บทที่ 18 - เด็กน้อยผู้โตก่อนวัย
บทที่ 18 - เด็กน้อยผู้โตก่อนวัย
ลักษณะภายนอกของเด็กชายนั้นดูธรรมดามาก แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นถึงปรมาจารย์ดาบ!
สำนักพินิจดาบเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดในรัศมีหนึ่งพันไมล์ อำนาจของสำนักนั้นมีมากเกินพรรณนา
เด็กชายแต่งกายธรรมดาและไม่ได้ดูเป็นคนสำคัญแต่อย่างใด แต่ทักษะการใช้ดาบของเขานั้นน่าทึ่งมาก หรือว่าพวกศิษย์ของสำนักพินิจดาบจะมีพรสวรรค์แบบนี้กันหมดนะ
ทุกคนกำลังตกตะลึง
เคร้ง!
สิ้นเสียงนั้นก็มีประกายไฟปะทุขึ้นในการต่อสู้
นี่เป็นครั้งแรกที่ดาบเปื้อนสนิมของติงโฮวและดาบของเฉินหวูปะทะกัน ดาบทั้งสองประสานกันและแยกออกในทันที
ติงโฮวเสียหลักเล็กน้อย แต่เขาไม่แสดงท่าทีใด ๆ ยังคงถือดาบและยืนอยู่ที่จุดเดิม ส่วนเฉินหวูนั้นพลาดท่าถอยหลังไปสี่ถึงห้าก้าว ใบหน้าเป็นสีแดงและเขาลุกขึ้นตั้งหลักอีกครั้ง
เฉินหวูหายใจเร็วขึ้น ปลายของดาบที่เขาถืออยู่ในมือนั้นพุ่งลงที่พื้น อันเป็นธรรมเนียมทั่วไปในการประกาศความพ่ายแพ้แก่คู่ต่อสู้ เฉินหวูชนกำปั้นทั้งสองของเขาเข้าหากันแล้วพูดขึ้นว่า “สหายอ๋ย เจ้าใช้ดาบได้เก่งมาก ข้า...เฉินหวูได้รับบทเรียนแล้ว” พูดจบเขาก็เดินกลับไปรวมกลุ่มกับพวกทหารที่อยู่ไกลออกไป
เฉินหวูแพ้?!
ชายร่างกำยำเซียวเฉิงซวน ผู้เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ ๆ มาตลอด มีแววประหลาดในตาของเขา ส่วนลี่คันหยางนั้นก็อึ้งจนพูดไม่ออก
ทั้งสองคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับติงโฮวและได้รับการศึกษาอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาคิดว่าตัวเองโดดเด่นกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับชายที่ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ตรงหน้า พวกเขาเกรงว่าจะไม่สามารถต่อกรกับดาบที่ว่องไวราวกับสายฟ้าของติงโฮวได้
ลี่ยี่โหรวผู้เย่อหยิ่งเบิกตากว้างและจ้องไปที่เขา นางแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เจ้ายังเด็กนัก แต่กลับโอหังและงี่เง่า เจ้าทำให้คนอื่นอับอายไปทั่วเพียงเพราะเรื่องเล็ก ๆ แค่เพราะเจ้ามีอำนาจ คนอย่างเจ้าผ่านคุณสมบัติของสำนักพินิจดาบมาได้ยังไงกัน จำเอาไว้นะ แค่เพราะครอบครัวเจ้ามีอำนาจ ไม่ได้แปลว่าเขาจะปกป้องศักดิ์ศรีที่น่าสมเพชของเจ้าไปได้ตลอดหรอก ถ้าเจ้ายังไม่เลิกนิสัยแย่ ๆ วันนึงความจองหองของเจ้าจะทำลายเจ้าและครอบครัว!”
ติงโฮวมองลี่ยี่โหรวอย่างเย็นชาขณะตำหนินาง
หญิงสาวผู้สวยงามและเปราะบางดั่งดอกไม้ได้ร่วงโรยลงด้วยคำพูดของติงโฮว นางรู้สึกโกรธเหลือเกินแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ลี่ยี่โหรวรู้สึกกลัวขนาดนี้
เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มีเพียงแค่ทักษะการใช้ดาบที่น่าทึ่ง ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือเขาเปล่งยังมีรังสีที่สง่างามและน่าเกรงขาม ไม่ว่าลี่ยี่โหรวจะคิดเข้าข้างตัวเองขนาดไหน นางก็ยังรู้สึกด้อยกว่าเขาอยู่ดี ความรู้สึกนั้นแผ่ไปทั่ว ลี่ยี่โหรวก้มหน้าลงและไม่กล้าเอ่ยปากใด ๆ อีก
ติงโฮวหัวเราะเสียงดัง เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
ชั่วอึดใจต่อมา เขาหันหลังกลับไปช่วยเด็กหญิงปริศนากับเด็กน้อยผู้มีผมทรงเขาแพะ และพวกเขาพากันเดินออกห่างไปจากบริเวณนั้น
กว่าลี่ยี่โหรวจะรู้สึกตัว ติงโฮวก็เดินไปไกลเสียแล้ว นางไม่อยากจะเชื่อว่าชายคนนั้นได้สั่งสอนโดยที่นางไม่ยอกย้อนเลยสักคำ ลี่ยี่โหรวกัดฟันกรอดและส่งเสียงด่าเขาอย่างโกรธแค้น “สารเลว วันนึงแกจะต้องเสียใจ” ทว่าครั้งนี้นางไม่กล้าพูดเสียงดังเหมือนเดิมอีกแล้ว ลี่ยี่โหรวยังคงกลัวว่าติงโฮวจะได้ยินเข้าและตอนนี้นางรู้สึกโกรธมากเหลือเกิน
ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมหลังจากนั้น
อาจเพราะเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เมื่อครู่ ตอนนี้ทุกคนจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนไปหมด
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทหารจากซีหยางและชิงหยางจึงไม่ปักหลักที่บ่อน้ำดาบบริสุทธิ์นานมากนัก หลังจากกินมื้อเที่ยงอย่างเร่งรีบแล้ว พวกเขาก็เก็บของและออกเดินไปยังเทือกเขาต่อไปทันที
…
ใกล้กับบ่อน้ำดาบพิสุทธิ์
ติงโฮวเริ่มยืนไม่อยู่หลังจากทหารทั้งสองกลุ่มเดินจากไปแล้ว ใบหน้าของเขาซีดขาว นิ้วทั้งห้ามีเลือดไหลอาบ เขาพับแขนเสื้อขึ้น ทำให้เห็นเส้นเลือดสีเขียวที่แตกออกบนแขนขวาซึ่งมีแผลเต็มไปหมด
มันเกิดจากพลังลมปราณจากดาบเล่มยาวของเฉินหวู
พลังที่แท้จริงของทหารไว้หนวดคนนั้นมีมากกว่าผู้ฝึกฝนสามจุดชีพจรเสียอีก เขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าติงโฮวถึง 3 ขั้น มันเป็นขั้นสุดท้ายก่อนเข้าสู่ขั้นก่อเกิดยุทธ์อย่างเต็มตัว
ถ้าไม่เกิดปาฏิหาริย์ให้เขาได้ไปเจอกับถ้ำใต้เหวนรกในวันนั้นที่ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวเช่นนี้ แขนของติงโฮวคงแตกเป็นเสี่ยงไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ดาบทั้งสองปะทะกัน
“ความแข็งแกร่งของร่างกายข้ามีมากกว่าทหารคนนั้น ข้าจึงทำให้เขาถอยหลังไปได้ด้วยการใช้พลังเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าพูดถึงลมปราณ ข้ากับเขายังต่างกันอยู่มากทีเดียว ข้าคงต้องบาดเจ็บอยู่เรื่อย ๆ เมื่อเจอกับเขา แต่ด้วยประสบการณ์การรบที่มีตอนนี้ จริง ๆ ข้าเองก็ได้เรียนรู้มามากพอควรเหมือนกัน”
ติงโฮวหลับตาลงและนั่งไขว่ห้างอยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำ เขาคิดถึงสิ่งที่ได้มาและเสียไปในการต่อสู้อย่างเงียบ ๆ
ในระหว่างนั้น เด็กชายก็เคลื่อนพลังลมปราณในกะบังลมไปด้วยเพื่อฟื้นฟูแขนที่บาดเจ็บ แต่แล้วจู่ ๆ แขนของเขาก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา
ติงโฮวลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ
เขาเห็นเด็กหญิงปริศนาผู้มีผิวสีแทนและตัวผอมแห้งอยู่ตรงหน้า นางก้มต่ำลงและใช้ผ้าสะอาดเก่า ๆ เช็ดแผลของติงโฮวอยู่เงียบ ๆ อย่างเบามือ
“ท่านเป็นอะไรไหมเจ้าคะ”
เมื่อนางเห็นว่าติงโฮวลืมตาขึ้น เด็กหญิงปริศนาที่ก้มหน้าเงียบมาตลอดก็ส่งเสียงใสที่ชัดเจนขึ้น ช่างเป็นเสียงที่น่าฟังราวกับเสียงของไข่มุกที่หล่นลงกระทบกับหยก เป็นเสียงของนางฟ้าชัด ๆ
ติงโฮวนิ่งไป เขาไม่คิดว่าเด็กหญิงตัวผอมแห้งจะมีเสียงที่ไพเราะเช่นนี้
แต่ขณะเด็กหญิงถูกเฆี่ยนด้วยแส้ของสาวใช้ชิวชวงนั้นนางกลับไม่เปล่งเสียงแม้แต่น้อย ติงโฮวคิดว่านางเป็นใบ้เสียอีก
“ไม่เป็นไร แค่แผลเล็ก ๆ ข้าทำเองได้”
ติงโฮวหยิบผ้าเปียกมาจากนาง เขาย้ายไปนั่งที่ข้างบ่อน้ำและทำความสะอาดแผลบนแขนของตัวเอง
หลังจากที่ได้ไปเจอกับถ้ำที่น่าสงสัยนั้น ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นและยังฟื้นตัวได้เร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ตอนนี้แผลของเขาหายไปเกือบหมดแล้ว
“ขะ...ขอบคุณนะเจ้าค่ะ” เด็กหญิงปริศนาพูดอย่างนุ่มนวล
“ด้วยความยินดี” ติงโฮวหยุดลงที่ข้างบ่อน้ำแล้วก้มลงล้างหน้า เขาถามต่อด้วยความสงสัย “นี่เจ้า มาที่นี่เพื่อสอบเข้าสำนักพินิจดาบหรือเปล่า”
“ใช่เจ้าค่ะ”
“เจ้าพาน้องมาเดินในป่านี่ตามลำพังงั้นเหรอ”
“ใช่เจ้าค่ะ”
ติงโฮวหายใจลึก ๆ เอาอากาศเย็น ๆ เข้าไปเต็มปอด
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เขายิ้มและพูดว่า “เจ้าโชคดีมากนะที่ไม่เจอกับพวกสัตว์ร้ายน่ะ”
ไม่อย่างนั้น ด้วยพละกำลังอันน้อยนิดของเด็กหญิง นางคงไม่สามารถหนีจากพวกมันได้ แม้แต่สัตว์ร้ายที่ตัวเล็กและอ่อนแอที่สุดก็สามารถฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ ได้ในพริบตาเดียว แต่ดูจากแผลและเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของนางแล้ว ระหว่างทางคงลำบากมากทีเดียว ฝ่ามือและเท่าที่เปลือยเปล่าของเด็กหญิงมีแต่เลือดและรอยแผลเต็มไปหมด
ติงโฮวหยุดคิดและหยิบถุงเล็ก ๆ ที่เขาเอาไว้ใส่ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยออกมา เขาหยิบเอาชุดสะอาดที่ทำจากผ้าหยาบ ๆ ส่งให้เด็กหญิงและพูดว่า “หลังต้นไม้ตรงนั้นมีสระน้ำตื้นอยู่ ไปล้างดินออกจากตัวเจ้าแล้วเปลี่ยนชุดซะ เจ้าจะเข้าร่วมการสอบในสภาพนี้ไม่ได้หรอก”
เด็กหญิงลังเลเล็กน้อยแล้วขอบคุณเขาด้วยเสียงเบา ๆ นางรับผ้านั้นมาอย่างไม่เหนียมอาย เด็กหญิงกลับหลังหันและตรงไปยังด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น ไม่นานก็มีเสียงสาดน้ำดังมาจากสระ
ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยที่มีผมเขาแพะแอบอยู่ในตะกร้ามาตลอดทำให้ตัวนางไม่เปื้อน เสื้อผ้าของนางยังคงสะอาดหมดจดดี
เด็กน้อยกะพริบตาสีดำราวกับไข่มุกของนางขณะกำลังกินอาหารแห้งของติงโฮวอย่าหิวโหย นางพูดขึ้นอย่างเป็นกันเอง “พี่ชาย พี่เจ๋งมากเลย พี่ใช้ดาบได้สุดยอดแล้วยังหล่ออีกด้วย หนูพาไปรู้จักผู้หญิงสวย ๆ เอาไหม”
ติงโฮวเกือบจะพ่นอาหารออกมา
เด็กน้อยคงฉลาดมากทีเดียว นางอายุแค่สองหรือสามขวบเท่านั้นแต่กลับกินขนมปังเนื้อด้วยตัวเองได้แล้ว นางยังรู้จักคิดและพูดชัดถ้อยชัดคำอีกด้วย หรือเด็กเดี๋ยวนี้โตไวกันหมดแล้วนะ