PTH62 ชายวัยกลางคน
เว่ยสั่วเก็บกระเป๋าทาสอสูรของบุรุษตาเดียว เริ่มศึกษาการใช้งานน้ำเต้าจักรพรรดิฟ้าและแผนที่
ตามที่แผนที่ได้บอกเอาไว้ พื้นที่ใต้ดินแห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ส่วนแรกคือส่วนที่เว่ยสั่วเพิ่งผ่านมา อีกส่วนคือหลังจากข้ามสะพานศิลาเมื่อครู่ ซึ่งก็คือส่วนที่เว่ยสั่วอยู่ปัจจุบัน
ภายใน 2 ส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 18 ส่วนย่อย ฝั่งละ 9 เชื่อมกันด้วยสะพานศิลาเหมือนที่เว่ยสั่วเพิ่งข้าม แต่ตามที่แผนที่ได้บอกไว้ สะพาน 10 แห่งได้ถูกทำลายลง ผู้ที่จะก้าวไปยังพื้นที่ไร้สะพานเชื่อม ต้องอาศัยเคล็ดวิชาที่เหยียบย่างนภาได้ ส่วนผู้ที่มีสมบัติอย่างรองเท้าเมฆาวายุเหมือนเว่ยสั่ว ไม่สามารถข้ามไปได้
แผนที่ที่เว่ยสั่วมีประกอบด้วยรายละเอียดเพียง 1 ใน 3 ส่วนของพื้นที่ใต้ดินทั้งหมด ยังเหลืออีก 2 ส่วนที่ยังมีผู้ใดเคยสำรวจ แต่แม้จะกล่าวว่าพื้นที่เพียง 1 ส่วนของทั้งหมด ขนาดของมันก็ใหญ่พอๆกับเมืองจิตวิญญาณสูงสุด
จากศัตรูที่สังหารไป เว่ยสั่วบังเอิญได้รองเท้าเมฆาวายุระดับสูงมา ทำให้เดินทางได้เร็วกว่าเดิมมาก
เว่ยสั่วมุ่งไปสถานที่แห่งที่ระบุไว้บนแผนที่ กล่าวว่าเป็นสถานที่ที่แมลงกลืนเมืองมักจะปรากฏตัวออกมาบ่อยๆ สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า ‘หุบเขาช่างตีเหล็ก’
พื้นที่ใต้ดินแห่งนี้เรียกอีกอย่างว่าโลกใต้ดิน เป็นเหมือนสุสานที่จักรพรรดิฟ้าได้สร้างขึ้น เพื่อเป็นที่อาศัยให้กับคนของตน ดังนั้นที่นี่จึงมีซากร่างของเหล่าทหารมากมายถูกฝังอยู่
หุบเขาช่างตีเหล็ก เป็นสถานที่สำหรับสร้างอาวุธให้กับกองทัพ มีเหมืองแร่สำคัญ และมีเตาหลอมสร้างอาวุธ
แผนที่ระบุเอาไว้ว่า หุบเขาช่างตีเหล็กถูกสร้างขึ้นอย่างซับซ้อน ยากที่จะหาเส้นทาง
ด้วยความที่หุบเขาช่างตีเหล็กเป็นเหมืองชั้นยอด สมควรมีแมลงกลืนเหมืองอยู่ จึงเป็นไปได้มากว่าคนของเถี่ยเซ่อจะมาที่นี่
เว่ยสั่วจึงตัดสินใจเข้าสำรวจอย่างระมัดระวัง แต่แล้วกลับมีเสียงการต่อสู้ดังสะท้อนไปทั่ว ทั้งยังเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้มาก
สีหน้าเว่ยสั่วแปรเปลี่ยน ทิศทางของเสียงดังมาจากทางด้านซ้าย เมื่อก้มมองแผนที่ประกอบ บริเวณที่เสียงดังมาสมควรอยู่ทางตะวันออกของที่นี่
รายละเอียดจากแผนที่บอกเอาไว้ว่า ทางตะวันออกของเป็นสถานที่ตั้งของวังขนาดใหญ่ ใจกลางวังมีโลงศิลาวางอยู่
หลังจากจดจำรายละเอียดบนแผนที่ได้แล้ว เว่ยสั่วก็เร่งมุ่งไปทางทิศตะวันออกทันที
หลังมุ่งทะยานไปไม่นาน พบวังนาดใหญ่ ภายในวังมีเส้นทางทอดยาวประมาณ 6 ลี้ เขาชงักฝีเท้า เสียงการต่อสู้ที่รุนแรงหายไปแล้ว
“มีคนกำลังมา!”
ชายชราอาภรณ์เขียวกล่าวเตือน
เว่ยเห็นเงาของคนสองคน เขาเร่งหันมองรอบๆหาที่ซ่อน เห็นรูปปั้นตั้งอยู่ภายในวัง จึงเร่งทะยานไปหลบหลังรูปปั้น
ในชั่วพริบตาถัดมา เขาเห็นสตรีผู้งดงามในอาภรณ์เหลือง รูปร่างสูงโปร่ง เอวคอดกิ่ว ใบหน้าซีดขาว เหงื่อไหลโทรมกาย กำลังหลบหนีจากการตามล่าของชายวัยกลางคน
ทั้งสองไล่ล่ากันมาอย่างรวดเร็ว แต่จากลักษณะดูเหมือนสตรีนางนั้นจะด้อยกว่าชายวัยกลางคน ระยะห่างระหว่างทั้งสองจึงกระชั้นเข้ามาทุกที
เมื่อนางรู้ว่าตนเองหนีไม่พ้น นางชงักฝีเท้า ขบฟันหันกลับมาเผชิญหน้าด้วยอาวุธในมือ โบกสบัดสร้างลำแสงหลากสีงดงามจู่โจมชายวัยกลางคนที่ใกล้เข้ามา กระตุ้นยันต์อีกแผ่น ลำแสงสีขาวก่อเกิดรอบกาย
“ไม่หนีแล้วเหรอ!”
ลำแสงหลากสีผสานก่อตัวเป็นผีเสื้อร่างใหญ่โผบินเข้าจู่โจม ชายวัยกลางคนแผดเสียงคำราม ชักกระบี่ใหญ่สีดำทมิฬฟาดฟันจนผีเสื้อตนนั้นขาดเป็นสองท่อน
“อาวุธนั่น!” เว่ยสั่วตกตะลึง เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่ใช้อาวุธได้ทรงพลังมากขนาดนี้ แม้จะดูคล้ายกับกระบี่ใหญ่ทั่วไป แต่อานุภาพที่มันเปล่งออกมาไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุธระดับสูง
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเว่ยสั่วไม่มีเวลามากพอที่จะโคจรวิชาสัมผัสกลิ่นอาย หยั่งสัมผัสระดับพลังของชายวัยกลางคน ได้ยินเพียงเสียงที่มันตะโกนขึ้น “คิดว่าฝีมือแค่นั้นจะทำอะไรข้าได้? ขนาดคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้ายังไม่รอด นับประสาอะไรกับเจ้า!”
ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด คำพูดของมันมีสำเนียงทางเหนือของแคว้นสวรรค์ลึกล้ำ
จากลักษณะการพูด เว่ยสั่วคิดว่าชายวัยกลางผู้นี้ไม่ใช่คนดี แต่ด้วยสถานะการณ์ยังไม่กระจ่าง เขาจึงยังไม่ลงมือ เพียงโคจรวิชาสัมผัสกลิ่นอายหยั่งระดับพลังของอีกฝ่าย
ชายวัยกลางคนและสตรีอาภรณ์เหลืองอยู่เขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 ด้วยกันทั้งคู่ แต่จากสีของทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่เห็น ของสตรีอาภรณ์เหลืองจะอ่อนกว่า ที่สำคัญ อาวุธของนางก็สู้กระบี่ใหญ่ไม่ได้
“เจ้าเป็นใคร ทำไมกล้าลอบจู่โจมคนของเถี่ยเซ่อ? ไม่กลัวถูกไล่ล่าสังหาร?” นางนำยันต์ออกมาเตรียมพร้อม
“สตรีนางนั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา” เว่ยสั่วกล่าวในใจ
ชายวัยกลางคนจ้องมองนางด้วยแววตาเย้ยหยัน “สาวน้อย เจ้าทั้งงดงามและดูมีสติปัญญา เหตุใดกล่าวคำราวกับคนไร้ปัญญาออกมา? จงรู้เอาไว้…. นับจากวันนี้ไปกลุ่มเถี่ยเซ่อจะถูกลบหายไปจากโลกใบนี้! หากเจ้ายอมสยบต่อข้า ยอมปรนนิบัติข้าอย่างดี ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าและมอบบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้”
“ยอมปรนนิบัติ? ไอ้บัดซบนี่บ้าตัณหา” เว่ยสั่วขมวดคิ้ว ถ่ายปราณใส่แหวนห้าธาตุ กระชับเศษกระบี่ปีศาจหยินพร้อมลงมือทุกเมื่อ
แต่แล้วการกระทำของนางกลับทำให้เว่ยสั่วตกตะลึง “หากได้ครอบครองข้า ท่านจะไว้ชีวิตข้าจริงเหรอ?”
“โอ้สาวน้อย… รีบปลดอาภรณ์ของเจ้าออกแล้วปรนนิบัติข้า ในเมื่อเจ้ายอมสยบต่อข้า เหตุใดข้าต้องสังหารเจ้า?” ชายวัยกลางคนยิ้มกว้าง
“นางบ้าไปแล้วหรือไง?”
เว่ยสั่วคาดไม่ถึงกับการกระทำของนาง นางราวกับหวาดกลัวความตายจนต้องยอมพลีกายแลกชีวิต
เมื่ออาภรณ์ชั้ถูกปลด หน้าอกกลมมนขาวนวล หน้าท้องแบนราบ เอวที่คอดกิ่วที่ปรากฏต่อสายตาเว่ยสั่วและชายวัยกลางคน
เมื่อนางเลือกจะทำเช่นนี้ เว่ยสั่วจึงตัดสินใจไม่ช่วยนาง
การกระทำของนางทำให้ชายวัยกลางคนยิ้มกว้าง คิดว่านางไม่พ้นมือมัน
“สาวน้อย… ปลดเกราะคุ้มกายเจ้าออก แล้วเดินไปตรงหินก้อนนั้น แนบกายลงไปแล้วหันหลังให้ข้า”
นางทำตามที่มันบอก เดินไปยังก้อนหินที่มันชี้ เอนกายแนบก้อนหิน หันหลังให้ด้วยท่าทางที่ยั่วยวล
ชายวัยกลางคนหัวเราะชอบใจ เดินปรี่เข้าไปหาช้าๆ แต่เมื่อมันอยู่ห่างจากนางเพียง 2 ก้าว กลับยกกระบี่ใหญ่ ฟาดฟันผ่าร่างของนางเป็นสองซีก ตกตายโดยไม่มีเวลาให้เปล่งเสียงร้อง
“นังแพศยา… คาดไม่ถึงว่าจะเชื่อที่ข้าพูด เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าข้าอยากมีอะไรกับเจ้า… ข้าเกลียดสตรี ชื่นชอบเพียงบุรุษเท่านั้น!”
ทันทีที่มันกล่าวจบ สีหน้ามันกลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“บัดซบ! เผยตัวออกมาดี๋ยวนี้!”
มันตวัดกระบี่ใหญ่ฟาดฟันรอบทิศราวกับสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง
สีหน้าเว่ยสั่วแปรเปเลี่ยนใหญ่หลวง
“บัดซบ!”
คาดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของเว่ยสั่ว แต่ด้วยตัดสินใจลงมือไปแล้ว จึงทะยานเข้าจู่โจมด้วยกระบี่ปีศาจหยิน...