ตอนที่แล้วบทที่ 80 แน่ใจว่าเป็นเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 82 เสียงถอนใจของหยุนปิง

บทที่ 81 ลืมตาตื่น


ตอนที่เย่โม่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว  เขารู้สึกว่าในอ้อมกอดเขามีคนนอนอยู่   ต่อให้ไม่มีแสงไฟแต่ด้วยจิตสัมผัสเย่โม่ก็รู้ว่าที่แท้ก็คือหยุนปิงนั่นเอง

ก่อนหน้าที่เย่โม่จะสลบไปเป็นครั้งที่ 2 เขารู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่กับหยุนปิงดังนั้นจึงได้นอนหลับเพื่อฟื้นฟูร่างกาย  เพราะหากไม่ทำอย่างนั้นผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายคงหนักหนาสาหัส  อาจทำให้ภายหลังตัวเขาไม่สามารถไปถึงระดับ 3 ได้เลยทีเดียว

ดังนั้นหลังจากพบว่าหยุนปิงอยู่ในอ้อมอกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก  เขากลับไปเดินลมปราณฟื้นฟูร่างกายโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว  เย่โม่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานเท่าไหร่  เขาคิดไม่ถึงว่าตอนที่เขาตื่นมาหยุนปิงจะมานอนกับเขาแบบนี้

แต่ใช้เวลาไม่นานเย่โม่ก็เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้  หยุนปิงตอนแรกคงคิดจะนอนอยู่ข้างเตียงชั่วคราว   แต่เพราะผลอยหลับไปและอากาศตอนกลางคืนก็หนาวเย็นอยู่บ้าง  เธอจึงเข้ามามุดผ้าห่มโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแบบนี้   แค่ดูจากเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ถอดของเธอก็พอจะเดาได้  ดูเหมือนว่า 2-3 วันมานี้เธอคงจะหลับไม่เต็มอิ่มนัก

ถึงแม้เย่โม่จะรู้แก่ใจว่าหยุนปิงช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อคืน  แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหยุนปิงถึงหาเขาเจอตอนเช้ามืดได้แบบนั้น  อีกอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอก็ถือว่าแย่มาก  เธอเกลียดเขาด้วยซ้ำ  แล้วทำไมเธอถึงเต็มใจจะช่วยเขาแบบนี้?

เย่โม่คลุมผ้าห่มให้กับหยุนปิง  เขาดึงมือของเธอออกเพื่อเตรียมจะลงจากเตียง  ไม่ว่าหยุนปิงจะช่วยเขาเพราะอะไรก็ตาม...เขาไม่อาจจะอยู่ที่นี่ได้  หากว่าเธอตื่นขึ้นมาแล้วหาเรื่องเขาล่ะก็...เขากลัวจะพลั้งมือทำร้ายเธอ  ถึงยังไงหยุนปิงก็ช่วยชีวิตเขาไว้  ถ้าเธอไม่พอเขากลับมาล่ะก็...ไม่ว่าใครเป็นคนพบเขาเรื่องจะต้องจบไม่สวยแน่นอน

ครั้งนี้เขาประมาทศัตรูมากไปหน่อย  ถึงในใจเย่โม่จะรู้ดีว่าฝีมีระดับเขาสำหรับที่นี่แล้วยังไม่อาจนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือ  แต่เมื่อได้พบกับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือจริงๆ แล้วเขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี  เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีผู้ฝึกลมปราณ...

ขณะที่เย่โม่กำลังจะลุกออกจากเตียงนั้น  เขากลับพบว่ามุมเสื้อของตัวเองถูกหยุนปิงจับไว้แน่นอีกครั้ง  เย่โม่ตรวจสอบอาการของตัวเอง...กระดูกมือที่แตกนั้นเขาฟื้นฟูด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว  ส่วนแผลบนหลังก็ได้หยุนปิงใช้ยาอะไรสักอย่างทาไว้ 1 ชั้น  เมื่อรวมกันกับลมปราณที่เขาใช้ฟื้นฟูบาดแผล...ตอนนี้เขาฟื้นสภาพกลับมาเกือบจะสมบูรณ์แล้ว

ทว่าเมื่อมองเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเขากลับรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดอยู่บ้าง  เย่โม่กระทั่งสงสัยว่านี่คือเสื้อของหยุนปิงใช่หรือไม่  ตอนนี้เขาขี้เกียจจะดึงมือหยุนปิงออกแล้ว  เขาถอดเสื้อออกด้วยความอึดอัดลำบากใจเล็กน้อย  เย่โม่นึกถึงกระเป๋าสะพายของตัวเองใบนั้น...ไม่รู้ว่าหยุนปิงได้เอากลับมาด้วยหรือไม่  ต้องรู้ก่อนว่าของทุกอย่างของเขาอยู่ในกระเป๋าใบนั้น

ข้างในกระเป๋ามีทั้งเงิน  เสื้อผ้า  บัตรประชาชน  นี่ยังไม่รวมพวกยาต่างๆ ด้วย  อันที่จริงแล้วของพวกนี้ยังไม่ถือว่าสำคัญมากมาย  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือในนั้นยังมี ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ ด้วย  หากเมล็ดเหล่านั้นหายไปเขาก็จบกัน  ทั้งยังมี ‘เถาวัลย์หัวใจม่วง’ ด้วย

คิดถึงตรงนี้เย่โม่ก็รีบแผ่จิตสัมผัสออกไปทันที  ในใจกระตุกวาบ  เย่โม่ไม่พบกระเป๋าของเขาภายในห้องเลย  สมมติว่าหยุนปิงไม่ได้เอากระเป๋าของเขามาด้วย...งั้นตอนนี้เขาก็ไม่มีทั้งเสื้อผ้า  แม้แต่เงินก็ยังไม่มีเลย

เมื่อไม่พบกระเป๋าของตัวเอง  เย่โม่ก็เตรียมจะออกไปตามหาทันที  ถึงยังไงของในนั้นก็สำคัญสำหรับเขามาก  เพียงแต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องถามอะไรบางอย่างจากหยุนปิงก่อน

เย่โม่ไม่สนใจว่าหยุนปิงกำลังหลับอยู่  เขารีบเขย่าตัวเธอทันที

“อืม....”  หยุนปิงถูกเย่โม่เขย่าจนตื่น  เธอร้องอืมออกมา  แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกตัวว่าคนที่ปลุกเธอก็คือเย่โม่นั่นเอง  เธอรีบเอามือปิดปากของตัวเองทันที  ทว่าตอนที่เธอยกมือขึ้นมาก็พบว่ามือของเธอกำเสื้อเอาไว้ตัวหนึ่ง  อีกทั้งเสื้อตัวนี้ยังเป็นตัวเดียวกันกับที่เธอช่วยสวมให้เย่โม่ด้วย

หยุนปิงหน้าแดง  เธอยันตัวขึ้นมาด้วยความขัดเขิน  “นายตื่นแล้วหรือ?”

เย่โม่พยักหน้า  “อืม  ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมไว้  ผมอยากรู้ว่าเธอได้เอากระเป๋าสะพายของผมติดมาด้วยหรือเปล่า?”

“กระเป๋า?”  หยุนปิงขมวดคิ้วมุ่น  เมื่อคืนตอนที่เธอลากตัวเย่โม่ขึ้นรถ...มือของเขากำอะไรไว้อยู่ด้วย  แต่เธอก็ไม่ได้สังเกตให้ละเอียดอะไร  เธอแค่ยัดๆ เข้าไปในรถเท่านั้น  หยุนปิงก็ไม่แน่ใจว่านั่นใช่ของที่เย่โม่กำลังหาหรือไม่  ในเมื่อเย่โม่พอตื่นมาก็ถามถึงกระเป๋าใบนั้นเลย...นั่นแปลว่าคงสำคัญกับเขามาก

หยุนปิงเปิดไฟตรงหัวเตียงทันที  เธอมองไปยังเย่โม่ที่นั่งหน้านิ่วคิ้วหมวดอยู่ข้างๆ เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมา  ชายหญิง 2 คนนั่งติดกันบนเตียงกลางค่ำกลางคืนแบบนี้...อีกทั้งเย่โม่ยังไม่สวมเสื้อด้วย  พวกเขาดูเหมือนคู่สามีภรรยากันจริงๆ

หยุนปิงคิดถึงบทความบทหนึ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน  ใครเขียนมันเธอก็ลืมไปแล้ว  มันเขียนบรรยายสถานการณ์ในตอนนี้  สามีลุกขึ้นนั่งในกลางดึก  เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ  คิ้วของยิ่งขมวดมุ่น  ฉันรู้ดี...เขากำลังกังวลเรื่องค่าเรียนของลูกชาย...

ลูกชาย?  หยุนปิงคิดถึงลูกสาวของเธอถิงถิงขึ้นมาทันที  คนครอบครัวนั้นใจร้ายจริงๆ  ผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังไม่ยอมให้เธอพบหน้าลูกสาวเลยสักครั้ง

“เธอเป็นอะไรไป?”  เย่โม่มองสีหน้าอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาของหยุนปิงด้วยความประหลาดใจ   แต่เขาก็ไม่รอให้หยุนปิงตอบกลับมา  เขาถามขึ้นอีกครั้ง  “เธอคิดออกหรือยังว่ากระเป๋าใบนั้นวางไว้ไหน?”

“อา...”  หยุนปิงได้สติกลับมาทันที  เธอไม่คิดว่าตัวเองจะใจลอยแบบนี้  เธอรีบพูดทันที  “ฉันจำได้ว่ามีของอย่างหนึ่งทิ้งไว้ในรถ  ไม่รู้ว่าใช่กระเป๋าที่นายหาไหม  ตอนนั้นค่อนข้างรีบน่ะเลยลืมสังเกต  เดี๋ยวฉันไปดูที่รถให้”

พูดจบเธอก็เตรียมจะลุกขึ้นทันที

แต่เย่โม่กลับพูดขึ้น  “รอเดี๋ยว…ให้ผมไปเองเถอะ  เธอบอกมาว่ารถจอดอยู่ที่ไหนก็พอแล้ว”

หยุนปิงรีบส่ายหัว  “นายห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด!  ตอนนี้ข้างนอกมีประกาศจับนายอยู่ทุกที่   ออกไปตอนนี้ก็โดนจับกันพอดี!”

“เธอรู้หรือว่าฉันทำอะไรไป?”  เย่โม่มองหยุนปิงด้วยความประหลาดใจ  คิดในใจว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าเขาฆ่าซ่งเฉ่าถาน?

หยุนปิงกลอกตาใส่เย่โม่  “เมื่อวานช่วงเช้ามืดในหนิงไห่มีคนพบศพของชาย 6 คนถูกฆ่าตายในคฤหาสน์หลังหนึ่ง  อย่าปฏิเสธเชียว…ตอนที่ฉันออกไปตามหานายก็เห็นนายบนถนนแล้ว  เย่โม่...นายก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว  การฆ่าคนใช่เรื่องที่สมควรทำไหม?  ใช้สมองคิดหน่อยสิ!  ความหุนหันมันไม่ดีหรอก...เห้อ  ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจากนี้นายต้องทำยังไงต่อ  แต่รู้ว่านายคงต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ แล้วล่ะ”

พูดจบหยุนปิงก็ส่ายหัว  ถึงแม้เธอจะชื่นชมที่เย่โม่ช่วยชีวิตคนอื่น  แต่กับความหุนหันพลันแล่นของเขาที่ฆ่าไป 6 ศพแล้ว...มาตอนนี้เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออยู่ดี

เย่โม่ไม่สนใจประโยคหลังๆ ของหยุนปิงแม้แต่น้อย  เขาถามเพียงว่า  “เธอรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นคนฆ่า?  แล้วเธอตามหาผมทำไม?  อีกอย่าง...เธอรู้ที่อยู่ของผมได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินที่เย่โม่พูด  หยุนปิงก็แสดงสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย  “เย่โม่...ขอโทษนะ...ที่ฉันตามหานายก็เพราะต้องการจะขอโทษเท่านั้น  วันนั้นนายช่วยชีวิตฉันเอาไว้  ฉันเพิ่งจะมารู้ทีหลังก็ตอนดูคลิปจากกล้องอันนั้นแหละ  เมื่อวานที่ฉันตัดสินใจออกไปตามหานายก็เพราะฉันเห็นจากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยว่าชืออิ่งคนนั้นคล้ายกับนายมาก  วันนั้นฉันจึงขับรถไปมหาวิทยาลัยแบบนั้น  คิดไม่ถึงว่าจะเจอนายอยู่กลางถนน”

“เหมือนผมมาก?”  เย่โม่คิดในใจว่าตอนนั้นเขาก็ใช้พลังปราณคลุมใบหน้าไว้ชั้นหนึ่งแล้ว  ควรจะถ่ายหน้าเขาได้ไม่ชัดสิถึงจะถูก  หยุนปิงจำเข้าได้ยังไง?

“ฉันรู้สึกว่ารูปร่างของเขาคล้ายกับนายอยู่บ้าง  เพราะแบบนี้ฉันจึงออกไปหานาย  บอกฉันหน่อยสิ...ตกลงว่านายคือชืออิ่งใช่ไหม?”  หยุนปิงพูดถึงตรงนี้ก็เหมือนจะลืมเรื่องอื่นไปทั้งหมดเสียแล้ว

เย่โม่พยักหน้ายอมรับ  เข้าใจแล้วว่าทำไมหยุนปิงถึงอยากช่วยชีวิตเขา  ทั้งยังไม่หาเรื่องเขาอีก   สาเหตุก็เพราะ SD การ์ดในกล้องอันนั้นเอง

“ในเมื่อเธอรู้แล้วว่าผมเป็นฆาตกร  ทำไมถึงไม่กลัวล่ะ?  เธอใจเย็นแบบนี้ทุกครั้งที่เจอฆาตกรหรือเปล่า?”  อยู่ๆ เย่โม่ก็ถามขึ้น

หยุนปิงนิ่งงันไป  เธอไม่รู้สึกหวาดกลัวเย่โม่จริงอย่างที่เขาว่า  เธอเพียงรู้สึกเป็นห่วงเขาก็เท่านั้น  ไม่เคยคิดเรื่องนี้ในหัวเลยด้วยซ้ำ  เธอกล้าหาญขนาดนั้นเลยหรือ?  แต่เวลาเธออยู่กับเย่โม่นั้นเธอไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิดเดียว  พอเขาถามแบบนี้เธอก็ส่ายหัวโดยอัตโนมัติ  “ฉันแค่เป็นห่วงนายเท่านั้น  ไม่กลัวหรอก  บางที...บางทีเพราะนายเคยช่วยฉันไว้  หรือไม่ก็เพราะนายฆ่าคนที่สมควรตาย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด