บทที่ 63
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเตรียมตัวจะลงไปจัดการกับคนของสำนักกิเลนไฟทั้งสี่ ปราณดาบสีขาวสองเล่มก็พุ่งเข้าหากลุ่มของศิษย์สำนักกิเลนไฟอย่างรวดเร็ว ตูม ตูม ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ศิษย์สำนักกิเลนไฟทั้งสี่คนกระโดดหลบออกมาได้ทัน ทั้งสี่จดจ้องไปทิศทางที่ปราณดาบพุ่งออกมา ไม่นานก็มีกลุ่มคนของราชสำนักเดินมาสี่คน ทันทีที่เห็นดาบเนี่ยฟงก็ทราบแน่แล้วว่า คนผู้นี้คือองค์ชายสี่ บุตรชายของผู้ปกครองเขต
“บัดซบพวกเจ้าสังหารคนของราชสำนัก รู้หรือไม่ว่ามีความผิดอันใด”
ชายผู้หนึ่งชี้หอกปลายแหลมมาที่ศิษย์สำนักกิเลนไฟ ชายผู้นั้นจ้องมองด้วยความเคียดแค้นที่เห็นเพื่อนตกตายไปต่อหน้า
“สวะเช่นเจ้าอย่าได้กล่าวผายลมต่อหน้าศิษย์พี่ฉีเจิงกวง ผู้เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่นี่เป็นใคร”
“เหอะ บัดซบแท้แม้แต่พวกเจ้าก็ยังไม่รู้ แล้วพวกข้าจะรับรู้ได้อย่างไร”
สิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากกลุ่มคนจากราชสำนัก ชายผู้นั้นถึงกับเสียหน้าตะโกนออกมาดังลั่น
“ศิษย์พี่ฉีเจิงกวน เป็นบุตรชายของเจ้าสำนักฉีหวังลู่ เป็นเช่นไรพวกเจ้าเกรงกลัวแล้วหรือยัง”
เสียงหัวเราะจากกลุ่มคนจากราชสำนักยังคงดังออกมาต่อเนื่อง ไม่นานชายผู้ที่ถือหอกปลายแหลมก็เอ่ยวาจาออกมา
“บุตรชายเจ้าสำนักฉีหวังลู่แล้วอย่างไร คนผู้นี้คือองค์ชายสี่ พวกเจ้าเกรงกลัวหรือยัง”
สิ้นเสียงของคนผู้นั้นฝ่ายศิษย์สำนักกิเลนไฟต่างนิ่งเงียบ หันมามองฉีเจิงกวนด้วยสายตาอ้อนวอน ฉีเจิงกวนรีบก้าวเดินออกมา พร้อมกับก้มคารวะองค์ชายสี่อย่างรวดเร็วพร้อมกับคนทั้งสามที่อยู่ด้านหลัง
“คารวะองค์ชายสี่ ต้องขออภัยในความไร้มารยาทของคนของข้า เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนมันเอง”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นฉีเจิงกวนก็หันหลังกลับไป เพียะ ง้างมือขวาตบไปที่ใบหน้าของศิษย์ผู้หนึ่งอย่างถนัดถนี่ศิษย์ผู้นั้นแก้มซ้ายปูดบวมเลือดสีแดงสดไหลที่มุมปาก เพียะ แก้มขวาปูดบวดอีกข้าง ศิษย์ผู้นั้นถึงกับล้มลงไปนอนกับพื้น
“ต้องขออภัยอีกครั้ง ข้าได้สั่งสอนคนของข้าแล้ว ได้โปรดองค์ชายสี่ให้อภัยแก่พวกข้าด้วย”
องค์ชายสี่เมื่อเห็นเช่นนั้นก็แสยะยิ้มออกมา
“แล้วที่พวกเจ้าสังหารคนของราชสำนัก จะตอบแทนพวกข้าอย่างไร”
ฉีเจิงกวนแทบระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ โบกสะบัดมือโยนแหวนจำนวนแปดวงให้แก่ชายที่ถือหอกปลายแหลม
“พวกข้าขออภัยอีกครั้งขอรับ นี้เป็นสินน้ำใจเล็กน้อยที่มอบให้แก่องค์ชายสี่ขอรับ”
ชายที่ถือหอกปลายแหลมเมื่อตรวจสอบด้านในแหวนทั้งแปดวงถึงกับตื่นตกใจไม่น้อย ด้านในมีเม็ดยา เงินจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ชายผู้นั้นรีบเข้าไปกระซิบด้านหลังขององค์ชายสี่
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คนก็ตายไปแล้ว จะเรียกให้ฟื้นก็คงกระทำไม่ได้ ช่างเถอะเรื่องนี้ข้าจะไม่ติดใจเอาความพวกเจ้า ข้าให้เวลาห้าลมหายใจ พวกเจ้าจงรีบไสหัวไปอย่างได้ให้ข้าเห็นหน้าพวกเจ้าอีกจนกว่าจะจบงานล่าอสูร มิเช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้า”
สิ้นเสียงกล่าวขององค์ชายสี่ ฉีเจิงกวนก็รีบก้มคารวะส่วนอีกสองคนแบกร่างศิษย์ที่ถูกตบหน้าจากไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่คนของสำนักกิเลนไฟกำลังหลบหนี เนี่ยฟงและหยางเวยก็แอบติดตามไปนานเกือบสามเค่อคนทั้งสามก็หยุดลง ฉีเจิงกวนถึงกับเรียกดาบมาอยู่ในมือขวาฟาดฟันออกไป ปราณดาบสีแดงพุ่งเข้าปะทะกับต้นไม้ใหญ่ ตูม ต้นไม้ขนาดสี่คนโอบแตกกระจาย ฉีเจิงกวนคำรามออกมาเสียงดังลั่นไปด้วยความโกรธ
“บัดซบ บัดซบ บัดซบ”
“ศิษย์พี่ใจเย็นก่อนขอรับ เราจะทำอย่างไรต่อไปดี”
“จะทำสิ่งใดตลอดสิบวันที่ผ่านมาข้าสังหารคนไปไม่น้อย สมบัติเหล่านั้นมันคือของข้า หากท่านพ่อไม่สั่งการว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับองค์ชายสี่บัดซบผู้นั้น พวกมันทั้งหมดคงตกตายไปแล้ว บัดซบ บัดซบ”
“แล้วเหตุใดพวกเราไม่จัดการพวกมันแล้วแอบอ้างว่าสัตว์อสูรทำร้ายละขอรับ สัตว์อสูรยามค่ำคืนดุร้ายยิ่งนัก ท่านอย่าลืมว่าคนตายมิสามารถกล่าวสิ่งใดได้”
ฉีเจิงกวนแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ดี เช่นนั้นเราก็พักอยู่แถวนี้เถอะ คืนนี้ค่อยลงมือ ข้าจะสังหารองค์ชายสี่บัดซบนั้น”
แน่นอนว่าสิ่งที่พวกฉีเจิงกวนพูดคุยกัน เนี่ยฟงและหยางเวยได้ยินอย่างชัดเจน ทั้งสองจึงแอบเฝ้ารอบนกิ่งไม้เช่นเดิม เวลาค่อยๆไหลผ่านไม่นานแสงอรุณก็ลาลับขอบฟ้า ความมืดมิดค่อยๆเข้าปกคลุมพื้นที่ป่า เสียงคำรามของสัตว์อสูรแววดังมาแต่ไกล ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม ยามไฮ่ย่างเข้ายามจื่อ ฉีเจิงกวนและพวกอีกสามคนรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมใส่ชุดสีดำมีผ้าคลุมปิดที่ใบหน้า แผนที่อักขระศักดิ์สิทธิ์ถูกนำออกมากางไม่นานก็ถูกพับเก็บ ทั้งสี่ก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงและหยางเวยก็พุ่งทะยานติดตามไปอย่างไม่ลดละ
ยามโฉ่ว ทั้งสี่ก็มายังจุดที่องค์ชายสี่พักแรม ทั้งหมดนอนอยู่ข้างกองไฟ มีเพียงชายที่ถือหอกแหลมนั่งเฝ้ายามอยู่ ชั่วน้ำเดือดศิษย์สำนักกิเลนไฟก็นำอาวุธออกมาถือไว้ในมือกำลังจะพุ่งเข้าจู่โจม แรงกดดันของสัตว์อสูรระดับสีส้มแผ่กระจายออกจากบนต้นไม้ ชายที่ถือหอกแหลมตะโกนเสียงดังออกมา
“คุ้มกันองค์ชายสี่ มีสัตว์อสูร”
ไม่ถึงสามลมหายใจแรงกดดันก็หายไป ชายที่ถือหอกรีบแผ่ลมปราณออกไปตรวจสอบว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นพบว่ามีบุคคลภายนอกอยู่ถึงสี่คนแอบอยู่หลังต้นไม้ด้านหน้า
“บัดซบพวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน”
ทั้งสามคนที่เหลือล้วนแล้วรีบตื่นตัว เรียกอาวุธมาถือไว้ในมือเช่นกัน
“ศิษย์พี่เราจะทำอย่างไรดี”
“จะให้ทำอย่างไรในเมื่อพวกมันรู้ตัวแล้ว รีบสังหารพวกมันเถอะ”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียง ปราณดาบสีแดงก็พุ่งทะยานเข้ามากลุ่มขององค์ชายสี่ ปราณดาบสีขาวสองเล่มพุ่งเข้าปะทะปราณดาบสีแดง เปรี้ยง ตูม ทั้งสี่แยกจากกันเป็นสองฝ่าย
“ฉีเจิงกวน ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก มิเช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้า อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเป็นเจ้า เพราะว่าวันประมูลดาบข้าอยู่ที่นั่นด้วย”
ฉีเจิงกวนไม่กล่าวสิ่งใดตอบ พุ่งเข้าหาองค์ชายสี่อย่างรวดเร็ว เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบปะทะกันเสียงดังลั่น ส่วนที่เหลืออีกหกคนก็พุ่งทะยานแยกกันเป็นคู่ๆ เนี่ยฟงถือหน้าไม้อยู่ในมือ จ้องมองการต่อสู้ระหว่างฉีเจิงกวนและองค์ชายสี่อย่างไม่วางตา ไม่นานก็ลั่นไกหน้าไม้ในมือ ฟิ้ว
( ยามไฮ่ สามทุ่มถึงสี่ทุ่มห้าสิบเก้านาที ยามจื่อ ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนห้าสิบเก้านาที ยามโฉ่ว ตีหนึ่งถึงตีสองห้าสิบเก้านาที )