Ep.138 โหดร้ายหรือเมตตา
4/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.138 โหดร้ายหรือเมตตา
กระสุนนี้ ยิงทะลุเข้าใส่ต้นขาของอีกฝ่าย
จ้าวหยูและอีกสองคนเบนสายตามองไปตามต้นเสียงโดยสัญชาตญาณ ในหัวใจเกิดความสงสัยว่าใครกันที่เป็นคนยิงมันออกไป
ทั้งสามพบว่าในมือของฉินเฟิงกำลังกุมไรเฟิลอยู่ นี่คืออาวุธปืนที่ปล้นมาจากนักเรียนของสถาบันซิต๋าก่อนหน้านี้
เนื่องจากฉินเฟิงไม่ได้พกอาวุธปืนติดตัวมาด้วย หรือต่อให้มีเก็บไว้ในพื้นที่มิติของเสี่ยวไป๋ มันก็ไม่สะดวกที่จะนำออกมาใช้งาน
ยังไงก็ตาม ยึดอาวุธคนอื่นมาใช้มันก็ไม่เห็นแปลกนี่? มันคือของฟรีแถมยังใช้งานได้ดีซะด้วย
ในเวลานี้ สีหน้าของฉินเฟิงยังคงสงบ คล้ายไม่รู้สึกผิดใดๆที่ยิงฝ่ายตรงข้าม
แต่ทางจ้าวหยูและคนอื่นๆเริ่มมีสีหน้าซีดเผือด ทั้งหมดจินตนาการถึงประสบการณ์อันน่าขมขื่นที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชายคนนั้นต่อจากนี้ ...
… ต้องตกเป็นอาหารของฝูงหมาป่า!
แต่ในเวลานั้นเอง เสียงกระสุนปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ปัง!
ในสายตาของฉินเฟิง หนึ่งในฝูงหมาป่าที่อยู่ไกลออกไปหน้าสะบัดหงาย กระเด็นไปกลางอากาศ เกิดพลุเลือดสาดกระเซ็นออกมาจากหัวของมัน
“เอ๋ง!”
หมาป่าร้องลั่น ล้มลงกับพื้น
ปัง ปัง ปัง!
เสียงอาวุธปืนดังขึ้นต่อเนื่อง หมาป่าตนแล้วตนเล่าเริ่มถูกสังหารลง
นักเรียนจากสถาบันซิต๋าที่แต่เดิมทิ้งตัวลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง เวลานี้อ้าปากค้าง เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
หมาป่าสี่ตัวที่พยายามจะเข้ามาตะครุบเขาถูกยิงตายในนัดเดียวโดยกระสุนไรเฟิล
แล้วจู่ๆเขาก็เกิดความหวังขึ้นทันใด
“นั่นไม่ใช่หนึ่งในอาวุธปืนของนักเรียนสถาบันเราหรอกหรอ? สามารถดึงประสิทธิภาพของ ‘แบล็คสกาย’ ออกมาได้มากถึงขนาดนี้ เขาจะต้องเป็นมือปืนที่ติดสิบอันดับแรกแน่ๆ”
นักเรียนคนนั้นไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ขา เริ่มคืบคลานออกมาข้างหน้า
ปัง!
กระสุนอีกนัดหนึ่งยิงทะลุลงดินเบื้องหน้าเขา เศษฝุ่นฟุ้งกระจาย
เห็นได้ชัดว่านี่คือคำเตือน!
เตือนว่าจงอยู่นิ่งๆ ห้ามขยับ!
ระหว่างนั้นเอง เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง หมาป่าอีกหลายตัวถูกสังหารตกตายลง
ไม่นาน ในฝูงหมาป่า อย่างน้อยก็มีเก้าตัวถูกยิงที่หัว ส่วนตัวอื่นๆตัดสินใจม้วนหาง ล่าถอยไป
อาหารน่าลิ้มลองก็จริง แต่ชีวิตสำคัญกว่า พวกมันไม่ต้องการให้ทั้งฝูงถูกทำลาย!
ฝูงหมาป่าถอนตัวกลับไป กลิ่นอายเลือดโชยแตะจมูกนักเรียนสถาบันซิต๋า
ไม่นานเกินรอ ร่างหลายร่างก็ปรากฏขึ้นในแนวสายตาของเขา
มีทั้งสิ้น 4 คน เมื่อนักเรียนซิต๋าเห็นว่าเป็นนักเรียนจากเฉิงเป่ย รอยยิ้มยินดีของเขาก็หดหาย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด
“หนีไปดีๆคนเดียวไม่ได้ใช่ไหม? ต้องลากคนอื่นไปตายด้วย ขอฉันตั้นหน้าแกหน่อยเถอะ” โจวฮ่าวบดสองมือตนเอง เกิดเสียงกระดูกดังแกร๊กๆ
“ขอโทษที ฉันจะไปแล้ว ฉันยอมแล้ว” นักเรียนซิต๋ากล่าวร้อนรน เขาขบคิดก่อนเอ่ยต่อ “ฝากบอกมือปืนของพวกนายด้วยว่าขอบคุณ”
ว่าจบ ชายคนนั้นก็คอตก ดึงป้ายชื่อออก และโยนไปให้โจวฮ่าว ต่อมาก็ถูกกลืนหายเข้าไปโดยรูนมิติ
โจวฮ่าวหัวเราะฮะฮ่าเสียงดัง
“ฉินเฟิง นายยิงมันแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับจบลงด้วยการได้รับคำขอบคุณ”
นักเรียนเมื่อครู่ไม่ทราบว่าด้วยซ้ำว่าฉินเฟิงเป็นคนยิงตน เพราะท้ายที่สุดแล้ว มีนักเรียนแค่ 4 คนเดินเข้ามา และอีกฝ่ายรู้ได้จากป้ายชื่อว่ามี 2 คนเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ อีก 2 เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ ดังนั้นเลยสรุปในจิตใจว่า มือปืนอีกคนหนึ่งยังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น
สุดท้าย นักเรียนจากซิต๋าคนนั้น ก็ยังไม่ทราบถึงความจริง เขาคิดได้เพียงว่า : ในปีนี้ โรงเรียนเฉิงเป่ยได้ปรากฏมือปืนอัจฉริยะขึ้นมาคนหนึ่งแล้ว
“รีบเก็บกวาดสนามรบเถอะ แล้วพวกเราจะเปลี่ยนที่พักกัน” ฉินเฟิงไม่สนใจมุขตลกของโจวฮ่าว สั่งการโดยตรง
โจวฮ่าวพยักหน้า ทั้งสี่ช่วยกันเก็บกวาดสินสงครามและข้าวของ มุ่งหน้าไปอีกทิศทางหนึ่ง
คืนนี้ชะตาช่างไม่เป็นใจ เอาแน่เอานอนไม่ได้
ในสวนล่าใบไม้ผลิ ยามเช้าเงียบสงบ ทว่ายามดึกราวกับนรกบนดิน สวนล่าเป็นสถานที่อันตรายจริงๆ
นักเรียนที่เข้ามาในสวนล่าใบไม้ผลิ เริ่มเกิดความหวาดกลัวและถอยกลับไปวงนอก มีกระทั่งบางคนยอมถอดป้ายชื่อถอนตัวออกจากสวนล่า
ในเวลานี้ นักเรียนหลายคนเริ่มย้อนนึกไปถึงคำพูดของชายชรา
‘ ฉันไม่ถึงขั้นต้องการให้พวกเธอโค่นมัน ตราบใดที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง สรุปง่ายๆว่าจงรอดชีวิตกลับมาให้ได้!’
หลายคนเมื่อนึกถึงคำนี้ ก็ตระหนักได้ว่ามันคือความจริง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจหยุด
เพียงคืนแรก ผู้คนจากทั้ง 5 สถาบัน ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ ปัจจุบันลดหลั่นลงเหลือแค่ 1,000 คน!
ผ่านไปครึ่งคืน ฉินเฟิงก็ผุดลุกขึ้น เดินไปตบไหล่ของโจวฮ่าวกับจางเทียน
“พวกนายไปพักผ่อนเถอะ”
เพราะเกรงว่าจะมีสัตว์ร้ายบุกเข้ามาในยามค่ำคืน พวกเขาจึงผลัดกันเฝ้ายาม
เนื่องจากจ้าวหยูเป็นผู้หญิง และเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นเธอเลยไม่ต้องมาช่วยเฝ้ายาม
ช่วงก่อนเที่ยงคืนเป็นโจวฮ่าวกับจางเทียนที่รับหน้าที่ ตอนนี้เลยเที่ยงคืนแล้ว ฉินเฟิงจึงมารับช่วงต่อ
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกพวกเราได้เลยนะ”
“อ่า ไปพักเถอะ”
พอทั้งสองปลีกตัวไป ฉินเฟิงก็ปีนขึ้นบนต้นไม้ใหญ่ สภาพแวดล้อมโดยรอบกลายเป็นมืดมนลง
เปิดใช้งานพลังพิเศษ : โอบกอดทมิฬ!
ไป๋หลีกระโดดลงจากไหล่ของฉินเฟิง หยั่งเท้าลงบนอีกกิ่งไม้หนึ่งและ--
--ปุ้ง!
กลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจากความมืดมิดไม่มีผลใดๆต่อการมองเห็นของฉินเฟิง เขาจึงได้รับผลกระทบจากฉากตรงหน้าเข้าอย่างจัง
แต่โชคยังดีที่เขาเริ่มชินกับมันแล้ว
ไป๋หลีเริ่มหยิบเสื้อผ้าออกมา และสวมใส่มันอย่างรวดเร็ว
รอจนเธอแต่งตัวเสร็จ ฉินเฟิงค่อยเอ่ยถาม “ไปสำรวจมาเป็นยังไงบ้าง?”
“เอิ๊ก!” ไป๋หลีเรอเสียงดัง “ไม่เลวเลยล่ะ ได้ผลไม้มาเยอะเลย!”
ฉินเฟิงไร้คำจะกล่าวไปพักหนึ่ง บอกดีๆก็ได้ เรอแบบนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอ?
“ไหนล่ะผลไม้สมาธิ?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
“กำลังจะเอาให้พอดี”
ไป๋หลีวาดมือออก ในพริบตา ผลไม้ขนาดใหญ่ก็ตกลงในอ้อมแขนของฉินเฟิง
ผลไม้นี้มีขนาดเท่าแตงโม เส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 25 ซม. แต่มีลวดลายเป็นเส้นๆแปลกๆอยู่ด้านนอก พอลองสังเกตดูคล้ายมีหลุมอยู่บนเปลือกผลไม้
“ฉันทำตามที่สั่งแล้ว เหลือพวกมันทิ้งไว้ 3 ลูก” ไป๋หลีกล่าว
ต้นไม้สมาธิจะให้ผลแตกต่างกันไปในแต่ละปี แต่ปีนี้มันให้ผลผลิตที่ดี กล่าวได้ว่ามากถึง 30 ผล แต่ไป๋หลีกลับเหลือทิ้งไว้เพียง 1/10 เท่านั้น ช่างเป็นเรื่องน่าสงสารสำหรับคนอื่นๆจริงๆ
ฉินเฟิงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ภาวนาในใจ “หวังว่าพวกอาจารย์คงไม่เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้นะ”
แม้ผลไม้สมาธิจะเป็นรางวัลของสวนล่า แต่หากมันถูกขโมยไปจนเกือบหมด ลองนึกดูสิว่าผู้คนในเมืองเฉิงหยางจะโกรธแค้นขนาดไหน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว นั่นคือสิ่งที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่นักเรียน ซึ่งส่วนใหญ่คงไม่พ้นนักเรียนทางฝั่งเขา แต่ในปีนี้กลับหยิบฉวยได้แค่ 3 ผลเท่านั้น
“ลองกินดูสิ มันอร่อยมากเลยนะ” ไป๋หลียินดีนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง
“อ่า จัดไป”
ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมา คว้านเปิดรูขนาดเท่าฝ่ามือด้านบนผลไม้อย่างระมัดระวัง
หลังจากเปิดมัน ภายในผลไม้ก็เผยโฉมออกมา
เขาค้นพบว่าภายในผลไม้นี้ แท้จริงแล้วเป็นของเหลวโปร่งใส มองดูเหมือนกับซุปวุ้นชามหนึ่ง
“นี่สินะผลไม้สมาธิ!”
ในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน เพราะยังไงซะ นี่คือสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้อบิลิตี้ แต่เขาเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ ดังนั้นฉินเฟิงเลยไม่สนใจ ออกไปทุ่งล่าก็ไม่ใส่ใจถึงการดำรงอยู่ของผลไม้ชนิดนี้
แต่ปัจจุบัน เขามีโอกาสได้ลิ้มลองมัน!
อึก … อึก …
ฉินเฟิงยกซดอึกใหญ่ กลิ่นหอมหวานคล้ายกับนมไหลผ่านเข้ามาในลำคอ เพียงไม่นาน ฉินเฟิงก็ดื่มผลไม้สมาธิทั้งลูกจนหมด
ภายในท้องของเขาเริ่มคันยิบๆ ฉินเฟิงรู้สึกราวกับพลังงานจะระเบิดออกมา พวกมันถูกหลอมรวมเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของฉินเฟิง พลังสมาธิเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
พลังสมาธิของเขาไม่ได้ยกระดับมาพักหนึ่งแล้ว เวลานี้มันค่อยๆไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานเกินรอ พลังสมาธิของฉินเฟิงก็ทะยานขึ้นสู่ระดับใหม่
ก้าวขึ้นเป็นเลเวล F4!
ขอบเขตในการรับรู้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ระยะพิสัยกลายเป็น 150 เมตร เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งในระยะนี้ได้อย่างชัดเจน ควบคุมอาวุธปืนได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่พลังสมาธิสามารถขยายวงกว้างไปถึง 4 กิโลเมตร!
“และยังไม่หมดแค่นี้หรอกนะ!”