ตอนที่ 1 ป้าจันทร์ปากหมา !!
ตอนที่ 1
ณ ตลาดสดแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทยตลาดแห่งนี้เป็นตลาดสดที่อยู่คู่แถวนี้มานานทุกวันผู้คนที่พักอาศัยอยู่ย่านนี้จะต้องมาซื้อสินค้าที่นี่กันคับคั่งกันในช่วงเช้าแต่พอสายๆหน่อยผู้คนก็จะซาไปเองซึ่งเป็นเรื่องปกติของตลาดสดทำให้เหล่าแม่ค้าและพ่อค้ามีเวลาออกไปทำนู่นทำนี่จะกลับมาที่แผงกันอีกทีก็ราวก่อนเที่ยงแต่ทว่าวันนี้แม่จะสายจนเกือบสิบโมงแล้วเหล่าแม่ค้าและพ่อค้าก็ยังอยู่กันครบทุกแผงไม่มีใครไปไหนเพราะอะไรน่ะเหรอก็เพราะวันนี้เจ้าของตลาดจะมาเก็บค่าเช่าแผงที่ต้องจ่ายทุกสัปดาห์น่ะสิ
และทันใดนั้นเองเสียงรถมอเตอร์ไซค์อันเป็นเอกลักษณ์ที่เหล่าลูกแผงตลาดทุกคนจำได้ก็ดังขึ้นมาจากไกลๆ
ควับ !! เหล่าลูกแผงที่อยู่ใกล้ทางเข้าตลาดต่างหันไปมองทางเสียงรถมอเตอร์ไซค์นั่นก่อนจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันสีแดงยี่ห้อดรีมคันเก่ารุ่นพ่อกำลังขับมา
“มึงๆอีป้าจันทร์ปากหมามาแล้วบอกทุกคนเร็วเข้า!!” เสียงแม่ค้าที่อยู่หน้าทางเข้าตลาดตะโกนบอกแม่ค้าที่อยู่แผงถัดไป
“เฮ้ยป้าจันทร์ปากหมามาแล้วเตรียมตัวเร็วโว๊ย !!” แม่ค้าคนที่อยู่แผงถัดไปที่ได้ยินดังนั้นก็หันไปตะโกนดังลั่นเพื่อให้ทุกคนในตลาดได้ยิน
“ยัยจันทร์ปากหมามาแล้วโว๊ย”
“เร็วเข้าป้าจันทร์ปากหมามา”
“เฮ้ยไอ้แผงขายปลานั่นหน้าร้านมึงมีน้ำคาวปลาหยดแหนะรีบเช็ดเร็วอีป้าจันทร์มันมาแล้ว”
เหล่าแม่ค้าพ่อค้าตะโกนบอกต่อกันเป็นทอดๆทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดจนกระทั่งรถมอเตอร์ไซค์ของคนที่ทุกคนเรียกว่าป้าจันทร์จอดที่หน้าตลาดเสียงเหล่าเหล่าแม่ค้าและพ่อค้าในตลาดก็เงียบกันไปทันทีเหมือนกับมีใครมากดปุ่มปิดเสียงยังไงยังงั้น
แกร๊ก !! เสียงตั้งขาตั้งจอดรถมอเตอร์ไซค์ก่อนหญิงสาววัยประมาณสี่สิบใส่เสื้อลูกไม้สีบานเย็นกางเกงที่เธอใส่เป็นกางเกงสแล็คสีขาวทรงกระบอกที่คนรุ่นป้ามักจะใส่กันเธอก้าวลงมาจากรถก่อนจะหยิบกระเป๋าผ้าหน้ารถลงมาด้วยใช่แล้วชื่อของเธอก็คือจันทร์ เป็นเจ้าของตลาดแห่งนี้
ส่วนชื่อจริงของเธอนั้นคือจันทร์วาด มณีรัตน์ ปัจจุบันเธออายุ 40 ปีมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่คนหนึ่งตอนนี้ก็อายุ 15 ปีแล้วส่วนสามีเธอน่ะเหรอประสบอุบัติเหตุตายไปตั้งแต่สิบปีที่แล้วทำให้เธอต้องกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่อายุสามสิบแต่ยังโชคดีที่เธอมีตลาดแห่งนี้ซึ่งเป็นของสามีที่เสียไปของเธอทำให้เธอไม่ลำบากอะไรในเรื่องเงิน
ควับ !! ป้าจันทร์หัวควับมองเข้าไปในตลาดของเธอด้วยสายตาคมกริบเธอมองไปยังแผงแรกของตลาดก่อนจะเดินเข้าไปก่อนจะเรียกชื่อแม่ค้าเจ้าของแผงเสียงดัง
“อีหยก !!” ป้าจันทร์แผดเสียงดังลั่นจนเจ้าของแผงถึงกับสะดุ้ง
“จะ จะ จ๋าป้า” หยกพยายามข่มเสียงตัวเองไม่ให้สั่นตอบกลับไป
“ไม่ต้องมาจ๋าค่าเช่าแผงกูอยู่ไหน” ป้าจันทร์ไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้าเรื่องทันที
“นะ นะ นี่จ๊ะ” หยกหยิบเงินจากในกระบุงออกมามันเป็นแบงก์ร้อยสีแดงที่ได้มาจากการขายของวันนี้เธอค่อยๆยืนมันให้ป้าจันทร์อย่างช้าๆ
หมับ !! ป้าจันทร์จกมือคว้าเงินมาอย่างรวดเร็วก่อนจะยกมันขึ้นส่องกับแสงเพื่อดูว่ามันไม่ใช่แบงก์ปลอมเธอพยักหน้าเบาๆหลังจากได้ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋าผ้าที่หยิบติดมือมา
“อีหยก !!” ป้าจันทร์เมื่อเก็บเงินเสร็จแล้วก็เรียกแม่ค้าที่ชื่อหยกอีกครั้ง
“จ๋าป้า” หยกทำใจดีสู้เสือตอบกลับไป
“กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่าให้มึงทำความสะอาดแผงมึงให้ดีๆมึงดูสิเนี่ยเห็นมั้ยตรงนี้มันยังมีเศษน้ำตาลอยู่เลย กูต้องบอกมึงกี่ครั้งกี่หนอีเวรร้านมึงน่ะเป็นร้านขายของกินมันต้องสะอาดตลอดไม่รู้หรือไงถ้ามันสกปรกแบบนี้ถ้าเกิดวันไหนลูกค้าที่มาตลาดกูเอาไปพูดต่อกันเสียๆหายๆตลาดกูไม่เจ๊งหรือไง” ป้าจันทร์ตวาดใส่พลางชี้ให้ดูจุดที่บอกว่ามีเศษน้ำตลาด
หยกได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าลงไปมองจุดที่ป้าจันทร์ชี้ก่อนจะเห็นเศษน้ำตาลอยู่สองเกล็ดใช่แล้วมันเป็นเศษน้ำตาลสองเกล็ดจริงๆร้านเธอนั้นขายน้ำเต้าหู้จึงไม่แปลกที่จะมีน้ำตาลตกอยู่บ้างเวลารีบ
“ขะ ขะ ขอโทษป้าฉันจะรีบทำความสะอาด” หยกพูดพลางรีบหยิบผ้ามาปัดน้ำตาลลงไปแผงเธออย่างรวดเร็ว
“อีหยกมึงทำอะไรของมึงใครให้มึงปัดมันลงพื้นถ้าเกิดมดขึ้นจะทำยังไงทำไมมึงทำแบบนี้นี่มึงตั้งใจใช่มั้ย” ป้าจันทร์ที่เห็นดังนั้นก็ด่าแม่ค้าลูกแผงของเธออีกครั้ง
“ขอโทษค่ะป้าฉันจะรีบเก็บ” แม่ค้าที่ชื่อหยกพูดก่อนจะรีบก้มลงพื้นเก็บเศษน้ำตาลสองเกล็ดนั่นทันที (แม่งหาเจอด้วย)
และทันทีที่หยกเก็บขึ้นมาสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นหยกเก็บน้ำตาลสองเกล็ดนั่นขึ้นมาก่อนจะโยนมันใส่ปากตัวเองใช่แล้วหยกโยนน้ำตาลสองเกล็ดนั่นเข้าปากตัวเองในใจเธอคิดว่า
แดรกแม่งเลยได้หมดๆเรื่องไป นี่คือสิ่งที่หยกคิดอยู่ในใจ
“อีหยกอีเหี้ยมึงอยากตายใช่มั้ย !!” ป้าจันทร์ตวาดใส่หยกดังลั่นเธอหน้าแดงกร่ำด้วยความโกรธ
“ขอโทษจ๊ะป้าฉันยังไม่อยากตายไว้ชีวิตฉันเถอะ” หยกรีบยกมือไหว้ขอโทษ
“ถ้ามึงไม่อยากตายวันหลังอย่าเก็บของกินที่ตกพื้นแล้วกินเข้าไปอีเวรนี่ถ้าลูกค้ามาเห็นเข้าเขาจะลือกันไปทั่วว่าแม่ค้าในตลาดกูทำอะไรไม่ถูกหลักอนามัย” ป้าจันทร์พูดพลางชี้หน้าหยกก่อนจะจ้องเขม็ง
“เข้าใจแล้วฉันจะไม่ทำอีกจ๊ะป้า” หยกรีบสัญญากับป้าจันทร์
“เออ” ป้าจันทร์พยักหน้าก่อนจะหันหน้าไปแผงถัดไปทำเอาพ่อค้าที่อยู่แผงถัดไปขนลุกซู่
“ไอ้บอยไอ้ลูกหมานี่มึงดูแลแผงของมึงยังไงมึงขายผักนะทำไมปล่อยให้ผักมันเหี่ยวแบบนี้ถ้าลูกค้ามาเห็นไม่คิดว่าตลาดกูเอาผักไม่มีคุณภาพมาขายหรือไง” ป้าจันทร์มองไปที่แผงของบอยซึ่งเป็นแผงขายผักสด
“หนะ หนะ ไหนครับป้าผักผมพึ่งเก็บเมื่อเช้านะครับมันไม่น่าจะมีผักใบเหี่ยวได้” บอยพูดเสียงสั่น
“ก็นี่ไงมึงดูนี่สิแหกตาดูสิไอ้เวรเอ้ย” ป้าจันทร์พูดพลางเดินไปหยิบกระเพราต้นหนึ่งขึ้นมาและสิ่งที่บอยเห็นคือใบของกระเพราใบหนึ่งที่มันน่าจะถูกทับจนเหี่ยว
โธ่อีป้าเวรแค่ใบเดียวยังจะเห็นอีก บอยคิดอยู่ในใจ
“มึงด่ากูใช่มั้ยไอ้บอยแล้วไหนค่าเช่าแผงกู” ป้าจันทร์ตวาดใส่บอย
“เปล่าผมไม่ได้ด่า” บอยพูดปฏิเสธเสียงสูงก่อนจะรีบหยิบแบงก์ร้อยออกมาจ่ายป้าจันทร์
“อย่าให้รู้นะมึงด่ากูแล้วก็จัดการกระเพราต้นนี้ให้เรียบร้อยด้วยวันหลังอย่าให้เจอแบบนี้อีก” ป้าจันทร์พูดก่อนจะเก็บเงินใส่กระเป๋าผ้าแกไป
“ว่าแต่ป้าจันทร์ครับนี่มันปิดเทอมแล้วนี่ลูกชายป้าไม่มาช่วยเก็บเงินเหรอครับปกติเห็นมาช่วยทุกปิดเทอมเลย” ระหว่างที่ป้าจันทร์กำลังเก็บเงินบอยก็ถามขึ้นมา
“ไม่รู้แม่งมันเป็นมาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนและกินข้าวเสร็จก็ขึ้นห้องเลยบอกจะทำรายงานที่อาจารย์ให้ไว้ตอนปิดเทอมลงมาอีกทีก็ตอนกินข้าวเย็นนู่นเลย” ป้าจันทร์ตอบก่อนจะเดินไปแผงถัดไป
“ลุงอู๊ดค่าเช่า” ป้าจันทร์ทวงถามค่าเช่าจากแผงที่สามทันที
“นี่จ๊ะ” ลุงที่ชื่ออู๊ดพูดก่อนจะส่งค่าเช่าแผงให้
“แล้วก็ไหนเงินที่ลุงยืมไปห้าหมื่นมันอยู่ไหนลุงยืมไปตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้วบอกจะคืนสัปดาห์นี้ทำไมไม่เตรียมไว้” ป้าจันทร์ถามถึงเงิน
“เอ่อคือว่า....” ลุงอู๊ดแกอ้ำๆอึ้งๆไม่กล้าตอบออกมา
“ปากอมเหรียญไว้หรือไงลุงตอบมาสิ !!” ป้าจันทร์พูดอย่างหงุดหงิด
“เอ่อ...คือว่าจันทร์อย่าพึ่งโกรธลุงนะคือลูกชายลุงมันหลอกว่ายืมไปจ่ายค่าเทอมก่อนน่ะสิมันบอกจะเอาเงินที่ได้จาก กยศ. คืนให้ตอนนั้นมันบอกลุงว่าเงิน กยศ. เข้าช้าเพราะเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่แต่ที่ไหนได้เรื่องค่าเทอมนั่นมันไม่เคยมีอยู่จริงมันเอาเงินที่ลุงยืมหนูมาไปซื้อเครื่องเล่นเกมส์หมดแล้ว” ลุงอู๊ดตอบเสียงอ่อย
“ห๋า...นี่ลุงว่าไงนะ !!” ป้าจันทร์อุทานเสียงหลง
“ขะ ขะ ขอโทษนะหนูจันทร์ถ้ายังไงเอานี่ไปเป็นหลักประกันก่อนนะอีกสามเดือนลุงขอเวลาอีกสามเดือนจะเอาเงินมาคืนหนูให้แน่ตอนนี้ลุงสั่งให้ลูกชายลุงมันไปทำงานพิเศษหาเงินมาคืนแล้ว” ลุงอู๊ดพูดก่อนจะหยิบบางอย่างมาจากใต้แผง
“กล่อง ??” ป้าจันทร์ทำหน้างง
“ใช่นี่คือกล่องเครื่องเล่นเกมส์ที่ลูกชายลุงมันซื้อมานี่ใบเสร็จจ๊ะหนูจันทร์” ลุงอู๊ดพูดพลางหยิบใบเสร็จมาให้ป้าจันทร์ดู
ใบเสร็จ
เครื่องเล่นเกมส์ศึกชิงจ้าวยุทธออนไลน์ รุ่นพิเศษ
ราคา 54,000 บาท
โหเครื่องเล่นเกมส์บ้าอะไรเนี่ยราคาตั้งห้าหมื่นสี่สมัยก่อนตอนเรายังเด็กจำได้ว่าเคยซื้อทามาก็อตจิมาแค่เครื่องละสี่ร้อยบาทก็รู้สึกว่าแพงแล้ว ป้าจันทร์คิดในใจ
“ก็ได้สามเดือนนะลุงอู๊ดถ้าหามาคืนไม่ได้ล่ะก็ฉันจะเอาเจ้าเครื่องนี่ไปขายปลดหนี้นะ” ป้าจันทร์พูดก่อนจะเหน็บกล่องเครื่องเล่นเกมส์นั่นและเดินไปแผงต่อไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
หลังจากป้าจันทร์เก็บค่าเช่าเสร็จก็ขึ้นรถขับกลับบ้านระหว่างทางนั้นเองที่ไหล่ทางมีรถเบนซ์หรูจอดอยู่ฝากระโปรงหน้ารถเบนซ์นั้นถูกเปิดทิ้งเอาไว้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นคนขับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้ารถ
“หือดูเหมือนรถจะเสีย” ป้าจันทร์พูดก่อนจะตีไฟเลี้ยวเข้าไปจอดท้ายรถคันนั้น
แกร๊ก !! ป้าจันทร์แกจอดรถมอเตอร์ไซค์ของแกก่อนจะลงไปดู
“คุณรถเสียงั้นเหรอ” ป้าจันทร์ถามชายที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้ารถ
“ใช่ครับหม้อน้ำแห้งผมโทรตามช่างประจำแล้วแต่ไม่รู้ทำไมช่างยังไม่มาสักที” ชายคนที่ถูกถามตอบ
“แค่หม้อน้ำแห้งเองแถวนี้มีอู๋ที่ฉันรู้จักอยู่ยังไงตามช่างให้เอามั้ย” ป้าจันทร์พูด
“เอ่อ....” ชายคนนั้นมีสีหน้าลังเลเพราะไม่ค่อยจะไว้ใจอยู่ที่ไม่รู้จักเท่าไหร่เพราะกลัวโดนโขกราคาตอนนั้นเองกระจกรถเบนซ์ก็ถูกเลื่อนลงมา
ครืด !!! เสียงกระจกค่อยๆเปิดลงมาก่อนจะมีเสียงผู้หญิงกลางคนเรียกเธอ
“พี่จันทร์ !!”เสียงหญิงกลางคนนั้นเรียกเธอมาจากในรถทำให้ป้าจันทร์แปลกใจ
หือ !! ใครวะหน้าคุ้นๆ ป้าจันทร์มีสีหน้าแปลกใจก่อนจะมองเข้าไปในรถเธอมองหน้าผู้หญิงคนนั้นอย่างพินิจก่อนจะคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับเคยเห็นหน้าที่ไหนมาก่อนทันใดนั้นเองเธอก็นึกขึ้นได้ก่อนจะอุทานออกมา
“อีดอกเจน !!!” ป้าจันทร์อุทานเสียงดังชายคนที่เป็นคนขับรถที่ได้ยินผู้หญิงคนนี้เรียกชื่อเล่นเจ้านายอย่างหยาบคายถึงกับผงะมีสีหน้าตกใจ
“พี่จันทร์จริงด้วยคิดถึงพี่จังเลย !!” คนที่ป้าจันทร์เรียกว่าอีดอกเจนมีสีหน้าดีใจก่อนจะรีบเปิดประตูรถลงมาสวมกอดป้าจันทร์อย่างคิดถึง
“มึงไปไงมาไงเนี่ยอีห่านึกว่าตายไปแล้ว” ป้าจันทร์กอดตอบพลางพูดอย่างเป็นกันเอง
“ก็มาธุระแถวนี้น่ะพี่แต่พี่นี่ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะ” ผู้หญิงวัยกลางคนที่ชื่อเจนพูด
“เออกูก็เป็นของกูเงี้ยะแหละนี่รถมึงสินะ” ป้าจันทร์พูด
“อืม...นี่คนขับรถของฉัน” เจนพยักหน้าก่อนจะบอกว่าชายที่ยืนอยู่หน้ารถคือคนขับรถของเธอ
“แหม...อีดอกเดี๋ยวนี้มีคนขับรถให้แต่งตัวก็สวยคงได้งานดีสินะดีแล้วๆงั้นเดี๋ยวกูตามช่างที่รู้จักให้” ป้าจันทร์จีบปากจีบคอพูดก่อนจะหยิบมือถือออกมาโทรตามช่างที่รู้จักให้
“เอ่อคือท่านครับ...” ชายคนขับรถที่พึ่งจะมีจังหวะพูดเดินเข้ามาสะกิดถามเจ้านายตัวเอง
“ไม่เป็นไรคนรู้จักฉันเอง” เจนหันไปบอกกับคนขับรถ
“เอาล่ะเดี๋ยวช่างมาแล้วไม่เกินห้านาทียังไงกูไปก่อนนะจะรีบกลับไปดูก่อนบ่ายคลายเคลียด” ป้าจันทร์เมื่อคุยเสร็จก็เก็บมือถือไปและบอกกับเจน
“ค่ะพี่เอาไว้ว่างๆเจอกันนะถ้ายังไงหนูขอเบอร์พี่ไว้หน่อยสิ” เจนพยักหน้าก่อนจะขอเบอร์ของป้าจันทร์
“ได้สิ” ป้าจันทร์บอกเบอร์มือถือของเธอให้เจนไปก่อนจะเดินไปสตาร์ทรถของเธอและขับออกไปทันทีโดยไม่สนใจอะไรอีกส่วนเจนก็กลับเข้าไปนั่งรอช่างในรถไม่นานช่างก็มาก่อนจะเปลี่ยนหม้อน้ำให้จากนั้นรถเบนซ์คันหรูก็ขับออกไปหลังจากซ่อมเสร็จ
“เอ่อคือว่าท่านครับผู้หญิงคนนั้น....” คนขับรถที่สงสัยมาพักใหญ่หลังจากขับรถออกมาอดถามไม่ได้เพราะผู้หญิงที่ชื่อจันทร์ดูท่าจะสนิทกับเจ้านายของตัวเองเหลือเกินถึงขนาดเรียกด้วยคำหยาบๆอย่างอีดอก
“พี่จันทร์น่ะเหรอ” เจนพูด
“ใช่ครับเธอเป็นใครเหรอครับ” คนขับรถพยักหน้า
“รุ่นพี่ฉันสมัยที่ฉันยังเล่นคาราอยู่น่ะ” เจนพูด
“รุ่นพี่สมัยเจ้านายเล่นคาราเต้ถ้าอย่างนั้นเธอก็เคยเป็นทีมชาติ !!” คนขับรถอุทานออกมา
“ใช่แล้วพี่จันทร์น่ะเป็นตำนานไร้พ่ายแห่งวงการคาราเต้เลยนะรู้มั้ย” เจนพูดออกมาอย่างภูมิใจ
“ตำนานไร้พ่ายถ้าอย่างนั้นเธอก็คือจันทร์วาด มณีรัตน์ เจ้าของแชมป์โลกห้าสมัย เหรียญทองโอลิมปิกสองเหรียญใช่มั้ยครับ !!” คนขับรถอุทานออกมา
“ใช่แล้วเป็นเธอนั่นแหละ” เจนพยักหน้ายืนยันจากนั้นรถคันหรูของเธอก็ขับเลี้ยวเข้าไปในอาคารหลังใหญ่ซึ่งป้ายหน้าสถานที่แห่งนี้นั้นเขียนเอาไว้ว่าสมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทยและไม่ไกลกันนั้นยังมีป้ายไวนิลแผ่นใหญ่เขียนเอาไว้ว่ายินดีต้อนรับคุณเจนจิรา รุ่งเรือง หัวหน้าสมาคมกีฬาคาราเต้คนใหม่แห่งประเทศไทย
จบ...