ตอนที่ 71 คู่หูที่ไว้ใจได้
ตอนที่ 71 คู่หูที่ไว้ใจได้
เจสเปอร์เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะใช้สกิล Infernal Impact เข้าใส่ควายไบซัน เมื่อดาบสุดท้ายแทงเข้าที่ร่างกายมัน หากเป็นศัตรูอื่นคงกระเด็นออกไปไกล แต่สำหรับควายไบซันที่มีร่างกายใหญ่โตทำให้มันแค่ทรุดลงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก่อนที่มันจะลุกขึ้นคมดาบของเจสเปอร์ก็ตามกรีด เฉือน ร่างกายของมันด้วยพลังที่มีทั้งหมด
“ไอรีนโฟกัสการรักษามาที่ฉัน ขนาดของมันทำให้เราเสียเปรียบ ฉันต้องรับมือแลกกับมันตรงเพื่อไม่ให้มันไปปั่นป่วนคนอื่นๆ”
สิ้นคำพูดของเจสเปอร์ชายหนุ่มก็เข้าไปแลกกับควาบไบซันอย่างบ้าระห่ำโดยมีผู้รักษาที่ไว้ใจได้อย่างไอรีนคอยซัพพอร์ตอยู่ด้านหลัง
เจสเปอร์ถูกโจมตีจากควายไบซันขนาดใหญ่อยู่หลายครั้ง แต่ถึงยังไงเพียงแค่การรักษาไม่กี่ทีจากไอรีนก็สามารถฟื้นคืนพลังชีวิตของเจสเปอร์ให้อยู่ในระยะปลอดภัยตลอด แม้จะมีบางครั้งที่เจสเปอร์ต้านรับการขวิดไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก แต่ผู้รักษาสาวก็ยังคงช่วยเหลือเขาได้อย่างหวุดหวิด
ร่างของเจสเปอร์เคลื่อนไหวไปมา เพื่อหลบควายไบซันที่กำลังขวิดอย่างบ้าคลั่งใส่ชายหนุ่ม ลำตัวของควายไบซันเริ่มมีแผลจากการต่อสู้ปรากฏขึ้นให้ได้เห็น พลังป้องกันของมันกำลังอ่อนลง แต่นั้นและมาด้วยพลังโจมตีที่มากขึ้น
“มันกำลังจะคลั่งแล้ว ไอรีนระวังตัว”
ไอรีนไม่รอช้ารีบวิ่งหลบเข้าที่กำบังตามที่เจสเปอร์ได้ร้องเตือน แต่ถึงกระนั้นเจสเปอร์ก็ยังคงร่ายเวทย์กำแพงป้องกันเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ตกเป็นอันตรายอีก ที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าควายไบซันที่เข้าสู่ร่างคลั่งจะเล็งเป้าหมายที่ใคร การที่ให้ไอรีนไปหลบเช่นนี้ถือเป็นการกันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า
แม้การเดินทางจะเพิ่งเริ่มต้นแต่อุปสรรคที่เข้ามากั้นขวางกับแข็งดั่งหินผา สมาชิกกิลด์ Rising Sun ต้องรับมือการมอนสเตอร์ชั้นสูงถึง 3 ตัว ถึงกระนั้นก็ไม่อาจดับความกระหายและความตั้งใจที่มุ่งมั่นของผู้เล่นกลุ่มนี้ไปได้
‘ย่าห์ Sweep Slash!!’
พลังเวทมนต์จากทักษะ Auto Spell ผนวกเข้ากับทักษะกรีดเฉือน ส่งพลังเวทมนต์ที่ถูกสุ่มกระหน่ำลงร่างของควายไบซันราวกับเข็มนับพันทิ่มแทงร่าง มันร้องออกมาสื่อสัญญาณถึงดวงวิญญาณที่กำลังหลุดลอยออกจากร่าง ดาบอีเทอนัลวอร์เบลดตวัดลงปลิดชีพเพื่อดับลมหายใจสุดท้าย ก่อนเหลือเพียงร่างอันใหญ่โตพร้อมกับกองไอเท็ม
“ไอรีนฝากจัดการไอเท็มที่เหลือด้วย ฉันจะไปช่วยคนอื่นๆ” ก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปช่วยเหลือเพื่อนสมาชิก
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป สมาชิกคนอื่นรับมือควายไบซันที่เหลืออย่างสุดกำลัง อามมี่รวบรวมพลังไว้ที่มือทั้งสองก่อนที่จะชกมันออกไป คลื่นกระแทกลอยผลักเข้าไปที่ร่างของศัตรูอย่างพอดิบพอดี ควายไบซันที่อึดถึกทน เซไถลไปตามพื้นเล็กน้อยก่อนที่จะรีบพลิกตัวลุกขึ้น
“ลูอิสตึงมันไว้ก่อน หิมะน้อยกำลังร่ายเวทมนต์” หลังจากที่ร่วมฝึกซ้อมและต่อสู้ด้วยกันบ่อยครั้ง อามมี่เริ่มผสมผสานการโจมตีของตัวเองให้เข้ากับเพื่อนรอบข้างๆ
ลูกธนูที่แม่นราวจับวางของลูอิสกระหน่ำยิงเข้าที่ขาควายไบซัน เพื่อพันธนาการไม่ให้เคลื่อนไหว ตามด้วยลูกศรหัวตันที่พุ่งทะยานกระแทกศีรษะ
ควายไบซันที่ถูกลูกธนูหัวตันยิงเข้าใส่ติดสถานะสตันชั่วขณะ ประจวบกับเวทย์มนต์แช่แข็งของหิมะน้อยร่ายเสร็จ ไอเย็นค่อยๆห่อรับร่างควายไบซันเอาไว้ ร่างกายของมันเริ่มมีเกล็ดน้ำแข็งขึ้นเกาะกุม
เมื่อน้ำแข็งเกาะกุมร่างควายไบซันเอาไว้ได้ทั้งหมด ร่ายกายของเจ้าควายตัวใหญ่ยืนแข็งค้างด้วยดวงตาเบิกโพลง ปากที่อ้ากว้างเหมือนจะส่งเสียงร้อง ในที่สุดแล้วเวทย์แช่แข็งที่หิมะน้อยเรียนรู้มาเป็นการสร้างประติมากรรมน้ำแข็งที่สวยงามได้อย่างบรรเจิด
แต่สภาพของเวทย์แช่แข็งไม่ได้อยู่นานมากนัก เพียงไม่กี่วินาทีน้ำแข็งที่เย็นเฉียบเริ่มหลอมละลาย แต่พวกเขาไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอย หมดทรงพลังที่รวบรวมจิตวิญญานนักสู้เอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมของอามมี่พุ่งกระแทกชั้นน้ำแข็งซัดตรงเข้าที่หัวควายไบซันจนแตกละเอียด นับเป็นที่ภาพสยดสยองอย่างมาก หากไม่ได้เวทยมนต์แช่แข็งของหิมะน้อยช่วยปรับเปลี่ยนสภาพไป คงต้องมีใครสักคนหนึ่งกินข้าวเย็นไม่ลงเป็นแน่
ทางด้านริคเตอร์ โบม่อนและทวิสเต็ด ก็ปลิดฉากล้มควายไบซันลงได้เช่นเดียวกัน ด้วยความช่วยเหลือเล็กน้อยๆของเจสเปอร์ที่ล่อชน ซื้อเวลาให้ ทวิสเต็ดได้มีช่องจังหวะปาอาวุธลับของนักฆ่า
“จบสักที”ริคเตอร์พูดออกมาด้วยความเหนื่อยล้า โล่และดาบถูกวางอยู่ข้างเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งลงพักผ่อน พร้อมๆกับมองเจสเปอร์เก็บไอเท็มที่ควายไบซันดรอปออกมา
หลังจากที่ทุกคนนั่งพักจนหายเหนื่อยและตรวจสภาพรถม้าเสร็จเรียบร้อย ทั้งหมดก็ออกเดินทางมุ่งหน้าลงใต้ต่อไป
‘นภาเปลี่ยนสี จันทราเคลื่อนคล้อย’
เป็นเวลามากกว่า 3 วันในเกมที่พวกเขาออกเดินทาง แต่นั้นพึ่งจะผ่านมาได้แค่เพียงครึ่งทางเท่านั้น ยังคงอีกไกลที่พวกเขาจะไปถึงเมืองแซนนิกซ์ แต่ถึงกระนั่นครึ่งทางที่เจสเปอร์ว่าคือการได้หยุดพักที่เมือง ซัลฟอร์ด ที่ตั้งอยู่ระหว่างกลางเมืองอัลคาเดียและแซนนิกซ์นั่นเอง (หากใครงงแผนที่เลื่อนลงไปด้านล่างจะมีแผนที่ V.1 ทำเอาไว้ให้แล้ว)
เมืองซัลฟอร์ดเป็นเมืองขนาดกลางที่มีทรัพยากรพอประมาณ มอนสเตอร์บริเวณรอบๆเมือง คล้ายคลึงกับเมืองอัลคาเดียของพวกเขาอยู่หลายส่วน มีผู้เล่นและกิลด์ต่างๆเข้ามาตั้งรกรานอยู่ที่นี้น้อยกว่าเมืองอัลคาเดียอยู่บางเพียงเล็กน้อย
หลังจากที่เดินทางกันมานาน เจสเปอร์เห็นถึงความเหนื่อยล้าของเพื่อนสมาชิกๆในกิลด์ที่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยอยู่บางจากการปะทะกับมอนสเตอร์ระหว่างทางที่ถาโถมเข้าโจมตีพวกเขาไม่หยุดไม่หย่อนทุกวัน
“หลังจากที่พวกเราเข้าเมือง ก็แยกกันออกเป็น 3 กลุ่มตามเดิมก็แล้วกันเพื่อไม่ให้เป็นที่โดดเด่นจนเกินไป” การที่บุคคลแปลกหน้าทั้ง 8 คนเข้าเมืองพร้อมกันในทีเดียว เจสเปอร์เกรงว่าอาจจะไปดึงดูดกิลด์เจ้าถิ่นที่ตั้งรกรากอยู่ที่เมืองแห่งนี้เข้า อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันและมีเรื่องราวตามมาได้
เพื่อไม่ให้เสียความตั้งใจเดิมที่มาเมืองนี้แค่แวะพักผ่อนและเติมเสบียง การแยกกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทันทีที่รถม้าของพวกเขาจอดเทียบท่า อามมี่ ลูอิสและหิมะน้อยจะเป็นกลุ่มแรกที่เข้าเมืองไปก่อน พลางเว้นห่างสัก 10-15 นาที กลุ่มที่สองและเจสเปอร์จะตามออกไป
เมื่อได้เวลาของเจสเปอร์และไอรีน ชายและหญิงเดินเคียงคู่กันเข้าเมืองด้วยความใกล้ชิด ทั้งสองเดินมองรอบๆเมืองเพื่อซึมซับกับบรรยากาศที่แตกต่าง นับเป็นครั้งแรกที่คนทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพังหลังจากกลับจากการผจญภัยที่ Mirage Tower
“มีอะไรที่เธออยากได้บางไหม” ชายหนุ่มถามคำถามที่ผู้หญิงในโลกล้วนอยากฟัง การซื้อของเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เลือกที่จะทำเวลาที่พวกเธอเครียดแล้วยิ่งไม่ต้องใช้เงินของพวกเธอด้วยแล้ว ความสุขนี้คูณขึ้นเป็นเท่าทวี
ตลาดผู้เล่นเมืองซัลฟอร์ดล้วนเต็มไปด้วยผู้เล่นพ่อค้ามาตั้งรับซื้อและขายของ แม้จะเป็นเพียงแผงลอยเล็กๆที่ดูไร้ราคา แต่ความสุขที่ปรากฏบนใบหน้าของไอรีนคือของจริง
“ฉันไม่มีอะไรที่อยากได้หรอก ฉันแค่อยากเดินดูเฉยๆ นายไปซื้อของที่จำเป็นเถอะ” ไอรีนปฏิเสธด้วยจริงใจ เธอไม่ได้เล่นตัวหรือหยิ่งอะไรอย่างที่คนอื่นตีความ แต่เธอไม่คิดว่าในตลาดแห่งนี้จะมีอุปกรณ์ที่ดีกว่าที่เธอสวมอยู่ในตอนนี้เท่านั้นเอง ผิดกับเจสเปอร์ตั้งแต่ได้อย่างก้าวเข้ามาที่ตลาดแผงลอย เขาซื้อของไปแล้วมากมายหลาย 10 ชิ้น บางอย่างถึงกับเหมาจนหมดร้าน
ไอรีนเองก็เห็นเจสเปอร์ซื้อของมามากมาย เธอไม่อยากไปเพิ่มภาระให้กับชายหนุ่มคนนี้อีก แต่เพิ่มภาระกับความสงสัยมันคนละส่วนกัน
“นายซื้อของมามากมายเช่นนี้เพื่ออะไรกันหรอ ฉันดูแล้วไม่เห็นจะมีราคาอะไรเลย”
“บางอย่างเวลานี้อาจไม่มีค่า แต่เชื่อฉันสิพ่อค้าคนนั่นจะต้องเสียดายให้กับฉันแน่ๆในภายหลัง” เขากระซิบให้เธอได้ยินเพียงคนเดียวพลางชูเศษชิ้นส่วนที่แตกหักของไอเท็มที่คลายกับลูกแก้วอะไรบางอย่าง
สิ่งที่เจสเปอร์ซื้อมาคือเศษลูกแก้วชุบชีวิต NPC ที่ไม่สมบูรณ์ อาจจะเป็นเพราะความไม่รู้หรือความต้องการเงินของพ่อค้าแผงลอย ถึงขายไอเท็มล้ำค่าชิ้นนี้ในราคาที่ถูกซะจนเจสเปอร์ตกใจ แต่ถึงยังไงเขาก็ได้เศษชิ้นส่วนมาไว้ในครอบครองแล้ว
การเดินซื้อของยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เขาได้พบเจอกับไอเท็มหรือวัสดุราคาถูกจำนวนมากว่างขายเต็มไปหมด เจสเปอร์ไม่ลังเลเลยที่จะซื้อของใช้เหล่านี้เพราะเขาสามารถนำมาแปรเปลี่ยนให้เป็นของที่มีค่าได้อีกในอนาคต
“นี้ของเธอลองใส่ดูสิ ฉันเห็นว่ามันสวยและดูเหมาะกับเธอดี”
เจสเปอร์หยิบสร้อยคอที่ดูสวยงามชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าพลางยื่นส่งให้กับไอรีน สร้อยคอที่ชายหนุ่มซื้อให้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับที่ดูสวยงามเท่านั้น แต่ค่าสถานะที่เพิ่มพลังในการรักษาถึง 5% เจสเปอร์ไม่ลังเลสักนิดที่จะจ่ายเพื่อซื้อให้กับผู้รักษาที่เป็นคู่หูของเขาเลย
“ขอบคุณนะ” ไอรีนหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย ก่อนที่จะหันหลังและรวบผมที่ปกคลุมต้นคอของเธอออก เผยให้เห็นผิวขาวนวลกับไรผมบางๆ แม้จะเป็นเกมออนไลน์เสมือนจริงแต่หัวใจของเจสเปอร์ก็เต้นราวกับกลองที่ถูกคนกระหน่ำตี เขาค่อยบรรจงเอามือโอบรอบคอเธออย่างช้าๆก่อนที่จะสวมสร้อยคอที่ซื้อมาให้กับเธอ
จี้เล็กๆตกลงมาระหว่างอกตามแรงโน้มถ่วง ส่องประกายกระทบกับแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า หญิงสาวหันหลังกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มและแก้มที่เปื้อนไปด้วยความเขินอาย
นั้นคงเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เจสเปอร์เคลิบเคลิ้มหลับฝันไปตลอดคืนเป็นความสุขเล็กๆที่ทำให้เขาได้ผ่อนคลายก่อนที่จะเจอกับเรื่องหนักหนาที่ต้องเผชิญที่เมืองแซนนิกซ์
‘ครืน’
รถม้าของกิลด์ Rising Sun เคลื่อนที่ออกจากเมืองซัลฟอร์ดทันทีที่ฟ้าสว่าง สีหน้าของทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกายและใจที่ได้พักผ่อนจนเต็มอิ่มซึ่งทุกคนพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางสู้เมืองแซนนิกซ์
ต้นไม้สีเขียวขจีและแสงแดดอุ่นๆได้เคลื่อนผ่านหน้าต่างรถม้าของพวกเขาไปต้นแล้วต้นเล่า ให้ความรู้สึกเหมือนได้ออกไปท่องเที่ยวบนโลกกว้าง แม้มันจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อในการนั่งอยู่ในรถม้าตลอดทั้งวัน แต่สิ่งเหล่านี้กับทำให้สมาชิกกิดล์มีความผูกผันกันมากขึ้นกว่าเดิม แตกต่างจากการเข้าประตูเทเลพอร์ตที่ เพียงแค่อึดใจเดียวก็ถึงที่หมาย
ทวิสเต็ดเองก็ปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้มากขึ้นแล้ว อาการต่อต้านสังคมของเขาลดน้อยลง แม้จะแก้นิสัยความเป็นคนไม่ค่อยพูดของหมอนี้ไม่หาย แต่อย่างน้อยนักฆ่าคนนี้ก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าในทุกๆวันที่พวกเขาพูดคุยกัน
จากป่าเขียวขจีที่อุดมสมบูรณ์สู่พื้นดินที่แห้งแล้ง นั้นเป็นสัญญาณบอกว่าพวกเขาได้เดินทางมาถึงดินแดนของเมืองแซนนิกซ์ทางตอนใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แสงแดดที่ร้อนจัดกับต้นไม้ที่แห้งตาย มองไปสุดปลายตาเห็นเพียงแต่เม็ดทรายและก้อนหิน
“ร้อนมากเลย ผู้เล่นของที่นี้ทนอยู่ในสภาพอากาศแบบนี้ได้ยังไง” อามมี่ที่ทำหน้าเป็นคนขับรถม้าหันหน้ามาถามเจสเปอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆตนเองด้วยความสงสัย
“พวกเขาก็ร้อนไม่ต่างจากเราหรอก เพียงแค่เรายังปรับตัวไม่ได้ก็เท่านั้น เอาล่ะเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกหน่อยเถอะ เผื่ออาจะช่วยให้นายสบายตัวขึ้น”
ใน The Era Online เสื้อผ้าสวมใส่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องนุ่งห่มให้ความสวยงามหรือปกปิดร่างกายเพียงเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการต้านทานสภาพอากาศอยู่เช่นกัน หากเสื้อหนาเกินไปและต้องเผชิญกับสภาวะอากาศที่ร้อนจัดของเมืองแซนนิกซ์เป็นเวลานาน ผู้เล่นคนนั้นจะถูกดีบัฟ(Debuff)สถานะไปส่วนนึง
“เอาล่ะทุกคนมาประชุมกันสักหน่อย ก่อนที่จะถึงเมืองแซนนิกซ์”
เจสเปอร์เรียกประชุมเพื่อนของเขาในทันทีที่เมื่อพวกเขาใกล้จะถึงเมืองแซนนิกซ์ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ เจสเปอร์เล่ารายละเอียดและแผนการให้ทุกคนได้รับฟังคร่าวๆ ก่อนที่จะแจกจ่ายหน้าที่ให้แต่ละคน เควสนี้เป็นเควสที่มีความอันตรายค่อนข้างสูง AI.อัลฟ่าคงไม่จัดเควสที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปของอาณาจักรให้อยู่ในระดับที่ง่ายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแผนการของแจสเปอร์ต้องรอบคอบและรัดกุมที่สุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเพื่อนเขาเป็นสำคัญ
“ฉันไม่รู้ว่าเควสนี้จะมีผู้เล่นคนใดเข้ามามีส่วนร่วมนอกจากพวกเราหรือเปล่า ถ้าเป็นไปได้ให้หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นคนอื่นจะเป็นการดีที่สุด แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องผูกมิตรด้วยก็ควรตรวจสอบคนนั่นก่อนก็แล้วกัน”
ทุกคนพยักหน้ารับคำก่อนที่แยกย้ายกันไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย มีเพียงทวสิเต็ดเพียงคนเดียวที่เจสเปอร์เหนี่ยวรั้งเอาไว้เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง
“เมื่อไปถึงเมืองแซนนิกซ์แล้วฉันอยากให้นายอำพรางตัวให้แนบเนียนที่สุดและพยายามหลบ NPC ชั้นสูงในเมืองให้ดีเพราะพวกนั้นอาจจะมีทักษะบางอย่างมองเห็นการหายตัวของนายได้.....มีเพียงแต่นายเท่านั้นที่จะทำเรื่องนี้ได้”
ด้วยทักษะหมาป่าเดียวดายของทวิสเต็ด เจสเปอร์เชื่อว่าแผนของเขาจะต้องประสบความสำเร็จไม่มากก็น้อย
ดีบัฟ (Debuff) : สกิลหรือสถานะที่ส่งผลทางลบต่อผู้เล่น รวมถึง การลดความสามารถของผู้เล่นชั่วคราวเป็นต้น
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
แผนที่อาณาจักรกรีนเวต้า