บทที่ 84 : ค่าคุ้มครอง
หลังจากเจรจากับออกัสตินเสร็จ ก็ได้มีการประชุมกันในห้องหิมะขาว
ลอทเนอร์กับคนที่เหลือตะลึงงัน “ท่านลอร์ด เอาจริงหรือ? ท่าน… ท่านจะสร้างป้อมปราการทางทหารที่อาณาจักรเหล็กเสนอมาจริงๆหรอ?”
ด้วยสถานการณ์ที่จริงจังเช่นนี้ โอดอมกล่าว่า “หากเราปฏิเสธเสียแต่ตอนนี้มันจะไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่มากนัก แต่หากเราตกลง เมื่อกองทัพใหญ่ของพวกเขามาถึง เราจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง”
วิลเลียมยกมือเพื่อให้ทุกคนหยุดพูด เขายิ้มขึ้นมาแทนที่จะทำท่าทางจริงจัง “บอกเรามาว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการสร้างฐานทัพที่สามารถจุคนได้พันคน?”
“เอ่อ...ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่สร้างครับ หากมีคนงานน้อย ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี” ในฐานะของรองเจ้าเมือง โอดอมต้องรับผิดชอบการก่อสร้างอยู่เสมอ เขารู้ระดับความยากของงานนี้
การสร้างป้อมปราการทางทหารนั้นแตกต่างจากการสร้างเมืองโดยเฉพาะ
อาคารที่ก่อสร้างทั้งหมดในป้อมปราการจะต้องสร้างให้มีความป้องกันในระดับหนึ่ง กำแพงจะต้องสูงและหนา ต้องมีพื้นที่มากพอและสะดวกในการยิงธนู นอกจากนี้ยังต้องสร้างโกดังอีกสองแห่งเพื่อเก็บผลผลิตและแบ่งสันปันส่วน หากผู้คนไปอยู่ข้างในนั้นอย่างว่าง่าย พวกเขาก็ไม่ต้องมีปัญหามากมายนัก
“แล้วอาณาจักรเหล็กจะใช้คนของเราเพื่อสร้างป้อมปราการหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าไม่อย่างไม่ต้องสงสัย”
“แม้ว่าเขาจะสามารถรวบรวมคนหลายพันคนมาสร้างฐานทัพทางทหารได้ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาสามถึงสี่เดือน นอกจากนี้พวกเขายังต้องการการสนับสนุนเกี่ยวกับการดำเนินการอีกด้วย ไม่เพียงแต่การจะเดินทางจะยาวนานเท่านั้น แต่สิ่งของต่างๆก็จะเสียหายทุกครั้งเมื่อขนส่งอีกด้วย”
“จะไม่มีปัญหาแน่หากเราอนุญาตให้เขาสร้างฐานทัพ”
“เมื่ออาณาจักรเหล็กสร้างฐานเสร็จและไม่สามารถละทิ้งสถานที่นี้ได้อีกต่อไป จากนั้นเราจะเริ่มเก็บค่าคุ้มครองทุกเดือน”
“พวกเขาจะต้องมอบทั้งเหรียญทอง, ทาส, และอาหารการกินให้กับเรา”
“หากพวกเขาไม่จ่าย เราก็แค่ตัดอาหารและคนของพวกเขาซะ”
“พวกท่านคิดว่าพวกเขาจะจ่ายหรือไม่?” ดวงตาของวิลเลียมเต็มไปด้วยความโลภและความโหดร้ายเหมือนกับแผนการของเขา
เหล่าคนของเขาตกตะลึงเนื่องจากพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าวิลเลียมจะมีความคิดเช่นนี้ แต่โอดอมลังเลเล็กน้อย เขากล่าวอย่างกังวลว่า “พวกเขาจะต่องจ่ายให้ท่านแน่หากพวกเขาต้องการสร้างฐานทัพ แต่การตอบโต้ที่เราจะต้องเผชิญในอนาคตนั้น...”
“นั่นจะเกิดก็ตั้งอีกห้าถึงหกเดือน!” วิลเลียมค่อยๆหรี่ตา “หากป้อมปราการไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในตอนนั้น เราก็แค่กำจัดและขโมยของพวกเขาซะ”
“นี่… เราจะดำเนินการตามแผนนี้จริงๆหรือ?” ลอทเนอร์ไม่แน่ใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมท่านลอร์ดถึงต้องทำเช่นนี้ มันหมายถึงการประกาศสงครามอย่างชัดเจน
วิลเลียมหัวเราะอย่างเยือกเย็น “เป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะปักหลักอยู่ใกล้กับเมืองรุ่งอรุณ? เชื่อเราเถอะ เมื่อเราให้บ้านใหม่แก่พวกเขา เราจะได้กำไรเป็นอย่างมาก จากนั้น เรายังสามารถสร้างความสูญเสียอย่างแสนสาหัสให้แก่อาณาจักรเหล็กได้”
“นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่พวกเขาจะต้องเผชิญในตอนนั้น พวกเขาจะไม่สามารถบุกโจมตีเราได้อย่างง่ายดายแน่”
อเล็กซ์ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร
แต่ในตอนนี้ พวกเขาทำได้เพียงฟังคำสั่งเท่านั้น
พวกเขาไม่ทราบว่าแผนของอาณาจักรเหล็กจะต้องเสร็จสิ้นภายในครึ่งปี
ในช่วงเวลานั้น วิลเลียมจะส่งคนไปทำลายฐานทัพ ในเวลานั้นฐานทัพจะว่างเปล่าอย่างแน่นอน อาจดูว่ามีทหารจำนวนมากอยู่บนกำแพงเมือง แต่มันจะเป็นแค่การจัดฉากของพลังที่ว่างเปล่า
ฐานทัพที่ถูกทำลายจะเป็นจุดเริ่มต้นของเกมเบต้า นอกจากนี้สถานการณ์ระหว่างอาณาจักรหล็กและอาณาจักรลาวาดำจะตึงเครียดเป็นอย่างมาก การเกิดสงครามจะห่างออกไปเพียงผมเส้นเดียว อาณาจักรเหล็กจะกล้าโจมตีเมืองแห่งรุ่งอรุณง่ายๆ เหรอ?
สำหรับโอกาสในการโจมตีป้อมปราการนั้นไม่ควรเป็นปัญหาใหญ่
หน่วยลาดตระเวนเอลฟ์มีทักษะการสังเกตการณ์ที่ยอดเยี่ยม หากพวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีคนพร้อมม้าจำนวนมากออกจากป้อมปราการไป นั่นก็เป็นปัญหาแล้ว
ในขณะเดียวกัน
เขายังต้องคอยติดตามกลุ่มของบุตรนอกสมรถและแกะรอยของพวกนั้นอีก พวกเขาอาจจะต้องมุ่งหน้าไปยังภูเขาหิมะใกล้กับทะเลตะวันเพื่อดูว่าจะได้รับผลประโยชน์อะไรได้อีกหรือไม่
สรุปแล้วนี่คือการต่อสู้ที่สำคัญที่สามารถชี้ชะตาการพัฒนาของเขาในอนาคตเลยก็ว่าได้
หากทำสำเร็จเขาจะถูกเรียกว่าราชา แต่ถ้าล้มเหลวเขาจะกลายเป็นโจร ทำไมไม่ลองเสี่ยงดูสักหน่อยล่ะ?
เวลาผ่านไป
วิลเลียมเสร็จสิ้นภารกิจที่เขามีอย่างเช่นเคย
หากเขาไม่มีภารกิจที่ต้องทำแล้ว เขามักจะไปเพิ่มความสัมพันธ์กับผู้คน
เมื่อเร็วๆนี้ คุณสมบัติสามมิติของเซียได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง วิลเลียมรู้สึกสับสนนิดหน่อย
โดยเฉพาะเธอได้ไปสนใจการวิจัยในการพัฒนาเครื่องมือเวทย์ที่สามารถไว้ใช้สังหารได้!
“เธอเป็นผู้วิเศษสองสายอย่างชัดเจน ได้แก่ธาตุน้ำและธาตุไม้ เธอคงไม่สนุกกับสิ่งนั้นจริงๆ เธอจะเปลี่ยนทิศทางอีกหรือเปล่า? หากเธอทำวิจัยเกี่ยวกับปืนใหญ่เวทมนตร์ในอนาคตก็คงดี”
ในวันนั้น
วิลเลียมได้เดินไปรอบๆเมืองและได้พบเข้ากับทาสกลุ่มใหม่ โอ้ พวกเขาควรถูกเรียกว่าชาวเมืองกลุ่มใหม่
ทาส 50,000 คนจากอาณาจักรเหล็กได้มาถึงแล้ว
เขาโบกมือและกำจัดสถานะของพวกเขาในฐานะอาชญากรและทาส เขาอนุญาตให้พวกเขาเป็นพลเรือน พวกเขากลายเป็นผู้อยู่อาศัยในเขตใหม่ อย่างไรก็ตาม เขตใหม่นี้ถูกแยกออกเป็นสองพื้นที่คือเขตเอลฟ์และเขตมนุษย์
เขตแห่งใหม่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เมื่อชาวเรือนพักผ่อน พวกเขาชอบมายังเมืองและเดินไปรอบ ๆ
แน่นอนว่าเหรียญทองและสินค้าที่เหลือก็ถูกส่งมาด้วย
อาณาจักรเหล็กยังส่งกองทัพและทาสนับพันมาสร้างป้อมปราการทางทหารอีกด้วย
เมื่อวานวิลเลียมได้ส่งสัญญาณเวทย์ไปยังออกัสตินเพื่อขอ ‘ค่าคุ้มครอง’ ของเดือนนี้ ซึ่งหมายความว่าวิลเลียมจะส่งกองกำลังไปโจมตีมนุษย์เงือกและมนุษย์หมาป่าให้ พวกเขาจะปกป้องพันธมิตรของพวกเขาและป้องกันไม่ให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ และด้วยเหตุนี้พวกเขามีเหตุผลในการเรียกค่าคุ้มครองชดเชยความช่วยเหลือ
วิลเลียมยังกล่าวอีกด้วยว่าหากเขาไม่ส่งกองกำลังป้องออกไป อาณาจักรเหล็กจะต้องเสียหายอย่างแสนสาหัสเป็นแน่…
สรุปแล้วในทุกๆเดือนพวกเขาก็ต้องจ่ายทั้ง 10,000 เหรียญทอง ธัญพืข 50,000 กิโลกรัม และทาส 2,000 คน
หลังจากที่พวกเขาได้รับสารจากวิลเลียม ออกัสตินและโกธี นาซิส ต่างสาปแช่งเขาไม่หยุด
โดยเฉพาะโกธีที่สาปแช่งบรรพบุรุษเขาถึง 18 รุ่นไปหลายครั้งเลยทีเดียว
พวกเขาตำหนิว่าวิลเลียมนั้นเป็นคนโลภมากที่น่ารังเกียจ
แต่พวกเขาก็ต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนโลภอย่างวิลเลียม พวกเขาก็แค่ต้องเลี้ยงเขาให้ดีเสียก่อน แต่ไม่นานหรอก พวกเขาจะเอากำไรและเมืองคืนมาทั้งหมด ในขณะเดียวกัน เมืองรุ่งอรุณก็จะตกอยู่ในกำมือของพวกเขาอีกด้วย นี่คือผลประโยชน์ที่แท้จริงของพวกเขา
นี่เป็นวิธีที่พวกเขาจัดการกับชนชั้นสูงบางคนในที่ลับ
พวกเขาจำเป็นต้องอดทน จะได้ไม่เกิดการสูญเสีย!
ดังนั้น
อาณาจักรเหล็กจึงจ่ายค่าคุ้มครองเดือนนี้ให้กับเมืองรุ่งอรุณอย่างโดยดี
วิลเลียมมายังกระท่อมพยากรณ์ลึกลับอีกครั้ง โมเสสกำลังกอดจูบแมวของตนเองเช่นเคย เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา สีหน้าของโมเสสก็ยังคงเป็นธรรมชาติ
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเกิน 500 แต้มไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้พูดคุยกันมากนัก มีคำกล่าวไว้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกผู้ชายนั้นร้อนแรงดั่งสุรา นี่เหมาะสำหรับนักดื่มแอลกอฮอล์อย่างพวกเขา
มันชัดเจนมาก
วิลเลียมค้นพบหนึ่งในความสนใจของโมเสสแล้ว
เพื่อความแม่นยำว่าเขาได้ทราบถึงความสนใจของโมเสสแล้ว อย่างไรก็ตามค่าความสัมพันธ์และเลเวลของเขายังไม่สูงมากพอ เขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะดื่มกับโมเสส
แต่ตอนนี้ค่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นเกิน 500 มาแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้ดื่มเสียที
“ทาสเยอะเกินไปแล้ว! ท่านไม่กลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นในเมืองงั้นหรือ?” โมเสสอยากรู้
วิลเลียมโบกมือของเขาอย่างเมินเฉย “ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมน่า”
โมเสสดื่มสุราในจอกเดียว เขาไม่ได้พูดอะไรอีก
เขายังอยากรู้ว่าวิลเลียมจะพัฒนาเมืองรุ่งอรุณไปได้ไกลเท่าไหร่
หากอัตราการพัฒนาในปัจจุบันถูกนำมาพิจารณา เมืองแห่งรุ่งอรุณนั้นมีศักยภาพมากมาย แต่ความคืบในการพัฒนาหน้าเร็วมากเกินไป อาจเป็นอันตรายได้ มันจะเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นเป้าหมาย...
โมเสสลูบคาง “เขายังเด็กเกินไป แต่ถ้าเมืองนี้กำลังเผชิญกับการถูกกวาดล้างและผู้คนกำลังถูกฆ่าตาย ฉันควรช่วยเขาดีหรือไม่? แต่ฉันก็มีความรู้สึกที่ดีต่อเพื่อนคนนี้ เขามีศักยภาพบางอย่าง บางทีเขาอาจจะช่วยฉันได้ในอนาคต”