ตอนที่ 63 ยึดครองหุบเขาหยางผิง! (ฟรี)
ในประวัติศาสตร์ เตียวเลี้ยว เป็นแม่ทัพที่ติดตาม ลิโป้ แต่หลังจากการเสียชีวิตอันน่าเศร้าของลิโป้ ที่เมืองแห้ฝือ เขาได้ถูกควบคุมตัวภายใต้คำสั่งของโจโฉ
เขาได้ถูกโจโฉดึงไปรับใช้ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ชนะการต่อสู้มากมายและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง
อย่างไรก็ตามชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือ ศึกสำคัญในการรบกับ ซุนกวน
เตียวเลี้ยวได้นำทัพของตนเองบุกโจมตีทัพของซุนกวนจนทะลวงค่ายหลักได้สำเร็จ
ทำให้ ซุนกวนพ่ายแพ้ และ เกือบจะจับเป็นซุนกวนได้ ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของเขาก็สั่นสะเทือนไปทั่วโลก!
มีคำกล่าวไว้ว่า เด็ก ๆ เมืองง่อนั้นหากกำลังร้องไห้ แม้เพียงได้ยินชื่อเตียวเลี้ยวเป็นอันต้องหยุดร้อง!
ก่อนการเดินทาง ลู่เฟิง ค่อนข้างชื่นชอบประวัติศาสตร์อย่างมาก และเขาก็ชอบ เตียวเลี้ยว แม่ทัพที่กล้าหาญและชาญฉลาด เขาไม่คิดเลยว่า การเรียก ลิโป้ ออกมา จะทำให้ เตียวเลี้ยว พ่วงติดมาด้วย
มันเสมือนโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง!
"ระบบตอนนี้ฉันต้องการดูข้อมูลของ เตียวเลี้ยวได้หรือไม่?"
"ทำได้"
"เอาล่ะแสดงข้อมูลของ เตียวเลี้ยวให้ฉันดู"
ในไม่ช้าม่านแสงที่มีแต่เขาเท่านั้นที่มองเห็นก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของลู่เฟิง
เตียวเลี้ยว : ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก แม่ทัพของอาณาจักรเว่ยที่ติดตามโฉโฉจนสามารถสร้างชื่อเสียงผลงานเอาไว้ได้มากมาย เป็นสุดยอดนายทหารเสือแห่งวุยก๊ก
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ระดับพลัง : ระดับ 1 ขั้นจักรพรรดิ ( เนื่องจากข้อจำกัดของระบบทำให้ความแข็งแกร่งในปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 4 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ โฮสต์จำเป็นจะต้องปลดล็อคระดับขั้นพลังใหญ่เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดระดับพลังย่อยของขุนพล 5 ระดับ)
ทักษะต่อสู้ : ไม่ทราบ
พลังพิเศษ : ไม่ทราบ
ความภักดี : 90
ลู่เฟิง มองดูข้อมูลเหล่านั้นด้วยความพึงพอใจบนใบหน้าของเขา เตียวเลี้ยว ไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ค่าความภักดีที่มีต่อตนเองยังมากถึง 90 แม้จะไม่ถึงขั้นภักดีจนตายแทน แต่เขาก็สุดยอดมากเช่นเดียวกัน
นี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา!
"ข้าน้อย เตียวเลี้ยว ถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!"
เตียวเลี้ยว ได้ลงจากหลังม้าและมาหาลู่เฟิงพร้อมกับคุกเข่าลงข้างนึง
"เหวินหยวน!"
ลู่เฟิง จ้องมองไปที่ เตียวเลี้ยว อย่างพึงพอใจ
เตียวเลี้ยว เป็นชายชาตรีที่มีส่วนสูงมากกว่าแปดฟุตมีร่างกายที่กำยำ
เขาดูเหมือนกับแม่ทัพวัยกลางคน แต่ทว่า เตียวเลี้ยวตอนนี้มีอายุเพียงแค่ 20 กว่าปีเท่านั้น เขากลับดูสมวัยผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
"ฝ่าบาท นี่คือ แม่ทัพของอาณาจักรซีหยาง เจียงหลี่เซียว ข้าน้อยสามารถจับมันมาได้พ่ะย่ะค่ะ!"
เตียวเลี้ยว ได้ชี้ไปที่ เจียงหลี่เซียว และกล่าวพูดขึ้น
ลู่เฟิง จ้องมองไปที่ เจียงหลี่เซียว และ กล่าวถาม"ทำไมเจ้าถึงสามารถจับมันได้?"
"ก่อนหน้านี้ ในช่วงระหว่างที่เขากำลังหลบหนี ทัพม้ากว่าหนึ่งหมื่นคนที่อยู่ใต้บัญชาของข้าได้ดักทางพวกเขาหลังจากพวกเราบุกโจมตีเขาได้เกิดอาการตกใจจนร่วงตกลงม้าทำให้ข้าน้อยจับเขาได้พ่ะย่ะค่ะ!"เตียวเลี้ยว รู้สึกหดหู่เล็กน้อยที่ต้องพูดว่าเขาสามารถจับแม่ทัพของศัตรูที่หวาดกลัวได้
"ตกใจจนร่วงตกม้า?"
ลู่เฟิง จ้องมองไปที่ เจียงหลี่เซียว พร้อมกับพูดไม่ออก บุคคลเช่นนี้ ได้เป็นแม่ทัพใหญ่ทางตอนเหนือของอาณาจักรซีหยางหรือไม่?
ลู่เฟิง ได้สั่นศีรษะทันที"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ฆ่ามันซะ!"
"ขอรับ!"
เตียวเลี้ยว ได้เดินไปหา เจียงหลี่เซียว
"เดี๋ยว รอก่อน!"
เจียงหลี่เซียว ได้รีบลืมตาขึ้นและกล่าวพูดอย่างรวดเร็ว
"นึกว่าจะแกล้งหมดสติไปจนตายเสียอีก!"
ลู่เฟิง มองไปที่ เจียงหลี่เซียว ด้วยรอยยิ้มและตอบกลับ"ดูเหมือนว่าแม่ทัพแห่งอาณาจักรซีหยางผู้นี้จะมีความสามารถไม่ธรรมดาเลย!"
เจียงหลี่เซียว รู้สึกเขินอายเล็กน้อย และ จ้องมองไปที่ ลู่เฟิง อย่างรวดเร็ว"ฝ่าบาท ข้าน้อยเป็นเพียงคนโง่เขลาที่ริอาจต่อกรกับกองทัพที่ยิ่งใหญ่ภายใต้อำนาจบารมีของท่าน หากข้าเดาไม่ผิดจุดประสงค์ของท่านในการนำทัพม้ามาที่นี่ก็เพื่อยึดหุบเขาหยางผิงใช่หรือไม่?"
"ไม่เลว ถือว่าไม่ได้โง่ไปทั้งหมด!"ลู่เฟิง ได้พยักหน้าตกลง
เจียงหลี่เซียว ได้จ้องมองไปที่ ลู่เฟิง อย่างซับซ้อน ถ้าหุบเขาหยางผิงถูกยึดครองมันจะเป็นการปิดกั้นเมืองหลวงของอาณาจักรซีหยางในอนาคต
และหากลู่เฟิงต้องการพิชิตเมืองหลวงด้วยทัพทหารม้าหลายหมื่นนายก็คงใช้เวลาไม่นานเพื่อยึดเมืองหลวงได้
แม้ว่าภายในเมืองหลวงจะมีทหารองค์รักษ์มากกว่าสองแสนนายแต่คนเหล่านี้เผชิญหน้ากับกองทัพม้าเหล็กจำนวนมากโดยไม่ทันตั้งตัวพวกเขาจะสามารถทำอะไรได้
เมื่อถึงเวลานั้น จักรพรรดิแห่งอาณาจักรซีหยาง ก็จะตกอยู่ในกำมือของลู่เฟิง
ได้เห็นเช่นนี้ทำให้ เจียงหลี่เซียว ได้ถอนหายใจออกมา ใครกันที่มันบอกว่า ลู่เฟิง จักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยานเป็นเพียงขยะไร้ประโยชน์!
นี่มันข่าวลวงชัด ๆ !
ตอนนี้ แม้ว่า เจียงหลี่เซียว อยากจะโทษข่าวกรองของอาณาจักรซีหยางแต่เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เขาถูกจับเป็น และ ตอนนี้ ได้ตกเป็นเชลยของข้าศึกเรียบร้อยแล้ว
เขาได้ครุ่นคิดจากนั้นก็จ้องมองไปที่ ลู่เฟิงและกล่าวพูด"ดูเหมือนว่าการที่อาณาจักรซีหยางของข้าใช้กำลังทหารบุกยึดอาณาจักรหนานหยาน ในครั้งนี้ จะเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่!"
"รู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว"
ลู่เฟิง ได้โบกมือและกล่าวพูด"ฆ่ามันซะ!"
"ช้าก่อน ฝ่าบาท ข้ายินดี จะยอมจำนนต่อท่าน ข้าสามารถสั่งการกองทัพหลักทางตอนเหนือของอาณาจักรซีหยางให้พวกเขายอมจำนนต่อท่านได้ จากนั้นพวกเขาจะกลายเป็นดาบในพระหัตถ์ของท่าน!"
เจียงหลี่เซียว ไม่ต้องการจะตาย ดังนั้นเขาจึงรีบพูดขึ้น
ลู่เฟิง มองไปที่อีกฝ่ายและสั่นศีรษะ"บางทีเจ้าอาจจะไม่รู้ แต่ตอนนี้ข้าไม่มีความสนใจในทหารของเจ้าและอาณาจักรซีหยาง แม้แต่น้อย ฆ่ามันซะ!"
"ขอรับ!"
"ฝ่าบาท ได้โปรด ไว้ชีวิตข้า ไว้ชีวิตข้า!"
เจียงหลี่เซียว ได้เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ แต่ ลู่เฟิง ไม่ได้สนใจ ในไม่ช้านายทหารจินยี่เหว่ยก็ลงมือปลิดชีพเขาทันที
เจี๋ยสวี่ มองไปที่ ลู่เฟิง และ ยิ้มออกมา"ฝ่าบาท ทำไมพระองค์ ไม่เก็บ เจียงหลี่เซียว ไว้เป็นหมากต่อรอง!"
ลู่เฟิง มองไปที่ เจี๋ยสวี่ และตอบกลับ"เหวินเหอ เจ้ากำลังทดสอบข้าอีกแล้วหรือไม่?"
เจี๋ยสวี่ ยิ้มเล็กน้อยเขายังคงต้องการทราบคำตอบของ ลู่เฟิง
"เอาเถอะ ข้าจะไม่ถือสากับพฤติกรรมนี้ของเจ้า!"ลู่เฟิงไม่ได้โกรธเขาได้ครุ่นคิดและตอบกลับ"เจียงหลี่เซียว ถือเป็นหมากต่อรองที่มีประโยชน์จริง ๆ เขาสามารถทำประโยชน์ให้กับกองทัพของเราได้"
"แต่น่าเสียดาย..."
ลู่เฟิงได้ถอนหายใจออกมา"ไม่มีอะไรรับประกันว่าแม่ทัพของศัตรูที่สูญเสียทหารของตนเองไปจะมีประโยชน์ เขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากตัวคนเดียว อีกทั้งความผิดที่ทำให้กองทัพนับแสนถูกทำลายหายไปในช่วงระยะเวลาอันสั้น ทางฝั่งนั้นคงจะไม่เห็นค่าในตัวของมันและทอดทิ้งมันอย่างแน่นอน"
"นอกจากนี้พวกเรามีทหารม้าหลายหมื่นนาย เราไม่จำเป็นจะต้องพึ่งเบี้ยต่อรองอย่าง เจียงหลี่เซียว เพียงแค่ทัพม้าเหล่านี้ เราก็สามารถตีทัพหลังของกองทัพซ้งหยูตี้ได้แล้ว"
เมื่อ เจี๋ยสวี่ ได้ยินดังนั้นเขาก็โค้งคำนับทันที"ฝ่าบาท ทรงพระปรีชา มองการณ์ไกลยิ่งนัก เจี๋ยสวี่ ขอชื่นชม!"
"เอาล่ะ หยุดประจบประแจงได้แล้ว ให้ทหารจินยี่เหว่ย ไปสืบสถานการณ์ที่หุบเขาหยางผิงมา!"
"ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล ข้าน้อยได้สั่งการให้จินยี่เหว่ยไปตรวจสอบสถานการณ์แล้วก่อนหน้านี้ คาดว่าเร็ว ๆ นี้รายงานน่าจะมาถึง!"
ลู่เฟิง ได้พยักหน้า
ไม่นาน หน่วยสืบของจินยี่เหว่ยก็กลับมา
เจี๋ยสวี่ ได้รับข้อมูลเหล่านั้นและกล่าวพูดต่อลู่เฟิง"ฝ่าบาท ตามข้อมูลที่ได้รับมา กองทหารข้าศึกเหลือไม่เกิน 1,000 นาย ในเขตหุบเขาหยางผิง ตอนนี้พวกเราสามารถยึดครองหุบเขาหยางผิงได้อย่างง่ายดาย!"
ลู่เฟิง ดีใจมากเขาได้ตอบกลับ"เอาล่ะ บุกยึดครองหุบเขาหยางผิงให้ได้โดยเร็วที่สุด!"
อย่างไรก็ตาม ลู่เฟิง ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้ทหารม้าจำนวนหลายหมื่นที่เพิ่งเข้าร่วมการรบออกเดินทางในทันทีเขาได้กล่าวพูดกับ เตียวเลี้ยว"เตียวเลี้ยว!"
"ขอรับ!"
"เจ้าจัดกองกำลังของเจ้าใหม่อย่างรวดเร็วและตามข้ากับเฟิงเชี่ยนไปที่หุบเขาหยางผิง!"
"ข้าน้อยรับคำสั่ง!"
หลังจากนั้น ลู่เฟิง ก็หันไปมอง เจี๋ยสวี่ และกล่าวพูด"เหวินเหอ ทหารม้านับหมื่นที่เหลืออยู่ที่นี่ข้าจะมอบให้เจ้าจัดการ เฝ้าระวังสถานการณ์โดยรอบ อย่าปล่อยให้เหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด!"
"ข้าน้อยเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาได้พา ลิโป้ ไปพร้อมกับ เตียวเลี้ยว และ กองทัพส่วนหนึ่ง
ในไม่ช้า กองทหารม้า10,000 นาย ที่นำโดย ลู่เฟิง ลิโป้ และ เตียวเลี้ยว ก็มุ่งหน้าสู่หุบเขาหยางผิง
ไม่นาน ลู่เฟิง และ คนอื่น ๆ ก็มาถึงหุบเขาหยางผิง ระยะทางของพวกเขาอยู่ไกลกันไม่ถึง 5 ไมล์