ตอนที่แล้วเรื่องสยองที่ 4 : ร่างกายที่เป็นของคนอื่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องสยองที่ 6 : ปรับตัว

เรื่องสยองที่ 5 : มันยังคงมีแสงสว่าง


“ลูกดูแปลก ๆ ไปนะอิฐ”

ประโยคนั้นเป็นคำพูดของแม่ผมเอง เช้าวันนี้ทั้งพ่อและแม่ต่างก็มาถึงโรงพยาบาลกันตอนเจ็ดโมงเช้าหลังจากมาถึงเมืองไทยก็รีบตรงมาที่นี่เลย เมื่อคืนกว่าจะเคลียร์เรื่องต่าง ๆ กันได้ก็เกือบเที่ยงคืน เพราะต้องเตี้ยมกับพี่น้ำเรื่องที่จะต้องพยายามทำตัวเป็นผมอีก ไม่อยากให้พ่อและแม่ตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เดี๋ยวจะวุ่นวายไปกันใหญ่ อีกอย่างพวกเขาคงอยู่ที่ไทยไม่นาน อย่างเก่งก็แค่อาทิตย์เดียว ผมคิดว่าพวกเราเดี๋ยวก็แก้ปัญหานี้ได้เองนั่นแหละ

“นั่นซิ สมองลูกกระทบกระเทือนหรือเปล่า” พ่อผมพูดขึ้นมาต่อ จ้องหน้าผมแบบแปลกใจนิด ๆ เอามือมาคลำ ๆ หัวผมดูด้วย

“เปล่านะคะ เอ้ย ... ครับ”

ผมถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่

นี่ก็รอบที่ห้าได้แล้วมั้ง ผมมองไปยังพี่น้ำเป็นเชิงดุ พี่น้ำหลุด คะค่ะ บ่อยมาก แถมดูเกร็งและออกสาวอีกต่างหากเวลาคุยกับพ่อแม่ผม พ่อแม่ผมใจดีจะตาย ไม่รู้จะเกร็งทำไม ตอนนี้ในห้องมีไอ้ชานั่งกลั้นขำอยู่ที่โซฟาอย่างน่าหมั่นไส้ ข้าง ๆ มีไอ้ปูนที่มานอนเฝ้าร่างของผมเมื่อคืน

“หรือว่าลูก ... เปลี่ยนรสนิยมแล้ว พ่อกับแม่รับได้นะ เดี๋ยวนี้โลกเปิดกว้างจะตาย ทำตัวสบาย ๆ ไม่ต้องเกร็ง” แม่ผมพูด จ้องหน้าผมเหมือนจับผิด พ่อผมเองก็พยักหน้าเห็นด้วยเป็นเชิงว่าเข้าใจ

… โธ่ พ่อแม่ ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น

“คือมันไม่ใช่แบบนั้นครับแม่ ผมแค่ ... แค่ เอ่อ สับสนเท่านั้นเอง” พี่น้ำมองหน้าพ่อกับแม่ผมสลับกันก่อนพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก แม่ผมนิ่ง ทำหน้าคิดนิดหนึ่งก่อนพูดออกมา

“หรอ สับสนงั้นหรอ เดี๋ยวแม่ช่วย อืม ... ลูกคิดว่าชาหล่อไหม อยู่ด้วยกันมาตั้งนานรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า แบบหวาบ ๆ หวิว ๆ อะไรงี้เวลาเห็นชาถอดเสื้อ” พูดจบแม่ผมก็หันไปมองหน้าไอ้ชา

เท่านั้นแหละ ไอ้ชาหัวเราะดังลั่นห้องทีเดียว ข้าง ๆ ไอ้ปูนก็พลอยขำตามไปด้วย

โอ๊ย ! แม่ ! ผมอยากลงไปนอนแดดิ้นให้ได้ซะตรงนั้น แม่คิดได้ไงเนี่ย !

“แม่ครับ ไอ้อิฐมันเป็นผู้ชายครับแม่ แม่เลิกสงสัยมันได้แล้ว มันคงยังเบลอ ๆ อะครับ โดนรถชนขนาดนั้น” ไอ้ชาลุกขึ้นมาพูด มันยังคงขำไม่หยุด ผมอยากเข้าไปกระโดดถีบเท้าคู่ใส่หน้ามันจริง ๆ แทนที่จะมาพูดช่วยพี่น้ำตั้งนานแล้ว มัวแต่นั่งมองกลั้นขำอยู่ได้ ไอ้ปูนก็อีกคน รู้งี้เมื่อคืนหลอกผีมันให้จับไข้หัวโกร๋นดีกว่า

“เอาล่ะ ๆ แม่เชื่อ ยังไงวันนี้เดี๋ยวพ่อกับแม่นอนเฝ้าอิฐเอง ไม่ได้เจอลูกตั้งนาน ส่วนชากับปูนกลับไปนอนที่คอนโดเถอะ”

“ไม่ได้นะครับ !” พี่น้ำพูดแทรกขึ้นมาเสียงดังจนพ่อกับแม่ผมงง แต่เจ้าตัวก็รีบปรับสีหน้าและอารมณ์ใหม่ ผมมองหน้าพี่น้ำ ก่อนขยับปากพูดประโยคที่เราเตี้ยมกันไว้เมื่อคืนนี้ จะให้พ่อกับแม่อยู่ที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด แค่สองชั่วโมงยังซักจนพี่น้ำมีพิรุธขนาดนี้ ขืนอยู่ต่อยาวทุกอย่างมันต้องล่มแน่ ๆ

“คือ คุณพ่อคุณแม่กลับมาเหนื่อย ๆ ไปนอนพักที่บ้านคุณยายเถอะครับ ผมไม่ได้กลับไปหายายสองอาทิตย์แล้ว ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคุณยายด้วย กลัวคุณยายจะตกใจ คุณแม่กลับไปดูคุณยายดีกว่าครับ เดี๋ยวผมมีไอ้ปูนเฝ้า ไม่เป็นอะไรมากหรอก”

ประโยคข้างบน พี่น้ำจำที่ผมพูดได้ทุกคำเหมือนเมื่อคืนแบบเป๊ะ ๆ แต่มันจะดีมากถ้าพี่น้ำไม่ได้พูดออกมาเหมือนเอาประโยคไปใส่ใน google translate แล้วกดฟังเสียง ผมถึงกับกุมขมับตัวเอง ส่วนไอ้ชากับไอ้ปูนเริ่มหัวเราะกันอีกแล้ว

โอ๊ย ! ทำไมพี่น้ำแอคติ้งได้เลวร้ายขนาดนี้

ช่วงบ่ายของวัน พ่อกับแม่ของผมก็ยอมกลับไปอยู่ที่บ้านของยายเพื่อพักผ่อน หลังจากผมให้พี่น้ำคะยั้นคะยอแทบตายกว่าพวกเขาจะยอมไป พี่น้ำเองก็เป็นห่วงร่างตัวเองและครอบครัวเหมือนกัน ผมเลยไปดูร่างของพี่น้ำที่อยู่อีกห้อง ชั้นข้างบนให้

ตอนนี้ผมเริ่มแอบกลัวแล้วว่าพี่น้ำจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราจริง ๆ เพราะนี่ก็เข้าสู่วันที่สามหลังจากที่พวกเราโดนรถชนไป ร่างกายของพี่น้ำยังไม่ตอบสนองอะไรเลย ผมลองโดดเข้าไปในร่างของเขาก็แล้ว แต่ทุกอย่างมันมืดสนิทไปหมด มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เหมือนร่างกายพี่น้ำยังไม่พร้อมที่จะตื่น

ผมกลับมาที่ห้องก็เจอไอ้ชากับไอ้ปูนคุยเล่นกับพี่น้ำอยู่ พี่น้ำเข้ากับพวกเพื่อนผมง่ายมาก คงเป็นเพราะรู้ว่าพวกเราเป็นรุ่นน้องที่คณะด้วย ไอ้ชาก็ชอบไปกวนพี่เขาเล่นจนโดนด่ากลับมาอยู่เรื่อย

“ไอ้พวกเด็กบ้า ! เมื่อกี้ทำไมไม่ช่วยฉันฮะ” พี่น้ำร้องขึ้นมาอย่างหงุด แต่ไอ้ชากลับขำ

“ผมขอโทษพี่ มันตลกอะ ผมเพิ่งเคยเห็นไอ้อิฐสาวแตก ปกติมันใจร้อนหัวร้อนจะตาย เหมือนได้เพื่อนใหม่เลย”

“จริงพี่ ตอนเด็กนี่วิ่งไล่เตะผมทุกวัน”

ไอ้พวกนี้มันนินทาผมลับหลัง ... อยากพุ่งเข้าไปตบกะโหลกนัก

“อิฐมาพอดี เป็นไงบ้างอิฐ พี่จะฟื้นแล้วใช่ไหม” พี่น้ำเร่งถามผมขึ้นมาอย่างดีใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวังที่จะได้ยินคำตอบที่ดี ๆ กลับไป

เจ้าตัวคงอยากกลับเข้าร่างตัวเองมากแล้ว ผมเองก็อยากให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน แต่ผมก็ต้องกลั้นใจพูดออกไปว่าร่างของพี่น้ำไม่ตอบสนองอะไรเลย ผมเข้าไปอยู่ในร่างพี่น้ำก็ไม่ได้ เหมือนร่างกายไม่ได้อยากจะตื่นขึ้นมา

บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที พี่น้ำเริ่มหน้าเสีย ใบหน้าที่เคยมีความหวังทำหน้าจะร้องไห้ปนโมโหในโชคชะตาชีวิตตัวเอง

“จริงหรออิฐ พี่ยังไม่ฟื้นอีกหรอ นายเข้าร่างพี่ไม่ได้หรอ พี่จะฟื้นไหมอะ ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยอะ ทำไม !” พี่น้ำโวยวายออกมา เอามือขยำผ้าห่มแรง ๆ ผมนิ่ง ไม่รู้จะตอบอะไร จากอารมณ์เศร้าดูกลายเป็นโมโหแล้วตอนนี้

“ทำไมเจอกับนายแล้วฉันต้องซวยตลอดแบบนี้ด้วย นายทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ ไอ้บ้า ! ฮื่อฮือ นายมันตัวซวย !”

พี่น้ำหยิบหมอนออกมาเขวี้ยงใส่ร่างผมแต่มันทะลุผ่านออกไป ไอ้ชากับไอ้ปูนถึงกับเงียบไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ บรรยากาศตอนนี้เริ่มแย่แล้ว ผมคิดว่าพี่น้ำเขาคงอยากจะระบาย เป็นใครก็ต้องรู้สึกแย่ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อชีวิตมาเจอเรื่องซวย ๆ แบบนี้พร้อมกันหลาย ๆ เรื่อง ผมเองก็ไม่ได้โกรธนะ ที่พี่น้ำเขาหาว่าผมเป็นตัวซวย เพราะแต่ละครั้งที่เราเจอกันมา ก็มีแต่เรื่องซวย ๆ เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นตลอด ทั้งผมไปอ้วกใส่รถเขา เดินชนกระเป๋าจนล้มระเนระนาด จับได้ว่าแฟนนอกใจ โดนรถชน ไหนจะมาสลับร่างกับตัวซวยอย่างผมอีก

ผมอาจจะเป็นตัวซวยของเขาจริง ๆ ก็ได้ ...

“พี่คงไม่อยากเห็นหน้าผมตอนนี้ ... ผมไปที่อื่นก่อนดีกว่า”

ตอนเย็นมีพวกรุ่นพี่สายรหัสมาเยี่ยมเพราะคงรู้ข่าวจากไอ้คีย์ ผมเลยเข้าไปหาพี่น้ำอีกครั้ง หวังว่าพี่เขาจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว แต่พี่น้ำก็แทบจะไม่มองมาทางผมเลย ไม่รู้ว่านิ้วมือยมทูตของไอ้คีย์หมดอายุ หรือเขาแกล้งมองไม่เห็นผมกันแน่ แต่ผมว่าเป็นอย่างหลังมากกว่า ตอนนี้มีแค่พวกรุ่นพี่สายรหัสที่อยู่ภายในห้อง ไอ้คีย์กลับไปประชุมเรื่องรับน้อง ส่วนไอ้ชาพาไอ้ปูนขนของเข้าหอใน

พี่โจ พี่ไท และพี่แม็คชวนพี่น้ำที่อยู่ในร่างผมคุยเล่นไปเรื่อย ๆ พี่น้ำไม่ได้ตอบอะไรไปมาก แค่พยักหน้ารับหรือยิ้มฝืน ๆ ส่งให้เท่านั้นเอง จนพวกพี่ทั้งสามคนแปลกใจ

“เฮ้ยอิฐ นี่มึงจะไม่พูดกับพวกกูสักคำเลยหรอวะ” พี่แม็คพูด

“ผมเหนื่อยพี่ อยากพักผ่อน” พี่น้ำที่อยู่ในร่างผมพูดออกมาเรียบ ๆ

“กูว่าน้องมันคงคิดมากเรื่องพี่น้ำอะ อิฐ มึงต้องเชื่อในปาฏิหาริย์ดิวะ สักวันหนึ่งพี่น้ำก็ต้องฟื้นขึ้นมา มึงจะโทษตัวเองไม่ได้นะเว้ย ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ” พี่โจพูด

“จริง กูว่าพี่น้ำเองเขาก็ไม่ได้โทษมึงหรอก เขาเป็นคนมีเหตุผล ถึงนิสัยจะเหวี่ยง ๆ วีน ๆ แบบนั้นก็เถอะ”

“งั้นพวกกูกลับก่อนละกัน มึงคงอยากพักผ่อน สู้ ๆ หายไว ๆ นะมึง”

พวกพี่รหัสผมพูดก่อนเอามือมาขยี้หัวผมเล่นแล้วโบกมือลาก่อนจะเดินออกจากห้องไป ตอนนี้ทั้งห้องเลยเหลือแค่ผมกับพี่น้ำสองคน พวกเรานิ่งกันไปเกือบนาที ไม่มีใครเริ่มต้นพูด ทั้งผมและพี่น้ำ

ผมเกลียดความอึดอัดแบบนี้ ...

ในเมื่อเขาไม่อยากพูด ไม่อยากคุย ไม่อยากจะมองหน้าผม ผมก็ควรจะต้องออกไปจากตรงนี้ซินะ

“เดี๋ยวอิฐ ...” เสียงพี่น้ำดังขึ้นก่อนผมจะเดินทะลุประตูออกไป ผมหันกลับไปหาเขาช้า ๆ มองร่างตัวเองที่ทำหน้าจะร้องไห้อีกครั้ง บางทีผมก็เริ่มชินแล้วที่เห็นร่างตัวเองเป็นแบบนี้

“ฉันขอโทษ ขอโทษที่พูดจาแรง ๆ แบบนั้นใส่นาย ฉันไม่รู้จะเอายังไงต่อแล้ว มันก็เหมือนที่พวกนั้นพูด มันไม่ใช่ความผิดของนาย ไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ...”

พี่น้ำยันเข่าขึ้นมากอด ก่อนก้มหน้าลงไปร้องไห้  ผมเห็นแต่แผ่นหลังของตัวเองสั่นเพราะเจ้าตัวสะอื้นอยู่แบบนั้น

“ผมเข้าใจครับ ว่าพี่รู้สึกยังไง” ผมพูด

“ฉะ ฉัน ฮึก ฮือ ฉันคิดถึงเขา เขามาเยี่ยมฉันบ้างไหมอิฐ นายเจอเขาบ้างไหม ทำไม ทำไมต้องไปมีคนอื่นด้วย”

พี่น้ำคงรักผู้ชายคนนั้นมาก ไม่ใช่ว่าผมดูไม่ออกว่าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานอกจากพี่น้ำจะตกใจเรื่องที่ไปอยู่ในร่างผมแล้ว ตัวเองก็ยังฝืนยิ้ม ฝืนเข้าใจกับทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้น ทำเป็นมีความสุข คุยเล่นกับคนอื่นขำ ๆ ทั้งที่จริงในใจคงจะเจ็บปวดมาก แถมพอผมไปบอกว่าร่างเขายังไม่ตอบสนองวันนี้ ทุกอย่างมันคงระเบิดออกมา

“พี่น้ำอยากร้องก็ร้องออกมานะครับ ร้องออกมาให้พอ ไม่ต้องอาย เพราะนี่มันร่างผม” ผมพูด

ผมขยับตัวเข้าไปใกล้พี่น้ำ สองมือโปร่งแสงขยับเข้าไปกอดร่างของตัวเองปลอบใจแม้มันจะสัมผัสไม่โดนก็ตามที

ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ผมกอดร่างตัวเองที่กอดเข่าก้มหน้าสะอื้นอยู่อย่างนั้นจนสงบลง แต่รู้ตัวอีกทีพี่น้ำก็เงยหน้าขึ้นมาแล้ว ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตากับดวงตาแดง ๆ ทั้งสองข้าง จะพูดว่าโรแมนติกก็คงจะไม่ใช่ เพราะผมเห็นหน้าตัวเองเต็ม ๆ

บอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าระยะเวลาแค่สองวันจะทำให้ผมรู้สึกดีกับพี่น้ำขนาดนี้ มันยังไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน กับกี้มันเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่ปลื้มนักร้องหรือดาราผู้หญิงดัง ๆ แต่กับคนคนนี้

มันไม่ใช่ ...

“ดีขึ้นแล้วนะครับ” ผมถามพี่น้ำออกไป เจ้าตัวพยักหน้าเบา ๆ

“พี่ลุกไปเปิดม่านไหวไหมครับ”

พี่น้ำไม่ตอบ ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงเดินลากสายน้ำเกลือไปยังด้านข้างของห้องเพื่อเปิดม่านตามที่ผมบอก

“ให้พี่เปิดม่านทำไมอิฐ” พี่น้ำถามผมก่อนเดินกลับไปนั่งที่เตียง มองตรงไปข้างหน้า

เมื่อมองออกไปด้านนอกของม่านตอนนี้ ผ่านกระจกบานใหญ่ ข้างนอกเต็มไปด้วยความมืดมิดในยามวิกาล ตอนนี้ท้องฟ้าแทบจะไม่มีแสงด้วยซ้ำ ไม่มีแม้กระทั่งดาวให้ดู

“ผมอยากให้พี่ดูอะไรสักหน่อย” ผมบอกพี่เขาไปก่อนส่งยิ้มให้

“ไม่เห็นเห็นอะไรเลย มีแต่ความมืด” พี่น้ำตอบกลับมาเบา ๆ

“พี่ไม่เห็นอะไรเลยหรอครับ แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่ามันมืด” ผมถามพี่น้ำกลับ เจ้าตัวมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ ผมเลยพูดต่อ

“มีคนเคยบอกผมว่า ต่อให้เป็นที่ที่มืดมิดที่สุด อย่างน้อยมันก็มีแสงสว่างอื่นให้มองเห็นอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกมองมันหรือเปล่า มันก็เหมือนกับชีวิตคนเราแหละครับ เมื่อไรที่มันมีเรื่องร้าย ๆ ผ่านเข้ามา มันก็ย่อมมีเรื่องดี ๆ ผ่านเข้ามาด้วยแม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม พี่ลองมองไปด้านล่างซิครับ”

ภาพแสงไฟสีส้มมากมายของการจราจรในเมืองยังคงคับคั่ง มันอาจไม่ได้เป็นภาพที่สวยงามมากนัก แต่ผมคิดว่ามันน่าจะทำให้พี่น้ำคิดอะไรได้บ้าง

“มันมีแสงสว่างถูกไหมครับ ?”

พี่น้ำไม่ตอบอะไรกลับมา แต่เลือกที่จะส่งยิ้มให้ผมแทน ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด