Ep.128 - นั่นฉินเฟิง!
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.128 - นั่นฉินเฟิง!
ภายในอาคารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“ผู้อำนวยการ ผมคงต้องรบกวนคุณอีกแล้วในครั้งนี้”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ เธอช่วยได้มากเลยต่างหาก!” หลินเต๋อหรงถอนหายใจด้วยอารมณ์ เขาส่งบางคนออกไปจัดการเรื่องพวกเด็กๆที่ฉินเฟิงนำมา
“ฉินเฟิง ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด พัฒนาการของเธอมันก้าวกระโดดซะจนทำให้ฉันรู้สึกทึ่ง ยังไงก็ตาม จดจำเอาไว้ให้ดี ว่าต้นไม้งอกงามเร็วเพียงใด สักวันมันก็จะถูกพายุทำลายได้เร็วเท่านั้น เธอต้องระมัดระวังตัว รู้จักเก็บงำความสามารถเอาไว้บ้างก็ดี!”
ฉินเฟิงยิ้ม
หากเป็นในชีวิตก่อนหน้า คำกล่าวนี้ก็คงจะถูกต้อง
แต่ในชีวิตนี้ มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ฉินเฟิงต้องการเก็บกำความสามารถก็จริง แต่นั่นมันในส่วนของอบิลิตี้ธาตุมืดเท่านั้น
ขณะเดียวกันในบางครั้ง เขาก็จำเป็นต้องเผยความสามารถอันยอดเยี่ยมออกมา
“หากต้นไม้อยากจะเติบใหญ่จนสูงตระหง่าน บางครั้งมันก็ต้องแย่งสารอาหารจากต้นไม้ต้นอื่นๆเหมือนกัน แต่นั่นทำไปเพราะต้องการปกป้องบรรดานกน้อยที่ทำรังใต้ร่มของมัน ผู้อำนวยการไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน!”
หลินเต๋อหรงอึ้งไป แต่จากนั้นก็หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้
“นั่นสินะ ทำตามที่เธอเห็นสมควรเถอะ”
ฉินเฟิงมอบเงิน 5 ล้านทิ้งไว้ พร้อมกับเนื้อมังกรดิน และจากไป
บรรยากาศของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนี้ดูหดหู่มาก
แม้โศกนาฏกรรมที่ฉินเฟิงประสบในชีวิตก่อนหน้าจะไม่เกิดขึ้น แต่ฉินเฟิงไม่ได้กลับมาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน ดังนั้นภูมิคุ้มกันของเด็กบางคนเลยทนต่อโรคมืดไม่ไหว เริ่มจับไข้หนาวสั่น ติดเชื้อไวรัส และสุดท้ายจากไปกว่า 20 ชีวิต
แม้เทียบกับในชีวิตใหม่ของฉินเฟิง ผลลัพธ์อาจจะดีกว่ามาก แต่เรื่องที่พวกเด็กๆจากไปก็ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลยดูหม่นหมองลง
อย่างไรก็ตาม ด้วยเด็กใหม่ที่มาเข้าร่วม ฉินเฟิงเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถสร้างความสุขให้เกิดขึ้นใหม่ได้
แน่นอน ว่าทั้งหมดยังต้องเผชิญกับแรงกดดันอีกมากเพื่อความอยู่รอด แต่เรื่องนี้ฉินเฟิงพอจะช่วยเหลือได้
เอาไว้รอจนสถานชุมชนเฟิงหลีสร้างเสร็จเมื่อไหร่ เด็กๆจะได้บ้านหลังใหม่ที่ดีกว่า
พอออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉินเฟิงก็หามุมอับที่ไร้ซึ่งผู้คน บอกให้ไป๋หลีนำรถศึกล่องเวหาออกมา
รถศึกคันนี้ เดิมจอดอยู่หน้าร้านอุปกรณ์ของหลิวเซินซาน หลังจากเกิดรอยแยกมิติ ฉินเฟิงก็ขอให้ไป๋หลีเก็บมันไว้ จนปัจจุบัน ในที่สุดมันก็ได้ต้องแสงตะวันอีกครั้ง
กลับไปที่สวนชิงหู เป็นเวลานานแล้วที่ฉินเฟิงไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เขานอนแช่ตัวสบายๆบนอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ในห้องใต้หลังคา โดยมีไป๋หลีในชุดบิกินี่แช่อยู่เคียงข้าง
อ่า … เธอช่างร้อนแรง และชวนให้ผู้คนรู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน
ในคราวนี้ ฉินเฟิงรู้สึกขอบคุณเสี่ยวเหลียนจริงๆ ที่เคยด่าไป๋หลีว่าหน้าอกแบน จนเธอตัดสินใจเพิ่มขนาดหน้าอกตัวเอง
พอได้พักผ่อนหนึ่งคืนเต็ม เช้าวันต่อมา ฉินเฟิงก็ถูกปลุกด้วยสายโทรเข้าจากโจวฮ่าว
“ไอ้บ้า ไม่ใช่นายบอกว่ากลับมาแล้วหรอกหรอ? วันนี้คือวันทดสอบและเลือกเพื่อนร่วมทีมแล้วนะ นายจะพลาดมันไม่ได้!”
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ฉินเฟิงกับโจวฮ่าวโทรหากันหลายครั้ง และทุกครั้งโจวฮ่าวก็ย้ำเตือนเขา ว่าถ้ายังชักช้าแบบนี้ เขาจะพลาดงานสวนล่าใบไม้ผลิ!
โชคยังดีที่ฉินเฟิงรีบกลับมาทัน
ปัจจุบัน ไป๋หลีเปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกน้อยอีกครั้ง นั่งลงข้างคนขับ
พอได้อยู่ในร่างมนุษย์นานๆ ไป๋หลีก็ไม่ค่อยอยากจะเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกแล้ว และเพื่อที่จะคงอยู่ในร่างมนุษย์ เธอจำเป็นต้องรักษารูปลักษณ์ทางกายภาพ หรือกล่าวสั้นๆง่ายๆว่ารักษารูปร่างให้ดูดีอยู่เสมอโดยไม่ต้องพึ่งทักษะเปลี่ยนร่างนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น สิบนิ้วของมนุษย์สะดวกต่อการหยิบจับสิ่งของเป็นอย่างมาก ---มันง่ายต่อการออกกำลังมากกว่าในร่างจิ้งจอก
แม้ว่าการเดินทางไปยังเมืองหาน ไป๋หลีจะได้รับแก่นพลังงานของราชันย์สัตว์ร้ายมา และความแข็งแกร่งของเธอก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน แต่เธอแทบไม่ได้ออกโรงเลย
ไป๋หลีกลับมาให้ฉินเฟิงดูแลในฐานะสัตว์เลี้ยงอีกครั้ง เขาวางเธอลงบนไหล่ ไป๋หลีม้วนขดรอบคอของฉินเฟิง อ้าปากหาวแล้วหลับไป
ฉินเฟิงลงจากรถ ก้าวเข้าสู่สถาบัน และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ต่างออกไป
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงเป็นเพียงนักเรียนคนหนึ่งท่ามกลางนักเรียนจำนวนมาก ไม่มีอะไรพิเศษหรือผิดปกติ
ทว่าเวลานี้ ไม่ว่าใครเห็นเขา ทั้งหมดต่างกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นราวกับเจอซุปตาร์
“กรี๊ด! นั่นฉินเฟิง!”
“อ๊า! ใช่ฉินเฟิงที่เรียนคลาสผู้ใช้อบิลิตี้ แต่กลับสามารถใช้พลังวรยุทธโบราณได้รึเปล่า?”
“รุ่นน้องสุดคูล!”
ท่ามกลางฝูงชนที่กรี๊ดกร๊าด มีกระทั่งวัยรุ่นสาวคนหนึ่งรวบรวมความกล้าก้าวเข้ามา
“เพื่อนร่วมสถาบันฉิน วันนี้นายมาเพื่อรับการทดสอบใช่ไหม กำลังมองหาทีมอยู่รึเปล่า?”
ฉินเฟิงเองก็ไม่ใช่คนเย็นชาเกินไป เขาหยุดฝีเท้า และตอบคำถามของอีกฝ่าย “ใช่แล้ว”
“งั้นหรอ น่าเสียดายจัง ที่ฉันเป็นนักเรียนปี 2 แต่ว่านะ … ถ้าหลังจากที่นายกลับมาจากงานสวนล่าใบไม้ผลิแล้ว และทีมที่อยู่ถูกยุบ หวังว่านายจะเก็บฉันไว้พิจารณานะ”
ฉินเฟิง “… เอาไว้ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยคุยกันอีกที”
ช่างเป็นการปฏิเสธแบบสุภาพและมีไหวพริบ!
“อา ขอบใจมากนะเพื่อนร่วมสถาบันฉิน!”
แล้วนักเรียนสาวก็วิ่งกระโดดจากไปอย่างมีความสุข ระหว่างทางก็อ้าปากตะโกนก้อง “เพื่อนร่วมสถาบันฉินบอกว่าจะให้โอกาสฉันล่ะ!”
ฉินเฟิง “… ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย”
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นจุดสนใจมากเกินไป ฉินเฟิงเดินต่อได้เพียงก้าวเดียว คนอื่นๆก็พุ่งเข้ามา พยายามเอ่ยขอเขาเผื่อจะได้รับโอกาสบ้าง แต่ฉินเฟิงไม่ยอมพลาดท่าซ้ำสอง เขาเอี้ยวตัวหลบคนเหล่านั้น ไม่ยอมเอ่ยปากพูดจาใดๆอีก
….
ฉินเฟิงมาถึงชั้นเรียนอย่างรวดเร็ว
และเวลานี้ เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
“ฉินเฟิง งานสวนล่าใบไม้ผลิกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะ นายสนใจจะเข้าร่วมทีมกับพวกเราไหม?”
“ฉินเฟิง พาฉันไปด้วยสิ ตอนนี้ฉันเรียนรู้วิธีการใช้อบิลิตี้ลมแล้วนะ มันสามารถช่วยเพิ่มความว่องไวให้กับนายได้อย่างมหาศาลเลยล่ะ!”
“หลีกไปเลย! นายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ลมไม่ใช่รึไง อย่าทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายสนับสนุนอย่างธาตุน้ำสิ!”
ฉินเฟิงเริ่มขมวดคิ้ว เฝ้ามองดูเพื่อนร่วมชั้นถกเถียง
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้พวกนายเกลียดฉันหรอกหรือ?
แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากมาเข้าร่วมงานสวนล่าใบไม้ผลิด้วยกันซะอย่างงั้น?
แต่ฉินเฟิงไม่ได้แสดงความรู้สึกนี้ออกไป เขาเพียงตอบปฏิเสธอ้อมๆแบบสุภาพ
“ขอโทษที ถ้าเรื่องนี้ฉันคงต้องปรึกษากับเพื่อนร่วมทีมอีกคนของฉันซะก่อน” ฉินเฟิงกล่าว
“เพื่อนร่วมทีมของนาย? ใครกัน? ใช่เพื่อนร่วมสถาบันโจวฮ่าวที่อยู่ในคลาสวรยุทธโบราณรึเปล่า?”
“โอ้สวรรค์ ถ้าโจวฮ่าวกับฉินเฟิงร่วมมือกันล่ะก็ … พวกเขาจะต้องคว้าที่ 1 ได้แน่ๆ!”
ปัจจุบัน สายตาของคนทั้งกลุ่มมองฉินเฟิงด้วยความกระตือรือร้นสุดๆ
เพราะยังไงซะ ทีมของฉินเฟิงน่ะแข็งแกร่งเกินไป ใครๆก็รู้ว่าโจวฮ่าวไม่เพียงมีพรสวรรค์ แต่เขายังเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ได้รับการรับรองเป็นผู้ใช้พลังเลเวล G !
หลังจากฉีดยากระตุ้นได้ 2 เดือน และเข้าร่วมสถาบันเพียง 1 เดือน ในสายตาของพวกนักเรียน โจวฮ่าวถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมากแล้ว แต่ฉินเฟิงกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า และพวกเขาคงคาดไม่ถึงว่าฉินเฟิงได้ก้าวขึ้นสู่เลเวล F แล้ว
แม้จะได้เห็นโฆษณาออกอากาศทุกวันก็ตาม แต่พวกเขาทุกคนแค่คิดกันไปว่า ฉินเฟิงคงมีความแข็งแกร่งที่สามารถท้าทายคนที่เหนือกว่าเท่านั้น
แต่ก่อนที่พวกเพื่อนๆในคลาสจะทันได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เฉิงเฉา อาจารย์ประจำคลาสอบิลิตี้ก็เข้ามาเสียก่อน คนที่ห้อมล้อมฉินเฟิงเลยแยกย้ายกันไป
“อ้าวฉินเฟิง เธอกลับมาแล้วหรอ? รู้รึเปล่าวว่าฉันกังวลแค่ไหนว่าเธอจะมาไม่ทันเข้าร่วมงานสวนล่าใบไม้ผลิ” เห็นได้ชัดว่าเฉิงเฉามีความสุขมากที่ได้เห็นเขา
“เอาล่ะ ทุกคนเตรียมตัวกันให้พร้อม อีกสักพักพวกเราจะเป็นห้องแรกที่ทำการทดสอบภาคสนาม ผลงานในครั้งนี้มีความสำคัญมาก ฉันหวังว่าพวกเธอจะไม่ทำเสียหน้า เพราะถ้าคะแนนของพวกเธอออกมาไม่ดี เธออาจถึงขั้นไม่สามารถหาทีมได้เลย!”
“อะไรน้าาาา!!”
นักเรียนทั้งชั้นกรีดร้องลั่นพร้อมกัน
ไม่ทันจะขาดคำ ก็มีประกาศกระจายไปทั้งโรงเรียนดังขึ้น ว่าให้คลาสผู้ใช้อบิลิตี้ไปยังจตุรัสกลาง
ทุกคนทั้งชั้นปีที่1ต่างก็ถูกบังคับให้เข้าร่วม เวลานี้มีนักเรียนใหม่มากกว่า 300 กำลังคนนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ข้างจตุรัส
แน่นอน ว่าเนื่องจากจตุรัสกลางก็เหมือนกับชื่อของมัน ที่ตั้งอยู่ใจกลางอาคารเรียนทั้งหมด นั่นหมายความว่าคนจากในอาคารเรียนเอง ก็สามารถมองเห็นฉากบนจตุรัสได้เช่นกัน
บนอัฒจันทร์เหนือขึ้นไปจากคลาสเรียนของฉินเฟิง ท่ามกลางคลาสผู้ใช้อบิลิตี้ หลี่เหยาเหยาเองก็เป็นหนึ่งในผู้สังเกตการณ์เช่นกัน ...