USB:บทที่ 1 ฮวงเฟิงกับกล่องปริศนา
USB:บทที่ 1 ฮวงเฟิงกับกล่องปริศนา
ณ บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในมณฑลเจียง วันนี้คลาคล่ำไปด้วยนักศึกษาทุกชั้นปี เนื่องจากทางมหาวิทยาลัย มีการจัดกิจกรรมขึ้นภายในวันนี้
"รุ่นพี่ พัดลมตัวนี้ราคาเท่าไหร่ครับ?" มีเสียงของรุ่นน้องดังขึ้น พลางถามราคาของพัดลมที่ตั้งอยู่หน้าแผงขายสินค้า ภายในมหาวิทยาลัย เมื่อเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็น
รุ่นน้องอายุประมาณยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปี กำลังนั่งยอง ๆ อยู่หน้าแผงขายสินค้า ภายในมหาวิทยาลัย รุ่นน้องคนนั้น ยื่นมือมาจับพัดลมตั้งโต๊ะ สีขาว ตัวเล็ก ๆ ขึ้นมา เพื่อสำรวจ ร่องรอยตำหนิ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนี้ว่าครบถ้วนหรือไม่? ก่อนที่จะ ตัดสินใจเอ่ยถามราคากับ เจ้าของแผงขายสินค้า ซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับเขา
มหาวิทยาลัยนี้ มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า เจียงต้า ชื่อเต็มๆ คือ มหาวิทยาลัยประจำมณฑลเจียง เป็นมหาวิทยาลัยที่ครอบคลุมทุกแขนงวิชา เหมาะสำหรับนักศึกษาใหม่ ที่ต้องการเข้าเรียนต่อ เนื่องจากที่นี่ มีสาขาวิชาให้เลือกอย่างหลายหลาก และขึ้นชื่อว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด
และในมณฑลเจียงนั้น ยังมีเมืองหนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่า เมืองชิง ที่มีขนาดพื้นที่ที่กว้างขวาง และใหญ่โตที่สุด อีกทั้งที่นี่ ก็ยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดอีกด้วย ดังนั้นมหาวิทยาลัยเจียงต้า จึงเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองชิง และแม้แต่ในระดับประเทศ มหาวิทยาลัยประจำมณฑลเจียง ก็ถือว่าเป็น มหาวิทยาลัยที่ติดอันดับแถวหน้าอย่างต่อเนื่องทุกปี
ในวันนี้ภายในมหาวิทยาลัยเจียงต้าแห่งนี้ มีการจัดงานแสดงสินค้าขนาดเล็ก ผู้เข้าร่วมกิจกรรมพบผู้ประกอบการ ต่างก็เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงต้าซะส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลของการรับปริญญา และนักศึกษารุ่นพี่ปีสี่ กำลังจะออกจากรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อเริ่มทำงาน และมีสิ่งของหลายๆ อย่างที่พวกเขาไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป จึงนำมาขายต่อให้กับรุ่นน้องให้ราคาย่อมเยา คนส่วนมากที่มาซื้อ ก็เป็นรุ่นน้องนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย และเนื่องจากสินค้าราคาไม่แพง ทุกคนจึงไม่มีปัญหาเรื่องราคา ดังนั้นงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นภายในวันนี้ จึงแลดูคึกคักมากเป็นพิเศษ
งานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ถูกจัดขึ้นที่ อาคารจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุด ของมหาวิทยาลัย และคนที่เพิ่งถามราคาพัดลมไปเมื่อครู่นี้ ก็หยุดอยู่ที่แผงนี้อยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกสนใจพัดลมตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหน้าของเขา
อย่างไรก็ตาม คนขายที่อยู่ตรงหน้าเขา ที่มีลักษณะอ้วน ๆ เขาไม่ได้ตอบคำถามของรุ่นน้องตรงหน้า แต่กลับมองรุ่นน้องผู้ตั้งคำถามด้วยสีหน้างง ๆ และอ้าปากพูดว่า "นายเรียนอยู่ชั้นปีอะไร ทำไมฉันถึงไม่คุ้นหน้าเลยล่ะ"
รุ่นน้องตอบคำถามอย่างใจเย็นว่า "ผมเรียนอยู่ ชั้นปีที่สอง ผมอายุยี่สิบปี ดูแก่นิดหน่อย สำหรับ นักศึกษาปีสอง"
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายอ้วน เอ่ยพูดขึ้นว่า "นายถามราคาของพัดลมตัวนี้เหรอ?" ชายอ้วนพึมพำว่า นายจะแก่กว่า หรืออ่อนกว่า มันก็เรื่องของนาย ชายอ้วนคิดในใจ และไม่ได้ท้วงติงอะไร ทำไมเขาจะต้องมาใส่ใจอะไรด้วยล่ะ.. ว่าใครจะอายุเท่าไร?
เขามาที่นี่เพื่อขายของ ไม่ใช่มาสอบประวัติใครซะหน่อย จากนั้น ชายอ้วนเอ่ยขึ้นเบาๆ เล่าถึงที่มาที่ไปของพัดลมของเขาว่า
"ฉันซื้อพัดลมตัวนี้ เมื่อปีที่แล้ว นายน่าจะเห็นได้ชัดว่า มันไม่ได้ถูกใช้งานอย่างสมบุกสมบัน และสภาพยังดี เหมือนเป็นสินค้ามือหนึ่งอีกต่างหาก เห็นว่าเราอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ฉันจะขายให้ถูก ๆ"
ชายอ้วนนนั้น เป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้าย และกำลังจะย้ายออกจากมหาวิทยาลัย เขากำลังเตรียมที่ จะย้ายไปทำงานที่เมืองโม่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถนำสิ่งของติดตัวไปได้มากมายนัก เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องความคล่องตัว
ด้านหน้าแผงขายของชายอ้วน นอกเหนือจากพัดลมแล้ว ยังมีไม้แขวนเสื้อ อ่างล้างหน้า รองเท้า และสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ
หลังจากนั้น ชายอ้วนเริ่มครุ่นคิดราคา และตกลงขายพัดลมนี้ที่ 20 หยวน หลังจากบอกราคากับรุ่นน้อง ที่หน้าร้านของเขา จากนั้นเกิดขึ้นร้องขึ้นมา อย่างตกใจ
“ราคายี่สิบหยวน?” รุ่นพี่ ราคามันแพงเกินไปหรือเปล่า? ถึงผมจะไปซื้อใหม่ มันก็ราคามันก็ไม่เกิน 25 หยวนเท่านั้น แล้วพัดลมตัวนี้ รุ่นพี่ก็ใช้งานมันมาก่อนตั้งนาน ดูสิ ยังมีรอยแตก อยู่ตรงนี้ด้วย!
รุ่นน้องที่ต้องการซื้อพัดลมนั้น ไม่พอใจกับราคาที่ ชายอ้วนตั้งมา
เมื่อชายอ้วน ได้ยินคำพูดของรุ่นน้อง เขาก็แทบจะกระอักเลือด นี่ฉันจะต้องลดราคาเท่าไร.... นายถึงจะพอใจ? นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ? นอกจากนี้แล้ว รอยแตกที่นายบอก มองด้วยตาเปล่าแทบจะไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ!
เนื่องจากราคาแพงเกินไป และไม่สามารถตกลงกันได้ ดังนั้น พวกเขาทั้งสองคนเลยมา ทำการตกลงราคากันใหม่ อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า ชายอ้วนรุ่นพี่ปีสี่นั้น ไม่มีประสบการณ์ ในด้านการต่อรองราคา หลังจากถูกรุ่นน้องตื๊ออยู่สักพัก
เขาก็ตกลงที่จะขายพัดลมในราคาแปดหยวน จากยี่สิบหยวน ด้วยความไร้สติ เมื่อเขาหันมามองอีกครั้ง พบว่า พัดลมตัวนั้น ไปอยู่ในมือของรุ่นน้องแล้ว
รุ่นพี่นั้น ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากที่จะโต้เถียงอะไรอีกต่อไป และต่างคนก็เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมาเถียงกันเรื่องแค่ ไม่กี่สิบหยวน
หลังจากการสนทนาจบลงไปแล้ว รุ่นน้องคนนั้น เขาไม่ได้จ่ายเงินทันที หรือเดินออกจากร้าน แต่รุ่นน้องคนนั้น ยังคงมองจับจ้องไปที่สินค้าภายในร้าน ของรุ่นพี่ต่อไป ดังนั้นภายใต้ความหงุดหงิดของรุ่นพี่ ที่ยืนรอเขาเลือกสินค้าชิ้นต่อไป
ไม่นานนัก รุ่นน้องจึงซื้อของในแผงขายสินค้าของเขามากกว่าครึ่ง และทุกอย่างรวมกันแล้ว มีราคาไม่ถึงห้าสิบหยวน แม้ว่าเขาจะใช้สิ่งของพวกนี้ไปแล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกขาดทุนยับเยินกับการซื้อขายในครั้งนี้
รุ่นน้องคนนั้น ทำราวกับว่า ตัวเขานั้นมองไม่เห็น รุ่นพี่อ้วน ๆที่กำลังจะร้องไห้แบบไร้น้ำตา แต่จู่ ๆ เขาพูดว่า "รุ่นพี่ ฉันซื้อของตั้งเยอะแยะ พี่ไม่คิดจะให้ของแถมผมหน่อยเหรอ?"
เมื่อรุ่นพี่ได้ยิน รุ่นน้องของเขาพูดแบบนั้น เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ฉันขาดทุนที่ขายของพวกนี้ ให้นายไปแล้ว นายยังจะมาถามหา ของแถมอีกเหรอ?” ถ้าไม่มี ผู้คนมากมายที่อยู่บริเวณนี้ รุ่นพี่คนนั้น คงอยากจะตะโกนออกมาดัง ๆ
เขาไม่คิดว่า รุ่นน้องเบื้องหน้าเขา จะเก่งเรื่องการหลอกล่อและต่อรองได้เก่งขนาดนี้ ถ้าไม่ติดที่ว่า พวกเขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกัน เขาคงขอคืนสินค้าทั้งหมด และไม่ขายมันซะ จะดีกว่า
"โถ่...รุ่นพี่ อย่ามาคิดเล็กคิดน้อยเลย.... พวกเรามาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน แล้วรุ่นพี่คิดว่า... จะเอาของพวกนี้ไปทำอะไร? หลังจากที่รุ่นพี่ ย้ายออกไปแล้ว ให้ผมช่วยเอาของพวกนี้ไปจัดการให้รุ่นพี่เถอะ? " ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม
เพราะพวกเราทุกคนมาจากที่เดียวกัน ให้ของแถมเล็ก ๆ น้อยเถอะนะ "เด็กหนุ่ม กล่าวกับรุ่นพี่ ด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ บนใบหน้าของเขา
“ถ้าฉันคิดเล็กคิดน้อยจริง ๆ ฉันไล่นายออกจากร้านไปแล้ว” รุ่นพี่รู้สึกว่า เส้นเลือดของเขาเดือดปุด ๆ คนที่ชวนทะเลาะทั้งหมดทั้งมวล เห็นได้ชัดว่าเป็นอีกฝ่าย ดูเหมือนตัวเขา ที่เป็นรุ่นพี่จะยินยอมตลอด
"รุ่นพี่ จริง ๆ แล้ว ของที่ผมซื้อ จากร้านของรุ่นพี่ มันเป็นเงินจำนวนมาก นี่ผมช่วยให้ธุรกิจของรุ่นพี่คึกคักนะ ขอของแถมเถอะนะ รุ่นพี่ ' ชายคนนี้ตื๊อกับรุ่นพี่ของเขา โดยไม่ยอมแพ้
“เอาล่ะ เอาล่ะ.. ก็ได้ อยากได้อะไรก็เอาไป จากนั้นก็รีบ ออกไปจากร้านของฉัน ฉันคงต้องอึดอัดใจตายแน่นอน ถ้านายยังขืนอยู่ที่นี่อีก” เห็นได้ชัดว่า ชายอ้วน หวาดกลัวรุ่นน้อง ที่อยู่ตรงหน้าเขา ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งของที่เหลืออยู่นั้น แทบไม่มีค่าอะไรเลย เมื่อได้ยินดังนั้น รุ่นน้องรุ่นน้อง พูดขึ้นด้วยความดีใจว่า
"ผมรู้อยู่แล้วว่า รุ่นพี่เป็นคนจิตใจดี และดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ถ้าอย่างนั้น ผมไม่เอาอะไรเพิ่มแล้วล่ะ" แค่สิ่งเล็ก ๆ น้อยเท่านี้ ก็น่าจะพอแล้ว รุ่นน้องพึมพำกับตนเอง และก้าวไปหยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมา
สายตาของเขาจับจ้องไปกล่องที่ใช้สำหรับเก็บของอยู่นานแล้ว เขาไม่คิดว่า กล่องเก็บของนั้น จะมีเวทมนตร์หรือพลังพิเศษอะไร
มันเป็นแค่กล่องเก็บของธรรมดาๆ เป็นเพราะรุ่นน้องนั้น ซื้อของมามากมาย และคิดว่า ถ้าได้กล่องนี้ไปใส่ของที่ซื้อมา น่าจะเหมาะที่สุด
"ให้ตายเถอะ นายหมายถึง 'สิ่งเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้านี้น่ะเหรอ'? ชายอ้วนรู้สึกผิดคาดไป เนื่องจาก รุ่นน้องขอ กล่องใบนึงที่ใช้เก็บของไปก็เท่านั้น
“เอาล่ะ เรื่องเล็กน้อย จริง ๆ รุ่นพี่บอกแล้ว ว่าจะให้ผมเลือกของน่ะ ห้ามคืนคำนะ” รุ่นน้องมองไปที่รุ่นพี่อย่างใจเย็น ราวกับว่าเขากลัวว่ารุ่นพี่จะไม่ยอมกล่องใบนี้ให้เขา เพื่อใช้ใส่ของ
“นายทำหน้าแบบนี้... หมายความว่ายังไง?” "เอาล่ะ รับกล่องนี่ไป" รุ่นพี่เอ่ยขึ้น เดิมทีกล่องเก็บของใบนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะขาย แต่เนื่องจากมันใหญ่ไปหน่อย จึงใช้พื้นที่มาก และยิ่งไปกว่านั้นด้านข้างของมัน ก็เผยอออกเล็กน้อย
จึงไม่มีใครเข้ามา ถามราคา
“ขอบคุณมากครับ รุ่นพี่” รุ่นน้องรีบเก็บของที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ ใส่ลงในกล่องเก็บของ และจ่ายเงิน จากนั้นเขาก็ถือกล่องเก็บของ และจากไปทันที ราวกับว่าเขากลัวว่า รุ่นพี่จะไล่ตามเขา เพื่อของของคืน
“เฮ้.... ทำไมเขาถึงเดินออกจากมหาวิทยาลัยล่ะ? เขาจะแบกของพวกนี้ไปไหน” รุ่นพี่ มองตามรุ่นน้องที่กำลังเดินออกนอกมหาวิทยาลัย จากนั้น เขากลับมาครุ่นคิด