บทที่ 237 ข้าจะ...เจ้า 2 (1)
บทที่ 237 ข้าจะ...เจ้า 2
หุบเขาแห่งความตายทำหน้าที่แบ่งกั้นทั้งสองอาณาจักรเอาไว้ ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งในการทำศึกด้วยยุทธวิธีทางราบเพียงใด ถ้าพวกเขาไม่สามารถข้ามฝั่งมาได้ความแข็งแกร่งที่มีก็ถือเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ อันที่จริงนักเวทย์ของฝ่ายอาณาจักรเบร็คมีข้อได้เปรียบมากกว่าเพราะพวกเขาสามารถใช้พลังเวทย์โจมตีจากระยะไกลได้
พวกเขาอาจมีทหารเป็นจำนวนมากแต่ถ้าไม่สามารถข้ามฝั่งเข้ามาได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไร
“…นายน้อยคาร์ล นั่นคือสิ่งที่ข้าอยากจะถามท่านเช่นกัน สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
โรสลินรอคาร์ลมาจนถึงตอนนี้ เธอกำลังรอให้คาร์ลแจ้งข้อมูลที่ได้มาจากโคลเปย์แต่เมื่อได้ยินคำถามจากคาร์ลเมื่อครู่นี้ทำให้เธอรู้ว่าคาร์ลไม่ได้ข้อมูลใดๆจากโคลเปย์เช่นกัน
“ราอนกำลังป่วย”
สีหน้าของโรสลินเปลี่ยนไปทันที เธอหยิบอุปกรณ์เวทย์สื่อสารออกมาและยื่นมันไปให้กับคาร์ล
“ท่านจะให้ข้าเชื่อมต่อสัญญาณไปที่ใด?”
“องค์รัชทายาทอัลเบิร์ก”
โรสลินไม่ได้พูดอะไรต่อเมื่อเธอเริ่มร่ายพลังเวทย์เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณให้กับอุปกรณ์เวทย์สื่อสารอย่างไรก็ตามเธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
ปี๊บ!!!!! ปี๊บ!!!!! ปี๊บ!!!!!
อุปกรณ์เวทย์สื่อสารในมือของคาร์ลกำลังส่องแสงสีแดงขึ้นมา โรสลินจึงจัดการรับสัญญาณให้กับเขาทันที
[“คาร์ล”]
“ถวายบังคมพะยะค่ะองค์ชาย...เขาบอกอะไรบ้างพะยะค่ะ?”
นอกจากคาร์ลแล้วอัลเบิร์กเป็นเพียงคนเดียวที่โคลเปย์สามารถติดต่อไปหาได้ อัลเบิร์กเป็นคนเดียวที่รู้ว่าคาร์ลกำลังวางแผนจะทำอะไรและคอยจัดการธุระต่างๆให้ตามความเหมาะสม
คาร์ลมั่นใจว่าโคลเปย์จะแจ้งข้อมูลของศัตรูผ่านทางอัลเบิร์กหากไม่สามารถติดต่อเขาได้
เขากำลังรอฟังคำตอบจากอัลเบิร์ก
ทันใดนั้นเอง
“ท่านผู้บัญชาการ!..ทหารของข้าศึกกำลังขยับถอยหลังขอรับ!”
หนึ่งในอัศวินตะโกนบอกโรสลินซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คาร์ลมองเห็นทหารของศัตรูเดินถอยหลังกลับไปอย่างเป็นระเบียบ
ทหารจำนวนมากต่างขยับตัวพร้อมเพรียงกัน
บู้ม!!!บู้ม!!!บู้ม!!!
พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน ในขณะเดียวกันก็ปรากฏช่องทางขนาดใหญ่เมื่อทหารของศัตรูพากันแหวกตัวออก
เสียงของอัลเบิร์กลอดเข้ามาในหูของคาร์ลในจังหวะนั้นพอดี
[“อาจเป็นเพราะได้แรงบันดาลใจจากโครงกระดูกบินได้ของหมอผีเมื่อครั้งที่ทำศึกกับพวกเจ้าในอาณาเขตเฮนิตัส..พวกเขาจึงได้สร้างปีกขึ้นมา”]
อัลเบิร์กพูดด้วยความเร่งรีบ
คาร์ลมองเห็นสมาชิกของเผ่าหมีเดินออกมาจากช่องทางที่ทหารเพิ่งเปิดทางให้
[“การที่ไม่มีโคลเปย์อยู่ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมไวย์เวิร์นทั้งหมดได้ พวกเขาจึงจัดการฆ่าพวกมันทั้งหมด จากนั้นคนแคระไฟได้ใช้กระดูกของไวย์เวิร์นและหินมนตราสร้างปีกขึ้นมา โครงกระดูกหนึ่งชิ้นสามารถสร้างปีกได้หลายปีก”]
บู้ม!!!บู้ม!!!บู้ม!!!
แผ่นดินสั่นสะเทือนทุกครั้งที่เผ่าหมีก้าวเดิน
พวกเขาเป็นสัตว์อสูรที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งในลำดับต้นๆและมีจำนวนสมาชิกในเผ่ามากที่สุด
สมาชิกของเผ่าหมีมีปีกขนาดใหญ่ติดอยู่บนไหล่ทั้งสองข้าง
มันเป็นปีกขนาดใหญ่ที่เลียนแบบมาจากปีกไวย์เวิร์น ร่างกำยำของสมาชิกจากเผ่าหมีที่กลายร่างเป็นที่เรียบร้อยสามารถแบกปีกขนาดใหญ่ไว้บนร่างของพวกมันได้ นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของพวกมัน
โรสลินเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ
“พวกมันมีจำนวนเท่าไหร่เพคะ?”
เธอมองไปยังอีกฝั่งของหน้าผาที่เริ่มมีสมาชิกจากเผ่าหมีปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆ
[“ประมาณ 1,000”]
‘1,000’
นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ มีศัตรูอย่างน้อย 1,000 ตัวที่สามารถบินในอากาศได้
[“ในจำนวน 1,000 นี้ไม่ได้มีเพียงเผ่าหมีเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเผ่าคนแคระไฟอีกด้วย”]
คาร์ลมองไปยังร่างเล็กๆแต่กำยำของคนแคระไฟ บนไหล่ของพวกเขามีปีกขนาดเล็กติดอยู่ทั้งสองข้าง
นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามในครั้งนี้ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เผ่าคนแคระไฟได้ปรากฏตัวขึ้นมา
พวกเขามีรูปร่างแคระแกร็นแต่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ในมือก็ถืออาวุธที่ดูร้ายกาจเอาไว้ คนแคระเป็นชนเผ่าที่รู้จักกันทั่วไปว่ามีความแข็งแกร่งทางร่างกายเป็นอย่างมาก
โรสลินมองดูพวกเขาพร้อมขมับที่เต้นตุบๆไปด้วยความเครียด
‘ปีกพวกนั้นจะถูกเปิดใช้งานด้วยวิธีใด? ถ้าพวกเขาใช้หินมนตราก็แสดงว่ามีการใช้พลังเวทย์? แล้วพวกเขาไม่กลัวว่านักเวทย์ของอาณาจักรเบร็คจะจู่โจมพวกเขาเมื่อเหาะอยู่กลางอากาศหรอกรึ?’
ทันใดนั้นก็มีคำถามอีกอย่างโผล่เข้ามาในหัวของเธอ
‘…แล้วทหารพวกนั้นล่ะ? จะข้ามฝั่งมาได้อย่างไร?’
ในไม่ช้าคาร์ลและอัลเบิร์กก็เป็นคนไขความกระจ่างให้กับเธอ
“ไม่ได้มีแค่นี้ใช่มั้ยพะยะค่ะ?”
[“ใช่..ยังมีอีกอย่าง”]
อัลเบิร์กตอบคาร์ลกลับทันที
เอี๊ยดดดดดดด!!!!ครืดดดดดดดด!!!!!
พวกเขาได้ยินเสียงเหมือนเครื่องจักรบางอย่าง มันฟังดูคล้ายกับล้อหนักๆกำลังบดไปตามพื้นดิน
“ท่านผบ.! อัศวินก็กำลังขยับถอยหลังเช่นกันขอรับ!”
ตอนนี้อัศวินของข้าศึกก็กำลังขยับถอยหลังเช่นกัน ศัตรูเรือนหมื่นขยับเคลื่อนไหวกันอย่างพร้อมเพรียง มีสิ่งของขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงช่องว่างระหว่างอัศวินและทหาร
[“พวกเขากำลังจะสร้างสะพาน”]
สิ่งที่สามารถเชื่อมหุบเขาทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกันและสามารถสัญจรข้ามไปยังสถานที่ต่างๆของอีกฝั่งหนึ่งได้ คนแคระไฟประกาศว่าพวกตนกำลังจะสร้างสะพานบนหุบเขาแห่งนี้
จนกว่าจะติดตั้งสะพานเป็นที่เรียบร้อย ศัตรูที่มีปีกติดอยู่บนไหล่ถึง 1,000 ชีวิตจะต่อสู้เพื่อทำการถ่วงเวลาเอาไว้
ศัตรูทั้ง 1,000 ชีวิตนี้ไม่ได้มุ่งเป้าเพื่อโจมตีพวกเขาโดยตรง
ศัตรูทั้ง 1,000 ชีวิตนี้ต่างมุ่งเป้าไปที่การป้องกันเช่นกัน
หน้าที่ของพวกเขาคือการปกป้องสะพาน
“…นั่นมันคือสะพานรึ?”
โรสลินไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่อัลเบิร์กพูด
“ไม่! นั่นไม่ใช่สะพาน!”
มันไม่ใช่สะพาน
“มันมีระเบิดพลังเวทย์อยู่ในนั้นด้วย”
โรสลินมองไปยังสิ่งของที่มีรูปทรงคล้ายรถปืนใหญ่ ทั้งตัวรถและล้อของมันถูกติดตั้งบางอย่างเอาไว้ เธอมั่นใจว่ามีระเบิดพลังเวทย์อยู่ในนั้น
ครืดดดดดดดดด------!!!
แรงสั่นสะเทือนที่มาจากหุบเขาอีกฝั่งหนึ่งทำให้เธอค่อนข้างมั่นใจ มันจะต้องเต็มไปด้วยระเบิดพลังเวทย์อย่างไม่ต้องสงสัย
โรสลินได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้นในขณะนั้น
“ทหารและอัศวินยังคงขยับถอยหลังต่อไป ดูเหมือนเป้าหมายของพวกมันคือการปิดบังสิ่งเหล่านี้เอาไว้”
เป้าหมายของพวกเขาคือปิดบังสิ่งเหล่านี้จากสายตาของอาณาจักรโรมันและอาณาจักรเบร็ค
โรสลินมองไปที่ปีกและระเบิดพลังเวทย์ที่อัศวินและทหารของศัตรูพยายามปกปิดเอาไว้
“หากหน้าผาทั้งสองด้านถูกทำลายลง มันก็จะสร้างเส้นทางเชื่อมระหว่างหุบเขาทั้งสองฝั่งได้ ข้าคิดว่านั่นก็คือสะพานเช่นกัน”
โรสลินก้มลงมองด้านล่าง
เธอมองเห็นพื้นดินไกลๆจากสายตา
แน่นอนว่าหน้าผาทั้งสองด้านอยู่คนละฝั่งของหุบเขา แต่ถ้าหน้าผาทั้งสองฝั่งนี้ถล่มลง เศษซากจากหน้าผาขนาดใหญ่ก็จะปกคลุมช่องว่างตรงกลางจนสามารถใช้เป็นสะพานข้ามเข้ามาได้
โรสลินยังคงมองเห็นศัตรูก้าวถอยหลังอย่างเป็นจังหวะ พวกเขาทำเช่นนี้ราวกับต้องการสร้างความมั่นใจว่าระเบิดพลังเวทย์จะไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเอง