LCEW เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 - ทุบ แทง ยิง เหอเล่ย
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/Lovecodebyshark/
เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 - ทุบ แทง ยิง เหอเล่ย
"ได้โปรด….ไม่...อย่า…."
"ฮ่าฮ่าฮ่า วิ่งได้ก็วิ่งไป วิ่งอีกสิวิ่ง"
"ไอ้พวกชั่วนั่นวิ่งไล่จับผู้หญิงอย่างกับคนโง่!! ไร้สาระจริงๆ!!"
ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด!!
พูดตามตรงนะ ถ้าหากฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็คงไม่มีทางสนใจผู้หญิงลามกแบบนี้หรอก...บางทีฉันเองก็ไม่เข้าใจความคิดผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็มีรูปร่างที่โค้งมนใบหน้าไร้เดียงสา แต่จิตใจของเธอสกปรกมาก ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกฉันว่าผู้ชายจะแก้ปัญหาทางสรีระร่างกายของเราได้ถ้าหากพวกเขา...เอ่ออ….รู...
แน่นอนว่าพวกเราพูดคุยกันเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ถึงแม้ว่าฉันจะหน้าแดงหลังจากได้ฟังความคิดเห็นของเธอ….แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะฟังต่อเพราะฉันโตแล้ว อาจารย์เองก็อธิบายแนวคิดแง่มุมทางสรีระด้วยคำพูดที่คลุมเครือ นับประสาอะไรกับพ่อแม่ของฉัน ฉันมีเพียงแค่ลูกพี่ลูกน้องจอมลามกที่เรียนอยู่มหาลัยเท่านั้นที่จะสอนแง่มุมเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ได้
เหอเล่ยขันหมากกวักมือเรียกพวกเราให้รักษาระยะห่าง จากนั้นเขาก็เดินตามหลังโจรทั้งสามคนที่กำลังเฝ้าระวัง การกระทำของเขาช่างลอบเร้นและรวดเร็วราวกับเสือจากัวร์เตรียมขย้ำเหยื่อยามราตรี ทันใดนั้น เขาก็ขวาโจรด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างนึงมีดสั้นออกมาจากโจรอีกคนที่อยู่ข้างๆคนแรก ขณะที่เขาหักคอโจรคนแรก เขาก็แทงมีดใส่โจรด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว
"อ๊ากก!!"โจรส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เหอเล่ยชักปืนออกจากเอวโจรที่อยู่ด้านขวา ก่อนจะกระโดดถอยหลังแล้วเริ่มยิง
เพียงแค่ฉันกระพริบตา การต่อสู้ทั้งหมดก็จบลง!! เหอเล่ยไม่ได้เป็นเพียงนักสู้ที่ดี แต่เขายังเก่งมาก!! เขาจัดการทุกอย่างรวดเร็ว!! แถมยังแม่นยำและเลือดเย็น ฉันเชื่อว่าหากเป็นพ่อตอนที่อายุไล่เลี่ยกับเขา พ่อคงจะมีทักษะที่อ่อนกว่าเหอเล่ยอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!!
นอกจากนี้ เมื่อตอนที่เขาลงมือสังหาร เขาเหนี่ยวไกปืนโดยไม่มีความลังเลหรือล่าช้า ใช่ลุงคนนี้เป็นใครกันแน่? ฉันรู้สึกชื่นชมในทักษะอันน่าประทับใจของเขาจริงๆ!!
ในลานสายตาของฉันมีเพียงร่างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของเหอเล่ย เขากำลังหลบเส้นลำแสง รังสีของแสงผ่านตัวเขาไปอย่างน่าอัศจรรย์และไม่อาจทำร้ายร่างกายเขาได้ ในขณะที่เขากระโดด เส้นลำแสงที่ยิงหมาก็ขยายใหญ่
*ปังง ปังง*"เหอเล่ยขว้างกระบอกปืนทั้ง 2 กระบอกมาทางพวกเรา
"ป้องกันตัว!!"เขาตะคอกและพุ่งออกไปคนเดียว
ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึง อาซิงเดินผ่านฉันแล้วหยิบปืนทั้งสองกระบอกขึ้นมา จากนั้นเขาก็จับมือฉัน
"หลัวปิง!!"เขาเรียกชื่อฉันดึงฉันกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง มีเส้นลำแสงวิ่งไปมาอยู่ด้านนอกเต็มไปหมด มันไม่ใช่กระสุนที่ยิงออกมาจากปืน แต่มันเป็นแสงสีฟ้า!! แบบเดียวกับปืนที่เคยเห็นในภาพยนตร์ไซไฟ
และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกเราเจอหน้ามองดูเหตุการณ์ เหอเล่ยกระโดดกระโจนผ่านแสงไฟอันแสนงดงาม เขายิงปืนออกไปทีละนัด และทุกนัดก็เข้าหัวหมด!! การเคลื่อนไหวของเขาโดดเด่นราวกับเจ้าหน้าที่พิเศษในหนังสายลับ!!
ทันใดนั้น ฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังซ่อนตัวอยู่ด้านข้างกรงซึ่งดูแล้วมีเจตนาจะลอบโจมตีเหอเล่ย ฉันจึงโต้ตอบด้วยปฏิกิริยาฉับพลัน หยิบกระบอกปืนขึ้นมาแล้วขว้างออกไปเหมือนกับมีด
*พรวดด* ปืนที่ฉันขว้างออกไปกระแทกพื้นที่อยู่ในมือคู่ต่อสู้ ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิมและดูมือของตัวเอง โธ่เอ๊ย!! มันช่างน่าอายจริงๆ
ฉันจะฝึกปามีดซะเป็นส่วนใหญ่ ในประเทศบ้านเกิดของฉัน กฎระเบียบเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนค่อนข้างเข้มงวดไม่เหมือนกับสหรัฐอเมริกา ที่พ่อจะสามารถจัดหาปืนจริงมาให้ฉันฝึกฝนได้ น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมฉันถึงปาปืนพลาด ฉันควรจะได้ถือปืนจริง ไม่ใช่ปืนที่เหมือนจะยิงลูกพลาสติก
"หลัวปิง!! ระวัง!!"อาซิงตะโกนอย่างฉับพลัน เหอเล่ยจ้องมองมาที่ฉัน ดวงตาของฉันมองเห็นหมัดปรากฏขึ้นตรงหน้า มันคือหมัดของโจรที่ฉันปาปืนใส่จนหลุดมือ ฉันจับข้อมือขาวและอาศัยแรงสะท้อนบิดข้อมือของโจร จากนั้นก็ยกขาเตะอัด ซึ่งตนก็สามารถป้องกันลูกเตะของฉันได้ ฉันจึงรีบเข้าไปจับตัวโจรหมายจะต่อยซ้ำ แตะแล้วแสงสีฟ้าก็ทะลุขมับโจร ดวงตาของเขาเบิกกว้างก่อนที่จะล้มฟุบตรงหน้าฉัน
หัวใจของฉันหยุดเต้นเมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างของโจร เขาตาถลนนอนแน่นิ่งติดกับพื้นร่างกายไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ขมับของเขากลายเป็นหลุมเกิดเพลิงเผาเหมือนปลายบุหรี่ เขา...เขาตายสนิทจริงๆ
นี่ฉันกำลังเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาของจริง!!
แม้ว่าพ่อของฉันจะสอนวิธีจู่โจมสวนกลับในชีวิตจริง และพ่อยังได้เน้นย้ำว่าฉันจะต้องสังหารศัตรูให้ได้ภายในกระสุนนัดแรก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่การฝึกซ้อม ความตายก็เป็นเพียงความตายแบบปลอมๆ!! ท่านลุงที่ฉัน "ฆ่า" เมื่อจบการฝึกฝน เขาก็ลุกขึ้นแล้วออกไปเที่ยวทั้งยังสูบบุหรี่
แต่คนตรงหน้าของฉันตอนนี้ ตายไปจริงๆ!! ถึงคนเหล่านี้จะสมควรตาย แต่ภาพการตายก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจของฉัน!! มันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป…..ฉันแบกรับความจริงครั้งนี้ไม่ไหว
ท้องของฉันกำลังปั่นป่วน ฉันรีบวิ่งไปด้านข้างเพื่อที่จะ อ้วกกกกกกกก!!!!
"นายเป็นอะไรหรือเปล่า?"ใครบางคนกำลังตบหลังฉัน เขาคนนั้นก็คืออาซิง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเป็นกังวล "หรือว่า….นายพึ่งเคยเห็นคนตายเป็นครั้งแรก?"
ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าอาซิงที่นอนขดตัวอยู่ที่มุมห้องกรงฟังเสียงตะโกน "อย่ากินฉัน!"จะสงบสติอารมณ์ได้มากขนาดนี้ ราวกับว่าเขาคุ้นชินกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนกลายเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยบนโลกใบนี้
"เจอครั้งแรกทำใจยากเสมอ แต่เดี๋ยวให้มันผ่านไปสักพักนายก็จะชินเอง"เขายังคงตบหลังปลอบใจฉัน ภายใต้น้ำเสียงอ่อนโยนแทรกไปด้วยความเย็นชา ความเย็นชาในการใช้ชีวิตของคนทั่วไป
เดี๋ยวก็เคยชินกับมัน มันหมายถึงอะไร? เคยชินกับความตาย?
ฉันสงบสติอารมณ์ ในอากาศไม่มีกลิ่นเหม็นฉุนเลือด จะมีก็เพียงแต่กลิ่นเหม็นไหม้ ฉันกับฟันยืดตัวตรง ฉันต้องหนี ไม่ควรเอาเรื่องอื่นมาเป็นกังวล
"อ๊ากกก!!" เมื่อจนคนสุดท้ายล้มลงข้างกองไฟ สภาพแวดล้อมก็กลับคืนสู่ความเงียบสงัด เหอเล่ยจ้องมองรอบๆด้วยความระมัดระวัง เขาลุกขึ้นจากท่าย่อหมอบ สีหน้าของเขาจ้องมองดูศพที่อยู่บนพื้นด้วยความเย็นชา ท่าทางเย่อหยิ่งทำให้เขาเหมือนผู้ลงทัณฑ์ที่เดินฝ่าออกมาจากกองไฟ โจรทุกคนที่อยู่บนพื้นดินสมควรได้รับโทษ!!
ในที่สุดฉันก็ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อีกเล็กน้อย ฉันเดินออกมาจากด้านข้างพร้อมกับอาซิง แต่ร่างกายของฉันยังคงสั่นสะท้าน ลำไส้ปั่นป่วน พวกเราไปยืนอยู่ข้างหลังเหอเล่ยที่สายตายังคงจ้องมองรอบๆด้วยความระมัดระวัง จากนั้นเขาก็หันมาบอกฉันว่า "นายก็มีความสามารถเหมือนกัน"
"ขอบคุณ"ฉันคิดแค่หาวิธีกลับไป กลับไปยังโลกของฉัน!!
"พวกเราปลอดภัยแล้ว"อาซิงกล่าวขณะมองดูซากศพ เขาจ้องมองอย่างละเอียด นี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่าความกลัวที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้ามันเป็นเพียงการแสดงปลอมๆ
เหอเล่ยเหลือบมองพวกเราและเริ่มถอดชุดหลวมๆที่เขาสวมใส่ เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตแสนสะอาดที่อยู่ภายใน จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อเชิ้ตแสนสะอาด เหลือแค่เพียงเสื้อกล้ามรัดรูปชั้นใน
"หนึ่ง สอง สาม สี่….."อาซิงนับจำนวนศพ
ฉันจดจ่ออยู่กับเหอเล่ย เขาถือเสื้อของตัวเองเดินไปทางกองไฟ ด้านหลังมีผู้หญิงเนื้อตัวสกปรกมอมแมมกำลังนอนขดตัวอยู่ ร่างกายของเธอเปลือยเปล่า ผิวหนังทุกส่วนที่เปิดเผยสกปรก เธอสั่นด้วยความกลัว แต่ก็ไม่ได้ร้องให้
เหอเล่ยวางเสื้อของเขาบนร่างกายของเธออย่างอ่อนโยน เธอรีบกุมมือแน่นราวกับว่าเธอกำลังจับฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตเธอได้ เธอรู้สึกถึงความปลอดภัย รู้สึกถึงความอบอุ่น ที่ช่วยขจัดความกลัวจากเหตุการณ์อันน่าสยดสยอง