บทที่ 64
ในระหว่างที่เนี่ยฟงและหยางเวยกำลังติดตามกลุ่มของฉีเจิงกวนไปนั้น วาบหนึ่งในความคิดก็แล่นเข้ามา ทำให้คิดแผนการบางอย่างได้ เนี่ยฟงกระซิบกล่าวต่อหยางเวยด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“หยางเวยทันทีที่พบเจอกลุ่มขององค์ชายสี่ เจ้าหลบไปด้านข้างก่อน เมื่อเห็นว่ากลุ่มของฉีเจิงกวนคิดลงมือ รบกวนเจ้านำสัตว์อสูรของเจ้าออกมา ใช้แรงกดดันระดับสีส้มให้พวกองค์ชายสี่ตื่นตัวก็แล้วกัน”
“เหตุใดเราไม่ออกไปแจ้งละ”
“ข้าไม่อยากเผยความลับที่ว่า เราทั้งสองคนไม่มีจุดในแผนที่อักขระศักดิ์สิทธิ์ อีกอย่างเจ้าคิดว่าคนพวกนั้นจะเชื่อถือเราทั้งสองรึ”
“ได้ วางใจเถอะ หากคนขององค์ชายสี่รู้ตัวแล้ว ข้าต้องทำอย่างไรต่อ”
“เอาไว้เป็นหน้าที่ของข้าเอง เจ้าค่อยเฝ้าระวังเอาไว้ก็พอ”
“ได้”
หน้าไม้ถูกเรียกใช้ถือไว้ในมือขวาแน่นไม่นานก็ลั่นไกหน้าไม้ในมือ ฟิ้ว แทนที่ลูกศรหน้าไม้จะพุ่งเข้าหาฉีเจิงกวนกลับพุ่งเข้าหาองค์ชายสี่แทน ลูกศรหน้าไม้พุ่งเข้าเฉี่ยวหัวไหล่ด้านซ้ายขององค์ชายสี่อย่างรวดเร็ว ฉีเจิงกวนตื่นตกใจเล็กน้อยหันไปมองบนกิ่งไม้แต่ก็ไม่พบเจอผู้ใด องค์ชายสี่ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดหลังจากนั้นก็ล้มลงกับพื้น ในเวลาเดียวกันคนขององค์ชายสี่ก็ถูกลูกศรหน้าไม้พุ่งเข้าหา ไม่นานคนทั้งสามก็ล้มลงไปนอนกับพื้นเช่นเดียวกับองค์ชายสี่ ฉีเจิงกวนเอ่ยวาจาเสียงดังลั่น
“ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่เข้าช่วยเหลือ”
ไร้ซึ่งเสียงกล่าวตอบ ได้ยินเพียงเสียงลูกศรหน้าไม้เสียดสีกับอากาศ ไม่ถึงสามลมหายใจฉีเจิงกวนและพวกอีกสามคนก็ล้มลงไปนอนกับพื้น เนี่ยฟงและหยางเวยทะยานลงมาจากกิ่งไม้ ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดอันดับแรกหยางเวยรีบรูดทรัพย์คนทั้งแปดก่อน เนี่ยฟงทำได้เพียงส่ายศีรษะเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พิษของเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนักออกฤทธิ์รวดเร็วยิ่งนัก”
“เจ้าปล้นเพียงแต่เม็ดยาและเงินก็พอ”
ชั่วน้ำเดือดหยางเวยก็รูดทรัพย์คนที่แปดเสร็จสิ้น
“เนี่ยฟง เราจะทำสิ่งใดต่อไป”
“ปล่อยคนของราชสำนักทิ้งไว้ที่นี่ สังหารศิษย์สำนักกิเลนไฟทั้งสามคนหลงเหลือฉีเจิงกวนไว้ ข้ายังไม่อยากให้เกิดปัญหาระหว่างสำนัก เจ้าแบกฉีเจิงกวนติดตามข้ามาก็แล้วกัน”
กล่าวจบเนี่ยฟงก็เรียกมีดสั้นมาถือไว้ในมือขวา เดินเข้าไปตวัดมีดผ่านลำคอของศิษย์สำนักกิเลนไฟทั้งสามคน ปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็พุ่งทะยานออกไป หยางเวยแบกร่างของฉีเจิงกวนพุ่งติดตาม ผ่านไปสองชั่วยาม
“เจ้าจะนำมันผู้นี้ไปที่ใดกัน”
“ทิ้งไว้ที่นี่ เจ้ารูดทรัพย์มันแล้วใช่หรือไม่ เหลือดาบให้มันเพียงหนึ่งเล่มก็พอ หวังว่าจะมีชีวิตรอดไปจนถึงสิ้นสุดงานล่าอสูรก็แล้วกัน”
“ว่าแต่พิษที่เจ้าใช้ทาที่หัวลูกศรหน้าไม้ ออกฤทธิ์นานหรือไม่”
“คงราวๆสี่ชั่วยาม”
หยางเวยพุ่งทะยานลงไปด้านล่างโยนร่างของฉีเจิงกวนลงบนพื้น หลังจากนั้นก็พุ่งทะยานขึ้นต้นไม้ติดตามเนี่ยฟงออกไป ในระหว่างทางลุ่ยกงก็เอ่ยบางอย่างออกมา
“เหตุใดเจ้าไม่ปล้นดาบทั้งสองเล่มนั่น มันสามารถนำไปประมูลได้”
“อย่าเลยท่านลุ่ยกง ดาบถูกประมูลและทุกคนก็รับรู้แล้วว่าดาบทั้งหมดอยู่ที่ใคร หากข้านำไปประมูลอีก ข้าไม่อยากให้เรื่องปวดหัวเข้ามาเพิ่ม”
“ว่าแต่เจ้าจะตัดผ่านระดับสีส้มเมื่อไรกัน”
“ช่วงเวลาที่เหลือต่อจากนี้ข้าจะปิดด่าน ทรัพยากรที่ปล้นชิงมาได้คงมากพอที่จะทำให้ข้าตัดผ่านระดับได้แล้ว”
หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็หันไปกล่าวบางอย่างกับหยางเวย
“หยางเวยข้าจะใช้เวลาอีกสิบวันที่เหลือก่อนออกจากงานล่าอสูรตัดผ่านระดับ หวังว่าเจ้าคงอยู่เพียงผู้เดียวได้”
หยางเวยได้ยินถึงกับขมวดคิ้วทั้งสองข้างขึ้น
“ได้ไม่มีปัญหาแต่ก่อนหน้านั้นละ”
“ทำตามที่ใจเจ้าต้องการ สังหารคนของศิษย์สำนักกิเลนไฟและปล้นชิงสมบัติของพวกมันมา”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้บ้าเนี่ยฟง เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก ว่าแต่เจ้าต้องการที่จะตัดผ่านระดับ ข้ามีที่แนะนำ”
“เหอะคงเป็นสัตว์อสูรของเจ้าบอกกล่าวมาใช่หรือไม่”
“แน่นอน เป็นพี่ชายเสอไป๋บอกกล่าวต่อข้า”
ในระหว่างที่ทั้งสองพุ่งทะยานออกไปลุ่งกงก็เอ่ยบางอย่างออกมาอีกครั้ง
“เจ้าหนู เจ้าลองเปลี่ยนทิศทางขึ้นเหนือสิ รับรองว่าเจ้าจะต้องพบเจอกับเรื่องสนุกเป็นแน่”
“มีสิ่งใดหรือขอรับ”
“เมื่อเจ้าไปถึงก็จะรับรู้เอง”
เนี่ยฟงรีบเปลี่ยนทิศทางพุ่งทะยานขึ้นไปทางเหนือไม่นานแสงอรุณก็ค่อยๆสาดส่องเข้ามา เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นด้านหน้า เมื่อเข้ามาในใกล้บริเวณก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น ต้นไม้ขนาดใหญ่โค้นล้ม ด้านหน้าเป็นสัตว์อสูรสองตัวกำลังเข้าปะทะกัน เป็นสัตว์อสูรพยัคฆ์ตัวใหญ่ลำตัวมีขนสีเหลืองสลับสีดำส่วนหางสีขาว อีกตัวเป็นพยัคฆ์เช่นกันตัวเล็กกว่าขนสีฟ้ามีประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากหาง
“สัตว์อสูรระดับสีส้มขั้นกลาง”
เนี่ยฟงกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา ทั้งสองนั่งอยู่บนกิ่งไม้เพื่อเฝ้ามองการต่อสู้ด้านหน้า เกือบสองเค่อในที่สุดก็ได้ผู้ชนะเป็น พยัคฆ์ตัวใหญ่ขนสีเหลืองหลอกล่อพยัคฆ์ตัวเล็กสีฟ้าด้านหน้า มันพุ่งเข้ากัดไปที่ลำคออย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงสดไหลนองเต็มพื้น ในระหว่างนั้นเนี่ยฟงก็สังเกตบางอย่าง ด้านหลังของพยัคฆ์ขนสีฟ้า มีพยัคฆ์ขนสีฟ้าอีกตัวที่คาดว่าจะเป็นลูก ยืนตัวสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว เนี่ยฟงโบกสะบัดมือนำดาบออกมาถือไว้ในมือ พุ่งทะยานลงไป พร้อมกับฟาดฟันดาบในมือ ปราณดาบสีฟ้าพุ่งเข้าหาพยัคฆ์ตัวใหญ่สีเหลือง
ปราณดาบสีฟ้าปะทะลำตัวของพยัคฆ์ขนสีเหลืองอย่างถนัดถนี่ เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดมันรีบปล่อยพยัคฆ์ตัวเล็กขนสีฟ้า พร้อมกับหันมาจ้องมองเนี่ยฟงด้วยสายตาอำมหิต มันพุ่งเข้าหาเนี่ยฟงด้วยความโกรธแค้น เนี่ยฟงหาได้สนใจมัน หันไปมองพยัคฆ์ตัวเล็กขนสีฟ้าที่ในใช้แรงเฮือกสุดท้ายคลานไปยังพยัคฆ์ตัวน้อยที่ยืนสั่นสะท้านอยู่ เนี่ยฟงโบกสะบัดมือขวา เกราะสายฟ้าก็ปรากฏ เปรี้ยง เกราะสายฟ้าสกัดกั้นไว้ได้อย่างทันท่วงที เนี่ยฟงฟันดาบในมือออกไปอีกครั้ง ปราณดาบสีฟ้าที่มีประกายสายฟ้า พุ่งเข้าปะทะร่างของพยัคฆ์ขนสีเหลือง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา เนี่ยฟงรีบพุ่งทะยานเข้าประชิดร่าง จ้วงแทงดาบในมือไปที่ลำคอ
หลังจากจัดการเสร็จสิ้น พยัคฆ์ตัวเล็กขนสีฟ้าก็หันมามองเนี่ยฟงด้วยสายตาอ้อนวอน แน่นอนว่าเนี่ยฟงรับรู้แล้วว่ามันต้องการสิ่งใด เนี่ยฟงยกมือมาลูปที่ศีรษะพร้อมกับเอ่ยบางอย่างออกมา
“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าจะดูแลลูกของเจ้าเอง”
พยัคฆ์ตัวเล็กขนสีฟ้าประดุจว่าเข้าใจสิ่งที่เด็กหนุ่มด้านหน้ากล่าว มันหันไปมองพยัคฆ์ตัวเล็กพร้อมกับร้องคำรามออกมา ไม่ถึงสามลมหายใจมันก็สิ้นลมหายใจนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น