บทที่ 89 แย่งชิงอำนาจ
เมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของเย่โม่ ไป๋ชาก็รีบร้อนพูดต่อ “หวงจี้มันกำลังรอฟังรายงานผลอยู่ เดี๋ยวผมจะไปรายงานกับมันว่าจับคนได้แล้ว…จากนั้นค่อยพาพวกนายเข้าไปก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
ที่เย่โม่ต้องการได้ยินคือสิ่งนี้เอง เขาหันกลับมาพูดกับอู่เสวียหมิน “พี่อู่ สลับให้มันเป็นคนขับก็แล้วกัน…ผมจะดูมันเอง เชื่อได้เลยว่ามันไม่กล้าเล่นตุกติกแน่” พูดจบเย่โม่ก็พูดกับไป๋ชาอีกครั้ง “นายขับกลับไป ตอนนี้ก็โทรศัพท์หาหวงจี้ซะ…บอกว่าทุกอย่างปกติดี”
ไป๋ชาไม่กล้าขัดคำสั่งของเย่โม่แม้แต่น้อย สำหรับคนอื่นมันอาจจะเป็นแค่การข่มขู่…แต่กับเย่โม่นั้นไป๋ชาเคยเห็นทั้งความสามารถและความโหดเหี้ยมของชายหนุ่มคนนี้กับตาตัวเองมาแล้ว แค่ขยับเพียงนิดเดียวก็ฆ่าชาย 4 คนที่มีอาวุธครบมือได้แล้ว ทั้งยังเป็นการลงมือฆ่าโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนด้วย จะอำมหิตเกินไปแล้ว! ไป๋ชากลัวว่าเย่โม่จะรู้สึกรำคาญจึงรีบพูด “หวงจี้มันเคยพูดไว้ว่าถ้าจับพวกอู่เสวียหมินได้ก็ให้บินตรงไปที่เมืองจิงเลย
เมืองจิง? อู่เสวียหมินรู้ดีว่าเฮลิคอปเตอร์เครื่องนี้ไม่มีทางบินมาจากเมืองจิงแน่นอน เมืองจิงห่างจากที่นี่ไกลถึง 2000 กิโลเมตร แล้วอย่างนี้จะบินถึงได้อย่างไร
ราวกับจะรับรู้ถึงความสงสัยของอู่เสวียหมิน ไป๋ชารีบอธิบาย “พวกเราบินมาจากฉีผิงเพื่อขัดขวางพี่ใหญ่อู่ แต่เป็นเพราะได้รับที่อยู่ของพวกนายอย่างกะทันหันจึงได้รีบขับมาที่นี่ อีกอย่างเฮลิคอปเตอร์เครื่องนี้ก็ได้รับการแต่งเครื่องมาแล้ว ถังน้ำมันของตัวเครื่องมีความจุพอจะบินได้ประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที รวมทั้งความเร็วก็เหนือกว่าเฮลิคอปเตอร์เครื่องอื่นทั่วๆ ไปมาก ตอนนี้มันถูกใช้บินมาแล้วประมาณ 20 นาที น่าจะยังบินได้อีก 2 ชั่วโมงครึ่ง หลังจากน้ำมันใกล้หมดเราก็ค่อยไปเติมน้ำมันที่วั่งชวน แล้วจากนั้นค่อยบินไปเมืองจิงในรอบเดียวเลย”
พูดถึงตรงนี้ไป๋ชาก็หยุดไปชั่วครู่ จากนั้นค่อยพูดต่อ พี่ใหญ่อู่คงรู้ว่าที่วั่งชวนมีสาขาเติมน้ำมันของ ‘เที่ยเจียง’ อยู่ ด้วยสาเหตุที่ว่าเฮลิคอปเตอร์เครื่องนี้ถูกดัดแปลงมาแล้ว…มีชิ้นส่วนอยู่หลายอย่างที่ล้ำกว่าปกติทั่วไป ดังนั้นแล้วปั๊มเติมน้ำมันทั่วไปจึงใช้กับเครื่องนี้ไม่ได้ ถึงจะพอฝืนใช้ได้บ้างแต่กลัวว่าอาจจะเกิดปัญหาระหว่างทางได้”
อู่เสวียหมินพยักหน้า “ถ้างั้นเอาอย่างนี้ นายขับตรงไปเมืองจิงเลยเถอะ” เขาพอจะรู้เรื่องปั๊มเติมน้ำมันของ ‘เที่ยเจียง’ ในวั่งชวนอยู่บ้าง
เย่โม่เคยศึกษาแผนที่จึงเคยเห็นเมืองจิงมาก่อน มันอยู่ติดกับเมืองวลาดิวอสตอคของประเทศรัสเซีย และถือว่าอยู่ไม่ไกลจากประเทศเกาหลีเหนือ ทั้งยังถือได้ว่าเป็นเมืองชายแดน...แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจึงจะเดินทางไปถึงเมืองจิงได้ เย่โม่ก้มลงมองรถ SUV ที่กำลังลุกเป็นไฟ กว่าพวกมันจะรู้ว่ามีใครอยู่ในรถบ้างก็คงต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง กว่าจะถึงตอนนั้นเขาคงจัดการหวงจี้เสร็จแล้ว
แล้วก็เป็นอย่างที่ไป๋ชาว่าไว้ หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมงเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาก็ลงจอดที่ปั๊มเติมน้ำมันวั่งชวน พวกเขาสืบข่าวที่นี่...ปรากฏว่าตอนนี้ยังไม่มีใครสงสัยอะไร หลังออกมาจากปั๊มน้ำมันท้องฟ้าก็ยังมืดอยู่เลย
ช่วง 7 โมงเช้าตอนที่พระอาทิตย์เพิ่งโผล่ออกมาลิบๆ เฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาก็ลงจอดตรงคฤหาสน์ใหญ่ส่วนตัวหลังหนึ่ง เฮลิคอปเตอร์ลำนี้บินได้รวดเร็ว เย่โม่คาดว่ามันสามารถเดินทางด้วยความเร็ว 430 – 500 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว
ตอนแรกเย่โม่เคยคิดเอาไว้ว่าคฤหาสน์หลังที่เขาตามเหวินตงไปทำภารกิจตอนนั้นก็ใหญ่มากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว...ถือว่าเล็กไปถนัด
พอคิดถึงเหวินตงแล้ว เย่โม่ก็นึกถึงโมเดลรูปร่างประหลาดและเอกสารข้อมูลพวกนั้น จนถึงตอนนี้พวกมันยังนอนกองอยู่ในกระเป๋าของเขาอยู่เลย...เขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกมันใช้ทำอะไร และก็ไม่คิดสนใจด้วย
อู่เสวียหมินเห็นเย่โม่มองมาทางเขา ก็เหมือนจะรู้ว่าเย่โม่กำลังคิดอะไรอยู่ เขาส่ายหัว “คนในคฤหาสน์หลังนี้ส่วนใหญ่เป็นคนของหวงจี้ ส่วนคนของฉันหวงจี้มันไม่โอนมาถึงที่นี่หรอก แต่ก็มีบางส่วนเหมือนกันที่จกรักภักดีต่อ ‘เที่ยเจียง’ เท่านั้น ไม่ใช่คนสนิทของหวงจี้”
“หวงจี้ออกมาแล้ว!” ตอนนั้นเองที่อู่เสวียหมินเห็นว่ามีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากคฤหาสน์
เย่โม่หันมามองคนที่อู่เสวียหมินพูดถึง อายุ 50 กว่าๆ ดวงตา 3 เหลี่ยม รูปร่างอ้วนท้วม ตรงหน้าผากของเขาตอนนี้ไม่มีเส้นผมเหลืออยู่แล้ว บนร่างสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวใหญ่ ส่วนด้านหลังก็มีบอร์ดี้การ์ดเดินตามมา 2 คน
“เอาผมลงไปหน่อย” เย่โม่พูดเสียงเย็นกับไป๋ชา ตอนแรกเขากำลังคิดอยู่เลยว่าจะเข้าไปหาหวงจี้ด้วยตัวเอง...และต้องมีคนมาขัดขวางเขาแน่ เย่โม่กำลังลังเลว่าจะต้องเปิดศึกฆ่าครั้งใหญ่หรือไม่...ตัวหวงจี้กลับเดินออกมาเองเสียนี่
“ฮ่า! ฮ่า! อู่เสวียหมิน…แกถึงกับกล้าเล็งตำแหน่งของข้าเรอะ! แม้แต่สาวที่ข้าเล็งไว้ยังกล้าขโมยไปอีก! ข้ายอมไม่หลับไม่นอนทั้งคืนเพื่อรอแกวันนี้เลยทีเดียวนะ! แกรอดชีวิต 1 วันก็เท่ากับข้าไม่อาจสงบใจได้เพิ่มอีกวัน...” เสียงหัวเราะแหบๆ ดังขึ้น ความหยิ่งผยองเชื่อมันในตัวเองแสดงออกมาผ่านน้ำเสียงจนหมด ในความคิดของหวงจี้นั้น...ลูกน้องมือดีไม่กี่คนพร้อมปืนกลมือ AKและเฮลิคอปเตอร์ นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะขัดขวางและพาตัวหญิงสาวคนหนึ่งกับอู่เสวียหมินมา ไม่ควรจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
หวงจี้มองเห็นไป๋ชาและชายหนุ่มอีกคนที่เขาไม่รู้จักเดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ แต่หลังจากนั้นกลับไม่มีใครลงมาจากเฮลิคอปเตอร์อีกแล้ว เขาเกิดรู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาอย่างกะทันหันจนต้องหยุดเท้าของตัวเอง มองไปยังไป๋ชาแล้วถามขึ้น “คนข้างหลังแกเป็นใคร? หยุดตรงนั้นแหละ! อย่าเพิ่งขยับ!”
เสียงของหวงจี้เพิ่งดังจบ บอร์ดี้การ์ดข้างหลังทั้ง 2 ของเขาก็ก้าวมาข้างหน้าเตรียมจะขวางพวกไป๋ชาและเย่โม่
ในเมื่อมาถึงที่แล้ว เย่โม่ก็ไม่เกรงใจอะไรอีก…ปัญหาของเขามีมากเกินกว่าจะมาสนใจเรื่องพวกนี้ ตะปู 2-3 ตัวในมือพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว บอร์ดี้การ์ดทั้ง 2 ไม่ทันแม้แต่จะได้ส่งเสียงร้อง...หว่างคิ้วของพวกเขาก็มีเลือดทะลักออกมา ล้มลงกับพื้นตายตกไปทันที ไป๋ชาที่เห็นภาพตรงหน้าก็รู้สึกแผ่นหลังเย็นเยียบ…เขาเห็นรูปแบบวิธีการฆ่าคนมาก็ตั้งมาก แต่เขาไม่เคยเห็นวิธีอันเรียบง่ายและได้ผลในการฆ่าคนแบบที่เย่โม่ทำเลย นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ปฏิกิริยาตอบสนองของหวงจี้ถือว่ารวดเร็ว เขารู้ทันทีว่าท่าไม่ดีแล้ว มือข้างหนึ่งคว้าไปที่ปืนทันที ทว่าเย่โม่กลับไม่แม้แต่จะให้โอกาสกับเขา ตะปูในมือพุ่งทะยานออกไปอีกครั้ง
ก่อนตายหวงจี้ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ...ว่าตัวเองจะมาตายง่ายๆ แบบนี้ ต่อให้มีคนถือปืนบุกเข้ามาเขาก็ยังไม่ตายง่ายๆ แบบนี้เลยด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้เขากลับถูกอีกฝ่ายโบกมือเขาก็ตายแล้ว ถึงจะรู้สึกไม่ยินยอมแต่สติของเขาก็ได้หลุดลอยไปเสียแล้ว
เวลานั้นเองที่มีชายกว่า 10 ชีวิตที่ในมือพร้อมไปด้วยมีดดาบตรงเข้ามาล้อมกรอบพวกเย่โม่ ขณะที่เย่โม่เตรียมจะลงมือเปิดฉากฆ่าครั้งใหญ่นั้นเอง เสียงของอู่เสวียหมินก็ดังมาจากทางด้านหลังในทันที “ตอนนี้ที่นี่ฉันคุมแล้ว! หรือว่าพวกนายคิดจะก่อกบฏ!?”
เหตุการณ์จึงค่อยสงบลง มีหลายคนที่ยังลังเลว่าควรจะลงมือดีหรือไม่ แต่ก็มีอยู่ 2-3 คนที่ยกปืนขึ้นเตรียมจะยิง ทว่านิ้วมือของพวกมันยังไม่ทันได้ลั่นไกก็ถูกเย่โม่ฆ่าตายเสียก่อน
ตัวอู่เสวียหมินเองก็ยังพอจะมีอิทธิพลหลงเหลืออยู่บ้าง นอกจากพวกลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของหวงจี้แล้ว...คนที่เหลือส่วนมากก็ยังซื่อสัตย์ต่อ ‘เที่ยเจียง’ เพียงเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ว่าหากหวงจี้ตายแล้วใครจะมารับช่วงต่อนั้น...พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก สงครามระหว่างหวงจี้และอู่เสวียหมินพวกเขาเองก็พอจะรู้มาบ้าง พวกเขาเห็นเรื่องแบบนี้มามากแล้ว
ในวันที่อู่เสวียหมินฆ่าหวงจี้ตายนั้นเอง...ทางเที่ยชานก็มีคำสั่งลงมาให้อู่เสวียหมินรับตำแหน่งแทนที่หวงจี้ รวมทั้งเหล่าลูกน้องของอู่เสวียหมินก็ค่อยๆ กลับเข้ามาทีละคนๆ จนทำให้ตำแหน่งของอู่เสวียหมินมั่นคงในที่สุด
..........
ณ คฤหาสน์อันหรูหราแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในย่านมงก๊ก ประเทศฮ่องกง มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ฝั่งตรงข้ามกันของเขาคือนักพรตรูปหนึ่งอายุราว 50 กว่าๆ เวลานี้ทั้ง 2 กำลังนั่งลิ้มรสชากันอยู่ ชายวัยกลางคนผู้นี้คือหัวหน้าของ ‘เที่ยเจียง’…เที่ยชานนั่นเอง หากเขาไม่พูดออกมาล่ะก็ เกรงว่าจะไม่มีใครรับรู้เลยว่าอันดับ 2 ของแก๊งค์ก็คือนักพรตที่นั่งอยู่ด้วยกันกับเขานี่เอง
นักพรตที่นั่งอยู่ตรงข้ามเที่ยชานก็คือรองหัวหน้าแก๊งค์ ‘เที่ยเจียง’ นั่นเอง พลังฝีมือของเขาเหนือกว่าเที่ยชานไปไม่รู้ตั้งกี่เท่า ทว่าตัวเขากลับไม่มีความสนใจในอิทธิพลอำนาจสักเท่าไหร่ เขาทุ่มเทพลังส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝน นอกจากเรื่องใหญ่โตภายในแก๊งค์แล้ว...นักพรตรูปนี้ก็มักจะไม่ปรากฏตัวออกมา
ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใด ‘หนานชิง’ จึงไม่แตะต้อง ‘เที่ยเจียง’ แม้แต่นิดเดียว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอิทธิพลอำนาจของ ‘เที่ยเจียง’ แต่อย่างใด สาเหตุคือนักพรตรูปนี้เอง
“อู่เสวียหมินทำได้ไม่เลวเลย หมากตานี้ของนายผิดพลาดแล้ว” จิบชาไปอึกหนึ่ง นักพรตที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็พูดขึ้น
เที่ยชานเงียบไปครู่หนึ่งจึงค่อยพูดขึ้น “ตอนแรกฉันนึกว่าอย่างดีที่สุดอู่เสวียหมินก็ทำได้แค่หนีการตามล่าของหวงจี้เท่านั้น ตอนที่ได้ยินว่าอู่เสวียหมินมันพาผู้หญิงไปด้วย...ฉันก็ไม่หวังอีกแล้วว่ามันจะมีชีวิตรอด คิดไม่ถึงว่ามันจะจัดการหวงจี้ลงได้แบบนี้ หวงจี้เองหลายปีมานี้ยิ่งนานวันก็ยิ่งถดถอย ‘เที่ยเจียง’ ต้องการคนเลือดใหม่ๆ ก็หวังแค่ว่าอู่เสวียหมินคนนี้จะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ไม่อย่างนั้นล่ะก็...มันก็ต้องกลายเป็นหวงจี้คนถัดไป”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้...สีหน้าอารมณ์ของเที่ยชานกลับไม่มีระลอกคลื่นความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ราวกับว่าเรื่องราวมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่งเที่ยชานจึงพูดต่อ “ได้ยินมาว่าเชียนไป๋เฮ่อมันเกิดคลั่งเพราะลูกชายคนเดียวของมันตาย ทางที่ดีมันอย่าได้คิดจะมายุ่งวุ่นวายกับ ‘เที่ยเจียง’ ของฉันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเที่ยชานคนนี้ไม่ยอมมันแน่!”
“เรื่องนี้นายไม่ต้องกังวลไป...อีกไม่นานฉันก็จะฝ่าด่านได้แล้ว ครั้งนี่แค่ออกมาผ่อนคลายจิตใจเท่านั้น เพื่อจะได้มีสมาธิเต็มร้อย หากสำเร็จเมื่อไหร่ล่ะก็...ฉันจะไปเยี่ยมเยียนเชียนหลงโถวสักรอบ เชื่อว่าเชียนหลงโถวคนนี้น่าจะเข้าใจจุดยืนของตัวเองแน่นอน” น้ำเสียงของนักพรตแผ่วเบา ทว่าก็แฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบอันยากจะต้านทานสงสัย