บทที่ 61
หลังจากค้นหาอยู่นาน เนี่ยฟงก็ได้ดาบมาสองเล่มทองคำสองหีบใหญ่ ที่เหลือมอบให้หยางเวยจนหมด หลังจากนั้นหยางเวยก็พาเนี่ยฟงไปค้นหาสมบัติอีกหลายที่ เวลาล่วงเลยไปสี่วัน ทั้งสองปล้นสมบัติที่อยู่ด้านในสุสานโบราณและเมืองเก่าไปมากกว่าสี่แห่ง กวาดสมบัติไปไม่น้อย ระดับพลังปราณของหยางเวยพุ่งทะยานอยู่ที่ระดับสีม่วงขั้นสูง อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะข้ามระดับสีน้ำตาล เนี่ยฟงมอบแก่นพลังปราณของสัตว์อสูรมีพิษให้แก่หยางเวยหลายสิบก้อน เนี่ยฟงจัดการวาดวงอักขระศักดิ์สิทธิ์แปรสภาพเพื่อให้หยางเวยดูดซับโดยง่ายเช่นเดียวกับครั้งก่อน
กลางวันทั้งสองก็ล่าสังหารสัตว์อสูร ช่วงกลางคืนก็ดูดซับพลังปราณ เช้าของวันที่เจ็ดทั้งสองก็พบเจอบางอย่างในขณะที่กำลังพุ่งทะยานไปยามพื้นเพื่อหาสัตว์อสูร ด้านหน้ามีกลิ่นคาวเลือดโชยมาตามลม ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในบริเวณก็พบกับสภาพที่เสียหายยับเยินจากการต่อสู้ มีศพของคนจากสำนักพยัคฆ์สายลมนอนตายมากกว่าสี่ศพ หยางเวยจดจำคนทั้งสี่ได้ มีคนผู้หนึ่งอยู่ในอันดับเจ็ดสิบแปด
“ต้องเป็นพวกสำนักกิเลนไฟเป็นแน่ คงพึ่งตายได้ไม่นาน เราจะทำอย่างไรดีเนี่ยฟง”
“ตอนนี้เจ้ายังไม่พร้อมหยางเวย รอให้เจ้ามีระดับปราณถึงขั้นสีน้ำตาลก่อนค่อยว่ากันอีกที หากพบเจอพวกมันตอนนี้เกรงว่าเราจะลำบาก”
“แล้วจะทำอย่างไรกับซากศพพวกนี้ดี”
“ให้ข้าจัดการเอง”
เนี่ยฟงก็โบกสะบัดมือนำเทผงบางอย่างลงไปในซากศพ ไม่นานก็หลอมละลายหายไปไม่เหลือซาก หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็พุ่งทะยานต่อไป ไม่ถึงสามเค่อก็ได้ยินเสียงต่อสู้ด้านหน้า เนี่ยฟงและหยางเวยรีบพุ่งทะยานขึ้นไปบนกิ่งไม้ ทั้งสองกระโดดไปมาตามกิ่งไม้แทน ไม่นานก็พบเจอการต่อสู้ด้านหน้า เป็นคนของสำนักกิเลนไฟหกคน ต่อสู้กับคนของสำนักพยัคฆ์สายลมหกคนอยู่ มีคนของสำนักพยัคฆ์สายลมถูกทำร้ายบาดเจ็บหนังสองคน ทั้งสี่กำลังตกอยู่ในวงล้อม เนี่ยฟงสะบัดมือนำหน้าไม้ออกมาถือไว้ หยางเวยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เนี่ยฟงเจ้าจะไม่ลงไปด้านล่างรึ”
“เจ้าลงไปเถอะ ข้าจะคุ้มกันเจ้าเอง ระวังปราณของเจ้าด้วย”
“ได้เช่นนั้นข้าจะจัดการเองเจ้าไว้ใจข้าได้”
เมื่อกล่าวตอบรับเสร็จหยางเวยก็นำมีดอันแปลกประหลาดออกมา พุ่งทะยานลงไปด้านล่างอย่างลดเร็ว เคร้ง หยางเวยลงไปสกัดดาบที่กำลังฟันมาที่ด้านหลังศิษย์สำนักผู้หนึ่ง ฟิ้ว ลูกศรหน้าไม้พุ่งเข้ามาปักศีรษะของคนของสำนักกิเลนไฟที่หยางเวยกำลังต้านรับดาบอยู่ ไม่นานลูกศรหน้าไม้ก็พุ่งเข้าโจมตีคนสำนักกิเลนไฟ หยางเวยเมื่อได้โอกาสก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว มีดในมือกรีดผ่านลำคอคนของสำนักกิเลนไฟตกตายไปอีกหนึ่ง ทันทีที่คนหนึ่งล้มลงหยางเวยก็พุ่งเข้าสังหารคนอีกผู้หนึ่ง ไม่นานคนของสำนักกิเลนไฟก็ถูกสังหารทั้งหมด เนี่ยฟงพุ่งทะยานลงมาจากกิ่งไม้ พร้อมกับนำยาออกมารักษาผู้บาดเจ็บพร้อมกับสอบถามอาการ
“พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“พวกข้าขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมาก”
“ไม่เป็นไรเราคนสำนักเดียวกัน อย่าได้ใส่ใจ ว่าแต่เหตุใดพวกเจ้าถึงพบเจอพวกมันที่นี่”
“พวกเรากำลังติดตามสัตว์อสูรตัวหนึ่งมา ระหว่างทางก็พบเจอคนพวกนี้ขวางทางไว้ พวกข้าจึงสู้พร้อมกับหลบหนีมา”
ไม่นานหยางเวยก็กลับมาพร้อมกับแหวนของคนสำนักกิเลนไฟทั้งหก หยางเวยมอบแหวนทั้งหกให้ชายผู้หนึ่งที่มีอันดับหกสิบสองในทำเนียบการต่อสู้
“พวกเจ้ารับไปเถอะ อีกอย่างหาที่รักษาตัวและรวมกลุ่มกันเอาไว้ ข้าคิดว่าพวกมันคงหาทางเล่นงานคนของสำนักเราอีกแน่ เพราะระหว่างทางพวกข้าพบศพของศิษย์สำนักเราถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม”
“ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมาก”
เนี่ยฟงมอบยารักษาบาดแผลไว้อีกสิบเม็ด ในระหว่างนั้นศิษย์สำนักผู้หนึ่งตรวจสอบแหวนก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“บัดซบเป็นแบบนี้เอง ถึงว่าพวกมันถึงดักสังหารพวกเราได้ ไอ้พวกสารเลวพวกมันมีแผนที่อักขระศักดิ์สิทธิ์ พวกมันรู้ตำแหน่งพวกเราจากป้าย”
เนี่ยฟงรีบเดินเข้ามาดูด้วยความสงสัย พบเป็นแผ่นหนังเปล่าทันทีที่ส่งพลังปราณลงไป มันจะปรากฏเป็นแผนที่ออกมา มีจุดสีแดง สีเหลือง และสีฟ้า
“พวกเจ้าลองตรวจสอบในแหวนดูว่ามีแผ่นหนังแบบนี้อีกหรือไม่”
ศิษย์สำนักที่มีแหวนของสำนักกิเลนไฟตรวจสอบพบว่าไม่มีแล้ว หยางเวยคิดขึ้นมาได้ว่าเคยสังหารคนของสำนักกิเลนไฟไป จึงนำแหวนออกมาตรวจสอบพบว่ามีแผ่นหนังคล้ายกัน เมื่อส่งพลังปราณเข้าไปก็พบว่ามันเป็นแผนที่อักขระศักดิ์สิทธิ์ หยางเสยจึงนำมันมาให้เนี่ยฟงดู เนี่ยฟงคืนแผนที่อักขระศักดิ์สิทธิ์แก่ศิษย์สำนักคนเดิม
“เอาละเช่นนั้นพวกข้าคงต้องไปก่อน พวกเจ้าเดินทางกันให้ดีละ หมั่นตรวจสอบแผนที่ ถ้าจะให้ดีพวกเจ้าต้องรวมกลุ่มกัน”
“ได้ พวกข้าขอบใจพวกเจ้าทั้งสองอีกครั้ง”
หลังจากร่ำลากันเสร็จทั้งสองก็พุ่งทะยานออกมา
“เนี่ยฟงเราจะทำอย่างไรกันต่อดี”
“รอเจ้าไปถึงระดับสีน้ำตาลเมื่อไรพวกเราจะไปล่าสังหารพวกมัน”
“ดีทำตามที่เจ้าว่าเถอะ”
เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งสองก็กลับมายังถ้ำเดิมอีกครั้งเพื่อปิดด่านรอหยางเวยพลังปราณระดับสีน้ำตาล หยางเวยนั่งโคจรลมปราณดูดซับพลังจากแก่นพลังปราณและกินเม็ดยาเพิ่มพลังปราณที่มีอยู่จำนวนมหาศาล เนี่ยฟงใช้เวลาในการแก้ไขบางอย่างในแผนที่และป้าย ผ่านพ้นไปอีกสองวัน ในที่สุดหยางเวยก็ข้ามระดับมาที่สีน้ำตาลขั้นหนึ่ง ส่วนเนี่ยฟงก็แก้ไขบางอย่างจนแผนที่ไม่สามารถระบุตำแหน่งของตนเองได้ หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็แก้ไขอักขระศักดิ์สิทธิ์บนป้ายของหยางเวยเช่นกัน ทั้งสองก็ไม่มีจุดปรากฏในแผนที่อีก ในระหว่างนั้นเนี่ยฟงก็แสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“หยางเวยเจ้าพร้อมแล้วหรือไม่”
“แน่นอน เช่นนั้นพวกเราไปเถอะ ไปสังหารพวกสำนักกิเลนไฟบัดซบนั้น”
ทันทีที่ออกจากถ้ำทั้งสองก็พุ่งทะยานไปตามกิ่งไม้ออกไปทางทิศเหนือไม่ถึงสองชั่วยามก็เจอคนของสำนักกิเลนไฟห้าคนนั่งพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีคนผู้หนึ่งกางแผนที่ออกมาดู ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดเนี่ยฟงนำหน้าไม้ออกมาเล่นเดิม ส่วนหยางเวยก็นำมีดอันแปลกประหลาดออกมาเช่นกัน ทันทีที่เนี่ยฟงยิงหน้าไม้ออกไป หยางเวยก็พุ่งลงกิ่งไม้ ฟันมีดออกไป ปราณมีดสีม่วงพุ่งเข้าหากลุ่มคนของสำนักกิเลนไฟอย่างรวดเร็ว ตูม ฝุ่นควันฟุ้งกระจายพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด