้าไม่มีปัญหา เพราะข้าเชื่อเขา แต่เมิ่งอี้ ..."
ลู่เฟิง ได้ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวพูดออกมา"เติ้งฉีหยุน!"
"ข้าน้อยอยู่นี่พะยะค่ะ!"
"ให้จินยี่เหว่ย ตรวจสอบว่าใครเป็นคนที่ออกคำสั่งเปลี่ยนเส้นทางการเดินทัพของ เมิ่งเถียน และ ตรวจสอบประวัติของ เมิ่งอี้!"
"ข้าน้อยรับคำสั่ง!"
"เดี๋ยวก่อน!"
เมื่อ เติ้งฉีหยุน กำลังจะจากไป ลู่เฟิง ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะหยิบกระดาษและปากกาออกมาก่อนที่จะเขียนอีกประโยคหนึ่ง ถึงข้อดีและข้อด้อยของเขา และสุดท้ายถ้าเขาไม่สามารถชนะได้ ให้รีบกลับมาทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ส่วนตัวของเขา
จากนั้นเขาก็ใส่กระดาษในซองจดหมายและส่งให้ เติ้งฉีหยุน"จดหมายฉบับนี้ ต้องส่งให้ถึงมือของ เมิ่งเถียน เท่านั้น!"
"ขอรับ!"
เติ้งฉีหยุน รีบจากไปในทันที
เกาชุน มองไปที่เขา ก่อนที่จะกล่าวถามอย่างระวัง"ฝ่าบาท พระองค์ทรงกังวลว่า เมิ่งอี้ จะมีสองจิตสองใจหรือไม่?"
"ข้าไม่สามารถบอกอะไรได้ในตอนนี้!"
ลู่เฟิง ได้สั่นศีรษะออกมา ตามข้อมูลของระบบ โอกาสที่ขุนพลจะทรยศต่อเขานั้นจะต้องมีความภักดีต่ำกว่า 30 แต่ เมิ่งอี้ ยังไม่ใช่
"ยังไงก็เถอะ อย่าลืมว่า เมิ่งเถียน ในตอนนี้มีกองทัพใหญ่ 500,000 กว่านายในกำมือ ข้าไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด แต่ข้าเชื่อใจเขา สำหรับ เมิ่งอี้ ข้าไม่แน่ใจ เรื่องนี้เราจะไม่พูดถึงชั่วคราว เอาล่ะมาวางแผนทำลายกองทัพนับแสนของอาณาจักรซีหยางกันเถอะ!"
"ขอรับ!"แม่ทัพทุกคนได้ตะโกนขึ้นพร้อมกัน
"เกาชุน ตามข้าไปที่ประตูทิศตะวันตกเพื่อรับเอาทหารม้า 30,000 นายเข้ามา"
"ขอรับ"
ลู่เฟิง และ เกาชุน ได้ไปพบทหารม้าที่ถูกเตรียมรอไว้ก่อนอยู่แล้ว จากนั้นพวกเขาก็พาคนเหล่านี้เข้ามาข้างในเมือง
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่เฟิง เกาชุน และ หานเซิ่น รวมถึงคนอื่น ๆ ได้มายืนอยู่บนกำแพงเมืองว่านเหอ
เขามองไปที่ซากศพทั่วบริเวณก่อนที่จะถอนหายใจออกมา"ภายใต้เมืองว่านเหอมีซากศพจำนวนมาก นี่สินะ สงคราม!"
ลู่เฟิง ได้ส่งเสียงพึมพัมออกมาก่อนที่จะกล่าวพูดกับ เกาชุน ที่อยู่ด้านหลัง
"เกาชุน!"
"ขอรับ"
"ปล่อยข่าวเรื่องที่ข้าจะนำทัพองค์รักษ์ 100,000 นายต่อสู้กับกองทัพของอาณาจักรซีหยางจนตัวตาย!"
"ข้าน้อยจะทำตามคำสั่งทันที!"
เกาชุน รีบแจ้งข่าวไปยัง ค่ายของ ซ้งหยูตี้
ลู่เฟิง ได้ตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว"สั่งทุกคนให้เตรียมตัวให้พร้อม ได้เวลาเริ่มต้นสงครามอีกครั้งแล้ว!"
"ข้าน้อย จะส่งผ่านคำสั่งทันที!"
แม่ทัพทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังของเขาได้กล่าวพูดออกมา
พวกเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้ทำสงครามร่วมกับฝ่าบาทของพวกเขา
....
ที่ค่ายของ ซ้งหยูตี้ ใบหน้าของ ซ้งหยูตี้ กลายเป็นน่าเกลียดมากขึ้น เขาจ้องมองไปที่ แม่ทัพด้านหน้าของเขาและกล่าวถามอย่างเคร่งขรึม"กำลังเสริมจาก เจียงหลี่เซียว ยังมาไม่ถึงอีกเหรอ?"
ซ้งหยูตี้ ยังไม่รู้ข่าวว่า กำลังเสริมกว่า 300,000 นายของเขาได้ถูกกองทหารม้าของลู่เฟิงจัดการไปแล้ว!
"ท่านแม่ทัพ ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว แต่ไม่เห็นวี่แววกำลังเสริมจากแม่ทัพเจียงแม้แต่น้อย!"
"ไอ้บัดซบ เจียงหลี่เซียว มันกล้าลองดีกับข้างั้นเหรอ!"
ซ้งหยูตี้ เต็มไปด้วยความโกรธและตะโกนขึ้น"เมื่อข้ากลับไปที่เมืองหลวงข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทรับรู้ คราวนี้แกจะได้เห็นดีกัน!"
"ท่านแม่ทัพ เกาชุนแม่ทัพฝ่ายศัตรูได้มาแจ้งข่าวว่า จักรพรรดิลู่เฟิงแห่งอาณาจักรหนานหยาน จะขอนำทัพทหารองค์รักษ์กว่าแสนนาย สู้จนตัวตายกับกองทัพ 400,000 นายของพวกเรา ภายใต้เมืองว่านเหอ ดูเหมือนว่า เขาไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป"
"อืม ดูเหมือนว่า จักรพรรดิน้อยแห่งอาณาจักรหนานหยาน คงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ มันคงมั่นใจมากที่จะปกป้องเมืองว่านเหอไปได้อีกสองสามวัน ฮ่าฮ่า..."
"วันนี้ข้าจะแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอาณาจักรซีหยางของเรา!"
แม่ทัพ ซ้งหยูตี้ ได้หัวเราะออกมา
จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้น"เข้ามานี่!"
"ขอรับ"
"ส่งคำสั่งของข้าไปยังกองกำลังทั้งหมดให้เตรียมพร้อมต่อสู้!"
"ข้าน้อยจะทำตามคำสั่งทันที!"
กองทัพของอาณาจักรซีหยางได้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าสู่เมืองว่านเหอ
ที่เมืองว่านเหอ ลู่เฟิง ได้ตะโกนขึ้น"ส่งทหารองค์รักษ์ออกไปปกป้องเมือง!"
"ขอรับ"
เกาชุน ได้นำทหารองค์รักษ์กว่า 80,000 นาย ออกไปนอกเมืองจากนั้นก็จัดตั้งรูปแบบกองทัพ
ในทัพของลู่เฟิงมีแม่ทัพเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ร่วมต่อสู้ด้วยนั่นก็คือ หานเซิ่น
"เกาชุน ขึ้นไปสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารของเราและบั่นทอนกำลังใจของศัตรูซะ!" ลู่เฟิง ได้กล่าวพูดกับเกาชุน
ในการสู้รบระหว่างทั้งสองฝ่าย สิ่งจำเป็นก็คือขวัญกำลังใจของกองทัพที่ดี หากพวกเขามีขวัญใจที่ดีว่ากันว่าความแข็งแกร่งโดยรวมของกองทัพจะเพิ่มมากขึ้น
หากไม่มีขวัญกำลังใจทหารบางคนคงไม่มีแรงใจที่จะต่อสู้และอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร และอีกอย่าง การบั่นทอนกำลังใจด้วยคำพูดของศัตรูมีส่วนทำให้ศัตรูอ่อนเเอลง
ดังนั้น หลายประเทศ จึงได้สร้างขวัญกำลังใจและข่มขวัญศัตรูก่อนการสู้รบจะเริ่มขึ้น
"ข้าน้อยรับคำสั่ง!"
เกาชุนได้ถือดาบพร้อมกับขี่ม้าศึกขนาดใหญ่เดินไปมารอบกองทัพเพื่อสร้างกำลังใจให้กับกองทัพของตนเองก่อนที่จะชี้ไปที่กองทัพของอาณาจักรซีหยางที่อยู่ไม่ไกลและตะโกนขึ้น"ข้าแม่ทัพเกาชุน จะขอสู้จนตัวตายเพื่ออาณาจักรหนานหยาน ข้าจะบั่นศีรษะไอ้พวกลูกเต่าอาณาจักรซีหยางให้หมดสิ้น!"