ตอนที่แล้วบทที่ 88 คงมาส่งเครื่องบินให้พวกเรามั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 90 แผนการ

บทที่ 89 แย่งชิงอำนาจ


เมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของเย่โม่  ไป๋ชาก็รีบร้อนพูดต่อ  “หวงจี้มันกำลังรอฟังรายงานผลอยู่  เดี๋ยวผมจะไปรายงานกับมันว่าจับคนได้แล้ว…จากนั้นค่อยพาพวกนายเข้าไปก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”

ที่เย่โม่ต้องการได้ยินคือสิ่งนี้เอง  เขาหันกลับมาพูดกับอู่เสวียหมิน  “พี่อู่  สลับให้มันเป็นคนขับก็แล้วกัน…ผมจะดูมันเอง  เชื่อได้เลยว่ามันไม่กล้าเล่นตุกติกแน่”  พูดจบเย่โม่ก็พูดกับไป๋ชาอีกครั้ง  “นายขับกลับไป   ตอนนี้ก็โทรศัพท์หาหวงจี้ซะ…บอกว่าทุกอย่างปกติดี”

ไป๋ชาไม่กล้าขัดคำสั่งของเย่โม่แม้แต่น้อย  สำหรับคนอื่นมันอาจจะเป็นแค่การข่มขู่…แต่กับเย่โม่นั้นไป๋ชาเคยเห็นทั้งความสามารถและความโหดเหี้ยมของชายหนุ่มคนนี้กับตาตัวเองมาแล้ว  แค่ขยับเพียงนิดเดียวก็ฆ่าชาย 4 คนที่มีอาวุธครบมือได้แล้ว  ทั้งยังเป็นการลงมือฆ่าโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนด้วย  จะอำมหิตเกินไปแล้ว!  ไป๋ชากลัวว่าเย่โม่จะรู้สึกรำคาญจึงรีบพูด  “หวงจี้มันเคยพูดไว้ว่าถ้าจับพวกอู่เสวียหมินได้ก็ให้บินตรงไปที่เมืองจิงเลย

เมืองจิง?  อู่เสวียหมินรู้ดีว่าเฮลิคอปเตอร์เครื่องนี้ไม่มีทางบินมาจากเมืองจิงแน่นอน  เมืองจิงห่างจากที่นี่ไกลถึง 2000 กิโลเมตร  แล้วอย่างนี้จะบินถึงได้อย่างไร

ราวกับจะรับรู้ถึงความสงสัยของอู่เสวียหมิน  ไป๋ชารีบอธิบาย  “พวกเราบินมาจากฉีผิงเพื่อขัดขวางพี่ใหญ่อู่  แต่เป็นเพราะได้รับที่อยู่ของพวกนายอย่างกะทันหันจึงได้รีบขับมาที่นี่  อีกอย่างเฮลิคอปเตอร์เครื่องนี้ก็ได้รับการแต่งเครื่องมาแล้ว  ถังน้ำมันของตัวเครื่องมีความจุพอจะบินได้ประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที  รวมทั้งความเร็วก็เหนือกว่าเฮลิคอปเตอร์เครื่องอื่นทั่วๆ ไปมาก  ตอนนี้มันถูกใช้บินมาแล้วประมาณ 20 นาที  น่าจะยังบินได้อีก 2 ชั่วโมงครึ่ง  หลังจากน้ำมันใกล้หมดเราก็ค่อยไปเติมน้ำมันที่วั่งชวน  แล้วจากนั้นค่อยบินไปเมืองจิงในรอบเดียวเลย”

พูดถึงตรงนี้ไป๋ชาก็หยุดไปชั่วครู่  จากนั้นค่อยพูดต่อ  พี่ใหญ่อู่คงรู้ว่าที่วั่งชวนมีสาขาเติมน้ำมันของ ‘เที่ยเจียง’ อยู่  ด้วยสาเหตุที่ว่าเฮลิคอปเตอร์เครื่องนี้ถูกดัดแปลงมาแล้ว…มีชิ้นส่วนอยู่หลายอย่างที่ล้ำกว่าปกติทั่วไป  ดังนั้นแล้วปั๊มเติมน้ำมันทั่วไปจึงใช้กับเครื่องนี้ไม่ได้  ถึงจะพอฝืนใช้ได้บ้างแต่กลัวว่าอาจจะเกิดปัญหาระหว่างทางได้”

อู่เสวียหมินพยักหน้า  “ถ้างั้นเอาอย่างนี้  นายขับตรงไปเมืองจิงเลยเถอะ”  เขาพอจะรู้เรื่องปั๊มเติมน้ำมันของ ‘เที่ยเจียง’ ในวั่งชวนอยู่บ้าง

เย่โม่เคยศึกษาแผนที่จึงเคยเห็นเมืองจิงมาก่อน  มันอยู่ติดกับเมืองวลาดิวอสตอคของประเทศรัสเซีย และถือว่าอยู่ไม่ไกลจากประเทศเกาหลีเหนือ  ทั้งยังถือได้ว่าเป็นเมืองชายแดน...แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจึงจะเดินทางไปถึงเมืองจิงได้  เย่โม่ก้มลงมองรถ SUV ที่กำลังลุกเป็นไฟ  กว่าพวกมันจะรู้ว่ามีใครอยู่ในรถบ้างก็คงต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง  กว่าจะถึงตอนนั้นเขาคงจัดการหวงจี้เสร็จแล้ว

แล้วก็เป็นอย่างที่ไป๋ชาว่าไว้  หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมงเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาก็ลงจอดที่ปั๊มเติมน้ำมันวั่งชวน  พวกเขาสืบข่าวที่นี่...ปรากฏว่าตอนนี้ยังไม่มีใครสงสัยอะไร  หลังออกมาจากปั๊มน้ำมันท้องฟ้าก็ยังมืดอยู่เลย

ช่วง 7 โมงเช้าตอนที่พระอาทิตย์เพิ่งโผล่ออกมาลิบๆ  เฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาก็ลงจอดตรงคฤหาสน์ใหญ่ส่วนตัวหลังหนึ่ง  เฮลิคอปเตอร์ลำนี้บินได้รวดเร็ว  เย่โม่คาดว่ามันสามารถเดินทางด้วยความเร็ว 430 – 500 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว

ตอนแรกเย่โม่เคยคิดเอาไว้ว่าคฤหาสน์หลังที่เขาตามเหวินตงไปทำภารกิจตอนนั้นก็ใหญ่มากแล้ว  แต่เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว...ถือว่าเล็กไปถนัด

พอคิดถึงเหวินตงแล้ว  เย่โม่ก็นึกถึงโมเดลรูปร่างประหลาดและเอกสารข้อมูลพวกนั้น  จนถึงตอนนี้พวกมันยังนอนกองอยู่ในกระเป๋าของเขาอยู่เลย...เขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกมันใช้ทำอะไร  และก็ไม่คิดสนใจด้วย

อู่เสวียหมินเห็นเย่โม่มองมาทางเขา  ก็เหมือนจะรู้ว่าเย่โม่กำลังคิดอะไรอยู่  เขาส่ายหัว  “คนในคฤหาสน์หลังนี้ส่วนใหญ่เป็นคนของหวงจี้  ส่วนคนของฉันหวงจี้มันไม่โอนมาถึงที่นี่หรอก  แต่ก็มีบางส่วนเหมือนกันที่จกรักภักดีต่อ ‘เที่ยเจียง’ เท่านั้น  ไม่ใช่คนสนิทของหวงจี้”

“หวงจี้ออกมาแล้ว!”  ตอนนั้นเองที่อู่เสวียหมินเห็นว่ามีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากคฤหาสน์

เย่โม่หันมามองคนที่อู่เสวียหมินพูดถึง  อายุ 50 กว่าๆ ดวงตา 3 เหลี่ยม  รูปร่างอ้วนท้วม  ตรงหน้าผากของเขาตอนนี้ไม่มีเส้นผมเหลืออยู่แล้ว  บนร่างสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวใหญ่  ส่วนด้านหลังก็มีบอร์ดี้การ์ดเดินตามมา 2 คน

“เอาผมลงไปหน่อย”  เย่โม่พูดเสียงเย็นกับไป๋ชา  ตอนแรกเขากำลังคิดอยู่เลยว่าจะเข้าไปหาหวงจี้ด้วยตัวเอง...และต้องมีคนมาขัดขวางเขาแน่  เย่โม่กำลังลังเลว่าจะต้องเปิดศึกฆ่าครั้งใหญ่หรือไม่...ตัวหวงจี้กลับเดินออกมาเองเสียนี่

“ฮ่า! ฮ่า!  อู่เสวียหมิน…แกถึงกับกล้าเล็งตำแหน่งของข้าเรอะ!  แม้แต่สาวที่ข้าเล็งไว้ยังกล้าขโมยไปอีก!  ข้ายอมไม่หลับไม่นอนทั้งคืนเพื่อรอแกวันนี้เลยทีเดียวนะ!  แกรอดชีวิต 1 วันก็เท่ากับข้าไม่อาจสงบใจได้เพิ่มอีกวัน...”  เสียงหัวเราะแหบๆ ดังขึ้น  ความหยิ่งผยองเชื่อมันในตัวเองแสดงออกมาผ่านน้ำเสียงจนหมด  ในความคิดของหวงจี้นั้น...ลูกน้องมือดีไม่กี่คนพร้อมปืนกลมือ AKและเฮลิคอปเตอร์  นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะขัดขวางและพาตัวหญิงสาวคนหนึ่งกับอู่เสวียหมินมา  ไม่ควรจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

หวงจี้มองเห็นไป๋ชาและชายหนุ่มอีกคนที่เขาไม่รู้จักเดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์  แต่หลังจากนั้นกลับไม่มีใครลงมาจากเฮลิคอปเตอร์อีกแล้ว  เขาเกิดรู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาอย่างกะทันหันจนต้องหยุดเท้าของตัวเอง   มองไปยังไป๋ชาแล้วถามขึ้น  “คนข้างหลังแกเป็นใคร?  หยุดตรงนั้นแหละ!  อย่าเพิ่งขยับ!”

เสียงของหวงจี้เพิ่งดังจบ  บอร์ดี้การ์ดข้างหลังทั้ง 2 ของเขาก็ก้าวมาข้างหน้าเตรียมจะขวางพวกไป๋ชาและเย่โม่

ในเมื่อมาถึงที่แล้ว  เย่โม่ก็ไม่เกรงใจอะไรอีก…ปัญหาของเขามีมากเกินกว่าจะมาสนใจเรื่องพวกนี้   ตะปู 2-3 ตัวในมือพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว  บอร์ดี้การ์ดทั้ง 2 ไม่ทันแม้แต่จะได้ส่งเสียงร้อง...หว่างคิ้วของพวกเขาก็มีเลือดทะลักออกมา  ล้มลงกับพื้นตายตกไปทันที  ไป๋ชาที่เห็นภาพตรงหน้าก็รู้สึกแผ่นหลังเย็นเยียบ…เขาเห็นรูปแบบวิธีการฆ่าคนมาก็ตั้งมาก  แต่เขาไม่เคยเห็นวิธีอันเรียบง่ายและได้ผลในการฆ่าคนแบบที่เย่โม่ทำเลย   นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ปฏิกิริยาตอบสนองของหวงจี้ถือว่ารวดเร็ว  เขารู้ทันทีว่าท่าไม่ดีแล้ว  มือข้างหนึ่งคว้าไปที่ปืนทันที   ทว่าเย่โม่กลับไม่แม้แต่จะให้โอกาสกับเขา  ตะปูในมือพุ่งทะยานออกไปอีกครั้ง

ก่อนตายหวงจี้ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ...ว่าตัวเองจะมาตายง่ายๆ แบบนี้  ต่อให้มีคนถือปืนบุกเข้ามาเขาก็ยังไม่ตายง่ายๆ แบบนี้เลยด้วยซ้ำ  ทว่าตอนนี้เขากลับถูกอีกฝ่ายโบกมือเขาก็ตายแล้ว  ถึงจะรู้สึกไม่ยินยอมแต่สติของเขาก็ได้หลุดลอยไปเสียแล้ว

เวลานั้นเองที่มีชายกว่า 10 ชีวิตที่ในมือพร้อมไปด้วยมีดดาบตรงเข้ามาล้อมกรอบพวกเย่โม่   ขณะที่เย่โม่เตรียมจะลงมือเปิดฉากฆ่าครั้งใหญ่นั้นเอง  เสียงของอู่เสวียหมินก็ดังมาจากทางด้านหลังในทันที  “ตอนนี้ที่นี่ฉันคุมแล้ว! หรือว่าพวกนายคิดจะก่อกบฏ!?”

เหตุการณ์จึงค่อยสงบลง  มีหลายคนที่ยังลังเลว่าควรจะลงมือดีหรือไม่  แต่ก็มีอยู่ 2-3 คนที่ยกปืนขึ้นเตรียมจะยิง  ทว่านิ้วมือของพวกมันยังไม่ทันได้ลั่นไกก็ถูกเย่โม่ฆ่าตายเสียก่อน

ตัวอู่เสวียหมินเองก็ยังพอจะมีอิทธิพลหลงเหลืออยู่บ้าง  นอกจากพวกลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของหวงจี้แล้ว...คนที่เหลือส่วนมากก็ยังซื่อสัตย์ต่อ ‘เที่ยเจียง’ เพียงเท่านั้น  ส่วนเรื่องที่ว่าหากหวงจี้ตายแล้วใครจะมารับช่วงต่อนั้น...พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก  สงครามระหว่างหวงจี้และอู่เสวียหมินพวกเขาเองก็พอจะรู้มาบ้าง  พวกเขาเห็นเรื่องแบบนี้มามากแล้ว

ในวันที่อู่เสวียหมินฆ่าหวงจี้ตายนั้นเอง...ทางเที่ยชานก็มีคำสั่งลงมาให้อู่เสวียหมินรับตำแหน่งแทนที่หวงจี้  รวมทั้งเหล่าลูกน้องของอู่เสวียหมินก็ค่อยๆ กลับเข้ามาทีละคนๆ  จนทำให้ตำแหน่งของอู่เสวียหมินมั่นคงในที่สุด

..........

ณ คฤหาสน์อันหรูหราแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในย่านมงก๊ก  ประเทศฮ่องกง  มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ  ฝั่งตรงข้ามกันของเขาคือนักพรตรูปหนึ่งอายุราว 50 กว่าๆ  เวลานี้ทั้ง 2 กำลังนั่งลิ้มรสชากันอยู่  ชายวัยกลางคนผู้นี้คือหัวหน้าของ ‘เที่ยเจียง’…เที่ยชานนั่นเอง  หากเขาไม่พูดออกมาล่ะก็  เกรงว่าจะไม่มีใครรับรู้เลยว่าอันดับ 2 ของแก๊งค์ก็คือนักพรตที่นั่งอยู่ด้วยกันกับเขานี่เอง

นักพรตที่นั่งอยู่ตรงข้ามเที่ยชานก็คือรองหัวหน้าแก๊งค์ ‘เที่ยเจียง’ นั่นเอง  พลังฝีมือของเขาเหนือกว่าเที่ยชานไปไม่รู้ตั้งกี่เท่า  ทว่าตัวเขากลับไม่มีความสนใจในอิทธิพลอำนาจสักเท่าไหร่  เขาทุ่มเทพลังส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝน  นอกจากเรื่องใหญ่โตภายในแก๊งค์แล้ว...นักพรตรูปนี้ก็มักจะไม่ปรากฏตัวออกมา

ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใด ‘หนานชิง’ จึงไม่แตะต้อง ‘เที่ยเจียง’ แม้แต่นิดเดียว  เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอิทธิพลอำนาจของ ‘เที่ยเจียง’ แต่อย่างใด  สาเหตุคือนักพรตรูปนี้เอง

“อู่เสวียหมินทำได้ไม่เลวเลย  หมากตานี้ของนายผิดพลาดแล้ว”  จิบชาไปอึกหนึ่ง  นักพรตที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็พูดขึ้น

เที่ยชานเงียบไปครู่หนึ่งจึงค่อยพูดขึ้น  “ตอนแรกฉันนึกว่าอย่างดีที่สุดอู่เสวียหมินก็ทำได้แค่หนีการตามล่าของหวงจี้เท่านั้น  ตอนที่ได้ยินว่าอู่เสวียหมินมันพาผู้หญิงไปด้วย...ฉันก็ไม่หวังอีกแล้วว่ามันจะมีชีวิตรอด  คิดไม่ถึงว่ามันจะจัดการหวงจี้ลงได้แบบนี้  หวงจี้เองหลายปีมานี้ยิ่งนานวันก็ยิ่งถดถอย  ‘เที่ยเจียง’ ต้องการคนเลือดใหม่ๆ  ก็หวังแค่ว่าอู่เสวียหมินคนนี้จะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง  ไม่อย่างนั้นล่ะก็...มันก็ต้องกลายเป็นหวงจี้คนถัดไป”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้...สีหน้าอารมณ์ของเที่ยชานกลับไม่มีระลอกคลื่นความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย  ราวกับว่าเรื่องราวมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่งเที่ยชานจึงพูดต่อ  “ได้ยินมาว่าเชียนไป๋เฮ่อมันเกิดคลั่งเพราะลูกชายคนเดียวของมันตาย  ทางที่ดีมันอย่าได้คิดจะมายุ่งวุ่นวายกับ ‘เที่ยเจียง’ ของฉันเด็ดขาด  ไม่อย่างนั้นเที่ยชานคนนี้ไม่ยอมมันแน่!”

“เรื่องนี้นายไม่ต้องกังวลไป...อีกไม่นานฉันก็จะฝ่าด่านได้แล้ว  ครั้งนี่แค่ออกมาผ่อนคลายจิตใจเท่านั้น   เพื่อจะได้มีสมาธิเต็มร้อย  หากสำเร็จเมื่อไหร่ล่ะก็...ฉันจะไปเยี่ยมเยียนเชียนหลงโถวสักรอบ  เชื่อว่าเชียนหลงโถวคนนี้น่าจะเข้าใจจุดยืนของตัวเองแน่นอน”  น้ำเสียงของนักพรตแผ่วเบา  ทว่าก็แฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบอันยากจะต้านทานสงสัย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด