ตอนที่ 69 คำโกหก
ตอนที่ 69 คำโกหก
ตั้งแต่บทลงโทษถูกประกาศออกไปผู้เล่นในเมืองอัลคาเดียจึงได้เห็นไอเดน ฮีโร่สุดยิ่งใหญ่ของใครหลายๆคนกลายเป็นพนักงานต้อนรับ ที่ยืนอยู่หน้าร้านค้าแห่งนี้ตลอดเช้าจรดเย็น นานถึง 3 วันในเกม ด้วยอำนาจและความยิ่งใหญ่ที่ไอเดนมีส่งผลให้ผู้เล่นคนอื่นๆที่ไม่รู้เรื่องราวคิดว่าร้านแห่งนี้แม้แต่ไอดอลที่ตนยึดถือก็เข้ามาใช้บริการ ซึ่งนั้นช่วยเพิ่มรายได้ให้กับร้านแห่งนี้เป็นอย่างมาก จนสมาชิกในกิลด์ Rising Sun อดที่จะเสียดายไม่ได้ที่บทลงโทษของไอเดนมีกำหนดเวลาแค่เพียง 3 วัน
ถึงแม้ไอเดนจะหวังเข้ามาสืบรายละเอียดของร้านให้มากกว่านี้ แต่ด้วยสถานะภาพที่เป็นเพียงพนักงานต้อนรับประจำร้านที่มีหน้าที่เรียกลูกค้า เพียงแค่ตนก้าวเท้าเหยียบเข้าไปหรือมองเข้าไปในร้าน เหล่า NPC ช่างตีเหล็กที่กำลังทำหน้าที่ขายของต่างก็มองชายหนุ่มด้วยสายตาที่พร้อมจะเอาเรื่องอยู่ตลอดเวลานี้ถือเป็นเรื่องอัปยศที่สุดที่หัวหน้ากิลด์ ไอเดน เคยเผชิญมาเลยก็ว่าได้และถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุดของกิดล์ Blood Commander ก็ว่าได้
แต่ถึงกระนั้นกิลด์ Blood Commander ที่เป็นใหญ่มีหรือจะยอมให้เรื่องอัปยศเช่นนี้เผยแพร่ออกไปสู้สาธารณะชน เหล่าสมาชิกของกิลด์ต่างช่วยกันเรียกลูกค้าเข้าร้านมากขึ้นพลางบอกกับผู้เล่นคนอื่นๆว่าหัวหน้าไอเดนกำลังทำเควสลับ ที่ช่วยในการผูกมิตรกับ หัวหน้าสมิธ
แต่มีหรือที่จะรอดพ้นจากผู้เล่นขาเม้าส์ที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น ผู้เล่นเหล่านั้นถึงแม้จะไม่กล้าออกมาประกาศความจริงแต่เบื้องลึกเบื้องหลังข่าวเหล่านี้ก็ไปถึงหู บรรดาผู้เล่นคนอื่นไปทั่วอยู่ดี ซึ่งหลังจากที่บทลงโทษของไอเดนผ่านพ้นไปชื่อเสียงของร้านแห่งนี้ก็เป็นที่โจษจันปากต่อปากของผู้เล่นคนอื่นๆว่าร้านขายของแห่งนี้แม้กระทั่งไอเดน ผู้ยิ่งใหญ่แห่งกิลด์ Blood Commander ก็ยังต้องยอมสยบ
ทำให้กิลด์น้อยใหญ่ที่หวังจะครอบครองร้านค้าแห่งนี้ต้องล่าถอยออกไปตามๆกันหลงเหลือเพียงผู้เล่นที่ตั้งใจเข้ามาซื้อของจริงๆอยู่เท่านั้น
ด้วยชื่อเสียงที่ขจรขจายไปทั่วเมืองอัลคาเดียและเมืองอื่นโดยรอบส่งเสริมให้ร้านขายของสมาคมช่างตีเหล็กกวาดทำกำไรไปได้หลายร้อยหลายพันเหรียญทองได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน แม้เกม The Era Online จะเพิ่งเปิดให้บริการยังไม่ถึง 1 เดือนเต็มดีนัก หลังจากที่หักลบต้นทุนและแบ่งกำไรให้กับสมาคมช่างตีเหล็ก กิลด์ Rising Sun ก็ยังมีเงินในคลังสูงถึงหลายพันเหรียญทองอยู่ดี
แต่ถึงกระนั่นเจสเปอร์ก็ยังคงพาสมาชิกในกิลด์ออกตามล่าหาแบบแปลนต่างๆอีกมากมายจากมอนสเตอร์ชั้นสูงอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เพื่อนำแบบแปลนที่ได้รับมาผลิตและขายให้กับผู้เล่นในเมืองอัลคาเดียเพื่อทำกำไรอย่างต่อเนื่อง
แต่มีหรือที่แบบแปลนชั้นดีจะดรอปออกมาจากมอสเตอร์ทั่วๆไป คำตอบคือไม่ ระหว่างทางที่ออกตามหาแบบแปลน สมาชิกในกิลด์ Rising Sun ต่างต้องรับมือกับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลเหนือระดับของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ร่ายกายต้องต่อสู้กับความกดดันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สมาชิกในกิลด์เลเวลพุ่งสูงขึ้นราวกับติดจรวด
เจสเปอร์ LV.28
อามมี่ LV.26
โบม่อน LV.26
ลูอิส LV.26
หิมะน้อย LV.24
ริคเตอร์ LV.25
ไอรีน LV.22
ซันนี LV.23
ทวิสเต็ด LV.23
เมื่อสังเกตรายชื่อเพื่อนในกิลด์เจสเปอร์ก็ยิ้มออกมาด้วยความเป็นสุข หากทุกคนเลือกที่จะเปิดเผยตัวตนเหมือนผู้เล่นคนอื่นๆป่านนี้ตารางจัดอันดับประจำอาณากรีนเวต้าคงได้ปั่นป่วนแน่ๆ เพราะพวกเขาทั้งหมดคงจะยึดครองตารางจัดอันดับนี้ไปได้มากกว่าครึ่ง
ตารางจัดอันดับประจำอาณาจักรกรีนเวต้าอาจจะเป็นชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ของหลายคนๆแต่สำหรับเจสเปอร์สิ่งเหล่าเป็นเพียงแค่ชื่อเสียงแรกเริ่มเท่านั้น หาใช่ความแข็งแกร่งที่ยั่งยืนสู้ยอมปล่อยมือจากสิ่งเล็กๆเพื่อเอาเวลาไปไขว่คว้าสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั่นจะดีซะกว่าดั่งเช่นที่เจสเปอร์และคนอื่นในกิลด์กำลังทำอยู่ในขณะนี้
ภายในสมาคมช่างตีเหล็ก มีกลุ่มคนจำนวนนึงกำลังนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่ตามพื้นและโขดหิน โดยมีเจสเปอร์ยืนถือดาบเก่าๆขึ้นสนิมอยู่ในมือด้วยใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อยเช่นเดียวกัน
“คนต่อไปมา” เจสเปอร์กวักมือเรียนสมาชิกอีกคนในกิลด์ให้ก้าวออกมา โดยมีริคเตอร์ลุกขึ้นและก้าวเท้าเข้าไปในลานฝึกซ้อมที่ถูกสูงขึ้นมาอย่างลวกๆแห่งนี้
ริคเตอร์เดินถือดาบขึ้นสนิมในมือของตนขึ้นมาอย่างเก้เกกังๆ ดูแล้วไม่ทะมัดทะแมงเหมือนกับเจสเปอร์ที่กำลังยืนรอ ทันทีที่สัญญาณเริ่มต้นขึ้น ชายทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างดุดัน
เจสเปอร์ตวัดดาบในมือเข้าใส่ริคเตอร์อย่างช่ำชองก่อนที่อีกฝ่ายจะใช้สกิลยั่วยุออกมา
“อย่าให้ศัตรูรู้ว่ากำลังใช้สกิลยั่วยุ นายต้องชั้นเชิงหลอกล่อฝ่ายตรงข้ามบาง”
ถึงแม้ปากยังคงพูดสั่งสอนแต่มือและการเคลื่อนไหวกลับเป็นฝ่ายรุกไล่ริคเตอร์ให้ตั้งรับอยู่อย่างนั้น
ริคเตอร์ที่กอดศักดิ์ศรีของการเป็นแท้งค์อันดับหนึ่งประจำกิลด์และครองฉายาน้องเล็ก มีหรือจะยอมให้เจสเปอร์เอาแต่รุกไล่ ทันทีที่เจสเปอร์เผยช่องว่างออกมาเล็กน้อย เด็กหนุ่มคนนี้ก็รีบกระหน่ำทิ่มแทงสวนกลับไป พร้อมกับเปลี่ยนท่าทางจากการป้องกันเป็นบุกทะลวง
ช่องว่างที่ว่านี้เจสเปอร์เป็นคนเผยขึ้นด้วยความจงใจ ทันทีที่ริคเตอร์คลายการป้องกันและโหมกระหน่ำบุกทะลวงเข้ามา เจสเปอร์ที่แสร้งทำเป็นถอย พลางยกมือเลียนแบบท่าทางของสกิล Sweep Slash ของตนออกมาเพื่อให้ศัตรูหลงกลและเสียจังหวะ
‘ฝีมือดีแต่ยังอ่อนเยาว์’
ริคเตอร์ตกหลุมพราง จากหัวหน้ากิลด์ของตัวเองเข้าให้แล้ว โล่ป้องกันถูกยกขึ้นมาเพื่อกันสกิล Sweep Slash ทำให้ตนพลาดการบุกทะลวงไปหนึ่งจังหวะ ทันทีที่ริคเตอร์ลดเกราะป้องกันลง เจสเปอร์ที่หลอกล่ออีกฝ่ายในที่แรกก็เผยสกิล Sweep Slash ออกมา
วิถีดาบกรีดเฉือนร่างกายของริคเตอร์เต็มไปหมด แม้นี้จะเป็นเพียงการฝึกซ้อมแต่เจสเปอร์ก็ไม่เบามือของตัวเองลงเลย แผลที่ถูกกรีด เฉือน ทำให้หนุ่มน้อยคนนี้ถึงกับต้องร้อง โอดครวญ ด้วยความเจ็บปวด โดยมีไอรีนคอยรักษาอยู่ด้านข้างไม่ห่างไปไหน ซึ่งตัวเธอเองก็ต้องคอยฝึกการรักษาในช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมถึงคอยบัพอวยพรเช่นเดียวกัน
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป โดยทุกคนต่างจับคู่ฝึกซ้อมกันและกัน ซึ่งหากใครเอาชนะอีกฝ่ายได้ก็จะได้พัก ส่วนคนที่แพ้จะต้องฝึกซ้อมต่อกับเจสเปอร์จนกว่าเขาจะอนุญาตให้พัก
การฝึกซ้อมด้วยอาวุธทั่วๆไปและการต่อสู้ระหว่างกัน จึงกลายมาเป็นกิจวัตรประจำวันของทุกคนในกิลด์ Rising Sun ไปตามระเบียบ
...............
‘กริ่งๆ’
เสียงโทรศัพท์บนหัวเตียงของทวิสเต็ดดังขึ้น ปลุกเขาที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้น ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ซึ่งมันเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่แม่ของเขากำลังรักษาตัวอยู่ที่นั่น
“ฮัลโห..ฮัลโหล”
ทวิสเต็ดรับสายที่โทรเข้ามาด้วยเสียงของคนที่เพิ่งตื่นนอน
“ฮัลโหล ทิวสเต็ดหรอลูก”
เป็นเสียงของหญิงชราที่เขาคุ้นเคยกำลังพูดอยู่ปลายสาย ชายหนุ่มรีบตื่นจากสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นในทันที ร่างกายกลับมาชีวิตชีวาด้วยความรวดเร็ว นานแค่ไหนแล้วที่ตนไม่ได้ยินเสียงของหญิงชราคนนี้ที่กำลังพูดอยู่
“วันนี้กินข้าวแล้วหรือยังลูก เป็นยังไงบางไปโรงเรียนสนุกหรือเปล่า”
มันเป็นคำถามง่ายๆที่แสดงความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจนในน้ำเสียง แต่ชายที่ได้ยินกับกลั่นน้ำตาลูกผู้ชายออกมาไว้ไม่อยู่ ชายหนุ่มที่อายุ 22 ปีเช่นเขา แม้จะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหมือนเช่นเด็กคนอื่นๆแต่อย่างน้อยใครๆก็พอจะดูออกว่าชายหนุ่มคนนี้น่าจะเรียนจบจากโรงเรียนมานานแล้ว แต่แล้วที่หญิงชรากำลังพูดอยู่นั่นคืออะไร
“ที่โรงเรียนสนุกมากครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมสบายดี” คำว่าสบายดีที่ทวิสเต็ดพูดออกไป มันคือที่สุดที่เขาจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้แล้ว มันเป็นคำพูดไม่กี่คำที่เขาได้พูดคุยกับแม่ของเขา ก่อนที่จะได้ยินเสียงของผู้หญิง พูดกับแม่ของเขาว่า ‘คุณป้าได้เวลาทานยาแล้วนะคะ เอาไว้พรุ่งนี้เราโทรหาลูกชายคุณป้าอีกทีเนอะถ้าคุณป้าคิดถึง’
‘ตรู้ดดดดด....’
ทวิสเต็ดยังคงถือสายที่ถูกตัดค้างไว้อย่างนั้นอยู่นาน ก่อนที่เขาจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างคราบน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความคิดถึงแม่ผู้เป็นที่รักของตน ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคความจำเสื่อมที่หลายๆคนเรียก ซึ่งนานๆครั้งจะมีสักวันที่อาการของแม่ของเขาจะทรงตัวมากพอที่จะสื่อสารกับผู้อื่นรู้เรื่องดั่งเช่นวันนี้
ทุกครั้งที่แม่ของเขาอาการดีทางโรงพยาบาลก็จะอนุญาตให้เธอได้โทรกลับมาหาเขา ซึ่งการพูดคุยกันมีเพียงไม่กี่ประโยคนั้นมันทดแทนคำพูดเป็นร้อยเป็นพันได้ทั้งหมด แม้บางครั้งเขาอาจะต้องโกหกไปว่าตนเองสบายดี ทั้งที่ไม่มีเงินจะกินข้าว เพราะเงินทุกเครดิตที่หามาถูกเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาเกือบทั้งหมด หลายพันเครดิตต่อเดือนแต่ทุกอย่างก็เพื่อให้ผู้หญิงคนนึงสบายใจแม้จะเป็นแค่ไม่กี่นาทีที่เธอจะจำได้ก็ตาม
‘ตอนเด็กๆเราอาจจะเคยโกหกพ่อแม่ว่าเราไม่สบาย แต่พอโตมาเราเราเลือกที่จะโกหกพ่อแม่ว่าเราสบายดี’
แต่วันนี้คือวันที่ทวิสเต็ดพูดออกมาได้อย่างเต็มปากในรอบหลายปีที่ผ่านมาว่าเขา ‘สบายดี’ แบบจริงๆสักที เขามีเงินเครดิตซื้อข้าวกินอิ่มท้องทุกมื้อ เขามีเงินเหลือมากพอจะใช้จ่ายและเอาเป็นค่ารักษาแม่ที่ป่วยได้อีกหลายเดือนโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเดือดร้อน และเขามีเพื่อนที่ร่วมแบ่งปันความสุขร่วมกันแล้ว โดยทั้งหมดเกิดขึ้นได้ก็เพราะตนได้รู้จักชายที่ชื่อว่า ‘เจสเปอร์’
‘ฮัดชิ้ว’
เจสเปอร์ขยี้จมูกของตัวเองหลังจากที่จามเมื่อครู่ ก่อนที่จะลุกออกไปล้างหน้าล้างตาทำกิจวัตรของเขาต่อไปเพื่อเตรียมจะออกไปพบกับเพื่อนเก่าที่เขาได้นัดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้ คนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก พี่สาว ‘บับเบิ้ล’
นี้คือผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่เขาอยากช่วยเหลือด้วยทักษะการพูดและการรับแขก ด้วยรูปร่างหน้าตาที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์ของเธอ
เจสเปอร์เชื่อว่าเธอจะสามารถมาเป็นพนักงานขายที่ดีให้กับร้านค้าของเขาได้และอีกหนึ่งสาเหตุด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาพี่สาวบับเบิ้ลน่าจะรับมือกับพวกผู้เล่นเพศชายได้เหมาะกว่าเจ้ซันนี่ที่ตอนนี้กลายเป็นคนที่ทำงานหนักสุดในกิลด์ไปแล้ว
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเจ้ซันนี่คงไม่มีเวลามากพอที่จะพักผ่อนและดูแลครอบครัวเธอได้เลย เจสเปอร์ที่เปรียบเป็นต้นเรื่องจึงตัดสินใจที่จะหาคนที่เหมาะสมเขามาช่วยงานเธอ
แต่ความลับของกิลด์ Rising Sun มีมากเกินไปหากจะรับผู้เล่นคนอื่นมามั่วๆเจสเปอร์ก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม ตัวเลือกที่มีจึงเหลือน้อยเอามากๆ แต่เมื่อได้ลองคิดไปคิดมาเขาก็นึกถึง พี่สาวบับเบิ้ล ที่เขาเคยว่าจ้างให้ปลอมเป็นพนักงานออฟฟิสเพื่อหลอกถามที่อยู่ของโบม่อนในช่วงวันที่เกมใกล้เปิดขึ้นมาได้เลยทำการติดต่อเพื่อขอพูดคุยกับเธอในวันนี้
เจสเปอร์ขับรถคันโปรดของเขาไปตามสถานที่ที่ได้นัดหมายกันเอาไว้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเช่าเก่าของเขามากนัก ก่อนที่เขาจะโทรศัพท์บอกเธอว่าเขามาถึงแล้ว เจสเปอร์ก็พลางสำรวจสถานที่แห่งนี้ภายในรถ ที่แห่งนี้มีเพียงร้านรถเข็นคันเล็กๆที่มีเก้าอี้ให้นั่งเพียงแค่ 4-5ที่ตัว สภาพของรถเข็นเองก็ไม่ค่อยแข็งแรง ดูแล้วน่าจะทำมาจากวัสดุเก่าๆมาประกอบกันและจากที่เห็นคนเดินผ่านไปผ่านมา ร้านแห่งนี้คงมีกิจการที่ไม่ค่อยดีนัก
แต่เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของสาวสวยที่โผล่ออกมาจากรถเข็นภายในร้าน เจสเปอร์ก็ตระหนักได้ว่า เขาไว้ใจพี่สาวบับเบิ้ลคนนี้ได้อย่างแน่นอน
เจสเปอร์รีบลงจากรถโดยที่ยังใส่ผ้าปิดปากที่เข้าใส่เป็นประจำด้วยความเคยชินก่อนที่จะตรงไปที่ร้านรถเข็นคันเล็กคันนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับสั่งอาหารมาหลายอย่าง พี่สาวบับเบิ้ลเห็นลูกค้าหนุ่มแต่งตัวดีตรงเข้ามาสั่งอาหารก็รีบต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยที่ไม่รู้เลยว่าลูกค้าที่เธอพบคือเด็กหนุ่มที่ให้เงินกับเธอมา3000 เครดิต เมื่อเดือนที่แล้ว
เธอเองอยากจะขอบคุณเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นอย่างมากที่ยื่นโอกาสให้เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่พร้อมกับทำให้หลุดพ้นจากอาชีพที่เสื่อมเกียรติพวกนั้นได้สักที แม้จะเป็นเพียงเงินเล็กน้อยในสายตาของหลายๆคน แต่กับเธอมันคือเงินที่มีมูลค่ามากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอได้เลย และในวันนี้เธอจะได้มีโอกาสบอกขอบคุณเด็กหนุ่มที่เปลี่ยนชีวิตเธอสักที
อาหารหลายจานถูกยกออกมาเสิร์ฟ ทำให้เจสเปอร์นึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมถอดผ้าปิดปาก เขาถอดผ้าปิดปากที่ปกคลุมใบหน้าอยู่ออก พร้อมกับกินอาหารหลากหลายอย่างด้วยความเอร็ดอร่อย รสชาติของมันจัดว่าเข้าขั้นชั้นเยี่ยมเลยที่เดียว แม้จะปรุงด้วยวัตถุดิบเกรดต่ำ แต่พี่สาวบับเบิ้ลก็ทำออกมาได้อร่อยที่เดียว ทำให้เจสเปอร์อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าเหตุใดผู้คนถึงไม่สนใจความอร่อยของร้านแห่งนี้
“เดี๋ยวน่ะเธอคือ เด็กเมื่อเดือนก่อนนิ” หลังจากทำอาหารเสร็จเธอถึงพึ่งจะได้สังเกตุลูกค้าหนุ่มที่เข้ามาคนนี้ คือคนเดียวกับเด็กหนุ่มที่ช่วยเหลือเธอเมื่อวันนั้น
“ผมเองครับ อาหารที่พี่ทำอร่อยมากครับ”
ทันทีที่พูดชมถึงรสชาติอาหารของเธอ หน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นทุกข์ใจในทันที เจสเปอร์จับปฏิกิริยานั่นได้จึงรีบสอบถามถึงเรื่องราวที่ทำให้เธอไม่สบายใจ และขอให้เธอเล่ามันออกมาเพื่อเขาจะได้ช่วยเหลือได้
“ก่อนอื่นพี่สาวคนนี้ต้องขอบใจเธอมากน่ะที่เธอให้เงินพี่มาในวันนั้น พี่เอาเงินพวกนั้นมาลงทุนกับร้านอาหารเล็กแห่งนี้ทั้งหมด เพื่อเลิกอาชีพที่เธอเองก็รู้ หวังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่มันก็ยังมีพวกแย่ๆที่รู้อดีตของพี่มาคอยก่อกวนในช่วงแรก ถึงแม้อาหารของร้านพี่จะรสเลิศสักเพียงใดแต่คนอื่นเลือกที่จะรับฟังคำบอกเล่าของคนพวกนั้น พี่เองก็จนใจ หวังเพียงให้ลูกค้ารับสภาพของร้านเล็กนี้ได้ก็เพียงพอแล้ว”
เมื่อเจสเปอร์ได้ยินก็พอจะเข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เหมือนกับหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกผู้คนตัดสินว่าเป็นหนังสือที่แย่เพียงเพราะมีคนเคยด่าทอมัน เหมือนกับตัวละครสักหนึ่งตัวที่ถูกตัดสินเพียงเพราะการกระทำไม่กี่ตอน
‘หวังเพียงให้เจ้าได้เปิดใจรับรู้ถึงเนื้อแท้ แม้เจ็บปวดเหนื่อยล้าสักเพียงใดข้าจักยอม’
...โปรดติดตามตอนต่อไป...