ตอนที่ 5 คำโกหกหรือไม่?
ตอนที่ 5 คำโกหกหรือไม่?
ประโยคนี้คงเพียงพอแล้วที่จะทำให้ห้องโถงนี้ตกอยู่ในความหายนะ
ผู้คนที่เฉยชาตอนมองดูเด็กชายถูกทารุนกลับลุกขึ้นยืนอย่างตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ นายพลหลิวเป็นคนแรกที่สั่นไหวกับข่าวที่รุนแรงนี้
"อะไรนะ!?" เขาผงะและรีบปล่อยมือจากเด็กชายผู้นั้นทันที เขารีบวิ่งไปทางเย่มู่จนลืมสวมกางเกง "เจ้าบอกว่าองค์จักรพรรดิประชวรงั้นรึ?! อย่าพูดอะไรพล่อย ๆ เช่นนี้!"
เย่มู่จ้องไปที่ใบหน้าของเขา โชคดีที่เสื้อของเขายาวมากพอที่จะปกปิดอวัยวะชายด้านล่าง มิเช่นนั้นถ้าหากเย่มู่เห็นนางคงต้องรีบวิ่งไปล้างตาเป็นแน่!
นางขมัดคิ้วแล้วหันไปมองเย่ลีที่อุ้มนางอยู่แล้วพูดว่า "ท่านพ่อปล่อยข้าลงก่อนได้หรือไม่?"
ในตอนนั้นเองเย่ลีก็ได้สติอีกครั้ง และเขาก็ปล่อยเย่มู่ลงอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ข้ารับใช้สาวของนางรอรับเอาไว้ทัน นางจึงมิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
"ข้าถามว่าเจ้าได้ข่าวนี้มาจากที่ใด!?"
นายพลหลิวพลักข้ารับใช้ของเย่มู่ออกอย่างไม่สบอารมณ์นัก ชายตัวอ้วนคนนี้กำแขนและโน้มหน้าเข้ามาใกล้เย่มู่ด้วยความหวาดกลัว
ตรรกะง่าย ๆ นี้สามารถบอกได้เลยว่าเขากำลังทุกข์ร้อนใจ ที่จริงแล้วเขาคือบุรุษชุดแดงข้างกายองค์จักรพรรดิ (เหมือนคนรับใช้ในวังหลวง*ขันที) มีเพียงจักรพรรดิเท่านั้นที่เขาไม่สามารถนิสัยร้ายกาจใส่ได้ ดังนั้นถ้าหากจักรพรรดิสิ้นพระชนม์ชะตากรรมชีวิตของเขาคงจะน่าสังเวชยิ่งนัก! ถึงแม้ว่าเย่มู่จะเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ ทว่าเขาก็กังวลมากเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น
ชายชุดแดงมักจะโด่งดังในหมู่คนปกติ ที่จริงแล้วสีแดงมีความหมายว่าความบันเทิงและการถ้ำมอง
ดวงตาสีทองแดงของเย่ลีจ้องมองเย่มู่อย่างหนัก เขายังพยายามถามเพื่อเอาคำตอบอย่างดุเดือด "หนูน้อยมู่! เจ้าไปเอาข่าวนี้มาจากไหน?! ถ้าเจ้าโกหกละก็เตรียมไปเป็นอาหารเสือได้เลย!"
ชายอีกหลายคนได้มายืนล้อมรอบและจ้องมองนางด้วยเช่นกัน พวกเขาเห็นว่าเย่มู่อายุเพียงห้าหรือหกขวบดังนั้นเด็กตัวเล็ก ๆ คงจะไม่กล้าพูดเรื่องโกหกเช่นนี้...
เย่มู่ที่โดนผู้คนล้อมรอบได้ถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าวแสร้งทำท่าทีว่าหวาดกลัว ทว่านางกลับพูดเสียงแข็งและดังฟังชัดว่า "เมื่อครู่... ข้านั่งเล่นอยู่ในห้องนอนและจู่ ๆ ก็มีชายชุดดำเดินเข้ามาปิดปากข้าจากด้านหลังแล้วพูด 'ตอนนี้จักรพรรดิทรงพระประชวรหนักมาก!' และเขาก็รีบวิ่งหนีหายตัวไปในกีบเมฆ! เรื่องที่ข้ารับรู้มานี้ค่อนข้างเร่งด่วน ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้ามาแจ้งให้พวกท่านทราบ... ท่านพ่ออย่ากล่าวโทษข้าเลย!"
ชายทั้งหลายที่ยืนล้อมนางอยู่ก็ได้ทำหน้าตาตกตะลึงและสงสัยมากขึ้น! โดยทั่วไปแล้วเมื่อจักรพรรดิทรงพระประชวรผู้คนและเจ้าหน้าที่ในวังหลวงจะซ่อนเรื่องราวเช่นนี้มิให้ผู้คนภายนอกวังหลวงรับรู้เป็นอันขาด! ชายสวมชุดดำคนนี้รู้ข่าวการประชวรได้อย่างไร?
ขันทีหลิวรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ตอนนี้ข้าขอพิจารณาคำพูดของเจ้าเอาไว้ก่อน... เดี๋ยวข้าจะส่งคนเข้าไปสอดแนม ได้เรื่องยังไงเราค่อยมาตัดสินกัน!"
ขันทีหลิวมองตรงไปยังเย่ลีด้วยสายตาเศร้าโศกและพูดออกมาว่า "ถ้าหากสิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริงละก็... เจ้าก็จะช่วยชีวิตข้าได้!"
แต่ถ้าข่าวนี้เป็นเรื่องเท็จละก็... ถึงเขาจะไม่เคยล่วงละเมิดสาว ๆ แต่เขาก็คงไม่รังเกียจที่จะลองชิมสักครั้ง!
ในดวงตาของเขามีแววตามุ่งร้ายอยู่ไม่น้อย จากนั้นเขาก็รีบเดินออกไปอย่างเร่งรีบพร้อมสีหน้าสงบนิ่ง ผู้คนในห้องโถงนี้ก็ต่างรู้สึกวิตกกังวลกับเรื่องนี้เช่นกัน เหตุผลหลัก ๆ ที่พวกเขาเป็นกังวลก็เพราะพวกเขาเชื่อว่าเด็กสาวอย่างเย่มู่พูดแต่ความจริงและไม่กล้าโกหก แขกทั้งหมดเดินออกจากห้องโถงด้วยท่าทีนิ่งเฉยผสมกระวนกระวายใจ โดยเหลือเพียงเย่ลีที่มีสีหน้าหมองหม่น
"ข้าถามเจ้าจริง ๆ ชายชุดดำคนนั้นบอกเรื่องนี้กับเจ้าคนเดียวจริงหรือ? เขาสูงประมาณเท่าไหร่? เจ้าเห็นใบหน้าหรือรูปลักษณ์ของเขาหรือไม่?"
เย่มู่ส่ายหัวและพูดอย่างเขินอายว่า "ข้ากลัวมาก... ทำไมข้าถึงได้รับความสนใจมากมายเช่นนี้? ท่านพ่อ ผู้รักษาประตูของบ้านเราตายไปแล้วหรืออย่างไร ทำไมถึงได้มีคนแอบเข้ามาง่ายดายเช่นนี้ ถึงแม้วันนี้จะมีแขกมากหน้าหลายตาเข้ามาที่บ้าน ทว่าก็ไม่ควรมีใครแอบบุกเข้าไปในห้องของเด็กสาวไร้ทางสู้อย่างข้าได้ ถ้าหากมันมาฆ่าข้าเล่าจะทำเช่นไร!?"
เย่ลีมองเห็นใบหน้าที่ตื่นตระหนกของนางนั่นเลยทำให้จิตใจของเขาสับสนงุนงงเล็กน้อย ในใจของเขายังรู้สึกขัดแย้งกันอยู่เล็กน้อย ซึ่งเขาก็ไม่เชื่อว่าเด็กสาวอายุน้อยเช่นนี้จะโกหกได้ แต่ท้ายที่สุด... ทุกสิ่งทุกอย่างจะกระจ่างหากขันทีหลิวสืบเรื่ององค์จักรพรรดิมาได้! และอีกทั้งคนเหล่านั้นล้วนมีอำนาจมากมาย... หากเขาถูกรอบฆ่าเล่าจะทำเช่นไร!?
ดังนั้นเย่ลีจึงไม่สามารถปฎิเสธคำพูดของนางได้ และทำเพียงส่งนางกลับห้องของตนเท่านั้น ทันทีที่ออกจากห้องเขาเรียนคนใช้และคนสนิทของเขาประชุมในทันที โดยปล่อยให้ทาสทั้งหลายจัดการห้องโถงนั้น
เมื่อเห็นเย่ลีเดินห่างออกไป... เย่มู่ก็ได้แต่ลูบหน้าอกของตนด้วยความโล่งใจ...