ตอนที่ 74 ลักลอบเข้าปราสาท
ตอนที่ 74 ลักลอบเข้าปราสาท
ไอรีนลืมตาขึ้นหลังจากที่เธอสลบไป เธอตื่นขึ้นมาภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย รอบๆห้องที่เธอฟื้นขึ้นเต็มไปด้วยชั้นหนังสือและม้วนคัมภีร์วางเรียงรายอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หญิงสาวตัดสินใจลุกขึ้นยืนหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าตัวเธอไม่มีสถานะอะไรตกค้างในร่างของเธออีกก่อนที่จะมีมือคู่หนึ่งเลื่อนตกลงมาค้างตัวเธอ เมื่อเธอมองกลับไปยังเจ้าของมือคู่นั้นก็พบชายหนุ่มคนหน้าตาดีกำลังนั่งหลับอยู่ข้างๆ ไม่รู้อะไรดลใจให้ไอรีนเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของชายผู้นั่น
ทันทีที่มือนุ่มๆกระทบกับใบหน้าของเขา เจสเปอร์ก็รู้สึกถึงความนุ่มและความอ่อนโยนจากหญิงสาวที่กำลังลูบอยู่บนใบหน้าพร้อมกับสายตาอบอุ่นที่เธอมองมา เจสเปอร์ยังคงแกล้งนอนหลับต่อไปอีกสักพักก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นทำเหมือนไม่รู้เรื่องราวเมื่อครู่
“เธอฟื้นแล้วหรอ เป็นยังไงบาง” เจสเปอร์แกล้งถามหญิงสาวตรงหน้า ที่บัดนี้แก้มทั้งสองข้างของเธอแดงเป็นลูกมะเขือเทศไปหมดแล้ว
“ใช่ฟื้นขึ้นมาได้สักพักแล้ว ว่าแต่ฉันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง แล้วพลังลึกลับนั่นนายจัดการไปแล้วหรือยัง”
ไอรีนแม้จะเขิลกับสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่อยู่บาง แต่เธอก็ควบคุมอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดีสมกับที่เป็นนักแสดงที่ได้รับการชื่นชม
เจสเปอร์สัมผัสได้ถึงความเขิลอายจากหญิงสายได้บาง จึงไม่คิดจะแกล้งเธอต่อไปอีก เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังพร้อมทั้งขอโทษที่จำเป็นต้องอุ้มเธอในขณะที่สลบไปตอนออกไล่ล่าดวงตาแห่งความจริงเพราะเขาไม่อยากทิ้งเธอให้นอนอยู่บนพื้นดินเพียงลำพัง
ทั้งสองคนยังพักอยู่ในห้องของศิษย์เอกทอน์อยู่สักพักก่อนที่จะเดินทางกลับขึ้นไปบนบ้านของลุงอัลบัสที่บัดนี้มีสมาชิกกิลด์ Rising Sun รออยู่ด้านบนจนทำให้บ้านหลังนี้ดูเล็กลงขนัดตา
“หลังจากที่พวกเราลองสังเกตบริเวณหน้าทางเข้าปราสาทอยู่นานหลายวันก็พอจะทราบว่าเรื่องนี้น่าจะไม่มีผู้เล่นเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย” หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเจสเปอร์ได้แบ่งหน้าที่ของแต่ละคนออกเป็นส่วนๆ โดยมีคนที่คอยจับตาดูหน้าทางเข้าปราสาท และคนที่ใช้ชีวิตกลมกลืนกับชาวเมือง เพื่อสืบหาข้อมูลทั้งหมดและเมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากคนอื่นๆ มาผนวกกับเรื่องที่เขาได้ยินมาจากในปราสาทก็พอจะทำให้เจสเปอร์เข้าใจอะไรหลายอย่างได้มากยิ่งขึ้น
เมืองแซนนิกซ์แห่งนี้ไม่ได้สามัคคีเหมือนเมืองอื่นๆ เจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 7 เป็นเพียงหุ่นเชิดที่เสนาบดีอีกอร์ ดึงขึ้นมาเป็นฉากหน้าเพื่อปกปิดเรื่องเลวร้ายของตัวเองที่กำลังจะยึดอำนาจและล้มล้างเชื้อสายเอ็ดมันด์ที่ปกครองเมืองแซนนิกซ์มาอย่างยาวนาน เสนาบดีอีกอร์ซึ่งป็นเพียงแค่ขุนนางทั่วๆไป ไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์สูงศักดิ์ การที่จะทำให้ประชาชนรักใคร่และยอมรับให้ตนเป็นเจ้าชายของเมืองได้มีแต่จะต้องทำให้ ประชาชนเกลียดและหมดความศรัทธาในตัวเจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 7 เท่านั้น
“ทุกอย่างเป็นแผนชั่วของเสนาบดีอีกอร์” เป็นคำพูดของชายในผ้าคลุมสีดำที่ปรากฏตัวขึ้นหน้าประตู หากมองไปที่ชื่อของชายผู้นี้ก็จะพบว่าชื่อของชายคนนี้เปลี่ยนเป็ยสีแดงเข้ม มันเป็นสถานะแสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมที่ชายผู้นี้กระทำ ‘ฆาตกร’
แต่ผู้คนภายในบ้านมีเพียงลุงอัลบัสเจ้าของบ้านหลังนี้เท่านั้นที่ตกใจกับการมาถึงของฆาตกรที่กำลังยื่นอยู่หน้าประตูบ้านตน ชายชรากำลังหวาดกลัวต่อชายตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัดแต่ถึงกระนั้นชายชราผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้กุมความลับของศิษย์เอกทั้งสาม กลั้นใจเดินออกไปเผชิญหน้ากับฆาตกรที่โหดเหี้ยมเพื่อปกป้องเหล่าผู้กล้าที่อยู่ในบ้าน
“ที่นี้ไม่ต้อนรับแกไอ้ฆาตกร ออกไปจากบ้านฉันซะก่อนที่ฉันจะเรียกทหารยามมาจับตัวแก” ลุงอัลบัสพูดออกไปด้วยเสียงที่แข็งกร้าวซึ่งดูก็รู้ว่าชายชราเช่นนี้กำลังพูดข่มขู่ เพราะถึงยังไงลุงอัลบัสก็คงไม่กล้าเรียกทหารยามมาที่บ้านหลังนี้ตราบใดที่บ้านหลังนี้ยังซ่อนทางลับเอาไว้อยู่
ก่อนที่เรื่องนี้จะเข้าใจผิดกันไปมากกว่านี้ ในที่สุดเจสเปอร์ก็ออกไปพูดกับชายชรา ว่าแท้ที่จริงแล้วฆาตกรคนนี้คือหนึ่งในสมาชิกกิลด์ของตน ‘ทวิสเต็ด’ นักฆ่าถอดหน้ากากที่ปกคลุมใบหน้าออก พร้อมกับแนะนำตัวเองท่าทางฝืนตามสไตล์ของตัวเขา
ลุงอัลบัส สับสนไปหมดแล้ว เหตุใดผู้กล้าที่ได้รับคำสั่งจากองค์หญิงซีซีเรียและเป็นถึงผู้สืบทอดของตำนานปรมาจารย์เมนอส กลับบอกว่าฆาตกรที่เหี้ยมโหดโฉดชั่วคนนี้เป็นสหายของตนกันล่ะ?
“ลุงอัลบัสไม่ต้องตกใจไปชายคนนี้ไว้ใจได้แม้ภายนอกของเขาจะดูโหดร้ายเลวทรามขนาดไหน แต่ข้ารับรองว่าชายคนนี้จะไม่ทำอันตรายต่อท่านแม้เพียงเล็กน้อย”
‘โหดร้าย? เลวทราม? ทั้งหมดก็ไม่ใช่เพราะนายหรอกหรอที่ให้ทวิสเต็ดออกไปสืบข่าวในตลาดมืดแห่งนั้นกันน่ะ!!’
แม้คนอื่นจะไม่รู้เรื่องว่าทวิสเต็ดไปทำงานหรือสังหารใครมา แต่ทุกคนต่างรู้สึกสงสารเพื่อนนักฆ่าในกิลด์คนนี้อย่างสุดหัวใจที่ต้องกลายมาเป็นคนโหดร้ายโฉดชั่วในสายตาของคนอื่นๆเช่นนี้ ซึ่งต้นเรื่องทั้งหมดทุกคนต่างรู้ดีว่าเป็นเพราะใคร
เจสเปอร์สั่งให้ทวิสเต็ดออกสืบเรื่องราวในตลาดมืดที่เป็นศูนย์รวมของอาชญกรและฆาตกร มีเพียงหมาป่าเดียวดายเช่นทวิสเต็ดเท่านั้นที่คุ้นเคยและเข้าใจกับสถานที่แห่งนี้มากกว่าคนอื่นๆ โลกใบนี้ล้วนต้องการเห็นสิ่งที่สวยงามแต่ในทุกๆเบื้องหน้าที่ขาวสะอาดที่ปรากฏออกมาให้ผู้คนได้รับรู้ มักจะมีบุคคลที่ทำงานอยู่เบื้องหลังด้วยความเสียสละ คอยทำงานสกปรกต่างๆนาที่ต้องแลกมาด้วย ความสูญเสียและคราบน้ำตา เพื่อให้ฉากหน้าที่สวยงามดำรงอยู่
ทวิสเต็ดก็คือหนึ่งในนั่น เขายินดีและสมัครใจที่จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้กับกิลด์ Rising Sun ด้วยความเต็มใจ หมาป่าเดียวดายถึงแม้จะมีฝูงให้ความอบอุ่นแต่สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นหมาป่า สัญชาตญาณของเขายังคงสนุกไปกับการออกล่าเหยื่อ ได้ต่อสู้กับคนอื่น ได้ปะทะกับคนที่แข็งแกร่งเพื่อเอาชนะ ทั้งหมดนี้หล่อหลอมจนกลายมาเป็นเขาจนถึงทุกวันนี้ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการมีจ่าฝูงที่คอยชี้แนะ
ทวิสเต็ดเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองคาดคั้นมาจาก NPC ที่เขาได้ฆ่าไปให้เจสเปอร์ฟัง โดยแผนการทั้งหมดของเสนาบดีอีกอร์นั้นเริ่มมาตั้งแต่เจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 6 ที่เป็นพระเชษฐา(พี่ชาย) ของเจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 7 โดยมีเสนาบดีอีกอร์ที่เป็นขุนนางในเวลานั้นลอบปลงพระชนม์ด้วยการใส่ยาพิษลงไปในอาหารและโยนความผิดให้กับเสนาบดีประจำตัวคนก่อน เมื่อเจ้าชายที่7ขึ้นครองบัลลังค์ก็ได้ทำการแต่งตั้งอีกอร์ขึ้นเป็นเสนาบดีแทนที่เสนาบดีคนที่ถูกตักสินประหารชีวิตโทษฐานลอบปลงพระชนม์
แต่แผนของเสนาบดีอีกอร์ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งก็ใช้อำนาจหน้าที่บาดใหญ่ อนุมัติจัดการทำให้ชาวบ้านในเมืองต่างเดือดร้อนและจงเกลียดจงชังเจ้าชายที่ 7 มากยิ่งขึ้น ส่วนกองกำลังที่สนับสนุนเสนาบดีอีกอร์ให้ขึ้นครองบัลลังค์นั่น ทวิสเต็ดไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปได้ เนื่องจากเลเวลของเขาในตอนนี้ไม่อาจรับมือกับกองกำลังพวกนี้ได้เลยแม้แต่คนเดียว
“เจ้าพอจะรู้ไหมว่า กองกำลังที่ว่านี้หลบซ่อนอยู่ที่ใด” เป็นลุงอัลบัสที่แทรกเข้ามาระหว่างการสนทนาพร้อมกับคาดหวังในคำตอบของทวิสเต็ดอยู่ไม่มากก็น้อย
“ฉันรู้เพียงแค่แห่งเดียว มันตั้งอยู่นอกเมืองแซนนิกซ์ ซากเมืองเก่าสุดขอบเทือกเขา”
“แค่ทีเดียวก็เกินพอ แต่เรื่องนี้ไม่อาจสำเร็จได้เพียงแค่พวกเจ้า เอาล่ะข้าขอกำลังพวกเจ้าสัก 1-2 คนไปกับข้าจะได้ไหม”
ลุงอัลบัสลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินขอยืมกำลังคนจากเจสเปอร์ติดตามชายชราไป ริคเตอร์และโบม่อนขันอาสาติดตามช่วยเหลือลุงอัลบัสไปกระจายข่าวให้กับสายลับที่ยังภักดีต่อตระกูลเอ็ดมันส์รอบๆเมืองตลอดทั้งคืน
“อามมี่ ลูอิส นายสองคนไปจับตาดูปราสาทว่าการประจำเมืองเหมือนเดิม ส่วนทวิสเต็ดงานของนายที่ฉันบอกไปต้องรีบหน่อยแล้วมั่วชักช้าต่อไปไม่ได้อีกถ้ายุ่งยากนักฉันอนุญาตให้นายจัดการได้เต็มที่”
งานที่เจสเปอร์มอบหมายให้ทวิสเต็ดทำไม่ได้มีแค่การออกตามสืบเรื่องต่างจากตลาดมืดเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกงานที่สำคัญพอๆกับเควสลอบสังหารองค์หญิงซีซีเรีย แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่คนอื่นๆจะรู้
สมาชิกกิลด์คนอื่นๆและลุงอัลบัสจากไปแล้ว โดยในบ้านเหลือเพียง เจสเปอร์ ไอรีนและหิมะน้อย อยู่เพียงแค่ 3 คน ก่อนที่เจสเปอร์จะตัดสินใจว่าเขาจะลักลอบแอบเข้าปราสาทว่าการประจำเมืองในคืนนี้เพียงลำพัง
แต่ก่อนที่เจสเปอร์จะไปเขาได้ฝากเรื่องสำคัญให้ไอรีนและหิมะน้อยช่วยจัดการนั้นคือการไปชะลอกองทัพขององค์หญิงซีซีเรียที่กำลังเดินทางมายังเมืองแซนนิกซ์เอาไว้ก่อน หากสิ่งที่เจสเปอร์วางแผนเอาไว้เป็นจริง เขาอาจจะช่วยให้หน้าประวัติศาสตร์ของอาณาจักร กรีนเวต้า ในโลก The Era Online ยั่งยืนไปอีกนานเท่านาน
“ฉันเองก็ไม่มั่นใจว่าแผนนี้จะสำเร็จไปได้ด้วยดีไหม แต่ถึงยังไงฉันเองก็อยากลองดู พวกเธอทั้งสองคนบอกคำพูดของฉันให้องค์หญิงรับฟังก็พอ”
ในที่สุดเควสลอบสังหารขององค์หญิงซีซีเรีย ก็ได้เดินทางมาถึงจุดสำคัญแล้ว เจสเปอร์ตัดสินใจใช้ทางเดินลับใต้ดินเพื่อมุ่งหน้าไปยังปราสาทว่าการประจำเมืองเพียงลำพัง โดยเขาจะต้องฝ่าทหารและองค์รักษ์ที่ปกป้องปราสาทเพื่อรอบเร้นเข้าไปพบกับเจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 7 ที่ไม่รู้ว่าอยู่จุดใดของปราสาทแห่งนี้ให้ได้
เจสเปอร์เดินทางมาถึงปราสาทในเวลาค่ำคืนโดยใช้ทางเดินใต้ดิน หลังจากที่แอบดูอยู่หน้าทางออกของทางเดินใต้ดินเป็นเวลานาน ไม่พบกับทหารหรือสิ่งมีชีวิตคนอื่นๆเขาจึงตัดสินใจคลานออกจากที่ซ่อนตัว ก่อนจะพบว่าเขาอยู่ในห้องหนังสือบริเวณใกล้ๆกับห้องประชุมที่เขาแอบฟังจากใต้ดินเมื่อเช้า
เขาพยายามนึกความทรงจำที่เขามีเกี่ยวกับเมืองแซนนิกซ์ออกมาให้มากที่สุด ก่อนที่จะพบว่าเคยมีผู้เล่นที่มียศศักดิ์ในเมืองแห่งนี้เปิดเผยแผนที่ปราสาทว่าการประจำเมืองแห่งนี้ลงกระดานสนทนาสาธารณะ
เจสเปอร์อยากจะขอบคุณผู้เล่นในอดีตคนนั้นเสียจริงๆ แม้มันจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แต่อย่างน้อยก็พอจะทำให้เขาเดาได้ว่าจะต้องไปทางไหนและจะต้องหลบยังไงแต่หลังจากที่เขาเดินมองสำรวจกลับพบว่า
ภายในปราสาทเมืองแซนนิกซ์หากเทียบกับเมืองหลวงอย่างอีรูไดซ์แล้วละก็ช่างต่างราวฟ้ากับเหวเพราะที่นี้ดูจะยากจนกว่ามาก โดยปราสาทที่เป็นสถานที่พักของเจ้าชายควรจะต้องมีอะไรหรูหราประดับประดาอยู่บางแต่ที่นี้กลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่หลงเหลือเค้าโครงถึงการเป็นเมืองที่เคยรุ่งโรจน์ในอดีตเลยอยู่เลย
ทหารยามที่เดินตรวจตราก็ดูจะไม่เคร่งครัดต่อหน้าที่ที่ได้รับเพียงแค่เดินทอดน่องไปมา ไร้ซึ่งความกระตือรือร้นในการปกป้องเจ้าชายผู้ปกครองแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย
‘ช่างน่าสงสารเจ้าชายอย่างนายเสียจริงๆเอ็ดมันด์’
เจสเปอร์เดินหลบสายตาจากทหารยามอย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะพบกับเสนาบดีอีกอร์บริเวณหัวมุมทางขึ้นชั้น 2 เขาแอบมองและลอบติดตามเสนาบดีผู้คิดจะล้มล้างเชื้อสายเอ็ดมันด์ไปอย่างเงียบๆ
เสนาบดีอีกอร์เดินเข้าไปยังห้องพักของตัวเองด้วยพร้อมกับมีทหารยามอีกนับ 10 เฝ้าไว้ แต่ท่าทางของทหารพวกนี้กลับขึงขัง หนักแน่น กว่าที่เขาพบเจอมาตลอดทาง
“พวกแกเฝ้าหน้าห้องของท่านอีกอร์ให้ดี หากใครละเลย ฉันคนนี้จะเด็ดหัวพวกแกออกมาด้วยตัวเอง” ขุนนางในชุดอัศวินเต็มยศเดินตรวจตราทหารยามเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินกลับลงไปยังชั้นล่าง
‘ห้องเสนาบดี มีทหารเฝ้าถึง 10 กว่าคน ส่วนห้องของเจ้าชายแทบจะไม่มีคนเฝ้า ฉันชักสงสัยแล้วละสิว่าข้างในจะมีอะไร’
เจสเปอร์ตัดสินใจแอบดูอยู่หน้าห้องของเสนาบดีอยู่นานหวังจะให้ยามที่เฝ้าเวรหละหลวมเหมือนกับยามที่เฝ้าประจำจุดอื่นๆ แต่เมื่อรออยู่นานท่าทีของทหารยามก็คงยังไม่เปลี่ยนแปลง
‘ตึก ตึก’
เจสเปอร์สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังตรงมาทางเข้า มันเป็นเหมือนปฏิกิริยาที่ตอบสนองขึ้นมาทันทีเขาสามารถรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ว่านั้นได้อย่างชัดเจน ‘มีคนกำลังอำพรางตัว’
แต่เขาไม่เคยรับรู้และสัมผัสได้ถึงขนาดนี้มาก่อนแม้มันจะอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้แต่อะไรบางอย่างกำลังเตือนเขาว่ามีคนอำพรางตัวอยู่ใกล้ๆ หรือจะเป็นเพราะผลของดวงตาแห่งความจริงที่หลอมรวมเข้ามาอยู่ในตัวเขา
เจสเปอร์ไม่ลังเลที่จะลองเปิดใช้สกิล ดวงตาแห่งความจริงที่ได้รับมา เขายืนร่ายสกิลจนเสร็จ หลังจากลืมตาขึ้นภาพที่ชายหนุ่มเห็นยังคงเป็นภาพแบบเดิมแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือมีชายรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาทางเขา ‘เจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 7’
แม้เจสเปอร์จะไม่เคยเห็นเจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 7 มาก่อนแต่ภาพชายที่อำพรางตนอยู่ตรงหน้าเขาที่แต่งกายด้วยชุดที่มีส่วนคล้ายคลึงกับองค์ชาย Aaron แห่งราชวงศ์กรีนเวต้าคงพอจะบอกได้ว่าชายคนนี้ต้องมีเชื้อสายราชวงศ์อยู่ไม่มากก็น้อย
เจ้าชายเอ็ดมันด์ที่ 7 แม้จะตกใจที่พบว่ามีบุคคลแปลกหน้าลอบเข้ามายังปราสาทแต่ก็พอจะรู้ว่าการป้องกันที่หละหลวมเช่นนี้ขอแค่มีฝีมือสักหน่อยก็สามารถลอบเข้ามายังปราสาทของตนได้ง่ายๆอยู่ดี
เจสเปอร์เหลือบสายตาไปมองเจ้าชายที่กำลังมุ่งหน้ามาทางตนแต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัวหรือป้องกัน เจ้าชายเอ็ดมันด์ก็พุ่งเข้าประชิดพร้อมกับจ่อดาบมาที่คอของเขาแล้ว
“อยู่เงียบๆถ้าเจ้าไม่อยากตาย”
...โปรดติดตามตอนต่อไป...