ตอนที่ 62 โลกใบนี้ยังมีมุมดีๆให้มอง
ตอนที่ 62 โลกใบนี้ยังมีมุมดีๆให้มอง
การต่อสู้จบลงเพียงไม่กี่อึดใจ เจสเปอร์ยื่นมือออกไปหมายจะประคองทวิสเต็ดที่นอนจมอยู่ในดินให้ลุกขึ้น ทวิสเต็ดแม้ต้องการปฏิเสธความช่วยเหลือที่ได้รับนี้ทิ้ง แต่มือของเขาก็ได้เอื้อมไปจับมือของศัตรูอยู่ดี นี้คงเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนทำตัวดีๆใส่กันและกัน เพราะจากเรื่องราวก่อนหน้านี้การพบหน้าของพวกเขาทั้ง 2 ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ไม่ต้องจบลงด้วยการต่อสู้
เกิดความเงียบขึ้นทันทีเมื่อทวิสเต็ดลุกขึ้นมานั่งได้เป็นที่เรียบร้อย เจสเปอร์เองก็วนอยู่กับการเก็บไอเท็มที่ดรอปมาจากโทรลล์ที่พึ่งสังหารไปเมื่อครู่อย่างเพลิดเพลิน แม้การเข้ามาของเจสเปอร์จะเป็นเสมือนการลาสช็อต แต่ผลลัพทธ์ที่ว่าเขายื่นมือเข้ามาช่วยเพื่อไม่ให้อีกฝั่งเสียชีวิตก็คือความจริงที่ต้องยอมรับ
มีของดรอปออกมาไม่มากนักแต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของมีค่าที่ค่อนข้างจะมีประโยชน์อยู่บาง ไม่ว่าจะเป็นเศษชิ้นส่วนไอเท็ม หรือ แม้กระทั่งแบบแปลนผลิตชุดเกราะ และแร่ Iron Steel จำนวนนึง
“ฉันขอแค่แบบแปลนผลิตชุดเกราะก็แล้วกันถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ฉันช่วยนาย ส่วนนอกนั้นนายเอาไปเถอะ”
เจสเปอร์มีของที่ดรอปอยู่เต็มไปหมดแล้ว ที่เขาเลือกแบบแปลนชุดเกราะก็เพื่อที่จะนำมันไปให้กับคราซ่า NPC ที่เป็นช่างตีเหล็ก ประจำเมืองอัลคาเดีย เรียนรู้นั้นเอง
ทวิสเต็ดดูเหมือนจะพูดอะไรออกมาบางอย่าง แต่ด้วยความที่ไม่เคยพูดกับคนอื่นๆเลย ทำให้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำไม่รู้จะเปิดปากพูดไปว่าอะไร เพียงแต่ยื่นแร่ Steel และ iron บางส่วนกลับมาทางเจสเปอร์
“...” เจสเปอร์ค่อนข้างงุนงงกับพฤติกรรมที่ทวิสเต็ดแสดงออกมา
ดูเหมือนว่าการที่ตนสื่อสารในรูปแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายไม่เข้าใจ ทวิสเต็ดจำต้องรวบรวมความกล้าที่มีพูดออกไป
“เก็บแร่พวกนี้ไว้สิ ฉัน...ไม่อยากติดหนี้คนอย่างนาย”
แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆแต่นั้นคือทุกสิ่งที่ทวิสเต็ดจะกระทำได้แล้ว ชายผู้ปิดกั้นสังคม ไม่คบหาสมาคมรวมกับใคร กระทำต่อผู้อื่นด้วยความอาฆาตพยาบาทเสมอมาแค่เพียงประโยคเดียวก็เหมือนประตูเหล็กที่ปิดตายค่อยๆแง่มออก
“ไม่เป็นไรฉันต้องการแค่แบบแปลนพวกนี้เท่านั้น ส่วนนายเก็บแร่ไว้ใช่เถอะ” เจสเปอร์พยักหน้ารับรู้แต่มือก็ดันแร่พวกนี้กลับคืนไป สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับทวิสเต็ดเป็นอย่างมาก
‘บ้าไปแล้วหรือไง ไม่รู้หรอว่าแร่ Steel และ Iron สำคัญแค่ไหน’
มันคือความคิดที่นักฆ่าหนุ่มคิด ในเวลานี้แร่ Steel และ Iron หายากมากๆ ถึงจะมีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหาซื้อได้เลย แร่พวกนี้ขาดตลาดจนทำให้ผู้เล่นแทบจะคลุ้มคลั่งปล้นฆ่ากันเองอยู่แล้ว ลำพังเขาฆ่าผู้เล่นอื่นไปมากมายหากมีคนไหนดรอปแร่พวกนี้ออกมาสักชิ้นสองชิ้นก็ทำให้เขารู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว แม้แต่โลกใต้ดินเองที่หาซื้อได้ถูกสิ่งอย่าง แม้แต่ยาพิษที่ร้ายแรง ข้อมูล NPC ที่มอบเควส ล้วนมีอยู่ในโลกใต้ดินทั้งหมด มีเพียงสิ่งเดียวที่โลกใต้ดินเองก็ปั่นป่วนนั่นคือแร่ที่ใช้ในการซ่อมแซมอาวุธเหล่านี้
ในเมื่ออีกฝั่งเลือกที่จะปฏิเสธเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงหรือว่าชายคนนี้กำลังทำให้ฉันคนนี้ต้องเป็นหนี้ ไม่มีทาง!! ฉันไม่มีทางติดหนี้ใครทั้งนั้น
แม้เจสเปอร์เลือกที่จะเอาแบบแปลนผลิตชุดเกราะไป แต่นั่นคือสิ่งที่เจสเปอร์มองว่ามันมีค่ามีราคาที่สุดแล้วสำหรับเขา เพราะเขาสามารถนำไปให้คราซ่าเรียนรู้และผลิตชุดเกราะออกมาแล้วนำไปขายได้ ยิ่งผนวกกับอัญมณี Green Gemstone ที่ได้รับมาแล้ว จะบวกคุณสมบัติพิเศษให้กับไอเท็มนี้ขึ้นไปอีก แม้แต่ชุดเกราะที่ผู้เล่นสร้างก็ไม่มีชิ้นไหนที่มีค่าสถานะพิเศษเช่นนี้มอบให้ ราคาตลาดจะปั่นป่วนมากแค่ไหนเมื่อเจสเปอร์นำชุดเกราะและผลิตแบบแปลนของชิ้นอื่นๆมาวางขาย แต่สำหรับทวิสเต็ดแล้วแบบแปลนผลิตอะไรพวกนี้ล้วนเป็นขยะที่ไม่สามารถทำเงินได้ เมื่อนำไปขายให้พ่อค้าสมาคมใต้ดินก็ได้ราคาที่น้อยนิดสู้เอาเวลาไปรับจ้างลอบสังหารยังจะคุ้มเสียกว่า
“ฉันบอกให้นายรับไป ฉันไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร”
ทวิสเต็ดพูดออกมาเสียงดังเจือด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับมองเจสเปอร์ด้วยอารมณ์ที่โกรธ
“ดูเหมือนนายจะเข้าใจเจตนาฉันผิดไปนะ ฉันไม่ได้ให้นายมาติดหนี้บุญคุณอะไรฉันทั้งนั้นในเมื่อเข้าใจแล้วก็กลับเถอะ หรือว่านายจะอยู่เฝ้ารอมอนสเตอร์แถวนี้เกิดอีกรอบ?”
เจสเปอร์พูดจบก็หันหลังกลับเพื่อที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังทางราดที่เชื่อมต่อกับบันไดที่เขาปีนลงมาเมื่อตอนแรก แต่รังสีฆ่าฟันได้แผ่ออกมาจากทางด้านหลังทำให้เจสเปอร์ต้องรับการโจมตีที่พุ่งเข้ามาอย่างทุลักทุเล
‘เกร้ง’
“จะมีสักวันไหม ที่นายจะไม่ลอบโจมตีฉัน”
เจสเปอร์ปัดมีดของทวิสเต็ดทิ้งไปอย่างง่ายดายพร้อมกับหันไปต่อว่านักฆ่าที่เขาพึ่งช่วยชีวิตไปเมื่อครู่ด้วยอามรณ์หงุดหงิด
มีดที่พุ่งเข้ามาทำร้ายเจสเปอร์แม้จะได้รุนแรง แต่นั่นก็ทำให้เจสเปอร์อดที่จะหันไปสวนกลับไม่ได้ เจสเปอร์ปัดมีดออกไปให้พ้นตัวแล้วฟันสวนกลับไป เป็นการฟันธรรมดาๆเพียงแค่ครั้งเดียว ส่งผลให้ทวิสเต็ดต้องรีบแบกร่างกายที่บอบช้ำอยู่แล้วนั้นให้ถอยห่างออกไปไกล
“ฉันบอกแล้วว่าไม่อยากติดค้างใคร” ทวิสเต็ดยังมองด้วยสายตาที่แข็งกร้าวจริงจัง สุดท้ายแล้วเจสเปอร์ก็ทำได้แต่รับแร่นั้นมาอย่างจนใจ
“นายน่ะอย่ามองว่าโลกนี้มันแย่ขนาดนั้นเลย โลกใบนี้ยังมีมุมดีๆให้มอง ยังมีคนอีกมากมายที่พร้อมเป็นเพื่อนกับนาย ประตูที่นายปิดตายไว้ฉันหวังว่าสักวันมันจะเปิดออกได้น่ะ”
ก่อนที่จะจากไปเจสเปอร์ทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ให้ทวิสเต็ดได้เก็บเอาไปคิดสักเล็กน้อย แม้ในวันที่ท้องฟ้าจะมืดมิดที่สุด แม้คุณธรรมในใจคนจะเสื่อมคลาย แต่สุดท้ายแล้วดวงตะวันก็ยังโอบกอดและมอบความอบอุ่นให้แกทุกๆคนเสมอ
.............
เป็นเช้าอีกวันที่เจสเปอร์ตื่นขึ้นมาแล้วทำกิจวัตรตามเดิมแต่สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปอีกหนึ่งวันนั้นก็คือวันนี้คือวันที่เขาได้ย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่ ห้องที่เขาซื้อเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนและมันพร้อมแล้วที่จะให้คนเข้าไปอยู่อาศัย แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่น่าดีใจไปกว่าการได้ย้ายที่อยู่นั้นก็คือ วันนี้จะเป็นวันพบปะกันครั้งแรกของสมาชิกกิดล์ Rising Sun ในชีวิตจริงนั่นเอง ขาดเพียงไอรีนที่น่าจะเข้าใจได้ว่าเธอเป็นศิลปินไอดอล ตารางงานช่วงนี้ของเธอค่อนข้างรัดตัวและริคเตอร์ที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะมากพอจะออกเดินทางข้ามเมืองมาได้ด้วยตัวคนเดียว
เจสเปอร์ขับรถคันหรูของตนออกไปรับเพื่ออามมี่เพื่อนสนิทของตนที่มหาลัย ทันทีที่รถคันหรูมาจอดเทียบที่ลานจอดรถ ก็ต้องเป็นเป้าสายตาของเด็กมหาลัยหลายๆคน รถสุดหรูดีไซน์สปอร์ตแถมใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน มีหรือที่จะรอดพ้นจากการถูกมุงดู
เขาเปิดประตูเพื่อลงมา ทันทีที่ก้าวขาออกจากตัวรถ คนที่รุมล้อมก็ต้องประหลาดใจ
‘นั่นเจสเปอร์ เดือนมหาลัยไม่ใช่หรอ’
‘แล้วรถคันนั้นมันยังไงกันแน่’
‘หมอนั่นไปเอารถราคาแพงมาขับได้ยังไง’
‘ฉันได้ข่าวว่าช่วงนี้หมอนี้แทบไม่มามหาลัยเพื่อเรียนเลย’
‘ใช่ เพื่อนฉันที่เรียนคลาสเดียวกันก็บอกมาเหมือนกันว่าเจสเปอร์ไม่ได้เข้าเรียนหลายวิชาแล้ว’
‘หมอนี้ต้องไปเป็นเด็กเลี้ยงของป้าที่ไหนๆแน่ รูปร่างหน้าตาแบบนี้ฉันโคตรอิจฉาเลยวะ’
‘ถ้าฉันหล่อได้เท่าครึ่งของไอ้เจส ฉันจะหว่านเสน่ห์จีบสาวให้ทั่วมหาลัยเลยค่อยดู’
(ขออนุญาตตัดการสนทนาที่ล่อแหลมออกไปเพื่อคงเรทติ้งทั่วไปเอาไว้น่ะครับ)
เสียงซุบซิบ พูดคุยเต็มไปทั่วรอบๆตัวเขา สายตาที่จ้องมองมาทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย แม้ว่าตนจะรวยหรือจน ก็หนีไม่พ้นการถูกนินทาว่าร้ายไปอยู่ดี
“ก็นึกว่าคนรวยที่ไหน สุดท้ายก็เป็นไอ้เจสเปอร์ขี้แพ้วะ ฮ่าฮ่า”
มีเสียงตะโกนด่าทอตัวเขา ดังมาจากโต๊ะหินอ่อนอยู่ตัวนึง ชาย 3 คนที่เคยคิดจะทำร้ายเจสเปอร์ในวันแรกที่ย้อนกลับมาบัดนี้ได้กลับมาร่วมกลุ่มกันใหม่อีกครั้งแล้ว หลังจากที่เคลียเรื่องสาวงามกันได้ลงตัว
ทั้งสามเดินตรงมายังรถที่เจสเปอร์จอดไว้ พลางเอามือจับนู้นจับนี้ พร้อมกับโยกกระจกหน้ารถเล่นอย่างสบายอารมณ์
“ว่ายังไงเจสเปอร์พ่อหนุ่มคนหล่อของสาวๆ ดูเหมือนจะรวยขึ้นมานิ ไปหลอกป้าแก่ๆคนไหนมากันละ”
“คราวก่อนแกทำกับพวกฉันไว้แสบมากน่ะ วันนี้พวกฉันจะเอาคืนกับสิ่งที่แกทำ”
อดัม บิลลี่และจอห์น ทั้งสามคมหมายจะมาคิดบัญชีแค้นที่เจสเปอร์เคยทำเอาไว้กับพวกตนเมื่อคราวก่อน ผู้คนที่มุงอยู่รอบๆเริ่มถอยห่างเมื่อรู้ว่ากำลังจะมีเรื่องแต่ยังไม่วายที่จะขอดูเหตุการณ์สักหน่อยเพื่อที่จะเอาไปเล่าให้คนอื่นๆได้รับฟัง
การชกต่อย 3 ต่อ 1 เช่นนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้ในเกมออนไลน์ ราวฟ้ากับเหว ภาพเหตุการณ์ที่เจสเปอร์ต้องสู้กับแก๊งค์ไร้บ้านลอยเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ หากจะหวังความช่วยเหลือจากยามการต่อสู้ก็คงจะจบไปแล้ว เพราะอาชีพพวกนี้มักจะมาตอนจบพร้อมๆกับกระบองในมือและนกหวีดที่คาอยู่ในปาก
เจสเปอร์จำเป็นที่จะต้องป้องกันตัวเอง มันก็เหมือนเกมออนไลน์ใครเปิดก่อนเท่ากับว่าคนนั้นเป็นฝ่ายควบคุมอารมณ์ไม่ได้
“แกกลัวหรอไอ้ตุ๊ด แกก็มีดีแค่หน้าหล่อเท่านั้นแหละ” เสียงเยาะเย้ยตามมาทันทีเมื่อเจสเปอร์เลือกเดินที่จะถอยหลังออกมาจากการถูกล้อม
แต่มันไม่ใช่การหนีหรือขลาดกลัว ถ้าในเกม The Era Online จุดตัดสินการแพ้ชนะส่วนหนึ่งอยู่ที่ตำแหน่งพื้นที่ ในชีวิตจริงจุดเหล่านี้ก็มีเช่นเดียวกัน มันคือ ‘จุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้นั่นเอง’
เขาล่อชายทั้ง 3 มายังที่กล้องวงจรปิดทำงาน ไม่มีทางที่ให้ถอยหนีอีกต่อไปแล้ว คนที่เปิดฉากการทะเลาะวิวาทเป็น อดัมที่ตรงเข้ามาผลักอก เจสเปอร์ซ้ำๆ เหมือนเด็กที่กำลังจะมีเรื่องชอบทำกัน ผลักอกกันไปผลักอกกันมา
“จะต่อยก็ต่อยหรือแกไม่กล้าใครกันแน่ที่เป็นตุ้ด อ้อหลังรถฉันมีกระโปรงอยู่พอดีฉันเอาให้พวกนายสวมได้น่ะ”
เจสเปอร์กระซิบข้างหูอดัมเบาๆเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน เพื่อยั่วยุให้อดัมคุมสติเอาไว้ไม่อยู่พร้อมกับปล่อยหมัดตรงมาทางเขา แม้บิลลี่และจอห์นจะตกใจกับสิ่งที่อดัมทำ แต่ในเมื่อเลือกที่จะขี่หลังเสือแล้ว พวกเขาก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย
‘วูบ’
เจสเปอร์หลบหมัดตรงที่ต่อยเข้ามาอย่างช่ำชอง แม้ว่ามันจะแตกต่างจากในเกม แต่ลักษณะการเคลื่อนไหวยังมีส่วนคล้ายคลึงกัน เจสเปอร์หลบออกด้านข้างคงเป็นเรื่องตลกแน่หากเขากลิ้งตัวเฉกเช่นในเกม เขาเลยเลือกที่จะใช้สเตปเท้าในการหลบหมัดและเท้าที่ตรงเข้า
‘ตึง’
หมัดของอดัมเขาปะทะกับกำแพงทางด้านหลังของเจสเปอร์ด้วยความรุนแรง แม้จะมีคนทายวิดีโอเอาไว้ได้ แต่คงไม่มีใครอุตริตั้งชื่อคลิปนี้ว่า หมัด VS ซีเมนต์ ลงในสื่อโซเชียลกันหรอก
ด้วยอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาทำให้ อดัมไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดในตอนแรก เขายังก้าวตามเพื่อที่จะทำร้ายเจสเปอร์อย่างต่อเนื่อง และก็เป็นอีกครั้งที่เจสเปอร์หลบ เหมือนคนที่กำลังลงบันไดแล้วยังคิดว่ายังมีอีกขั้นที่ต้องก้าว อดัมร่วงหล่นกับพื้นในทันทีเมื่อเจสเปอร์หลบออกข้าง
บิลลี่และจอห์นที่เห็นท่าทีที่ล้มเหลวของเพื่อนตนเอง รีบตรงเข้าไปช่วยกันจัดการเจสเปอร์อีกแรง หมัดที่ต่อยออกมา เขาใช่พวกมันเป็นแรงเหวี่ยงผลักแขนอีกคนเปลี่ยนทาง ทั้งคู่ต่อยกันเองโดยไม่ตั้งใจเลือดกำเดาพุ่งกระชูด เปรอะเลอะเต็มเสื้อไปหมด ความโกรธแค้นยังคงไม่หดหาย ทั้งสามประคับประคองกันลุกขึ้นเพื่อที่จะรุมอีกครั้ง
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่า มีคนกำลังมุ่งตรงมาทางพวกตน ร่างที่ขับแน่นไปด้วยหมัดกล้ามทำให้คนที่พบเห็นต้องหลบหลีกให้พ้นทาง ทั้งสามเห็นท่าไม่ดีจึงต้องรีบวิ่งหนีเพราะรู้ว่าคนที่กำลังมาเป็นใครบิลลี่และจอห์น ผยุงปีก อดัม อย่างทุลักทุเล ก่อนที่จะพบว่าทางของพวกเขานั้นสิ้นสุดลงแล้ว
เหมือนที่เจสเปอร์เกริ่นบอกตั้งแต่ที่แรก พระเอกมักจะมาตอนจบเสมอ ยาม 3 คนชักกระบองออกมาเพื่อควบคุมตัวพวกเขาทั้ง 5 เอาไว้ เจสเปอร์ไม่มีท่าทีขัดขืนพร้อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนในที่สุดทุกคนก็มานั่งอยู่ในห้องของหัวหน้าคณะอาจารย์ที่เจสเปอร์เคยมาขอลาเรียนเมื่อครั้งที่แล้ว ยกเว้นอดัมที่ยามต้องรีบพาไปที่ห้องพยาบาลโดยด่วน เมื่ออะดรีนาลีนจากการต่อสู้หยุดหลั่งลง อาการบาดเจ็บบริเวณมือที่ได้รับก็ถาโถมเข้ามาอย่างฉับพลัน เสียงโหยหวนดังลั่นออกมาอย่างน่าสมเพศตลอดทางไปห้องพยาบาล
ทันทีที่อดัมกลับมาพร้อมกับห่อน้ำแข็งที่พันอยู่รอบมือ คณะอาจารย์ก็เริ่มการสอบสวนในทันทีโดยใช้กล้องวงจรปิดบริเวณนั่นทั้งหมดที่ถ่ายไว้ได้และสอบถามนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ เป็นหลักฐานเอาผิด โดยโทษที่ทั้ง 3 คนได้รับคือการถูกพักการเรียน 1 เทอมพร้อมกับให้ผลการเรียนเทอมนี้เป็นโมฆะ
แต่ก่อนที่เจสเปอร์จะจากไปคำพูดที่เป็นเหมือนน้ำเย็นก็ถูกราดลงใส่ทั้ง 3 อีกครั้ง
“พรุ่งนี้น่าจะมีบิลเรียกค่าเสียหายที่พวกนายทำกับรถฉันส่งไปที่บ้านพวกนายนะอย่าลืมชำระด้วยละ อ้อแล้วก็รถฉันราคาแพงมากเพื่อพวกนายไม่รู้และที่สำคัญฉันไม่ได้ยืมเพื่อนมา!!”
...โปรดติดตามตอนต่อไป...