ตอนที่แล้วบทที่ 90 : สงครามและการกบฏ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 92 : มัคฮู เรดด์

บทที่ 91: เสียสละด้วยชีวิตของเรา


มีออร์คมากมายอยู่ทางตะวันออกของป่าแบล็คลีฟ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนรู้

เผ่าออร์คบางเผ่าได้รวมเข้ากับเผ่ามังกรไฟ อย่างไรก็ตาม ก็มีเผ่าที่ไม่ได้เข้าร่วมเผ่ามังกรอยู่เช่นกัน

แต่พวกเขาถูกบังคับโดยเผ่ามังกรไฟ

นั่นทำให้เผ่าออร์คที่โดนกดขี่ตัดสินใจรวมตัวกันเป็นหนึ่ง!

ใช่แล้วล่ะ

มันเกิดจากการชักชวนของออร์คขาว

เขามีพลังการต่อสู้ที่เหนือกว่าออร์คปกติมากและเขาก็ได้เอาชนะเผ่าออร์คทั้งหมดที่ยอมจำนนต่ออำนาจ จากนั้นรวบรวมออร์คที่แยกย้ายกันไปทั้งหมดเขารวมพวกมันไว้ภายใต้ธงผืนเดียว

ไม่นานเขาก็กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว เป็นคนที่แม้แต่เผ่ามังกรใหญ่ก็ไม่กล้าที่จะต่อต้าน แต่นั่นคือช่วงที่มังกรใหญ่ยังคงหลับใหลอยู่…

และตอนนี้

ออร์คเผ่านี้ใช้ชื่อว่า เฮฟวี่ สเฟียร์ ภายใต้การนำของออร์คขาว ออร์คเผ่านี้จึงทำพันธมิตรกับเมืองแห่งรุ่งอรุณและได้กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวมีปีก

เผ่าๆนี้มีจำนวนประชากร 110,000 ตน ในจำนวนนี้ ออร์คอย่างน้อย 60,000 คนสามารถใช้อาวุธและต่อสู้ได้

ชาวมีปีกมีอุปลักษณะที่คล้ายกับเอลฟ์ และพวกเขาก็มีอายุขับเกือบพันปี

แต่โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาไม่ได้เป็นพวกก้าวร้าวใช้ความรุนแรง แม้ว่าคุณสมบัติของพวกเขาจะค่อนข้างสูงและเป็นมืออาชีพ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปเป็นทหารจริงๆ ดังนั้นชาวมีปีกจึงไม่ถือว่าการมีอยู่ของเผ่าเฮฟวี่ สเฟียร์นั้นเป็นภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างไร พวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะกำจัดออร์คเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกเขาจะมีความตั้งใจที่ว่า ชาวมีปีกก็ไม่สามารถเอาชนะเหล่าออร์คได้…

ก็เหมือนกับเอลฟ์จากเมืองบลูมูน ชาวมีปีกทุกคนสามารถเป็นทหารได้

เว้นแต่ว่ามันจะเป็นสถานการณ์สำคัญ ชาวมีปีกก็จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้ง  พวกเขาไม่ชอบสงคราม สำหรับพวกเขาแล้วอายุขัยพันปีของพวกเขาจะเสียเปล่าหากพวกเขาเสียชีวิตในสนามรบ

ถ้าพวกเขามาเป็นทหาร พวกเขาก็จะใส่ความมุ่งมั่นตั้งใจทั้งหมดไปที่ความเชี่ยวชาญนั้น

แม้แต่ในตอนที่ชาวมีปีกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ

พวกเขาก็จะพยายามปรับปรุงเพื่อพัฒนาอยู่เสมอ พวกเขามีสมาธิสูงและไม่วอกแวก

ชื่อของออร์คขาวคือ อัลทาอิก

บรรพบุรุษของเขาเป็นนักรบระดับรีเจนด์ที่มีชื่อว่า แอสซ็อก…

ดี

แอสซ็อกที่แขนพิการต้องการฆ่าคนแคระ โดยเฉพาะคนแคระจากภูเขาแห่งความเดียวดาย พวกเขาเป็นศัตรูของแอสซ็อก

ที่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปรีเจนดารร ใครมีค่าหัวสูงที่สุดในโลกใต้ดินน่ะหรือ?

มันก็ไม่ใช่ใครนอกจากรองเจ้าเมืองของเมืองแห่งรุ่งอรุณ โอดอม เฮฟวี่แฮมเมอร์นั่นเอง เขาติดอยู่ที่ระดับท็อปสามของรายการค่าหัว

ค่าหัวของโอดอมอยู่ที่ 100,000 เหรียญทอง และถ้านักล่าค่าหัวสามารถนำศีรษะของเขากลับมาได้ คนๆนั้นก็สามารถของรางวัลเพิ่มเติมได้ด้วย

โดยทั่วไปแล้ว เงินรางวัลจะถูกจ่ายโดยเหล่าผู้ร่ำรวย ถ้ามีคนฆ่าโอดอมได้จริง พวกเขาก็ไม่ว่าอะไรในการที่จะมอบอาวุธระดับรีเจนดารีให้เป็นรางวัล…

ผู้ที่ถูกจัดอันดับในรายการค่าหัวเป็นตัวละครที่นับว่าฆ่าได้ยากมาก พวกเขามีอิทธิพลมีไม่ก็อำนาจการรบที่เหนือกว่าหรือยากที่ต่อการระบุตำแหน่ง

โอดอม เฮฟวี่แฮมเมอร์เป็นรองเจ้าเมืองของเมืองแห่งรุ่งอรุณ เขามีผู้ติดตามจำนวนมากและพลังการต่อสู้ของเขาก็น่าทึ่งมากๆ คนปกติจะไม่มีทางทำอะไรเขาได้แม้แต่ปลายเล็บ

แต่โอกาสหายากและไม่คาดฝันก็แสดงตัวต่ออัลทาอิก

เขาได้เจอกับนักเวทย์สายมืดผู้ลึกลับ นักเวทย์มืดต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อเอาชนะกองทัพแห่งรุ่งอรุณทั้งกองทัพ เขากำลังคิดเกี่ยวกับการสร้างแท่นบูชานรก

รางวัลก็คือโอดอม เฮฟวี่แฮมเมอร์ที่อยู่ลำดับสามของรายการค่าหัว

อัลทาอิกรู้ว่าความเป็นไปได้ที่จะฆ่าโอกาสโอดอมจะยากขึ้นเรื่อยๆ และโอกาสก็อาจจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง เขาจึงเลือกที่จะเข้าร่วมกับเวทย์มืดอย่างจริงจัง

เขาไม่ได้กังวลว่าพ่อมดมืดจะโกงเขาเรื่องหัวโอดอม

เพราะอัลทาอิกไม่กลัวพ่อมด!

เขานำออร์คชั้นสูง 3,000 ตนจากเผ่าของเขา เขาต้องพยายามหลบเลี่ยงการตรวจจับของพวกมีปีกและพรรคพวกของเขาก็ต้องลอบเคลื่อนตัวไปตามชายฝั่ง เขาต้องการฆ่าโอดอมในตอนที่กองทัพรุ่งอรุณเริ่มต่อสู้กับสัตว์มืด

เมื่อกองทัพรุ่งอรุณอยู่ห่างจากถ้ำปีศาจไม่ถึง 5 กิโลเมตรเหตุการณ์ๆ หนึ่งก็เกิดขึ้น ข้อมูลใหม่มาแล้ว วิลเลียมที่อยู่บนหลังม้าศึกของเขามองดูหน่วยสืบราชการลับเวทย์ด้วยความสนใจ

“มีการค้นพบรอยเท้าใหม่บนแนวชายฝั่ง?”  วิลเลียมโยนม้วนเวทมนตร์กลับไปที่ฟิว โรสเซอร์ หน่วยสอดแนมโถวเหยินคนหนึ่งค้นพบข้อมูลนี้

ฟิว โรสเซอร์เพิ่งจะได้รับข่าวกรอง เขาไม่สามารถบอกได้ว่านี่เป็นข่าวสำคัญหรือไม่  เนื่องจากพวกเขาอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาจึงรายงานให้วิลเลียมทราบทันที

แม้ว่าม้วนกระดาษเวทมนตร์จะมีราคาแพง แต่วิลเลียมก็ยังคงจ่าย 10,000 เหรียญทองเพื่อซื้อม้วนกระดาษ 100 เล่ม หน่วยสอดแนม, สายสืบและคนสนิทของเขาทั้งหลายจึงมีม้วนกระดาษคนละหนึ่งอัน

“นี่เป็นข้อมูลสำคัญหรือไม่ ท่านลอร์ด”  ลอทเนอร์ถามอย่างสงสัย

“ลองดูม้วนกระดาษด้วยตัวเองในขณะที่เราครุ่นคิด!” วิลเลียมโบกมือเพื่อส่งหน่วยสอดแนมออกไปดูสภาพโดยรอบ กองทัพจึงได้หยุดพัก

“เราไม่สามารถดำเนินสงครามต่อไปได้” ผู้ส่งสารส่ายหัว เขาอ่านข่าวและเชื่อว่ารอยเท้านั้นมาจากการเสริมกำลังของถ้ำปีศาจ

วิหารแห่งแสงได้รับผลกระทบสาหัสจากการที่อัศวินเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองรุ่งอรุณต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน ผู้ส่งสารแห่งวิหารจะถูกลงโทษอย่างหนัก

โอดอมยังคงเงียบ เขารู้สึกว่ามีการซุ่มโจมตีรอกองทัพอยู่และมันอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เขารู้สึกว่ามีสัญญาณที่เป็นลางไม่ดีแขวนอยู่เหนือหัวของเขา

ในขณะที่คนอื่นๆ เข้าร่วมกับการถกเถียงที่ร้อนแรง

พวกเขาเปรียบเทียบข้อดีของการโจมตีและการถอยทัพ

แม้แต่เซียที่ปกติจะเงียบก็ยังแสดงความเห็นคิดเห็นของเธอ...

ในที่สุดก็ลงมติที่การถอยทัพ  แม้ว่าการเดินทางจะล้มเหลว แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ค่าเกียรติยศของกองทัพรุ่งอรุณจะไม่ลดลงนักในสายตาของพลเมือง ชาวบ้านก็จะไม่บ่นซุบซิบท่านลอร์ดเช่นกัน

แต่!

วิลเลียมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้น

เขาสำรวจทหารของกองทัพรุ่งอรุณที่แข็งแรงกว่า 4,000 คน  2,000 คนมีชุดอุปกรณ์ระดับเงินและอาวุธคุณภาพระดับทอง

ทหาร 2,000 นายที่เหลือมีอุปกรณ์คุณภาพระดับสีฟ้า

แม้แต่ทหารรับจ้าง 800 นายก็มีอุปกรณ์คุณภาพระดับสีฟ้า

โรงตีเหล็กไม่สามารถผลิตอุปกรณ์ที่มีคุณภาพเงินได้เพียงพอ ดังนั้นทหาร 2,000 นายจึงไม่ได้รับการอัปเกรดเป็นระดับกลาง

จากกองทหารที่แข็งแกร่งกว่า 4,000 คน อย่างน้อย 2,300 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง แต่พลังการต่อสู้และทักษะของพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก

แต่พวกเขาเป็นทหารที่ถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษโดยวิลเลียม

สายเลือดของพวกเขาสูงกว่าระดับกลาง บางคนเป็นระดับสูงและระดับมาสเตอร์ด้วยซ้ำ!

แล้วจะทำไม?

พวกเขาเป็นระดับสูงในสายตาของผู้เล่น บอสทั้งหลาย!

เหตุผลที่วิลเลียมไม่อยากถอยทัพคือเขาอยากให้กองทัพมีขวัญกำลังใจที่อยู่ยงคงกระพัน!

และจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อกองทัพยังไม่พ่ายแพ้

หากสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ กองทัพก็จะได้รับบัฟกองทัพ!

ผู้เล่นได้ค้นพบข้อมูลนี้ในเกมเวอร์ชัน 2.0

สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ของวิหารแห่งแสง

หัวหน้ากองทหารคือแลนเซล็อต

ในเวอร์ชั่นเกมที่ความมืดเข้ามารุกรานโลก แลนเซล็อตเป็นคนนำกองทัพอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่า 3,000 คนและชนะในทุกการต่อสู้ มันเหมือนกับว่ากองทหารของเขาได้รับพลังจากพระเจ้า

ขวัญกำลังใจของกองทัพที่แข็งแกร่งมั่นคงทำให้กองทัพได้รับชัยชนะ!

แต่กองทหารที่สร้างขึ้นโดยผู้เล่นไม่ได้รับประโยชน์แบบนี้ ผู้เล่นนั้นขี้เกียจโดยธรรมชาติอยู่แล้ว พวกเขาไม่ชอบที่จะสร้างกองทหารที่แข็งแกร่งกว่า 3,000 คนและคิดค่าหัวของพวกเขาเป็นตัวเลข...

กองทหาร NPC เพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่จะได้รับขวัญกำลังใจของกองทัพที่อยู่ยงคงกระพันและได้รับบัฟกองทัพ

หากประเทศใดส่งกองทัพออกไปเล่นเกม ตอนนั้นพวกเขาก็จะมีโอกาส อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ประเทศหนึ่งจะส่งทหารออกไปเล่นเกมแฟนตาซีเวทมนต์นั้นมีน้อยมาก นี่เป็นโอกาสมากกว่าที่พวกเขาจะได้เล่นเกมราวกับอยู่ใน Star Wars สมัยนี้มันต่างกัน...

โลกยังเริ่มตั้งรกรากบนดาวอังคาร บางทีอาจมีผู้เล่นจากดาวอังคารหลังจากเปิดเบต้า

“เราเลือก… เลือกที่จะโจมตี!” วิลเลียมยืนขึ้นอย่างกะทันหัน

“ถ้าถ้ำปีศาจไม่ถูกทำลายและความมืดยังไม่ลดลง เราจะไม่สามารถวางใจได้เลย!”

“แต่เราจะไม่ปล่อยให้ทหารของเราไปตายทั้งเป็น!”

วิลเลียมปลดดาบยาวของเขาและชี้ไปที่ถ้ำปีศาจ “เรายินดีที่จะเป็นไปก่อน เราจะนำไปก่อนและสำรวจถ้ำปีศาจ สำหรับพวกเจ้าที่เหลือ... ใครจะกล้าไปกับเราบ้าง?”

เสียงของวิลเลียมไม่ดัง แต่ทหารทุกคนได้ยินเขา

ขณะนั้นเอง

เสียงโห่ร้องที่ดังเป็นเอกฉันท์ก็ดังมาจากทหารที่หิวโหยสงครามการต่อสู้

“พวกเราเต็มใจ… เราจะไปกับท่านลอร์ดและเมื่อถึงเวลา เราก็พร้อมจะสละชีวิตเพื่อท่าน!”

ฟิว โรสเซอร์กับร่างสูงกำยำของเขาผู้กำลังนอนแผ่อยู่บนพื้นเริ่มที่จะเคี้ยวหญ้า เขาทำราวกับเขาเป็นแค่กระทิงธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด