ตอนที่ 16 ค่าชดเชยของแผนการ
ฉากที่เขาเห็นในตอนที่เคลื่อนย้ายมาก็คือเอลน่ากำลังต่อสู้กับศัตรูที่ดูเหมือนกับแวมไพร์สองคน
สำหรับฉากนี้, เขาไม่ได้ประหลาดใจอะไร
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือว่าฟีเน่อยู่ใกล้ๆด้วย
เธอกำลังแหงนหน้าอยู่ตลอดในขณะที่วิ่งขึ้นหอนาฬิกา
จากนั้นในตอนที่เธอเห็นเอลน่าปัดขลุ่ยออกจากมือของหนึ่งในแวมไพร์ได้, เธอก็ยื่นมือออกมาแล้วรับมันเอาไว้
ในตอนที่เขาเห็นแบบนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
เพื่อให้ดิ่งลงมาด้วยความเร็วสูงสุด, เขาจึงใช้เวทมนตร์มากที่เท่าจะทำได้เพื่อลงไปให้ฟีเน่เหมือนกับลูกอุกกาบาต
แวมไพร์ที่ทำขลุ่ยตกนั้นได้ทำลายหอนาฬิกาทิ้งแล้วฟีเน่ก็กระเด็นตกลงมา
ในตอนนั้น, ฟีเน่ไม่ได้ยื่นมือไปหาเอลน่าแต่โยนขลุ่ยไปให้เธอแทน
สีหน้าของเธอในตอนที่กำลังร่วงนั้นดูพึงพอใจ ซึ่งเขาเกลียดสีหน้าแบบนั้นดังนั้นเขาจึงเร่งความเร็วขึ้นอีก
“นังเด็กนี่!!”
แวมไพร์ปล่อยกระสุนเวทมนตร์ใส่เธอ
ในตอนที่ฟีเน่กำลังจะโดนนั้นเอง, เขาก็กันมันเอาไว้ได้แล้วกอดเธอกลางอากาศ
พอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเธอ, เขาก็โล่งอก เขาทำได้ เขามาช่วยเธอได้ทันเวลา
นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นตระหนกที่สุดที่เขาเคยประสบมาในช่วงนี้เลยก็ว่าได้
และ.....เขาก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้มานานมากแล้ว
“หนอย....แกสามารถยกเลิกกระสุนเวทมนตร์ของข้าได้, นี่แกเป็นใครกันแน่.......? บอกชื่อมาซะ!!”
“.....นักผจญภัยภายใต้สังกัดกิลด์สาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ, นักผจญภัยแรงค์ SS, ซิลเวอร์....ข้ามาที่นี่เพื่อเอาชนะเจ้า”
ความโกรธแฝงอยู่ในน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังของเขา
นี่คือคำปฏิญาณ เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ศัตรูหนีไปได้
“ทะ, ท่านซิลเวอร์....!?”
“....อย่าฝืนตัวเองสิ”
“ข้าขอโทษจริงๆค่ะ....ข้าจะไม่ทำเรื่องสิ้นคิดแบบนี้อีกแล้—....”
“....เอาไว้ค่อยคุยกันที่หลัง แต่เอาเถอะ....ทำได้ดีมาก ที่เหลือเดี๋ยวข้าจัดการเอง”
ในตอนที่เขาลูบหัวของเธออย่างอ่อนโยน, แก้มของฟีเน่ก็ถูกย้อมด้วยสีแดง
เขาพาฟีเน่ที่กำลังเขินอยู่ไปส่งที่พื้นและเงยหน้ามองแวมไพร์ที่อยู่บนฟ้า
ในหมู่พวกแวมไพร์, มีแค่สองคนเท่านั้นที่จะวางแผนการชั่วร้ายใหญ่ระดับนี้ได้
แวมไพร์นอกรีดที่กิลด์ตั้งค่าหัวเอาไว้ ค่าหัวระดับคลาส S, พี่น้องแซมกับดีน
“ท่านซิลเวอร์! โชคดีนะคะ.....”
“อา, ไว้ใจได้เลย”
หลังจากที่ตอบเธอ, เขาก็บินขึ้นไปบนฟ้าในทันที
ทั้งแซมและดีนต่างก็จ้องมาที่เขาด้วยความระมัดระวัง
เอาเถอะ, มันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเงื่อนไขในการได้เป็นนักผจญภัยแรงค์ SS ก็คือการเอาชนะมอนส์เตอร์คลาส S หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ, เขาเคยเอาชนะสิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาหรือแข็งแกร่งกว่ามาแล้ว
“ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่านักผจญภัยแรงค์ SS จะโผล่มาที่นี่....ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ”
“หนอย! มีตัวปัญหามาเพิ่มอีกคนแล้ว! แกหน่ะ!!, อย่ามาขัดขวางแผนการของท่านพี่นะ”
คนตัวเล็กกว่าที่ตะโกนออกมาคนเป็นน้องชายที่ชื่อแซมสินะ
พูดอีกนัยนึงก็คือ, คนที่แข็งกว่านั้นก็คือพี่ชาย
“ข้าเองก็ประหลาดใจเหมือนกันแหล่ะ ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะกลับตัวกลับใจตั้งแต่ตอนที่กิลด์ตั้งค่าหัวแล้วนะ ถึงยังไงถ้าพวกเจ้าก่อเรื่องขึ้นมานักผจญภัยแรงค์ SS ก็คงจะมาไล่ล่าพวกเจ้าอยู่แล้ว สงสัยคงเหนื่อยกับการใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวแล้วสินะ?”
“อย่ามาทำเป็นเล่นกับพวกข้านะ! พวกข้าก็แค่รู้จักระวังตัวเฉยๆ!”
“แต่ดูเหมือนความอดทนของเจ้าจะหมดแล้วนะ กองกำลังรักษาการณ์กับอัศวินจะจัดการกับพวกมอนส์เตอร์, และในเมื่อข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว, แผนการของพวกเจ้าก็คงจะจบสิ้นแล้วหล่ะ”
“เหอะ! คิดว่าตัวเองชนะแล้วรึไง? ถึงเจ้าจะชิงขลุ่ยไปได้แต่มันจะทำไมหล่ะ? มอนส์เตอร์ยังคงอาละวาดอยู่, ถ้าพวกข้าเอาชนะเจ้ากับยัยผู้กล้าได้มันก็จะเป็นชัยชนะของเรา”
พวกนี้คิดอะไรอยู่เนี่ย
พวกมันอยากจะสู้กับเราแล้วก็เอลน่าพร้อมกันหรอ?
ช่างน่าประหลาดจริงๆ, เขาเหลือบมองเอลน่า เธอมีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย
“เจ้ากำลังดูถูกข้าสินะ ขนาดพวกนั้นร่วมมือกันยังรับมือกับข้าไม่ค่อยไหวเลย”
“เจ้าต่างหากหล่ะที่กำลังดูถูกพวกข้า! พวกข้ายังไม่ได้เอาจริงเลย!”
“ถ้างั้นก็มาเลย! ข้าจะทำลายพวกเจ้าด้วยชื่อของแอมส์เบิร์ก!”
“ไม่, เอลน่า ฟ็อน แอมส์เบิร์ก ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังเครื่องติดอยู่แต่คนที่จะโค่นพวกมันคือข้าต่างหาก”
เขาพูดในขณะที่มองเอลน่าที่กำลังตั้งท่าดาบด้วยความเยือกเย็น
พอได้ยินแบบนั้น, เอลน่าก็หันมาหาเขา
เธอขมวดคิ้วและสีหน้าของเธอก็กำลังบอกว่าเธอไม่เชื่อเขา นี่มันไม่ใช่สีหน้าที่เหมาะกับเด็กผู้หญิงอีกแล้ว
“ซิลเวอร์หรอ? ข้าไม่รู้หรอกนะว่าหูของเจ้ามีอะไรผิดปกติรึเปล่าแต่ข้ารู้สึกเหมือนเจ้าบอกว่าเจ้าอยากจะขโมยเหยื่อของข้าใช่ไหม?”
“ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าพูดแบบนั้น หูของเจ้านั่นแหล่ะมั้งที่ผิดปกติ ถ้าเจ้าเป็นอัศวินก็ไปคุ้มกันองค์จักรพรรดิสิ เดี๋ยวข้ารับมือกับศัตรูเอง”
“นี่เจ้า! ความหมายมันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ! เจ้าต่างหากหล่ะที่ควรจะถอยไป! ข้าสู้กับพวกมันก่อนนะ!”
“ตอนนี้รอบตัวจักรพรรดิไม่ปลอดภัยไม่ใช่รึไง?”
“มันเป็นคำสั่งจากองค์จักพรรดิ! และข้าก็ไม่สามารถยกโทษให้พวกมันได้! พวกมันพูดคำที่ข้าเกลียดที่สุดออกมา! ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะจัดการพวกมันด้วยตัวเอง.....ถอยไปซะไม่อย่างนั้นข้าจะจัดการเจ้าด้วย”
น่ากลัวชะมัด
นี่มันเครื่องติดสุดๆเลยไม่ใช่หรอ พวกนั้นพูดอะไรกับเธอเนี่ย? จริงๆเลย
คิดว่าให้ตามไปช่วยลีโอจะดีกว่าแท้ๆ
“หา! ว่างมากสินะ ผู้กล้ากับนักผจญภัยแรงค์ SS อยู่ด้วยกันมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ? ไม่เข้าใจรึไงว่าสถานการณ์จะได้ดีขึ้นแล้วจะได้สูสีกันด้วย?”
“สูสีหรอ? ฝั่งเจ้าด้อยกว่าเห็นๆเลยไม่ใช่รึไง”
“ซิลเวอร์ เจ้าไม่รู้สถานการณ์ข้างล่างเลยหรอ? รู้ไหมแม้กระทั่งตอนนี้จักรพรรดิอาจจะถูกจัดการไปแล้วก็ได้? การที่ผู้กล้าตรงนั้นมาสู้กับพวกเรามันก็ช่วยไม่ได้หรอก แกไม่ไปช่วยเขาแทนหล่ะ? ถ้าแกเป็นนักผจญภัยของจักรวรรดิ, จักรพรรดิจะต้องให้ความสำคัญกับอย่างแน่นอนถูกไหม?”
ข้างล่างนั้นกำลังเสียเปรียบอยู่จริงๆ
การให้หนึ่งในพวกเขาลงไปช่วยข้างล่างคงจะเป็นการดีกว่า ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้หล่ะก็นะ
อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะเข้าใจผิดใหญ่แล้ว
“ข้าไม่ได้เป็นคนของจักรวรรดิ ข้าเป็นคนของกิลด์ นักผจญภัยจะทำงานเพื่อปกป้องผู้คนทั่วทวีปนี้แต่พวกเราไม่ได้ถูกบังคับให้ปกป้องประเทศชาติ ถึงยังไงพวกเราก็ไม่ได้รับเงินจากประเทศอยู่แล้ว พูดตามตรง, มันไม่สำคัญกับข้าหรอกต่อให้ชีวิตของจักรพรรดิต้องมาจบลงที่นี่ก็ตาม”
“อะไรนะ?”
“ถ้าเจ้าไม่อยากให้เขาตายเจ้าก็ต้องให้คนอื่นไปปกป้องเขา ข้ามาที่นี่เพื่อปกป้องเมืองนี้และชาวเมือง, ไม่ใช่ผู้มีสิทธิพิเศษ ข้าปกป้องผู้คนของประเทศนี้ไม่ใช่ตัวประเทศ มันต้องมีพวกที่ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่เสียเงินภาษีหรือพวกที่ทำสัญญาเพื่อให้ได้ตำแหน่งบางอย่างในประเทศนี้ไม่ใช่รึไง การปกป้องจักรวรรดิมันเป็นหน้าที่ของพวกราชวงศ์และอัศวินของพวกเขาต่างหาก ถ้าพวกเขาไม่ทำหน้าที่ตอนนี้การมีอยู่ของพวกเขาก็คงไม่มีค่าอะไรหรอก นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่มีวันทำงานแบบนั้นให้พวกเขา”
“งานของพวกเขาหรอ?”
ดีนดูเหมือนจะสงสัยกับคำพูดของเขา
และเหมือนกับเพื่อตอบคำถามของเขา, พวกเขาก็ปรากฎตัวขึ้นในทันที
ที่ทางใต้ของเคียร์
มีเสียงเท้าย่ำพื้นดังมาจากอีกฝั่งนึงของฝูงมอนส์เตอร์ เหมือนกับเสียงฟ้าผ่า, เสียงนั้นค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์ก็ปรากฎตัวขึ้น
“นั่นมัน....!?”
“อัศวินทั้งหลาย! ข้า, เจ้าชายลำดับ 8 ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์ ขอออกคำสั่ง! จงปกป้องเคียร์ให้ได้! เดินหน้า!!”
พอพูดจบ, ลีโอก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับอัศวินนับพันคน
มอนส์เตอร์ไม่สามารถตอบสนองกับการปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันของอัศวินได้
แซมกับดีนพยายามจะเข้าไปหยุดพวกเขาแต่ก็ถูกซิลเวอร์กับเอลน่าเข้ามาขวางข้างหน้า
“ซิลเวอร์, เอาแบบนี้เป็นไง ข้าจะยกไอ้หมอนั่นให้เจ้า, ส่วนหมอนี่ข้าจัดการเอง”
“ก็ดูเป็นข้อตกลงที่ดีนะ เอาแบบนั้นก็ได้”
พอพวกเขาตกลงเรื่องเป้าหมายกันได้แล้ว, พวกเขาก็เตรียมตัวต่อสู้
ข้างใต้นั้น, อัศวินที่ลีโอพามาได้โหมกระหน่ำใส่มอนส์เตอร์เหมือนเกลียวคลื่น พวกมอนส์เตอร์ที่ระส่ำระส่ายมองไม่เห็นอะไรนอกจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันไม่มีทางเลยที่พวกมันจะตอบสนองได้ในตอนที่เจอโจมตีจากด้านข้าง
เอาเถอะ, หลังจากผ่านไปซักพักพวกมันก็คงจะมองว่ากำลังเสริมเป็นภัยคุกคามและทำการสวนกลับ แต่ตอนนี้น่าจะยังไม่เป็นอะไรหรอก
ในระหว่างนี้, มาจัดการไอ้เจ้านี่ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า
ตอนนี้การปกป้องเคียร์ได้มาถึงฉากสุดท้ายแล้ว
“หนอย! ไอ้พวกมนุษย์โสโครก!!”
ดีนปล่อยกระสุนเวทมนตร์ออกมานับไม่ถ้วนในขณะที่เคลื่อนไหวไปรอบๆแต่เขาก็ไล่ตามดีนไปในขณะที่คอยสกัดกั้นเวทมนตร์ไปด้วย
ตอนนี้ท้องฟ้าสว่างไสวเหมือนกับมีการจุดพลุ
ดีนดูเหมือนจะหงุดหงิดกับสถานการณ์ในตอนนี้
ดูเหมือนพวกนี้จะไม่ได้เอาจริงในตอนที่ต่อสู้กับเอลน่าเหมือนอย่างที่พูดไว้สินะ ตอนนี้พลังของมันเพิ่มขึ้นมาเยอะจริงๆ บางทีมันน่าจะเก็บพลังเอาไว้สำหรับตอนนี้แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกแล้วก็เลยหันมาสู้จริงจัง
ดีนเข้ามาหาเขาด้วยเขี้ยวอันคมกริบซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแวมไพร์
ดีนคงมองแล้วว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ และก็เป็นดังคาด, เขาใช้การต่อสู้ประชิดตัว
“ชิ!”
ซิลเวอร์เดาะลิ้นในขณะที่ใช้เวทมนตร์เพื่อขัดขวางดีนแต่เขาก็หลบมันได้อย่างสวยงาม
เขากำลังคิดว่าจะทิ้งระยะห่างแต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น, ดีนก็ต่อยเข้ามาที่ท้องของเขา
“อุ้ก!”
“หืม! เป็นอะไรไป!? นักผจญภัยแรงค์ SS!”
“หุบปากไปซะ!”
ดีนหลบเวทมนตร์ที่เขายิงสวนแล้ววนอ้อมหลังเขา
นี่มันไม่ดีแล้วไง เขาใช้เวทมนตร์ปกป้องร่างกายของตัวเอง
ในตอนนั้นเองดีนก็ผสานมือเข้าด้วยกันแล้วทุ่มใส่เขา
ความรู้สึกจากแรงกระแทกนั้นเหมือนกับเขาโดนค้อนทุบ, และเขาก็รู้สึกได้ถึงผลกระทบจากร่างกายของเขาในตอนที่ชนเข้ากับถนนในเมือง
“เจ็บชะมัด! อย่ามาทำอะไรตามใจชอบนะ.....”
“อะไรกัน? นี่เจ้าสู้ข้าตอนเอาจริงไม่ได้หรอเนี่ย?”
“มัวทำอะไรอยู่!? จริงๆแล้วเจ้าคงไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนักใช่ไหม!? หรือว่าเจ้าออมมืออยู่? คงยังออมมืออยู่สินะ!! เจ้าคิดว่าที่ทำอยู่มันเท่รึไง? พูดตรงๆมันโคตรเห่ยเลย!”
ถูกศัตรูดูถูก, แถมพรรคพวกของเขายังมาทำหน้าเหมือนเยาะเย้ยอีก
เอาจริงๆ, การเป็นนักผจญภัยนี่มันไม่ง่ายเลย
อย่างไรก็ตาม, ถ้าแค่ประมาณนี้ยังพอทนได้อยู่
เพื่อน้องชายคนสำคัญและอัศวินที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพื่อเขา เพื่อเหล่าทหารที่จะเพิกเฉยหรือหนีไปก็ได้แต่กลับเลือกที่จะยืนหยัดต่อสู้
และเพื่อผู้คนในเมืองนี้
ถ้ามันเพื่อพวกเขา ความเจ็บปวดระดับนี้มันยังทำให้รู้สึกคันไม่ได้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม, อารมณ์ของเขามันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน
“เห้อ! ข้ามันโง่จริงๆที่หลงกลัวคนอย่างเจ้าแล้วหลบซ่อนตัวอยู่ตั้งนาน! สุดท้ายแล้วเจ้ามันก็แค่มนุษย์หล่ะนะ!”
“แสดงว่าพวกแกซ่อนตัวอยู่จริงๆสินะ ดูเหมือนว่าถึงจะเป็นแวมไพร์ก็ตกต่ำเป็นเหมือนกันนะเนี่ย”
พอพูดจบ, เขาก็ลุกขึ้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มันไม่มีแผลบนร่างของเขาเลย แน่นอนว่า, ไม่มีความเสียหายด้วย
ดีนรู้สึกประหลาดใจกับภาพนี้แต่เขาก็สังเกตุเห็นความผิดปกติรอบๆในทันที
“เหวออ!! แขนข้า!! ขะ, แขน?”
“เจ็บ! เจ็บ....หรอ? มันฟื้นฟูแล้ว?”
ไม่ใช่แค่กองกำลังรักษาการณ์ที่กำแพงของเคียร์เท่านั้นแต่ยังรวมถึงอัศวินที่ลีโอพามาโจมตีฝูงมอนส์เตอร์ด้วย, ตั้งแต่ตอนที่เขาปรากฎตัวขึ้นมานั้นก็ไม่มีใครตายเลย
ถ้ามีใครได้รับบาดเจ็บ, คนๆนั้นก็จะได้รับการฟื้นฟูในทันที
“หนอยแหน่ะแก.....!? อย่าบอกนะว่า, แกต่อสู้ในขณะที่สร้างบาเรียรักษาไปด้วย!?”
“ถูกแค่ครึ่งเดียวนะ”
สิ่งที่เขาร่ายนั้นไม่ใช่แค่บาเรียรักษา
ในตอนที่เขามาถึง, เขาก็สร้างบาเรียรักษาขึ้นมาและเริ่มต่อสู้ในขณะที่คงสภาพของบาเรียนั้นพร้อมกับเตรียมเวทมนตร์อีกเวทย์นึงด้วย
และตอนนี้การเตรียมเวทย์ที่ว่านั้นก็สำเร็จแล้ว
“ข้าต่อสู้พร้อมกับร่ายเวทย์บาเรียสองแบบ แต่ก็เอาเถอะ, อีกบาเรียนึงมันพึ่งสำเร็จหล่ะนะ”
ในตอนนั้นเอง,
วงเวทย์ขนาดยักษ์ก็ปรากฎขึ้นจากทั้งเมืองของเคียร์ จากวงเวทย์นั้นมีโซ่นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาแล้วมัดดีนกับแซมเอาไว้
“เหวอ!? นี่มัน!!”
“บ้าชะมัด! ปล่อยข้าไปนะ!!”
“พวกแกทำลายไม่ได้หรอก โซ่พวกนี้สร้างขึ้นจากเวทย์คำสาปโบราณ คนที่ถูกโซ่นี้จับได้จะถูกสาปให้อ่อนแอลง เอาหล่ะ....พวกแกเตรียมใจพร้อมรึยังหล่ะ?”
ตอนที่เรากำลังยุ่งอยู่กับการสร้างบาเรีย, ก็อัดเรามาซะเยอะเลยนะ
ตอนนี้มันถึงเวลาลงโทษแล้ว