ตอนที่ 65 จุดเริ่มต้น
ตอนที่ 65 จุดเริ่มต้น
หลังจากการต่อสู้จบลง ทวิสเต็ดเลือกที่จะฟื้นคืนชีพที่หมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ห่างจากเมืองอัลคาเดีย หมู่บ้านที่เขาได้พบกับเจสเปอร์ก่อนที่จะแอบติดตามไปยังขุนเขา Greengeo Mountain เขานั่งหลบมุมอยู่ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งเงียบๆ แม้จะมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเอาไว้แต่หากใครที่ผ่านไปผ่านมาได้พบเห็นคงพอรู้ว่าผู้เล่นคนนี้กำลังมีอารมณ์เช่นไร
อาหารและเครื่องดื่มอย่างดีที่ช่วยในการักษาพลังชีวิตและค่าความเหนื่อยยังคงตั้งอยู่บนโต๊ะ แต่ไร้ซึ่งวีแววที่ทวิสเต็ดจะกินพวกมันเข้าไป หลายชั่วโมงผ่านไปชายหนุ่มก็ยังคงอยู่ในท่าทางเช่นเดิม
แต่ใครจะรู้ท่าทางที่นิ่งสงบที่ภายนอกแสดงออกมา ภายในกำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง จิตสำนึกบางอย่างบอกให้ตนปฏิเสธ แต่ก็เหมือนมีบางอย่างที่ค่อยบอกให้ตนเดินหน้าต่อไป แต่จะให้เดินไปทางไหน?
ในเวลานี้ตนได้ขัดแย้งกับกิลด์ Blood Commander ที่เป็นเสมือนกิลด์มหาอำนาจแห่งอาณาจักรกรีนเวต้า ที่มีสมาชิกอยู่เต็มไปหมดทั่วทุกมุมเมืองเข้าให้แล้ว ถ้าหากไม่อยากให้ตัวเองถูกไล่ล่าต่อไปอีกคงมีแต่ต้อง ‘เริ่มต้นใหม่’
“อ้าว!! นายยังไม่กลับเข้าเมืองอีกหรอ นั่งด้วยคนสิที่อื่นเต็มหมดแล้ว”
เสียงที่คุ้นเคยก้าวเข้ามานั่งในด้านตรงข้ามกับชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว สภาพชุดและร่างกายของเจ้าของเสียงพูดเมื่อครู่ เต็มไปด้วยเศษดินเศษโคลนเปรอะเปื้อนอยู่ทุกที่บนร่างกาย แต่นั่นไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มที่มองมายังทวิสเต็ดได้เลย
เจสเปอร์เมื่อออกจากขุนเขาก็มุ่งหน้ากลับเมืองโดยทันที โดยแวะพักที่หมู่บ้านเดิมที่เคยแวะมาเมื่อตอนขาออกเดินทางและเขาก็ได้พบกับทวิสเต็ดนักฆ่ากำลังนั่งเซื่องซึมอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง คนเดียวในมุมร้านเลยถือวิสาสะร่วมโต๊ะอาหารไปด้วยเลย เป็นอย่างทุกครั้งที่ทวิสเต็ดยังคงเงียบและไม่พูดคุยกับใคร แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของนักฆ่า ทำให้เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสอบถามเรื่องราว
“ฉันเห็นนายทำหน้าเคร่งเครียด มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“...”
คงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้นักฆ่าคนนี้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเหมือนคนทั่วไป ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะไม่พูด เจสเปอร์ก็ไม่ได้กดดันทวิสเต็ดมากไปกกว่านี้
“ฉัน...เล่าให้นายฟังได้หรอ?”
“แน่นอน ฉันกับนายก็ไม่ถือว่าเป็นคนอื่นไกลอะไร นายมีปัญหาอะไรก็เล่ามาเถอะเก็บเอาไว้จะมีแต่ทำให้นายอึดอัด”
เหมือนความมืดที่เกาะกุมในหัวใจได้มลายหายไป ถึงที่สุดแล้วทวิสเต็ดที่ไม่มีหนทางให้เลือกเดินอีกต่อไป ตัดสินใจรวบรวมความกล้าเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เจสเปอร์ได้รับฟัง โดยตลอดการพูดคุยเจสเปอร์ฟังเรื่องราวของทวิสเต็ดด้วยความตั้งใจ ขอเพียงให้ชายตรงหน้าได้ระบายเรื่องที่เก็บสะสมไว้ในใจออกมาแม้มันจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อแค่ไหนก็ตาม เขาก็ยินดีที่จะรับฟัง
“ถือเป็นเรื่องดีสำหรับฉันที่นายเลิกที่จะไล่ตามฆ่าฉันสักที ส่วนเรื่องที่นายจะเริ่มต้นใหม่ฉันเองไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้”
“...”
“นายลองฟังเหตุผลฉันดูก่อนคอยตัดสินใจ แม้ว่านายจะแข็งแกร่งเพียงใดแต่มันก็มีข้อจำกัดที่ผู้เล่นเดียวไม่สามารถทำได้อยู่อีกมาก เกม The Era Online เป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีทางที่ผู้เล่นเพียงคนเดียวจะสามารถเอามือปิดทั้งแผ่นฟ้าได้ นายเองก็เช่นกัน”
เจสเปอร์จงใจเว้นระยะคำพูดเพื่อดูท่าทางการแสดงออกของทวิสเต็ดสักเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ
“ข้อจำกัดที่ว่านั้นฉันว่าตัวนายเองคงสัมผัสมันได้ไม่มากก็น้อยจากการต่อสู้ที่ผ่านมา”
ทวิสเต็ดไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เจสเปอร์พูดมาได้เลยแม้แต่น้อย เพราะการปะทะกับกิลด์ Blood Commander ได้แสดงข้อจำกัดออกได้อย่างชัดเจน ผู้เล่นกิลด์บางคนอาจไม่ได้มีฝีมือแข็งแกร่ง แต่ช่องว่างแจะจุดอ่อนก็ถูกเติมเต็มด้วยผู้เล่นอีกคนที่อยู่ข้าง เขาเองก็มั่นใจว่าการต่อสู้ในครั้งนั้นหากตนมีเพื่อนและคนอื่นคอยช่วยเหลือ เขาคงจะจัดการผู้เล่นเหล่านั้นได้ทั้งหมด
แต่ใครกันล่ะที่จะต้อนรับตนที่เป็นผู้เล่นประวัติดำมืดเช่นนี้แล้วใครจะกล้ารับตนที่ถูกล่าสังหารจากิลด์ Blood Commander ที่เป็นเสมือนมหาอำนาจแห่งอาณาจักรนี้
“หากนายยินดี Rising Sun ของฉันก็พร้อมต้อนรับเสมอ เพียงแต่ฉันมีบางอย่างที่จะบอกกับนายก่อนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์ฉัน ว่ายังไงตกลงไหม”
เจสเปอร์ตัดสินใจยื่นข้อเสนอชวนทวิสเต็ดให้เขาสู่กิลด์ของเขาไปแล้ว มันคือสิ่งที่เขาคิดมาสักพักแล้วที่จะลองชวน นักฆ่าคนนี้ มาเป็นส่วนหนึ่ง เรื่องฝีมือและทักษะไม่ต้องพูดถึง มีเพียงอย่างเดียวที่นักฆ่าคนนี้ยังบกพร่องคือการเข้าสังคมและการหัดเชื่อใจผู้อื่น ไม่รู้ว่าอดีตของชายคนนี้จะพบเจออะไรมา แต่มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินต่อและลืมอดีตที่เลวร้ายนั้นทิ้งไป ดังเช่นที่เจสเปอร์ลืมอดีตที่บอบช้ำของตัวเองแล้วลองเปิดใจก้าวเดินต่อไป
ทวิสเต็ดยังคงไม่ได้ให้คำตอบกับเจสเปอร์ไปในทันที แต่เขาขอเลือกที่จะรับฟังบางอย่างที่เจสเปอร์บอกก่อนเพื่อนำมาตัดสินใจ
“จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์คือความเชื่อใจ”
นี้คือสิ่งที่เจสเปอร์พูดเอาไว้และทำการเพิ่มเพื่อนเขาลงในรายชื่อก่อนที่จะลุกเดินออกไปจากนอกร้านทิ้งให้ทวิสเต็ดอยู่กับหน้าที่คำขอเพิ่มเป็นเพื่อนค้างอยู่แบบนั้น มันเป็นเพียงแค่ 2 ตัวเลือกที่ดูเหมือนจะง่าย [ยืนยัน/ยกเลิก] แต่มันยากมากๆสำหรับชายที่จมอยู่กับอดีตและปิดตัวจากสังคมมานานหลายปีเช่นเขา
‘จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์คือความเชื่อใจยังงั้นหรือ? ฉันคนนี้จะกล้ามากพอที่จะเปิดใจเชื่อใจใครได้อีกครั้งได้หรือเปล่า’
ทวิสเต็ดตัดสินใจอยู่นานก่อนที่จะเลือก ‘ยืนยัน’
ทันทีเมื่อการตอบรับคำขอเป็นเพื่อนถูกตอบรับ เจสเปอร์ก็ส่งพิกัดและจุดนัดพบให้กับทวิสเต็ดโดยทันที มันคือที่ๆกิลด์ Rising Sun กำลังรอต้อนรับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะได้พบเจอในอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึงนั้นเอง
เจสเปอร์ไม่ได้รู้ล่วงหน้าเรื่องนี้เสียทีเดียว เขาแค่สันนิฐานเอาเองว่าการยื่นคำชวนไปในช่วงเวลานี้จะมีโอกาสที่จะได้รับการตกลงมากกว่าปฏิเสธ เพราะทวิสเต็ดเองกำลังบอบช้ำจากการถูกไล่ล่าสังหารจากกิลด์ที่มีอำนาจแล้วการที่ถูกเขาสั่งสอนอยู่หลายครั้ง น่าจะทำให้อัตตาที่มีอยู่ในตัวลดลงไปได้หลายส่วน
“เปิดมันออกแล้วสินะ ประตูที่นายปิดกั้นไว้” เจสเปอร์พึมพำด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะรีบมุ่งหน้ากลับเมืองอัลคาเดียอย่างรวดเร็ว โดยมีทวิสเต็ดตามหลังอยู่ห่างๆ
เมื่อกลับเข้าเมืองอัลคาเดียเจสเปอร์ไม่รีรอที่จะมุ่งหน้าไปยังสมาคมช่างตีเหล็กเป็นอันดับแรก สมาชิกคนอื่นๆในกิลด์ต่างมารอกันอยู่ที่นี้ทั้งหมดแล้ว เพราะก่อนที่เจสเปอร์จะแยกออกไปตามหาแร่ Green Gemstone เขาได้ฝากงานที่สำคัญให้กับคนอื่นให้ช่วยกันทำที่สมาคมช่างตีเหล็กแห่งนี้
ทันทีที่เขาได้มาถึงซันนี่ก็ได้พาเจสเปอร์เข้าไปในโรงตีเหล็กขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ NPC คราซ่าและคนอื่นๆช่วยกันปรับเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้ตรงกับความต้องการของเจสเปอร์ โดยในโรงตีเหล็กแห่งนี้อนุญาตให้เฉพาะสมาชิกกิลด์ Rising Sun เท่านั้นถึงจะเข้าได้
เจสเปอร์เดินตรงไปยังใจกลางโรงตีเหล็กแห่งนี้ ด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับวางแร่อัญมณี Green Gemstone สีเขียวมรกตลงไปบนแท่น ทันทีที่แร่ถูกวางลงบรรยากาศภายในห้องก็พลันอบอุ่นขึ้น พลังจากแร่ถูกส่งเขาไปในเตาหลอมพร้อมกับเปลี่ยนสีของเปลวไฟให้เป็นสีเขียวเจิดจ้า
“คราซ่าลองตีอาวุธสักหนึ่งชิ้นดูสิ” เจสเปอร์ต้องการเห็นผลลัพธ์จากแร่ที่เขาต้องฝ่าฟันมาด้วยตาของตัวเอง
‘ก้องแก้ง เป้งๆ’
คราซ่าพยักหน้ารับก่อนที่จะเริ่มลงมือด้วยความชำนาญ เหล็กที่หลอมละลายด้วยเปลวไฟสีเขียวกำลังขึ้นรูปเป็นทรงดาบตามแม่พิมพ์ แม้การอยู่หน้าเตาหลอมเป็นเวลานานๆจะรู้สึกร้อนอยู่บางแต่ความตื่นเต้นที่ทุกคนแสดงออกมานั่น ทำให้ลืมเลือนความร้อนนี้เสียสนิท
คราซ่าทุบค้อนลงไปในใบดาบให้พวกมันอัดแน่นแข็งแรง ขั้นตอนนี้ถูกทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่นานเกือบชั่วโมงตามกรรมวิถีการสร้างอาวุธ จนในที่สุดดาบที่ถูกการลับคมเป็นขั้นตอนสุดท้ายก็ได้มาอยู่ในมือของเจสเปอร์ คราซ่าและหัวหน้าช่างตีเหล็กสมิธเองก็เข้ามารุมล้อมดาบที่อยู่ในมืออย่างตื่นเต้น
“นะ...นี้มันดาบอะไรเนี่ย?” ข้าไม่ได้ฝันไปหรอกใช่ไหม? ทำไมดาบเล่มนี้ถึงมีคุณสมบัติพิเศษเช่นนี้ นี้มันเพียงแค่วัตถุดิบทั่วไปเองไม่ใช่หรอกหรือ
“คราซ่าเจ้าไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั่นใช่ไหม”
หัวหน้าช่างตีเหล็กสมิธตื่นตะลึงไปแล้ว คนอื่นต่างเข้ามารุมล้อมขอดูดาบเล่มนี้กันอย่างครึกครื้น
[ดาบทั่วไป:ขาว]
[พลังโจมตี : 45-75]
[สถานะ : พละกำลัง+ 5 ความว่องไว+ 5 อัตราคริติคอล5% โจมตีมอนสเตอร์ประเภทสัตว์แรงขึ้น+30]
[รายละเอียด: ดาบที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างรีบร้อนแต่มันได้รับพลังบางอย่างจากเปลวไฟที่หลอมมันขึ้นมาทำให้ มันมีอนุภาพที่มีลักษณะแตกต่างจากดาบทั่วไปเล่มอื่นๆ]
“อัตราคริติคอล5% โจมตีมอนสเตอร์ประเภทสัตว์แรงขึ้น+30 นี้มันยังใช้ดาบธรรมดาอยู่อีกยังงั้นหรือ” อามมี่ที่ได้เห็นก็ต้องสะดุงตามช่างตีเหล็กสมิธไปด้วยเช่นกัน
แม้แต่เจสเปอร์ก็ยังมองค่าสถานะพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาด้วยความตื่นตะลึงเช่นเดียวกัน คงจะมีแต่คราซ่าคนเดียวเท่านั้นถึงจะสร้างดาบพิเศษเช่นนี้ขึ้นมาได้ ด้วยสถานะเติบโตระดับตำนานบวกด้วยพลังจากแร่ Green Gemstone ทำให้แผนการของเจสเปอร์ถือว่าสำเร็จไปได้ด้วยดีชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“เอาล่ะ คราซ่านี้คือแบบแปลนของพวกเจ้าและวัตถุดิบ ต่อจากนี้อาวุธและชุดเกราะที่พวกเจ้าผลิตก่อนที่จะถูกวางขาย ให้ผ่านมือของ ซันนี่ เพื่อประเมินราคาก่อนทุกครั้ง เข้าใจไหม”
NPC ช่างตีเหล็กอีกหลายคนพยักหน้ารับ พร้อมกับมองเจสเปอร์ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาชายที่เคยช่วยชีวิตพวกตนบัดนี้กำลังเติบโตขึ้นอีกก้าวแล้ว
สมาชิกกิลด์ Rising Sun เองต่างก็มีความสุขกับผลลัพธ์ที่ได้ แม้พวกเขาจะเหนื่อยจากการฝึกซ้อมและหาวัสดุในการดัดแปลงโรงตีเหล็กแห่งนี้มากแค่ไหน คงไม่ได้เท่าครึ่งของเจสเปอร์ที่ออกไปค้นหาแร่ที่มีค่าเช่นนี้ด้วยตัวคนเดียว
“ความสุขเอาไว้ที่หลัง มีสมาชิกใหม่อีกหนึ่งคนที่ฉันจะพามาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก แต่....เอ่อ คนที่ฉันพามาค่อนข้างแปลกไปสักหน่อย...เอาเป็นว่าพวกนายไปเจอเองจะดีกว่า”
ทวิสเต็ดได้มารอสมาชิกคนอื่นๆที่หน้าทางเข้าโรงตีเหล็กที่อยู่ด้านนอกมาสักระยะหนึ่งแล้วแต่เมื่อจะเข้าไปด้านในกับถูก NPC ขัดขวางเอาไว้ โดยอธิบายว่านี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของกิลด์ Rising Sun
กิลด์ Rising Sun ไม่ใช่แค่มีฝีมือในการต่อสู้และพิชิตดันเจี้ยนอย่างนั้นหรอกหรอ ความลับของพวกนายมีมากขนาดไหนกัน ถึงทำให้ NPC พวกนี้ยอมเชื่อฟังถึงขนาดนี้ ยิ่งคิดทวิสเต็ดก็ยิ่งอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
‘ฮ่าฮ่า’
เสียงหัวเราะที่ดังออกมาจากภายใน ทำให้ส่วนหนึ่งของจิตใจทวิสเต็ดสั่นกลัว
‘ตนจะถูกกลั่นแกล้งอีกไหม? ตนจะได้รับการยอมรับจากคนอื่นหรือไม่? ตนมาทำอะไรที่นี้’
ในที่สุดแล้วชายหนุ่มก็เลือกที่จะหนี เขากำลังจะหันหลังเพื่อเตรียมตัวจากไป ทว่ามีมือหนึ่งมาแตะบนไหล่ของตนพร้อมกับโอบพาตนเดินไปทางกลุ่มคนที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า
“ตราบใดที่นายสู้เพื่อฉัน ฉันเองก็จะอยู่ข้างนายเอง ฉันสัญญา” เจสเปอร์พูดคำพูดสุดท้ายเพื่อให้กำลังใจทวิสเต็ดที่กำลังหวาดกลัวจากโรคต่อต้านสังคมให้รู้สึกดีขึ้น
ทวิสเต็ดออกเดินช้าๆโดยมีมือของเจสเปอร์ช่วยประคอง มีผู้หญิงและผู้ชายจำนวนมากยืนรอต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ทุกคนเข้ามาพูดคุยพร้อมกับแนะนำตัวเอง แต่หัวสมองของตนขาวโพรนไปหมดแล้ว เขาจำใครไม่ได้เลย เขาได้แต่พยักหน้าตอบรับ เขารู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นลม แต่ยังดีที่มีอีกมือหนึ่งคอยประคองเขาอยู่ตลอด มือของชายที่เปลี่ยนแปลงเขาให้กล้าออกมาเผชิญโลกภายนอกและสอนให้เขาเชื่อใจคนอื่นอีกสักครั้ง
ทุกคนพาเขาไปนั่งและทานอาหารร่วมกัน นี้คงเป็นการทานอาหารกับคนอื่นครั้งแรกในรอบหลายปี ถึงแม้จะเป็นโลก The Era Online ก็ตาม ความรู้สึกของการเป็นที่ยอมรับ ทำให้รอยยิ้มของทวิสเต็ดปรากฏขึ้นออกมาเป็นครั้งแรก
ทุกคนต่างร่วมยินดีที่ในตอนนี้พวกเขาได้มีสมาชิกใหม่เข้ากิลด์ ถึงคนที่เข้ามาใหม่จะไม่ค่อยพูดก็ตามทีพวกเขาทั้งหมดก็พร้อมจะต้อนรับด้วยความยินดี
“เอาล่ะในเมื่อทุกคนรู้จักกันทั้งหมดแล้ว พวกเราออกไปยืดเส้นยืดสายในดันเจี้ยนกันสักหน่อยไหม ถือเป็นของขวัญต้อนรับสมาชิกใหม่เอายังงี้ First Clear กันอีกสักรอบให้คนอื่นแตกตื่นเล่นก็แล้วกัน” เจสเปอร์ที่พูดออกมาเล่น แต่สุดท้ายทุกคนต่างก็เฮโลไปตามๆกัน โดยเฉพาะ ริคเตอร์ที่รอคอยพิชิต First Clear มาอย่างยาวนานตั้งแต่เข้าร่วมกิลด์ Rising Sun
...โปรดติดตามตอนต่อไป...