ตอนที่ 6 ข้าก็แค่ใช้ได้แต่เคล็ดวิชาขั้นสุดยอดได้ก็เท่านั้น
ตอนที่ 6 ข้าก็แค่ใช้ได้แต่เคล็ดวิชาขั้นสุดยอดได้ก็เท่านั้น
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
เหล่ายอดฝีมือทั้งสิบรู้ถึงอันตรายที่จะตามมาได้ดี
ในการต่อสู้เมื่อครั้งก่อน จีเทียนเด๋าได้ใช้เพียงอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีเพียงเท่านั้น ตัวเขาในตอนนั้นไม่ได้ใช้กระบวนท่าอื่นๆ ที่ทรงพลังเลย แต่การต่อสู้ในครั้งนี้ต่างออกไป ปรมาจารย์วายร้ายคนนั้นได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาออกมาทั้งหมดอย่างไม่หยุดยั้ง พวกเขาเหล่ายอดฝีมือหมดหวังที่จะเอาชนะได้แล้วนั่นเอง
แต่สิ่งอื่นที่เหนือกว่ายอดเคล็ดวิชานั่นก็คือตาเฒ่าคนนั้นดูสบายผิดปกติ
ใช่แล้วเขาได้ใช้สุดยอดทักษะทั้งหมดด้วยท่าทีที่ดูสบายๆ
ลู่โจวในตอนนี้พบอะไรบางอย่างที่น่าสนใจเข้าให้แล้ว กุญแจสำคัญที่สุดของการใช้พลังร่างสุดยอดนี้คงจะเป็นพลังที่ได้นั่นเอง เมื่อใดก็ตามที่ตัวเขาใช้เคล็ดวิชาอะไรขึ้นมา ระดับของมันก็จะกลายเป็นระดับสูงสุดไปในทันที
ผลที่ได้นั้นช่างเป็นอะไรที่คุ้มค่าสำหรับตัวเขาจริงๆ นี้คือประสบการณ์ทั้งหมดจากการใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอด
นี่เป็นของพิเศษ!
ลู่โจวตัดสินใจที่จะใช้มันเมื่อในยามที่จำเป็นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็มีการ์ดแบบนี้เหลืออีกแค่ 2 ใบเท่านั้น
ถ้าหากจะต้องใช้จริงๆ ละก็...ลู่โจวก็คงจะต้องจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด
กระบวนท่ายุทธพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้สังหารผู้ฝึกยุทธ์ไปกว่าหลายร้อยคน ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ที่เหลือทำได้เพียงแค่หวาดกลัวเท่านั้น บางคนจนปัญญาจนยอมแพ้ไปแล้ว เนื่องจากการใช้พลังในร่างสุดยอด ลู่โจวจึงไม่อยากที่จะเสียโอกาสนี้ไป เขาเริ่มรีดเร้นพลังทั้งหมดก่อนที่จะจัดการผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกทิ้งเอาไว้
หลังจากที่ใช้พลังกวาดล้างเหล่าศัตรูไป ตัวลู่โจวก็ได้มองไปรอบตัว ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายต่างก็ล่าถอยกันไปหมดแล้ว
จะมีใครกล้าอยู่ที่นี่ต่อได้ยังไงกัน? แม้แต่เหล่ายอดฝีมือทั้งสิบก็ยังถอยกันไปหมดแล้ว
ฝูงเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ได้แตกออกจากกันราวกับเป็นพวกมดที่กำลังหนีการบดขยี้อยู่
ลู่โจวที่เหลืออยู่เพียงลำพังได้ใช้ทักษะการเคลื่อนย้ายแบบเดิมอีกครั้ง ในเวลาเพียงไม่นานเขาก็สามารถตามเหล่ายอดฝีมือทั้งสิบคนหนึ่งได้ทัน ลู่โจวได้จ้องไปที่พวกนั้นอย่างโกรธแค้น
"คิดจะหนีอย่างงั้นหรอ? น่าเสียดายนะ แต่พวกแกมันช้าเกินไป!" ลู่โจวได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วดุจดั่งสายฟ้าฟาด ตัวเขาพุ่งไปกลางอากาศโดยทิ้งไว้เพียงเงาที่เหลืออยู่เพียงเท่านั้น เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วเหล่าสาวกวายร้ายทั้งหมดของเขาก็ได้แต่ตกตะลึงเท่านั้น
ด้วนมูเฉิงเป็นคนที่ตื่นตระหนกก่อนที่จะพึมพำออกมา "ท่านอาจารย์ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์อย่างจิตวิญญาณตามล่าสินะ"
"ศะ-ศิษย์พี่สาม ตะ-ตะ-ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี..." หมิงซี่หยินที่เป็นคนที่มีไหวพริบมากที่สุดพูดออกมาอย่างร้อนรน ตอนนี้ตั้งแต่เปลือกตาของเขารวมไปถึงตัวเหลือแต่เพียงความตื่นกลัวเพียงเท่านั้น
"ข้าเองจะไปรู้ได้ยังไงกัน?"
"ทำไมพวกเราไม่หนีไปเลยล่ะ?" จ้าวยู่ได้เสนอทางออกมาอย่างกล้าหาญ
ศิษย์น้องคนที่เก้าที่ได้ฟังทุกอย่างรีบพูดขึ้นมา "ศิษย์พี่ชาย ศิษย์พี่หญิงฟังข้าทีนะ ถ้าหากดูเคล็ดวิชาที่ท่านอาจารย์ใช้แล้ว พวกศิษย์พี่คงจะหนีรอดจากท่านอาจารย์ไปไม่ได้แน่
"..."
ความรู้สึกสิ้นหวังได้ฝังลึกลงไปในใจของพวกเขา
เหตุผลที่ว่าเคล็ดวิชาจิตวิญญาณตามล่าเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์เป็นเพราะว่าเคล็ดวิชานี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถตามตัวเป้าหมายในเวลาอันสั้นได้ จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเคล็ดวิชานี้ก็คือพลังงานที่ใช้นั่นเอง การใช้เคล็ดวิชานี้ทำให้ผู้ใช้สูญเสียพลังไปเป็นจำนวนมาก
ศิษย์ทั้งหมดต่างก็รู้สึกประหลาดใจกับเคล็ดวิชาที่ท่านอาจารย์ได้ใช้ พวกเขาต่างก็ไม่คิดเลยว่าท่านอาจารย์จะยังใช้สุดยอดวิชาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ได้
ตอนนี้เหล่าสาวกทั้งหลายต่างก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เป็นอาจารย์ของพวกเขาถึงปล่อยให้ศัตรูกล้าดูถูกตัวเขาถึงเพียงนี้ ท่านอาจารย์ได้ปล่อยให้ศัตรูทั้งหลายย่างกายมาที่เชิงเขาของภูเขาทองได้ และหนำซ้ำท่านอาจารย์ยังปล่อยให้ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รองทรยศตัวเขาอีกด้วย ทั้งๆ ที่ท่านอาจารย์ในตอนนี้ก็ยังคงมีพลังมหาศาลอยู่
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงพวกเขาพวกเดียวเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ
"นี่คงจะตรงกับคำที่ว่ามะพร้าวยิ่งแก่ยิ่งมันสินะ ท่านอาจารย์แกล้งทำเป็นแก่เลอะเลือนที่จะหลอกล่อพวกเรา!"
"เป็นไปได้ไหมว่า...ท่านอาจารย์พยายามที่จะเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันเดิมๆ เพื่อที่จะล้อหลอกพวกเราแบบนี้กัน?"
ศิษย์ทั้งสามได้พยายามคาดเดาสาเหตุทั้งหมดที่พอจะเกิดขึ้นได้ แต่แน่นอนว่าพวกเขาก็คิดถึงสาเหตุที่แท้จริงไม่ออก ยิ่งพวกเขาคาดเดาไปมากเท่าไหร่ตัวพวกเขาเองก็จะรู้สึกกลัวอาจารย์ผู้นี้มากขึ้นเท่านั้น
ในช่วงเวลาที่ใช้จิตวิญญาณตามล่าเอง อวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีและตัวลู่โจวเองก็หายไปพร้อมกัน
ในขณะเดียวกันนั้น...
ลู่ฉางเฟิงที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าก็พยายามหันหลังกลับไปมองเป็นครั้งคราว เหล่าผู้ฝึกยุทธจากสำนักออร์โธดอกซ์ต่างก็วิ่งหนีไปอย่างตื่นตระหนกเหมือนฝูงแกะผู้ไร้เดียงสาที่กำลังวิ่งหนีการไล่ล่าจากหมาป่าที่แสนดุร้ายอยู่
"เอ๊ะ? ข้ามารอเจ้าอยู่ตรงนี้สักพักแล้ว ทำไมพวกเจ้าเพิ่งจะบินมาถึงกันล่ะ?"
เบื้องหน้าของพวกเขามีเจ้าของเสียงอันคุ้นหูลอยอยู่
ลู่ฉางเฟิงรีบหยุดบินอย่างทันทีก่อนที่จะพูดออกมาอย่างรวดเร็ว "ตาเฒ่ามหาวายร้าย? เขาเร็วได้ถึงขนาดนี้เลย..." ความเย็นยะเยือกได้ไหลไปตามกระดูกสันหลังของเขา
"ทำไมตาแก่นี้ถึงไล่ล่าตัวข้าแทนที่จะไล่ล่าคนอื่นกันล่ะ?" ลู่ฉางเฟิงได้แต่คิดในใจ
แต่เหมือนกับว่าความคิดของเขาจะถูกอ่านออกจนหมด ลู่โจวในตอนนั้นได้พูดขึ้นว่า "ความหยิ่งจองหองของเจ้าเมื่อก่อนหน้านี้มันหายไปไหนกันแล้วล่ะ?"
"จะ...เจ้า!" ลู่ฉางเฟิงจ้องมองไปที่เขา
"เด็กน้อยอย่างเจ้าจะทำยังไงกันนะถ้าหากข้าถูกผลักแรงๆ เข้าน่ะ?"
"..."
ลู่ฉางเฟิงในตอนนี้พยายามที่จะต่อสู้กับความกลัวภายในใจของเขา เขาได้พูดต่อไปว่า "เจ้าน่ะใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนภัยพิบัติสวรรค์โฉมใหม่ไปถึง 3 ครั้งแล้ว ถ้าหากเจ้ายังทำเป็นเท่ห์ฝืนใช้เคล็ดวิชาต่อไป พลังของเจ้าจะต้องหมดอย่างแน่นอน..เจ้าคิดว่าการใช้จิตวิญญาณตามล่าแบบนี้จะไม่ส่งผลอะไรเลยอย่างงั้นสินะ? การใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ได้มันไม่ได้ง่ายเหมือนกับการเคี้ยวข้าวหรอก แถมการใช้เคล็ดวิชาอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีเองก็ยังกินพลังงาน..."
ในตอนที่ลู่ฉางเฟิงหนีมาได้ตอนนี้ตัวเขามาไกลได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น ตัวเขาที่ไม่ทันจะได้ไปไหนก็ถูกลู่โจวมาดักหน้าซะก่อน ในพริบตานั่นเองอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของลู่โจว
ในโลกใบนี้มีผู้ฝึกยุทธ์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถฝึกเคล็ดวิชาอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีได้ ดอกบัวสีทองนั้นถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของเคล็ดวิชานี้ แน่นอนจำนวนกลีบทั้งหมดของมันก็ยังบ่งบอกถึงขั้นฝึกฝนของผู้ใช้ได้อีกดด้วย จีเทียนเด๋าเป็นเพียงคนเดียวที่มีกลีบดอกบัวมากถึง 8 ใบ!
ยิ่งไปกว่านั้นสัญลักษณ์กลีบดอกบัวทองคำทั้ง 8 เองก็ยังสมบูรณ์แบบไม่มีข้อบกพร่องอีกด้วย นั่นหมายความว่ากลีบดอกบวกทั้ง 8 สามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นกลีบดอกบัวทั้ง 9 และ 10 ได้ ซึ่งกลีบดอกบัวทองคำทั้ง 10 เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอวตารยูไลพันมือนั่นเอง...
"ข้าก็แค่ใช้ได้แต่เคล็ดวิชาขั้นสุดยอดได้ก็เท่านั้น" เสียงของลู่โจวได้หลุดรอดออกมาจากปากของเขา
ลู่ฉางเฟิงในตอนนั้นลืมที่จะต้านทานการโจมตีไปซะสนิท
ตัวเขาได้เคยต่อกรกับอวตารนั่นมาแล้ว
ความแตกต่างระหว่างอวตารดอกบัวทั้ง 7 และอวตารดอกบัวทั้ง 8 เป็นความแตกต่างที่ห่างชั้นกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้เขายังสามารถใช้ประกายดาบสวรรค์ได้อีกด้วย
ลู่ฉางเฟิงทำดีที่สุดแล้ว เขามาไกลได้เพียงแค่นี้ เขาไม่สามารถที่จะต่อต้านปรมาจารย์จอมวายร้ายที่สามารถใช้เคล็ดวิชาสูงสุดได้เลย จะมีทางไหนกัน?
"หยุด!" ลูฉางเฟิงยกมือขึ้น
"ขะ..ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ"
"ฮะ อะไรนะ?"
อวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีได้ทำลายภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่งไป
ตู้ม!
แผ่นดินถล่มฟ้าดินทลาย การฆ่าลู่ฉางเฟิงในตอนนี้ง่ายเหมือนการตบแมลงด้วยฝ่ามือ ตัวเขานั้นไม่มีทางที่จะต่อต้านพลังที่สุดยอดได้เลย ในพริบตานั่นเองลู่ฉางเฟิงก็ได้หายไปจากอากาศ ตัวเขาในตอนนี้ไม่เหลืออะไรที่ทิ้งเอาไว้บนโลกที่กว้างใหญ่ได้อีกต่อไป
ลู่โจวเหลือบมองเวลาที่ตัวเขาพอจะเหลือ ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องไปตามไล่ล่าคนอื่นอีกต่อไป ถึงแม้ว่าตัวเขาจะสามารถตามทันแต่ด้วยเวลาที่เหลืออยู่คงจะจัดการกับยอดฝีมือได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และเมื่อถึงตอนนั้นพลังร่างสุดยอดของเขาก็จะหมดไป ตัวเขาก็จะต้องกลับไปเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายอีกครั้ง
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ลู่โจวก็เข้าใจความสำคัญของการ์ดระเบิดจุดสุดยอดได้ ตัวเขาในอนาคตนั้นอาจจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายอีกครั้ง ดังนั้นตัวเขาจะต้องไม่ใช้พลังร่างสุดยอดไปอย่างเปล่าประโยชน์
เมื่อตระหนักถึงความสำคัญได้ลู่โจวก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อกลับไปที่ภูเขาทองคำที่ตัวเขาได้จากมา
…
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากออโธดอกซ์ได้หนีกระจัดกระจายไปโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยให้เหลือเอาไว้เลย ในขณะเดียวกันนั้นเหล่ายอดฝีมือที่เหลืออีกเก้าคนก็ได้บินหนีไปคนละทิศคนละทาง พวกเขาพยายามที่จะหนีออกห่างที่สุดเพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการเอาชีวิตรอด
แต่ถึงพวกเขาจะพยายามหนีแค่ไหนเหล่ายอดฝีมือทั้งหมดก็สัมผัสได้ถึงพลังอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีที่ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าได้อีกครั้ง ในตอนนั้นพวกเขาทั้งหมดก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับหนึ่งในเพื่อนของพวกเขาอย่างแน่นอน
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นเวลานาน
…
"ติ้ง! ภารกิจสำเร็จ แต้มบุญของคุณตอนนี้กลับมาเป็น 0 อีกครั้ง"
"ภารกิจหลัก ทำให้เหล่าสาวกผู้ชั่วร้ายภักดีให้ได้ ผู้ที่เป็นเหมือนกับอาจารย์ก็เป็นเหมือนกับผู้ให้ชีวิตคนที่สอง การที่เหล่าสาวกกล้าที่จะทรยศต่ออาจารย์ผู้ที่เป็นเหมือนผู้ให้กำเนิดนั้นเป็นอะไรที่แย่ยิ่งพวกพวกหมูและพวกสุนัข ทำให้สาวกทั้งหมดภักดีซะ!"
"ภารกิจ#1: เพิ่มค่าความจงรักภักดีของซีหยวนเอ๋อให้ถึง 80%"
"ภารกิจ#2: ลงโทษศิษย์ทั้งสามผู้ชั่วร้าย"
…
"ระบบนี่มันจะอะไรกันหนักกันหนา ฉันเพิ่งจะขับไล่พวกผู้ฝึกยุทธ์กว่าหมื่นคนไปได้ แทนที่มันจะให้รางวัลตอบแทนฉัน กลับให้ภารกิจมาแทนแบบนี้ แกจะไม่ให้อะไรฉันเลยอย่างงั้นหรอ"
"เคล็ดลับ#1: การ์ดระเบิดจุดสุดยอดเป็นของล้ำค่าที่จะมอบให้กับเจ้าของร่างในตอนที่เจ้าของร่างนั้นอ่อนแรงเพียงเท่านั้น โปรดใช้มันอย่างระมัดระวัง"
"เคล็ดลับ#2: โปรดทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเอง"
"หมดเวลาสำหรับการใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดเแล้ว"
และเพราะการ์ดที่เขาใช้หมดเวลาแล้ว พลังทั้งหมดที่เคยมีก็ได้หายไปจากร่างกายของลู่โจวในทันที
ความรู้สึกของการมีพลังนั้นมันช่างเป็นอะไรที่น่าเกรงขามแบบนี้ ลู่โจวได้แต่สงสัยว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่จะฝึกฝนตนจนไปถึงระดับพลังร่างสุดยอดแบบนั้นได้
สุดท้ายแล้วการ์ดพวกนี้ยังไงก็ยังเป็นการ์ด ของพวกนี้ไม่ได้ใช้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมา หากปราศจากพลังที่ได้จากการ์ดแล้วลู่โจวก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาเพียงเท่านั้น
ด้วยร่างกายที่อ่อนพลังแบบนี้ตัวเขาจึงไม่สามารถเอาชนะใครได้อย่างแน่นอน
…
เมื่อเห็นศิษย์พี่ทั้งสามได้รับบาดเจ็บ ศิษย์คนน้องอย่างหยวนเอ๋อก็รีบคุกเข่าลงทันที ลู่โจวเองในตอนนี้ก็ควบคุมอารมณ์ของเขาได้แล้ว ตัวเขาจะต้องสงบสติอารมณ์ไม่ให้เลือดร้อนเหมือนกับพวกคนหนุ่ม
"ประสบการณ์และรอบคอบ?"
ลู่โจวนึกถึงคำพูดนั้น ตัวเขาที่คิดได้ก็เอามือไขว้หลังก่อนที่จะเดินจากไป สำหรับเขาในตอนนี้สิ่งเดียวที่จะทำได้นั่นก็คือการเลียนแบบจีเทียนเด๋าในอดีต
ตอนนี้ลู่โจวได้อยู่ที่นี่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องคิดมากอีกต่อไป สิ่งเดียวที่พอจะทำได้นั่นก็คือการทำดีที่สุด
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย