ตอนที่แล้วบทที่ 87 ถูกสะกดรอย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 89 แย่งชิงอำนาจ

บทที่ 88 คงมาส่งเครื่องบินให้พวกเรามั้ง


“อันที่จริงฉันเองก็เป็นสมาชิกของ ‘เที่ยเจียง’ เหมือนกัน  พี่ใหญ่เที่ยชานดีกับฉันมาก…เขาคาดหวังว่าจะให้ฉันเข้ามาแทนตำแหน่งของหวงจี้  รวมทั้งเรื่องที่มันเองก็สนใจในตัวเมี่ยวถงแต่เธอดันมาอยู่กับฉันแทนที่จะเป็นมัน…ดังนั้นหวงจี้จึงอยากจะกำจัดฉันมาโดยตลอด  แต่ถ้าหากฉันถูกหวงจี้กำจัดลงจริงล่ะก็...พี่เที่ยชานก็คงจะไม่ว่าอะไรมันหรอก  ชีวิตภายในแก๊งค์...เรื่องแค่นี้ต้องรู้อยู่แล้ว”

“คิดไปคิดมา...ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าตอนที่พี่ใหญ่เที่ยเมาแล้วบอกว่าอยากสนับสนุนให้ฉันเป็นผู้สืบทอดเป็นความจงใจหรือเปล่า…เพื่อทดสอบว่าฉันจะรอดจากเงื้อมมือของหวงจี้ได้หรือไม่  ถ้าฉันตายก็หมายความว่ามีคุณสมบัติไม่พอ  แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นฉันก็ไม่โทษเขาหรอก  ในเมื่อเลือกเดินเส้นทางนี้ก็ต้องยอมรับเรื่องพวกนี้ให้ได้”

อู่เสวียหมินราวกับทั้งกำลังปลอบยู่เมี่ยวถงและอธิบายเรื่องราวให้เย่โม่ฟังไปในตัวด้วยจึงได้หาเรื่องมาพูดแบบนี้  ทว่าตอนนี้สายตาของเขากลับมองไปยังเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นที่ลงจอดอยู่ตรงพื้นโล่งๆ ไม่ไกลจากรถของพวกเขา

เย่โม่แอบถอนใจ  เขาไม่เข้าใจความคิดของอู่เสวียหมินจริงๆ...ถึงกับเต็มใจยอมเป็นหมากให้คนอื่นใช้งาน  หากเป็นเขาล่ะก็...เขาไม่มีทางยอมให้เที่ยชานใช้เป็นหมากแบบนี้แน่  ต่อให้การชนะนั้นหมายถึงการได้รับตำแหน่งต่อจากหวงจี้ก็ตาม  ดูเหมือนว่าชื่อ ‘เที่ยสั่วเหินเจียง’(โซ่เหล็กพาดแม่น้ำ) จะตั้งได้อย่างเหมาะสมจริงๆ  แต่ในมุมมองของเย่โม่แล้ว…ด้วยนิสัยของอู่เสวียหมินแล้วเขาไม่เหมาะกับพวกแก๊งค์ใต้ดินแบบนี้เลย

อยู่ๆ อู่เสวียหมินก็หันมาขอร้องเย่โม่  “น้องเย่  ฉันขออะไรสักอย่างสิ  อีกสักพักฉันจะรั้งพวกมันไว้ให้   นายช่วยพายู่เมี่ยวถงหนีที  ฉันไม่อยากให้ยู่เมี่ยวถงตกอยู่ในกำมือของไอ้เดรัจฉานหวงจี้!”

เมื่อได้ยินคำของอู่เสวียหมิน  ยู่เมี่ยวถงคว้ามือของอู่เสวียหมินทันที  “ไม่!  เสวียหมิน  ต่อให้ต้องตายฉันก็จะไม่จากนายไปไหน!”

เย่โม่ส่ายหัว  “พี่เสวียหมิน  คงไม่ได้หรอก พี่ดูสิ...”

วันนี้แสงจันทร์ส่องสว่าง  สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคนเดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ 5 คน   แถม 1 ในนั้นยังถือปืนกลมือเอาไว้ด้วย  ส่วนอีก 4 คนที่เหลือถือปืนไรเฟิล  ไม่เพียงเท่านั้น...บนหัวของพวกเขายังสวมด้วยหมวกป้องกันกระสุน  เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าแล้วแววตาของอู่เสวียหมินก็หม่นลง  เขารู้ว่าถึงยังไงวันนี้เขาก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้

แต่เย่โม่กลับไม่คิดจะสนใจปืนในมือของคนเหล่านี้  มีแค่ 5 คนเท่านั้น...เขาไม่เห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา  สิ่งที่เขาสนใจกลับเป็นตัวเฮลิคอปเตอร์  เขาคิดในใจว่าหากมีเฮลิคอปเตอร์ล่ะก็...เขาน่าจะสามารถขับออกไปให้ไกลได้ในทันทีเลย

เย่โม่หันกลับมามองอู่เสวียหมินที่หน้าถอดสีอย่างกะทันหันแล้วพูดว่า  “พี่อู่ไม่ต้องกังวลไป  รอพวกมันมาแล้วค่อยว่ากันอีกที  บางทีคนพวกนี้อาจจะมาส่งเฮลิคอปเตอร์ให้เราก็ได้”

ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมเวลานี้เย่โม่ยังจะมีอารมณ์เล่นมุขอีก  แต่อู่เสวียหมินกลับพยักหน้า  ปืนพกในมือของเขามีกระสุนอยู่แค่ 4 นัดเท่านั้น  ถ้าเขาจะใช้ 2 นัดฆ่าตัวตายล่ะก็...นั่นก็หมายความว่าเขาเหลือกระสุนเพียงแค่ 2 นัดในการเข้าปะทะกับชาย 5 คนนี้  และบางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้ใช้ด้วยซ้ำ

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันนั้นเอง  ชายทั้ง 5 คนก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าพวกเย่โม่ทั้ง 3 คนด้วยความรวดเร็วเพื่อล้อมกรอบรถของพวกเขาเอาไว้

เย่โม่เปิดประตูออกช้าๆ แล้วก้าวลงมาจากรถ  จิตสัมผัสของเขาเองก็กำลังตรวจสอบคนพวกนี้อยู่  หากนิ้วของพวกมันลั่นไกเมื่อไหร่เขาก็จะลงมือฆ่าทันที  ด้วยเหตุที่ว่าเขาขับเฮลิคอปเตอร์ไม่เป็น...นั่นทำให้อย่างน้อยก็ต้องเหลือคนขับไว้สักคน

เมื่อเห็นเย่โม่เดินลงจากรถไป  อู่เสวียหมินก็ถอนหายใจออกมา  เขาเองก็เดินจูงมือยู่เมี่ยวถงลงจากรถเช่นกัน

“พี่ไป๋ชา (ฉลามขาว)  มีเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง  ทำยังไงดี?”  เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนอื่นเพิ่มขึ้นมาแบบนี้

“พาพวกอู่เสวียหมินทั้ง 2 คนไป  ส่วนคนที่เหลือก็กำจัดทิ้งซะ”  ชายที่เป็นหัวหน้าพูดอย่างเด็ดขาด

เวลานี้เองที่เย่โม่เปิดปากพูด  “อย่าเพิ่งพูดเรื่องฆ่ากันเลย  พวกนายในนี้ใครเป็นคนขับเฮลิคอปเตอร์?”  หัวหน้าอย่างไป๋ชาที่ได้ยินคำพูดของเย่โม่ก็ห้ามลูกน้องที่เตรียมจะยิงไว้  “ฉันเอง  ถามเรื่องนี้ทำไม?”

“อ้อ…ผมอยากจะช่วยชีวิตเขาน่ะ”  พูดจบมือของเย่โม่ก็โบกสะบัดอย่างต่อเนื่อง  เสียงหวีดหวิวของสายลมดังขึ้นข้างหูของคนเหล่านั้น  ตะปูเหล็กทั้ง 4 ตัวพุ่งทะลุลำคอของคนที่เหลืออยู่นอกจากตัวไป๋ชา  ลูกน้องแก๊งค์มาเฟียพวกนี้สำหรับเย่โม่แล้วไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามอะไร  ต่อให้ในมือมีปืนก็ยังไม่ถือว่าคู่ควร

อั่ก...อั่ก... ชายทั้ง 4 คนซึ่งถือปืนอยู่ในมือล้วนต้องการยกมือขึ้นมากุมลำคอของตัวเอง  แต่ก็ต้องพบว่าพวกเขาไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้น  เพียงพริบตาเดียวชายทั้ง 4 ก็ลงไปนอนกองกับพื้น

ไป๋ชามองไปยังภาพตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึง  ยังไม่ทันที่เขาจะได้สติกลับมาปืนกลมือ AK ในมือของเขาก็ถูกชายหนุ่มตรงหน้าที่เพิ่งจะถามคำถามกับเขาคว้าไปเสียแล้ว

“นาย...”  เวลานี้เองที่อู่เสวียหมินเพิ่งจะตั้งสติกลับมาได้  เขามองไปยังเย่โม่ด้วยอาการสับสนมึนงง   เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มที่โบกมือเรียกรถเขากลางถนนในตอนนั้นจะกลายเป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัวระดับนี้  แววตาของอู่เสวียหมินสว่างวาบพร้อมกับเข้าใจเรื่องราวในทันที...เย่โม่เป็นยอดฝีมือ  ทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจระดับตำนานเลยทีเดียว

“แกเป็นใคร!?  กล้ามาสอดเรื่องของพวกเรา ‘เที่ยเจียง’! แก...”  พูดถึงตรงนี้ไป๋ชาก็เหมือนเพิ่งจะตระหนักได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่เพียงสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของ ‘เที่ยเจียง’  เขาทำแม้กระทั่งฆ่าคนของพวกเขาไปแล้วด้วยซ้ำ!

เวลานี้เองยู่เมี่ยวถงก็เข้าใจแล้วเช่นกันถึงความเก่งกาจของเย่โม่  เธอประหลาดใจไม่น้อยไปกว่าอู่เสวียหมินเลย

เย่โม่หันกลับมาพูดกับอู่เสวียหมินที่ยังคงตกตะลึงไม่หาย  “พี่อู่  พวกพี่ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ก่อนเถอะ   เรื่องตรงนี้ผมจัดการแปปนึง”

อู่เสวียหมินเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาถามอะไรต่อมิอะไร  เขารีบพายู่เมี่ยวถงขึ้นเฮลิคอปเตอร์ทันที  ทั้งที่ในใจเขายังไม่หายตกตะลึงด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นว่าพวกของอู่เสวียหมินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปแล้ว…เย่โม่ก็หันกลับมามองไป๋ชา  “เอาคนพวกนี้ทิ้งไว้ในรถแล้วเผาพวกมันซะ  ผมจะนับถึง 10  ถ้านายยังทำไม่เสร็จก็เตรียมตัวเข้าไปในรถพร้อมๆ กันเลย”

คำพูดนี้ของเย่โม่ทำให้ไป๋ชาตอบสนองอย่างรวดเร็ว  เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน...เป็นพวกที่พร้อมจะฆ่าเหมือนกับพวกเขา  กระทั่งว่าเหี้ยมโหดกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ  ส่วนเรื่องเผารถ...สำหรับไป๋ชาแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรก  เขารีบลากศพทั้ง 4 ยัดเข้าไปในรถแล้วฉีกเสื้อที่ชุ่มไปด้วยน้ำมัน  จากนั้นก็จุดไฟเผารถทันที

“เก็บปืนบนพื้นมาด้วยแล้วขึ้นเฮลิคอปเตอร์ซะ!”  เย่โม่พูดเสียงเย็น

เมื่อได้ยินคำสั่งให้เก็บปืนขึ้นมา…ไป๋ชาก็รู้สึกยินดี  ไอ้หนุ่มคนนี้ให้เขาเก็บปืนขึ้นมา!

“เชื่อไหมว่าก่อนนายจะได้ลั่นไก...ผมฆ่านายได้เป็นร้อยรอบ”  เย่โม่ราวกับล่วงรู้ความคิดของไป๋ชา   คำพูดของเย่โม่ทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยียบ  เขาเก็บปืนขึ้นมาโดยไม่กล้าเล่นตุกติกอะไรอีก

ตอนที่เย่โม่และไป๋ชาเดินมาถึงเฮลิคอปเตอร์นั้น  รถ SUV คันที่เย่โม่โดยสารมาก็ระเบิดขึ้น  ตรงจุดนี้ยังถือว่าห่างจากเมืองเล็กข้างหน้าอีกไกล…ถึงแม้การระเบิดจะทำให้เกิดเสียงดังแต่ก็ไม่มีใครผ่านมาเลย

อู่เสวียหมินและยู่เมี่ยวถงนั่งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์กันเรียบร้อยแล้ว  แต่อู่เสวียหมินกลับขึ้นมานั่งอยู่ตรงโซนคนขับ  ทั้ง 2 มองเย่โม่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

เย่โม่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย  “พี่อู่ขับเฮลิคอปเตอร์เป็นด้วยหรือ?”

อู่เสวียหมินพยักหน้า  “ขับได้  ให้ไป๋ชาเป็นคนขับฉันรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่  ตอนที่ยังอยู่ในแก๊งค์ก่อนหน้านี้ฉันก็เป็นคนขับมาก่อน”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้…นายก็หมดประโยชน์แล้วล่ะ”  เย่โม่หันมามองไป๋ชา

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้  ไป๋ชาไหนเลยจะไม่รู้ว่าเย่โม่คิดจะฆ่าเขาแล้ว  เขารีบร้อนพูดขึ้น  “อย่าฆ่าผมเลย!  ผมยังมีประโยชน์!”

“หืม...ถ้างั้นนายก็ขึ้นไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”  พูดจบเย่โม่ก็หันกลับมาพูดกับอู่เสวียหมิน  “พี่อู่  ออกเครื่องเถอะ”

“ได้!  แล้วจะไปไหนล่ะ?”  อู่เสวียหมินเมื่อเห็นว่าเย่โม่ขึ้นมาแล้วก็ขับขึ้นฟ้าทันที

เย่โม่คิดสักพัก  “ถ้าหวงจี้ตายแล้ว…พี่อู่ยังต้องหนีอยู่อีกหรือเปล่า?”

“ถ้าหวงจี้ตายฉันก็ไม่จำเป็นต้องหนีอีก  คนที่อยากฆ่าฉันก็คือหวงจี้  ไม่ใช่...”  อู่เสวียหมินชะงักไป   เขามองเย่โม่แล้วพูดอย่างตะกุกตะกัก  “น้องเย่ นายคงไม่ได้หมายความว่า...”

เย่โม่ยิ้มบางๆ  “ใครใช้ให้พวกเรามีวาสนาต่อกันเล่า  ผมก็แค่อยากจะช่วยฆ่าหวงจี้  อีกอย่างผมยังมีเรื่องที่อยากให้พี่ช่วยอยู่”  ที่เย่โม่พูดมานั้นไม่ผิด  สาเหตุที่เขาต้องการช่วยอู่เสวียหมินฆ่าหวงจี้นั้น...ข้อแรกคือเขารู้สึกว่าอู่เสวียหมินเป็นคนที่ใช้ได้ไม่เลว  สามารถคบค้าสมาคมด้วยได้  ส่วนเหตุผลอีกข้อคือถ้าอู่เสวียหมินได้ถือครองอำนาจภายใน ‘เที่ยเจียง’ ล่ะก็…ยังไงนั่นก็ส่งผลดีต่อการหลบหนีของเขา  ไม่มีข้อเสียอื่นใด

“ปรมาจารย์  ถ้าอยากฆ่าหวงจี้ล่ะก็ผมช่วยได้นะ”  อยู่ไป๋ชาก็พูดขึ้นอย่างกะทันหัน

เย่โม่มองไป๋ชาด้วยสายตาเย็นชา  ชายคนนี้ถือว่าฉลาดเฉลียวไม่เลว  ที่เขาปล่อยไว้ไม่ฆ่าจนถึงตอนนี้ก็เพราะเขาคิดจะให้ไป๋ชาไปช่วยฆ่าหวงจี้อยู่แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด