ตอนที่ 63 First Meeting

ตอนที่ 63 First Meeting

นั้นถือเป็นคราวเคราะห์หรือว่าความโชคร้ายของทั้งสามกันแน่ เมื่อถูกพักการเรียนมีหรือที่ทั้งสามจะเอาเวลาที่ถูกพักการเรียนไปขวนขวายหาความรู้คำตอบคือไม่ ทั้งสามตัดสินใจใช้เงินเก็บซื้อหมวก VR เพื่อเข้าเล่น The Era Online ในวันนั้นเลย พวกเขาพร้อมที่จะผจญภัยตามภาษาวัยรุ่นคึกคะนอง โดยไม่รู้เลยว่าจะต้องเผชิญกับความโหดร้ายมากแค่ไหนจากชายที่ชื่อว่า ‘เจสเปอร์’

เจสเปอร์และอามมี่เดินออกมาจากห้องคณะอาจารย์ด้วยสีหน้าแช่มชื่น มีการพูดคุยหยอกล้อเหตุการณ์เมื่อสักครู่กันอย่างสนุกสนาน คนที่มุงดูรถของเจสเปอร์ในตอนแรกได้กระจัดกระจายไปแล้ว แต่ก็ยังมีนักศึกษาหญิงบางคนที่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมายืนดักรอข้างๆรถอยู่หลายคน เพื่อหวังที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าของรถคันนี้

เขาปฏิเสธหญิงสาวทั้งหมดอย่างเป็นมิตรและบอกเหตุผลให้กับพวกเธอได้รับฟังว่าเขามีธุระกับอามมี่ในวันนี้ที่สำคัญที่นั่งมีเพียงแค่ 2 ที่เกรงว่าจะไม่สะดวกให้พวกเธอคนใดคนนึงมานั่งตักอามมี่ เมื่อหญิงสาวปลายตามองไปยังชายหนุ่มกล้ามโต ก็รีบถอยห่างแล้วลาขอตัวลาจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของอามมี่ให้ค้างอยู่ในวิมานเพียงลำพัง

เจสเปอร์และอามมี่แวะซื้อของที่ห้องสรรพสินค้าเพื่อหาซื้ออาหารและเครื่องดื่ม เพื่อรอเลี้ยงต้อนรับเพื่อนในโลกออนไลน์ของพวกเขา ส่วนของใช้และอุปกรณ์ต่างๆ เจ้ซันนี่ที่เป็นเสมือนเลขาส่วนตัวของเจสเปอร์ได้จัดการให้ทั้งหมดแล้ว โดยเธอได้ไปเตรียมตัวรอที่คอนโดของเจสเปอร์เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เช้า

หลายสิ่งหลายอย่างของเจสเปอร์เป็นระบบระเบียบมากขึ้นเมื่อได้มีคนมาทำหน้าที่คอยจัดการให้ เงินในบัญชีถูกวางแผนจัดการเป็นอย่างดีทั้งภายในเกมและนอกเกม เมื่อสิ่งเหล่านี้เขามี ซันนี่คอยช่วยเหลือดูแลอยู่แล้ว สมาธิของเจสเปอร์ก็มุ่งไปที่ The Era Online ได้โดยไม่มีอะไรต้องห่วงอีก

ทุกคนในกิลด์ Rising Sun เองก็เช่นกันพวกเขารู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่ได้ติดตามเจสเปอร์เช่นนี้ ทุกคนได้รับการเติมเต็มในจุดที่ตัวเองต้องการแม้จะยังไม่ยิ่งใหญ่แต่ก็ถือเป็นก้าวเล็กๆที่แข็งแรง มั่นคง

เจสเปอร์และอามมี่เดินทางมาถึงคอนโดเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบ พี่สาวซันนี่กำลังจัดของต่างๆอยู่เพียงลำพัง เหงื่อเม็ดเล็กๆสายนึงกำลังหยดลงมาตามธรรมชาติ แม้เจสเปอร์จะเคยกล่าวว่า ความไวเป็นของปีศาจ แต่คุณเคยได้ยินไหมว่า ‘ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก’

อามมี่ยื่นของในมือที่ถืออยู่พะลุงพะลังยัดใส่มือเจสเปอร์ ในเมื่อมือทั้งสองว่างเปล่าและเป็นอิสระ ชายหนุ่มหยิบของบ้างอย่างจากอกเสื้อออกมา มันคือผ้าเช็ดหน้าผื่นน้อยๆสีขาวสะอาดสะอาน และเดินตรงเข้าไปหาพี่สาวซันนี่อย่างสุภาพบุรุษหวังว่าจะซับเหงื่อบนใบหน้าให้กับเธอ

‘ขอบคุณนะ’

พี่สาวซันนี่เห็นการมาถึงของอามมี่และเจสเปอร์ เธอจึงได้วางของที่หนักอึ้งที่เธอกำลังจัดเข้าใส่มือของอามมี่และกล่าวคำขอบคุณพลางยกแขนขึ้นปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆนั่นด้วยเสื้อของเธอเอง

‘เพล้ง’ เจสเปอร์ได้ยินเสียงของตกแตก มันไม่ใช่ของในมือเขาหรืออามมี่ทั้งนั้น แต่เป็นเศษใบหน้าของอามมี่ที่ถูกทำลายด้วยความไม่รู้ของพี่สาวซันนี่ แม้เขาอยากเข้าไปปลอบแต่ก็อดหัวเราะกับสีหน้าที่เพื่อนของตนแสดงออกมาไม่ไหว

ภายในห้องนี้จะเป็นที่พักอาศัยของเจสเปอร์นับแต่นี้เป็นต้นไป หลังจากตกแต่งและปรับปรุงให้เป็นแบบที่เจสเปอร์ต้องการเรียบร้อยมันก็ถือเป็นห้องที่เขาพึ่งพอใจมากพอสมควรมีห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ขนาดกำลังดีและที่สำคัญห้องที่เขาเอาไว้ใช้เล่นเกม The Era Online โดยที่ห้องนี้พิเศษกว่าห้องอื่นตรงที่ว่าเป็นประตูแบบนิรภัยที่ต้องสแกนลายนิ้วมือและกดรหัสถึงจะเข้าไปด้านในได้

ห้องยังคงวางเปล่ามีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ ทีวีดิจิตอลขนาดใหญ่ติดผนังและชั้นหนังสือที่ยังไม่มีหนังสือสักเล่มเดียวบนชั้น โดยพื้นที่ที่ว่างอยู่เขาตั้งใจว่าจะซื้อเครื่องแคปซูล VR ที่จะถูกผลิตขึ้นในอนาคตอันใกล้มาไว้ตรงจุดนี้นั่นเอง ของบางอย่างยังต้องรอเวลา เรื่องบางเรื่องก็เช่นเดียวกัน

โบม่อนและหิมะน้อยได้มาถึงแล้ว ชายหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลรวบผมมัดเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง หนวดเคราถูกตัดแต่งให้เป็นทรง คล้ายกับตัวละครในเกมมากถึง 90% มาพร้อมกับเด็กสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารักที่ใส่แว่นหนาเตอะอีกหนึ่งคน

“นั้นเธอหรอ มาร์กี้” พี่สาวซันนี่เข้าไปต้อนรับแขกผู้มาเยือกโดยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม รอยยิ้มที่ผู้พบเห็นต่างก็รู้สึกดีเมื่อได้เห็น

หิมะน้อยมาร์กี้แม้จะแตกต่างจากในเกมอยู่บางแต่ก็พอมองออกจากบุคลิกที่เธอแสดงออกมา เธอยังคงเป็นสาวน้อยน่ารักประจำกิลด์ของพวกเขาอยู่เสมอ

ผิดกับพี่สาวซันนี่ที่มีอาการเคอะเขินเล็กน้อยเมื่อได้พบหน้าโบม่อน ชายหนุ่มกับหญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเป็นธรรมดาเมื่อพบหน้าจะเนียมอายกันและกัน แต่ที่ทั้งสองแสดงออกนอกเหนือจากนั้น คงเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนที่โบม่อนนั่งเล่นกีตาร์ปลอบโยนเธออย่างอบอุ่นหลังจากที่ต้องผ่านเหตุการณ์อันน่ากลัวเป็นครั้งแรก ภาพและความรู้สึกมันเลยยังคงแจ่มชัดในใจของคนทั้งคู่

ไม่นานหลังจากที่โบม่อนและหิมะน้อยมาถึง ลูอิสและนายตำรวจคลูเอลก็ตามมาสมทบในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน พวกเขาแนะนำตัวกันบางตามพิธีเพราะถึงยังไงนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กันนอกเกมแบบเกือบที่จะครบทีม แม้ไอรีนและริคเตอร์จะไม่มีอากาสได้มาร่วมงานพบปะครั้งนี้ แต่เธอก็ยังโทรมาแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนเป็นประโยคสั้นๆก่อนจะรีบตัดสายเพื่อกลับไปทำงานแสดงของเธอต่อ

ริคเตอร์เองก็เช่นเดียวกันแม้จะมีสีหน้าที่อยากจะมาร่วมงานพบปะกับทุกคนมากแค่ไหน แต่ด้วยอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเช่นนี้ สุดท้ายแล้วเลยทำได้แค่เพียงวิดีโอคอลมาพูดคุยกับทุกคนเสมือนมาร่วมงานด้วย ภาพในทีวีปรากฏภาพเด็กหนุ่มที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นกำลังมองทุกคนด้วยรอยยิ้มที่ใสซื่อ แววตาทอประกายถึงความดีใจที่ได้พบเห็นทุกๆคนอย่างเป็นสุข มันเป็นมิตรภาพที่อบอุ่นครั้งแรกที่ริคเตอร์ได้รับ เด็กหนุ่มที่ฝันว่าจะมีเพื่อนร่วมทีมที่ดี ทีมที่แข็งแกร่งและมีคนให้การยอมรับในฝีมือโดยไม่คำนึงถึงอายุของเขา ซึ่งกิลด์ Rising Sun ทำความฝันนั้นให้กับเด็กคนนี้ได้ครบทั้งหมดแล้ว

บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา ทุกคนเริ่มที่จะปรับตัวเองเข้าหากันได้แล้ว ลูอิสที่ปกติภายในเกมจะค่อนข้างเงียบและจะพูดอะไรที่มีแต่สาระผิดกับตัวจริงที่เวลานี้กำลังพูดคุยกับอามมี่อย่างออกรส ทั้งสองท้างัดข้อตามการละเล่นในแบบผู้ชายโดยมีคุณตำรวจคลูเอลเป็นกรรมการ

เจสเปอร์ยิ้มให้กับทุกคนด้วยความชื่นใจ มันคือภาพที่เขาจะจดจำไม่มีวันลืม แม้ว่าในอดีตเขาจะเคยจัดปาร์ตี้สังสรรค์มามากมายหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทุกคนจะเข้ามาหาเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจเหมือนเช่นวันนี้ 2 สาวกำลังอยู่ในครัวช่วยกันทำอาหารมาให้กับชายบ้าพลังทั้งหลายในกิลด์ได้ดื่มกิน ส่วนชายอารมณ์ศิลปินกำลังนั่งเล่นกีตาร์ฮัมเพลงสร้างบรรยากาศ ส่วนที่เหลือกำลังแข็งแกร่งวัดความเป็นชายด้วยพละกำลังที่มี กับเด็กหนุ่มอีก 1 คนที่ชะเง้อหน้ามองดูอย่างสนอกสนใจอยู่บนหน้าจอทีวีและส่งเสียงเชียร์จากเมืองที่อยู่ห่างออกไป การพบปะแม้จะมากันไม่ครบแต่แค่นี้ก็ทำให้เขารู้สึกว่านี้คือความอบอุ่นที่อดีตเข้าไม่เคยได้สัมผัสมันสักครั้ง

เขาอยากจะขอบคุณเรื่องที่พบเจอมาก่อนหน้านี้และอยากจะขอบคุณจากใจจริงถึงสิ่งที่ทำให้เขาได้ย้อนเวลากลับมาและนี้คือคำพูดที่เขาอยากจะมอบให้กับทุกๆคน

‘ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้ความสุขในคราวต่อมาเป็นความสุขที่แท้จริง’

เมื่อรับประทานอาหารและดื่มกินฉลองกันเต็มที่แล้ว สาระสำคัญที่เจสเปอร์จัดงานพบปะในครั้งนี้ก็มาถึง เขาฉายข้อมูลบางอย่างลงบนจอภาพทีวีเครื่องใหญ่ให้ทุกคนได้อ่านมัน

“เอาล่ะๆในเมื่อกินเสร็จแล้ว สนุกกันมามากแล้วก็ถึงเวลางานกันสักหน่อย”

มันเป็นข้อมูลการวางแผนเริ่มต้นกิลด์ในขั้นต้นของเขา เมื่อทุกคนได้อ่านก็ต้องนิ่งเงียบ มีหลายข้อที่พวกเขาไม่เข้าใจและมีอีกหลายข้อที่พวกเขาได้แต่ตกตะลึง

“เราจะเอาแบบนี้จริงๆหรือ มันจะไม่ขัดแย้งกับกิลด์อื่นเอาได้หรอแบบนี้”

อามมี่ที่เลือดร้อนก็ยังต้องสะดุดเมื่อได้อ่านแผนขั้นตอนแรก แต่เรื่องนี้พี่สาวซันนี่กลับเป็นผู้ตอบอย่างละเอียดแทนเจสเปอร์ที่กำลังนั่งดูสมาชิกช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูล

“ฉันว่าไม่ สิ่งเหล่านี้สามารถยังทำต่อไปได้ โดยที่ให้ NPC พวกนั้นเป็นคนออกหน้า พวกเราเป็นเพียงแค่คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบๆ นอกซะจากว่าจะมี 1 ในพวกเราปากโปงบอกคนอื่นๆให้ได้รับรู้”

ทุกคนพยักหน้าเมื่อได้รับฟังถึงคำพูดของพี่สาวซันนี่ กลยุทธ์การตลาดพวกเขาไม่มีทางตามทันพี่สาวซันนี่ได้เลยแม้แต่น้อย

“ถูกต้องแล้ว ฉันจะให้สมาคมตีเหล็กของเมืองอัลคาเดียเป็นคนออกรับหน้าเรื่องนี้ทั้งหมด รอเวลาให้พวกเราเติบโตมากขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย เราถึงจะออกจากใต้ร่มเงาของสมาคมพวกนั้นในภายหลัง”

เรื่องทั้งหมดที่พวกเขากำลังพูดคุยนั่นคือการใช้ แร่ Green Gemstone ที่เจสเปอร์หามาเพื่อเอาไว้ใช้ในการสร้างอาวุธ เครื่องป้องกัน คัมภีร์ และน้ำยาต่างๆในอนาคตนั่นเอง

โดยในปัจจุบันนี่พี่สาวซันนี่สามารถผลิตน้ำยาหลายๆอย่างได้มากพอสมควรแล้ว ด้วยวัตถุดิบและแบบแปลนต่างๆที่เจสเปอร์ทุ่มเทให้กับพี่สาวซันนี่ และความช่วยเหลือพาเธอไปเก็บเลเวลของทุกคน ช่วยส่งให้เธอเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุอันดับต้นๆในเมืองอัลคาเดียในเวลานี้แล้ว เพียงแต่ว่าเจสเปอร์ยังไม่มีเงินทุนมากพอที่จะซื้อร้านขายของภายในเมืองได้ การขายสินค้าจึงจำเป็นที่จะต้องทำผ่านสมาคมช่างตีเหล็กที่มีความสนิทสนมอันดีกับเจสเปอร์ซะก่อน

และอีกประกายคือเขาเคยให้คำสัญญาว่าจะช่วยแก้วิกฤตให้กับสมาคมช่างตีเหล็กที่ได้รับปากไปเมื่อก่อนหน้านั่น หากเจสเปอร์ทำได้สำเร็จ การตลาดในเมืองอัลคาเดียมากกว่าครึ่งหนึ่งจะตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

พื้นฐานของทุกกิลด์คือเงินทุนและผู้เล่น แล้วจะเป็นยังไงต่อไปถ้าหากว่ากิลด์ Rising Sun มีเงินทุนมากมายที่มั่นคง แค่คิดนั้นกำให้ทุกคนที่อยู่ห้องคอนโดนี้ถึงกับขนลุก

“แม้ในวันนี้ Rising Sun จะเป็นเพียงกิลด์นอกสายตาที่ไม่มีพิษสงใดๆ แต่ขอให้ทุกคนรู้ไว้ ไม่มีใครเข้มแข็งตลอดไปและไม่มีใครอ่อนแอตลอดกาล”

เจสเปอร์กล่าวคำนี้ออกมาเพื่อปลุกไฟในใจของทุกคนให้เดินไปในทางเดียวกัน มีเพียงเสียงเจื้อยแจ๋วมาจากทีวีดิจิตอลที่มีใบหน้าของเด็กหนุ่มอยู่มุมเล็กๆตะโกนร้อง อย่างบ้าคลั่ง

“เย้ๆ Rising Sun เย่....”

ริคเตอร์กระโดดโลดเต้นผ่านหน้าจอวิดีโอคอลอย่างสนุกสนานเมื่อได้ยินคำพูดปลุกใจ คงจะมีแต่เด็กน้อยคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่อินจนออกนอกหน้าในคำพูดของเจสเปอร์ที่ได้กล่าวไว้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้คนอื่นๆ ได้หัวเราะชอบใจถึง สิ่งที่ริคเตอร์แสดงออกมา

แต่การประชุมหารือยังเพียงเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เพราะแผนการอันดับแรกนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่เมืองอัลคาเดียเพียงเท่านั้นเมืองหลวงอีรูไดซ์เองก็ด้วยเช่นกัน คลูเอลที่ต้องห่างไกลจากเพื่อนในกิลด์และไม่มีคนที่คอยช่วยเหลือจะต้องรับหน้าที่อันหนักอึ้งนี้ไปด้วยความจำยอม

เรื่องประชุมในหัวข้อถัดไปคือการเรียนรู้ถึงอาชีพ คลาสอื่นๆ ในเกม The Era Online ทุกๆคนจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ถึงคลาสอาชีพอื่นๆให้ครบทุกอาชีพ ไม่ใช่แค่เฉพาะคลาสของตัวเองเพียงอย่างเดียว เพราะในอนาคตพวกเขาอาจจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับกิลด์อื่นๆไปไม่ได้ การเรียนรู้ศัตรูตั้งแต่เนิ่นๆคือสิ่งที่จะจำเป็นพอๆกับการอัพเลเวลและหาไอเท็มดีๆมาสวมใส่

การประชุมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หิมะน้อยมาร์กี้แม้จะมีท่าทีเบื่อหน่ายแต่ก็ตั้งใจจดจำทุกเนื้อหาที่เจสเปอร์สอนทุกถ้อยคำ เธอรู้ว่ายังมีจุดบกพร่องให้ต้องแก้ไข แต่เพื่อตอบแทนคนที่ทำให้เธอมีเงินจ่ายค่าเทอมเธอจึงต้องตั้งอกตั้งใจไม่ให้เจสเปอร์ผิดหวัง

ใช่แล้ว เจสเปอร์ตัดสินใจช่วยเหลือค่าเทอมบางส่วนให้กับหิมะน้อยด้วยตัวของเขาเอง เช่นเดียวกับทุกคนที่เจสเปอร์ตัดสินใจจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทน โดยเงินทุกเครดิต ส่วนนึงมาจากล็อตเตอรี่ ที่เจสเปอร์กระหน่ำเล่นอยู่ทุกวันๆโดยไม่ได้บอกใครนั้นเอง

เงินรางวัลอาจไม่ได้มากมายมหาศาลเหมือนเช่นครั้งแรก แต่รวมๆแล้วก็หลายแสนเครดิตเข้าไปแล้ว แต่ถึงยังงั้นเขาก็ยังมีเงินในเกมเป็นทุนสำรองเอาไว้ใช้จ่ายอีกหลายร้อยเหรียญทองที่ได้รับมาจากการขายแร่ Steel Iron ที่กำลังเป็นที่ต้องการของบรรดากิลด์น้อยใหญ่ทั่วอาณาจักรกรีนเวต้าในขณะนี้

...โปรดติดตามตอนต่อไป...