บทที่ 86: แลนเซล็อต
แสงศักดิ์สิทธิ์อาบลงบนร่างของเขา ยูนิคอร์นยืนอยู่ข้างแอนนี่ในขณะที่มันจ้องไปที่วิลเลียม มันดูสับสนมาก
“ยูนิคอร์น?” ทันใดนั้นวิลเลียมก็เข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตนี้คืออะไร เขาเคยเห็นสัตว์ลึกลับนี้แค่ในวีดีโอเท่านั้น เขายังรู้เกี่ยวกับยูนิคอร์นและพลังติดตัวของมันผ่านวีดีโออีกด้วย
ยูนิคอร์นนั้นหายากยิ่งกว่ามังกรเสียอีก
ค่าของสัตว์ลึกลับประเภทนี้จึงสูงยิ่งกว่าค่าของมังกรเสียอีก
แอนนี่ที่ยืนเท้าเปล่าพูดขึ้นมา “ใช่ ลูลู่ดูเหมือนจะสนใจในตัวท่านมาก ดังนั้นเธอจึงมาเพื่อเจอท่าน!”
“ลูลู่?” วิลเลียมถอดรองเท้าของเขาออก แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไป ดวงตาสีขาวที่ไร้มลทินของยูนิคอร์นขยายกว้างขึ้นทันที มันมองตรงไปที่ขาของเขา
“โอ้ พี่ชาย! มีอะไรงั้นหรือ?” เจ้าชายดูไม่พอใจ พวกเขาทั้งคู่เป็นเอลฟ์ และแม้ว่าเขาจะเป็นครึ่งเอลฟ์ เท้าของเขาก็ไม่ได้เหม็น
“นี่มันบ้าอะไร! สายตานั่นหมายความว่ายังไง?” วิลเลียมพยายามจะลูบหัวยูนิคอร์น แต่ก่อนที่เขาจะได้สัมผัสมัน ยูนิคอร์นนั่นก็เอนหัวหลบและจามออกมา มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“...” วิลเลียมตกอยู่ในห้วงความคิด เขาสำรวจยูนิคอร์นและทำให้รู้ว่ามันเลเวลสูงกว่าเขาแค่เล็กน้อยเท่านั้น ถ้าให้พูดตามตรง พวกเขาทั้งคู่มีสายเลือดรีเจนดารี ถ้ามันมีทักษะแต่ไม่ได้ซ่อนตัว งั้นก็มาสู้กันเถอะ!
“อย่าใส่ใจเลยนะ ลูลู่ก็เป็นแบบนี้แหละ มันไม่ชอบให้คนอื่นนอกจากเรามาสัมผัส มันไม่ยอมแม้แต่จะให้คนอื่นเห็นตัว!” แอนนี่ยิ้ม “เราคิดว่ามีแค่ตาแบนด์เท่านั้นแหละที่เคยเห็นมัน”
วิลเลียมไม่ได้ให้ความสนใจไปที่ยูนิคอร์น แต่เขากลับถาม “เธอเป็นม้าตัวเมียหรอ?”
“ฟิ้ว!”
แสงสีขาวปัดผ่านวิลเลียม การโจมตีที่รวดเร็วทำให้เกิดลมแรงซึ่งทำให้ผมของเขาปลิวไปตามสายลม
วิลเลียมมุ่ยหน้าอย่างดูถูก เขารู้ดีว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่โดนเป้าหมายของมัน…
แอนนี่โอ๋ยูนิคอร์น เธอทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะอธิบาย “ฉันแค่ตั้งชื่อของผู้หญิงให้ ยูนิคอร์นไม่มีเพศหรอก อีกอย่าง ลูลู่ไม่ใช่ม้านะ”
“ใช่แล้ว ข้าไม่ใช่ม้า ยูนิคอร์นผู้ยิ่งใหญ่จะไปเทียบกับม้าธรรมดาๆ ได้เยี่ยงไร?”
จู่ๆ
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ยูนิคอร์นพูดออกมาเป็นภาษามนุษย์
แต่ที่น่าสนใจคือ ม้าขาวตัวนี้ไม่ได้เปิดปากของมัน…
วิลเลียมนิ่งไปพักหนึ่ง โชคดีที่เขาเคยมีประสบการณ์มากมายและรู้ว่าอสูรเวทย์เกือบทุกตัวที่มีสายเลือดรีเจนดารีมีความสามารถนี้
ดังนั้นเขาจึงเริ่มพูดเชิดชูยกย่อง “ใช่แล้วๆ เจ้าไม่ใช่ม้า เราคิดว่าเจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับม้าเลย เจ้าดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง!”
ยูนิคอร์นค่อยๆ หรี่ตาของมันลง มันรู้สึกราวกับว่าเจ้าครึ่งเอลฟ์ตรงหน้ามันกำลังโกหก…
แต่มันไม่สามารถมองเข้าไปในความคิดของเขาได้ ช่างน่าชิงชังเหลือเกิน!
อีกอย่าง มันไม่เชื่อว่าชายคนนี้จะบริสุทธิ์ผุดผ่องและมีเมตตากรุณา แต่… มันก็ไม่สามารถใช้ความสามารถในการอ่านใจของมันได้
วิลเลียมขี้เกียจเกินกว่าที่จะอธิบายให้เจ้าม้าขาวฟัง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้ายูนิคอร์นตัวนี้จะไม่สนใจเขา สิ่งที่เขาต้องการคือการเพิ่มระดับความสัมพันธ์ของเขากับแอนนี่
เพียงแต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินไปหาแอนนี่ บางอย่างก็เกิดขึ้น เขาบังเอิญไปโดนเข้าที่บั้นท้ายของยูนิคอร์น
นั่นทำให้เจ้ายูนิคอร์นโกรธอย่างไม่อาจควบคุมได้ มันยกขาหน้าทั้งสองขึ้นและพุ่งไปยังวิลเลียม
แต่แอนนี่ก็ก้าวเข้ามาระหว่างพวกเขา เธอดูไม่พอใจและพูดด้วยเสียงต่ำ “ลูลู่ อย่าสร้างปัญหา!”
เจ้ายูนิคอร์นทำเสียงฟึดฟัดและส่ายหัวของมันไปมา จากนั้นมันก็ปัดหางของมันไปทั่วส่วนที่โดนสัมผัส สุดท้ายมันก็ล่องหนหายตัวไป
“ฮึ่ม เราแค่โดนตัวมัน ไม่ใช่ว่าเนื้อมันจะหลุดออกมาสักหน่อย” วิลเลียมหัวเราะ เขารู้สึกว่าการได้สัมผัสยูนิคอร์นนั้นเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าการคุยกับแอนนี่เสียอีก
เขาไม่ได้รับข้อมูลอะไรมากมายจากการดูหน้าต่างสถานะ แต่สิ่งมีชีวิตในตำนานแบบนี้มีค่าความโชคดีสูงเป็นปกติอยู่แล้ว
เขาไม่สามารถยกเลิกผลลัพธ์เชิงลบที่ฟิว โรสเซอร์จะนำกลับมาได้ แต่บางทีผลลัพท์อาจออกมาตรงกันข้ามก็ได้
แน่นอนที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความไม่แน่นอน
“แต่เราขอเลือกที่จะเชื่อว่ามันมีจริง เรายังไม่เคยพบคนที่ตายเพราะขุดหลุมศพของตัวเองเลย!” วิลเลียมและแอนนี่พยายามหาเรื่องคุย ที่สุดแล้วเขาก็ได้บรรลุเป้าหมายของเขาแล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่ได้มีเรื่องที่คุยกันได้กับเจ้าหญิงคนนี้มากมายเช่นกัน
ไม่นานหลังจากนั้น แอนนี่ก็ได้รับคริสตัลเวทมนต์จำนวนหนึ่งและมองวิลเลียมจากไป สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์
หรือไม่ มันก็มีเหตุผลอื่นภายใต้สายตานั้น
เธอไม่อาจเข้าใจความตั้งใจของวิลเลียมในการมาที่นี่ได้
“หรือมันเป็นเพราะคำสัญญาของเขาในตอนนั้น?” แอนนี่พูดกับตัวเอง ในตอนนั้น เธอเพียงแค่ล้อเล่น คริสตัลเวทมนตร์ 999 ชิ้นไม่ได้มีค่ามากมายสำหรับเมืองแห่งรุ่งอรุณในปัจจุบัน
เธอรู้สึกซาบซึ้งขนาดที่ว่าไม่มีคำใดสามารถอธิบายความรู้สึกของเธอได้ เธอรู้สึกท่วมท้น…
ยูนิคอร์นปรากฏตัวอีกครั้ง และครั้งนี้มันออกมาอย่างเงียบๆ มันไม่สามารถเข้าใจเจตนาของวิลเลียมได้เช่นกัน โดยพื้นฐานแล้ว ยูนิคอร์นรู้สึกว่าครึ่งเอลฟ์ตนนี้แตกต่างจากเจ้าชายเอลฟ์ตนอื่น ๆ มาก
ในความมืดมิดของค่ำคืน
ที่แนวชายแดนของป่าแบล็กลีฟมีคนสามคนกำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาทุกคนปกคลุมไปด้วยเลือด สองในสามคนนี้มีท่าทางหวาดกลัวและดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
อัศวินที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่เปล่งประกายดึงเพื่อนของเขาไปด้วยและมุ่งมั่นวิ่งไปข้างหน้า
มันเหมือนกับว่าภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กำลังไล่ตามพวกเขาอยู่
แต่ในป่าเก่าแก่นั้นมองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเองที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเห็นสิ่งที่ไล่ตามพวกเขาอยู่ได้
แต่ถึงแม้พวกเขาจะได้เห็นเมืองแห่งรุ่งอรุณที่น่าตื่นตา พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าภัยคุกคามที่อยู่เบื้องหลังพวกเขานั้นได้ขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น
อัศวินผู้กล้าหาญหยุด เขาค่อยๆหันกลับมาและตะโกนบอกพวกที่เหลือ “ไปที่เมืองแห่งรุ่งอรุณ เร็วเข้า พวกมันไม่กล้าก้าวข้ามไปในเขต นอกจากนั้น ในเมืองยังมีป้อมปราการของวิหารแห่งแสงอยู่ ข้าจะรั้งพวกมันไว้ให้เอง”
“อย่าลืมบอกท่านแม่ของข้าว่าข้าตายอย่างมีเกียรติเหมือนกับท่านพ่อ!”
“แลนเซล็อต… เจ้าเสียสติไปแล้วหรอ? นี่มันบ้ามากๆ เจ้าไม่สามารถหยุดพวกมันได้หรอก” หนึ่งในอัศวินหยุดและตะคอก แต่เขาไม่ได้ยินเสียงตอบใดๆ เขากำหมัดด้วยความประหม่า จากนั้นเขาก็หันกลับไปและวิ่งต่อด้วยความเศร้า
เขารู้
พวกเขาทั้งสามคนรู้
ต้องมีใครบางคนรั้งพวกมันไว้
ถ้าไม่มีใครยอมตาย พวกเขาหมดทั้งสามคนก็ต้องตาย…
อัศวินอีกสองคนตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัว พวกเขายังเกลียดตัวเองที่ไม่กล้าหาญพอ
พวกเขาทรยศกฎของอัศวิน!
พวกเขาไม่อาจเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งโดยไร้ซึ่งความกลัวได้ พวกเขาทั้งไม่กล้าหาญและไม่ภักดี เพราะพวกเขากลัวความตาย
พวกเขาเป็นอัศวินที่วิหารภาคภูมิใจ แต่เมื่อศัตรูได้ทำการสังหารสหายไปหลายสิบคน
พวกเขาก็คิดแต่ว่าจะหนีออกมายังไง หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว
แลนเซล็อตไม่ได้ว่ากล่าวอะไรที่สหายของเขาทิ้งทุกอย่างไว้และวิ่งหนีไป แม้แต่ในกลุ่มอัศวินเอง หลายคนก็กลัวที่จะตาย แต่พวกเขาทำมามากพอแล้ว
“ข้า แลนเซล็อตแห่งวิหารอัศวิน จะต่อสู้กับความมืดมิดให้สมเกียรติ!”
เมื่อพูดคำนี้
แลนเซล็อตก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เขากำดาบของเขาแน่นด้วยมือสองข้าง ก่อนจะพุ่งไปในความมืดพร้อมสร้างแสงสว่างสุดท้าย!