ตอนที่แล้วบทที่ 89 : พ่อมดดำ ณ ถ้ำปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 91: เสียสละด้วยชีวิตของเรา

บทที่ 90 : สงครามและการกบฏ


“ปัญหาของถ้ำปีศาจไม่อาจรีรอไปกว่านี้ได้ เราต้องทำลายมันเดี๋ยวนี้!” วิลเลียมไม่ยอมให้ถ้ำปีศาจอยู่ด้านหลังเมืองแห่งรุ่งอรุณอย่างเด็ดขาด

ป้อมปราการทางทหารของอาณาจักรเหล็กนั้นเป็นภัยคุกคามอันร้ายแรงและอาณาจักรเองก็กำลังจะเข้าสู่สงครามอย่างจริงจัง ยิ่งไปกว่านั้น หากถ้ำปีศาจลุกลามขยายตัวต่อไปได้ เมืองแห่งรุ่งอรุณอาจถึงคราวจบสิ้นเลยก็ว่าได้

ทางด้านหนึ่งก็มีปัญหาของถ้ำปีศาจ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะมีสงครามที่กำลังจะมาถึงในเวอร์ชั่น 1.0 ดังนั้น เมืองแห่งรุ่งอรุณจึงจะถูกคั่นกลางระหว่างฝ่ายศัตรูทั้งสองด้าน

โดยเฉพาะเมื่อเขาไปกระตุ้นภารกิจและยอมรับที่จะทำมันด้วยแล้ว ...

[ภารกิจลับ : วิกฤตการณ์ในดินแดนพร้อมกับการค้นพบถ้ำของปีศาจ]

[ข้อมูลภารกิจ : ถ้ำปีศาจเป็นสัญลักษณ์การรุกรานของเงามืดและมันเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดมิดที่พร้อมจะคุกคามอยู่มากมาย ในฐานะลอร์ดแห่งเมืองรุ่งอรุณคุณจะทำอย่างไร?]

[เป้าหมายของภารกิจ: ทำลายถ้ำปีศาจ]

[เสร็จสิ้นภารกิจ: 0%]

[รางวัล : ค่าประสบการณ์130000 หน่วย]

[รางวัล: ???]

“ท่านลอร์ด โปรดอนุญาตให้เหล่าทหารไปกำจัดรังถ้ำปีศาจเถิด ข้ายินดีที่จะเป็นทัพหน้า” อเล็กซ์รัผู้ดูแลหน่วยข่าวกรองกล่าวเสียงดัง

“…” วิลเลียมมองไปยังอเล็กซ์ที่กำลังกระวนกระวาย ก่อนจะโบกมือเป็นสัญญาณให้เขาสงบลง

หากเขาอนุญาตให้อเล็กซ์เข้าสู่สงครามและส่งนักฆ่าหลายคนที่มีระดับเดียวกับเขาไป เขาจะสังหารได้เท่าไหร่กัน?

เนื่องจากเขาเป็นมือสังหารที่คอยรวบรวมข่าวสาร มันจึงไม่เหมาะสมที่อเล็กซ์จะเป็นผู้นำทัพ

เขาไม่ใช่นักรบระดับอีปิคที่แท้จริง หากเขาพบนักรบในระดับเดียวกับตัวเขาเอง เขาอาจจะหมดหนทางสู้ไปเลยก็ได้

ทรัพยากรที่ขาดแคลนจะต้องใช้อย่างระมัดระวังโดยเฉพาะสิ่งที่ต้องการมากที่สุด มือสังหารไม่ควรถูกส่งไปยังสนามรบ พวกเขามีภารกิจสำคัญที่ต้องทำ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสังหารตัวบอสได้ แต่ก็สามารถขัดขวางศัตรูที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาได้

หากขวัญกำลังใจของกองทัพสั่นคลอนก็จะพ่ายแพ้ได้ง่าย

สงครามใน “Gods” ไม่ได้หมายถึงการกำจัดศัตรูทั้งหมดเพื่อชัยชนะ หากผู้บัญชาการของข้าศึกเสียชีวิต ทหารฝ่ายศัตรูก็จะยอมแพ้ และก็จะสามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จ

มีแต่ผู้เล่นเท่านั้นที่ไม่กลัวที่จะตาย พวกเขาไม่สนใจแม้ว่าพวกเขาจะเสียชีวิต ...

ในช่วงที่เกิดการปะทุขึ้นของสงครามกิลด์ ผู้เล่นแต่ละคนอาจจะตายอย่างน้อยสามถึงสี่ครั้ง

วิลเลียมกวาดตามองคนสนิททั้งสี่ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “เราต้องปรับกำลังทหาร แต่ต้องวางแผนอย่างเหมาะสมและรอบคอบ อาณาจักรเหล็กอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก หากเราใช้กำลังทหารทั้งหมด พวกเขาอาจใช้โอกาสนี้บุกเราได้”

สถานการณ์เริ่มที่จะซับซ้อน

นอกจากทาส 50,000 คนและชาวเมืองที่สร้างป้อมปราการทางทหารแล้ว อาณาจักรเหล็กยังนำกำลังทหารไปอีก 3,000 นาย

มันสร้างความรู้สึกตึงเครียดระหว่างเมืองแห่งรุ่งอรุณและอาณาจักรเหล็ก

ไม่มีใครรู้ว่าพันธมิตรระหว่างทั้งสองจะถูกทำลายลงอย่างไร

หากวิลเลียมนำทหารของเขาไป อาณาจักรเหล็กก็จะรู้ข่าว ถึงแม้ว่าม้วนกระดาษเวทย์จะมีราคาแพง แต่สายลับระดับสูงก็มักจะมัมันพหตัดตัวไว้ และวิลเลียมก็ไม่สามารถสร้างกำแพงเวทย์ขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งเมืองไว้ได้

ดังนั้นเขาไม่สามารถหยุดการรั่วไหลของข้อมูลข่าวสารได้

ยิ่งไปกว่านั้นทาสที่เป็นกลางประมาณ 2,000 คนนั้นยังเต็มไปด้วยสายลับที่แฝงตัวมา หากพวกเขาแอบลอบช่วยคนภายนอก ประตูเมืองอาจจะพังเมื่อไหร่ก็ได้

“ในสายลับ 2,132 คนที่แฝงตัวอยู่ 800 คนในนั้นมีพลังการต่อสู้ระดับกลาง อาณาจักรเหล็กช่างไร้ยางอายจริงๆ” วิลเลียมเพิ่งจดชื่อ รูปพรรณสัณฐานและที่อยู่ของพวกเขาไป

เมื่อมีการประกาศสงคราม เวลาของสายลับที่แฝงตัวมาก็จะสิ้นสุดลง พวกเขาจะถูกควบคุมตัวเอาไว้

เวลาในการเข้าจับกุมยังไม่แน่ชัด

เขาต้องให้ความมั่นใจกับอาณาจักรเหล็กว่าพวกเขาสามารถยึดครองเมืองแห่งรุ่งอรุณได้อย่างง่ายดาย

หากวิลเลียมทำอะไรให้ศัตรูรู้ตัวเข้า ความตายก็รอเขาอยู่ไม่ไกลแล้ว อาณาจักรเหล็กสามารถส่งกองกำลังทหารหลายสิบหน่วยมากำจัดเมืองแห่งรุ่งอรุณได้แม้ว่าจะมีการป้องกันมากขนาดไหนก็ตาม

“ทำไมเราไม่ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหญิงแอนนี่ล่ะ เราสามารถขอให้ท่านหญิงส่งทหารมาปกป้องเมืองได้หรือไม่? อาณาจักรเหล็กไม่ได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของท่านลอร์ดกับเจ้าหญิงสักหน่อย” โอดอมให้เสนอแนะ

“ความสัมพันธ์? ความสัมพันธ์อะไร เจ้าไปรู้อะไรมา?” วิลเลียมเลิกคิ้ว เขามีความคิดเช่นเดียวกัน

ท่านลอร์ดสามารถควบคุมบทสนทนาได้ แต่เขาก็ต้องเปิดโอกาสให้คนใต้บัญชาพูดด้วย ทำให้พวกเขาคิดว่าพวกเขามีค่าต่อเจ้านายของพวกเขา

มันไม่สำคัญว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะถูกหรือไม่

ไม่สำคัญว่าคำพูดของพวกเขาจะไพเราะต่อหูของท่านลอร์ดหรือไม่

มันไม่สำคัญเลย!

ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ก็คือท่านลอร์ดจะต้องคิดถึงข้อสรุปและเป้าหมายไว้ล่วงหน้า เขาจะต้องไม่ถูกชักนำโดยผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา

การโต้เถียงระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชามีความสำคัญเนื่องจากมันจะกระตุ้นให้พวกเขาทำงานหนักขึ้น

ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชามีความคิดเหมือนกับวิลเลียม เขาก็จะให้กำลังใจคนเหล่านั้นทันที หากมีใครที่ไม่เข้าใจ วิลเลียมก็จะรับฟังโดยไม่ตำหนิ แต่เขาจะไม่ยอมรับข้อเสนอแนะอะไรที่ไร้สาระ

ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้มีสภาพแวดล้อมระหว่างการอภิปรายที่สร้างสรรค์

วิลเลียมเต็มไปด้วยความชื่นชมเมื่อเขามองไปยังโอดอม เขาสังเกตคนสนิทและมองดูว่ามีกี่คนที่เห็นด้วยกับข้อเสนอของโอดอม ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เราจะทำตามคำแนะนำของโอดอม เตรียมกองกำลังทหารอย่างน้อยจำนวนหนึ่งให้พร้อม เราจะไปคุยกับเจ้าหญิงแอนนี่เอง แล้วก็เรียกฟิว โรสเซอร์ และเหล่าที่อยู่ในเหมืองมาด้วย!”

โอดอมยิ้มแย้มอย่างอิ่มอกอิ่มใจ เขาดีใจที่ความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า!

ลอทเนอร์ออกไปรวบรวมทหารให้พร้อมทันที

วิลเลียมรีบไปยังต้นไม้แห่งดวงจันทร์ เขาต้องการพูดคุยกับแอนนี่ตัวน้อย ยูนิคอร์นนั้นยากที่จะแตะต้อง นอกจากนั้นยังไม่ได้ให้โชคอะไรกับเขาได้ แต่กลับกลืนกินโชคของวิลเลียมที่เหลือแค่สามแต้มแทน โชคดีที่แต้มค่าโชคของวิลเลียมไม่ติดลบ...

“น่าโมโหซะจริงมองไปทางไหนก็มีแต่ทางตัน”

…………………………………..

ยามเช้าผ่านไป ยามบ่ายมาเยือน

ทหารของเมืองรุ่งอรุณได้รวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงและพร้อมที่จะออกเดินทาง องค์รักษ์ส่วนตัวของแอนนี่และทหารของเมืองบลูมูนเข้ามาปักหลักป้องกันเมือง

การซ้อมรบทางทหารขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่สามารถปิดกั้นสายลับภายในเมืองได้

แต่วิลเลียมก็ไม่สนใจ เขาไม่มีอะไรจะซ่อน เขาออกคำสั่งให้กองทัพออกเดินทางทันที!

กองทัพประกอบด้วยทหาร 4,000 นาย รวมถึงองครักษ์ส่วนตัวอีก 500 นาย นี่คือกองกำลังที่มีความแข็งแกร่งในการรบมากกว่า  +1,000 หน่วย

ลอทเนอร์, โอดอม, เอริค, อเล็กซ์, โถวเหยิน, ฟิว โรสเซอร์ และโทรลบลัดดี้ ครัชเชอร์ได้ติดตามวิลเลียมไปในการเดินทางครั้งนี้ เซียเองก็ติดตามมาด้วย เธอทำหน้าที่รับผิดชอบเหล่าผู้วิเศษระดับกลาง 20 คนและผู้วิเศษระดับฝึกหัด 50 คน

NPC ระดับรีเจนดารี!

และเจ็ด NPC ระดับอีปิค!

“ถ้าเรายังเอาชนะถ้ำปีศาจไม่ได้ ฉันจะยืนกลับหัวกลับหางให้ดู… แค่กๆ” วิลเลียมไม่ได้เลือกที่จะยกธงของเขา

นอกจากวิลเลียมและผู้ติดตามของเขาแล้ว ยังมีสมาชิกวิหารแห่งแสงของเมืองรุ่งอรุณ และผู้ส่งสารของวิหารก็ได้นำอัศวินศักดิ์สิทธิ์ 20 นายและบาทหลวงอีก 5 องค์มาเข้าร่วมอีกด้วย

แม้แต่ทหารรับจ้าง 500 นายจาก 800 นายของเขาก็เข้าร่วมด้วย!

นี่จะเป็นสงครามที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เมืองแห่งรุ่งอรุณกำเนิดขึ้น

แต่วิลเลียมไม่ได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงบางอย่าง

พ่อมดดำของถ้ำปีศาจไม่เกรงกลัวเมื่อเขารับรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้

เขากลับหัวเราะด้วยความตื่นเต้นแทน

คาซ่าอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เมื่อเขามองไปยังเหล่าอันเดด อัศวินแห่งความตาย ทหารโครงกระดูก และอสูรเวทย์มืด พวกเขาช่างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

คาซ่าเหลียวมองชายคนที่สอนให้เขารู้จักเวทย์มืด แต่ห้ามไม่ให้คาซ่าเรียกเขาว่าอาจารย์ ...

"เขากำลังจะทำอะไร?"

สิ่งมีชีวิตในเงามืดเหล่านี้ไม่สามารถเอาชนะกองทัพรุ่งอรุณได้” คาซ่ารู้เรื่องนี้ แต่เขาไม่กล้าพูดออกมาดังๆ

แต่พ่อมดดำอาวุโสที่เตรียมการมาเป็นเวลานานรู้ดีว่าคาซ่ากำลังคิดอะไรอยู่ในหัว เขาหัวเราะอย่างน่ากลัวและกล่าวว่า “เจ้าจำสายเลือดสุดท้ายของจักรวรรดิหุบเขาเดียวดายได้ไหม? ลาภก้อนโตอย่างโอดอม เฮฟวี่แฮมเมอร์ยังไงล่ะ!”

"อะไรนะ?" คาซ่าเบิกตากว้างเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น

ดังนั้น…

มันจึงกลายเป็นเช่นนี้…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด