ตอนที่แล้วDH บทที่ 16 - หันคมดาบเข้าหาความอยุติธรรม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 - เด็กน้อยผู้โตก่อนวัย

บทที่ 17 - ศัตรูแกร่งขึ้นเช่นไร ข้าก็แกร่งขึ้นเช่นนั้น


บทที่ 17 - ศัตรูแกร่งขึ้นเช่นไร ข้าก็แกร่งขึ้นเช่นนั้น

แน่นอนว่าเซียวเฉิงซวนส่งเสียงเชียร์ก็เพื่อให้ลี่คันหยางและพรรคพวกจากซีหยางรู้สึกอับอาย

การต่อสู้ของติงโฮวทำให้ลี่ยี่โหรวผู้เย่อหยิ่งและเย็นชารู้สึกโกรธขึ้นมา

“เจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำร้ายสาวใช้ของข้า”

ลี่ยี่โหรวเปลี่ยนมาใส่รองเท้าบู๊ท ชุดนักรบหญิงสีขาวของนางเผยให้เห็นทรวดทรงและรูปร่างเซ็กซี่ที่ไม่เหมือนกับรูปร่างของเด็กหญิงอายุ 14 หรือ 15 ปีเลยแม้แต่น้อย บนใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็น นางดูยิ่งใหญ่และภาคภูมิอย่างนกยูง ส่วนดวงตานั้นช่างดูชั่วร้าย

“พวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งเสียงดังหรือต่อสู้ใกล้กับบ่อน้ำดาบพิสุทธิ์ของสำนักพินิจดาบนะ” ติงโฮวเองก็เป็นคนดื้อรั้น เขาหัวเราะเย็น ๆ แล้วพูดว่า “แต่ถ้านางกล้าขยับอีกครั้งละก็ ข้าจะทำมากกว่าให้นางเจ็บนะ”

ลี่คันหยาง เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าสีซีด เมื่อได้ยินดังนั้นก็คิดบางอย่างขึ้นได้และมันทำให้รู้สึกอ่อนแรงลงในทันใด เขาขมวดคิ้วแล้วถาม “เจ้าเป็นศิษย์สำนักพินิจดาบงั้นเหรอ”

ติงโฮวหัวเราะเยือกเย็นและไม่ปฏิเสธคำถามนั้น

“ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์สำนักพินิจดาบ งั้นข้าจะไม่ทำอะไรให้ยุ่งยากแล้วกัน ลูกพี่ลูกน้องของข้า ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นซะเถอะนะ” ดวงตาของลี่คันหยางเป็นประกาย ชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการสร้างศัตรูที่เป็นศิษย์ของสำนักพินิจดาบเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้

แม้ว่าซีหยางจะเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีอำนาจ แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับสำนักพินิจดาบที่มีอำนาจครอบคลุมทั่วอาณาบริเวณโดยรอบนี้ แม้แต่ศิษย์ระดับทั่วไปของสำนักยังสามารถเทียบชั้นกับปรมาจารย์หนุ่มของซีหยางได้ อีกทั้งเขาเองก็มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมสำนักพินิจดาบและเรียนรู้ทักษะ ไม่ใช่สร้างศัตรู ถึงแม้จะมีญาติเป็นผู้อาวุโสในสำนักคอยหนุนหลัง เขาก็ไม่ควรสร้างปัญหามากนัก

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเขาได้เห็นทักษะการใช้ดาบที่ลื่นไหลและเฉียบคมของติงโฮวและรู้แล้วว่าเขาต่างไปจากคนอื่น เขาคิดผิดไปว่าติงโฮวคือศิษย์ชั้นสูงของสำนักพินิจดาบ และเขาไม่อยากให้ติงโฮวกลายมาเป็นศัตรู

ใครจะไปรู้ว่าเจ้าหญิงที่เย่อหยิ่งอย่างลี่ยี่โหรวจะต้องมาอับอายด้วยฝีมือของติงโฮว นางโดนตามใจมาตลอดและไม่เคยยอมให้เรื่องเล็ก ๆ ผ่านไปได้เลย

เด็กสาวผู้เยือกเย็นจ้องเขม็งมาที่ติงโฮว สายตานั้นร้ายกาจและน่ากลัว นางจ้องติงโฮวเขม็งราวกับว่าต้องการจะจดจำเขาไปจนวันตาย ว่าแล้วนางก็แสยะยิ้มเย็นชาและพูดขึ้นว่า “ข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปถ้าเจ้าทำให้นังตัวดีนั่นมาคุกเข่าต่อหน้าข้าได้ และให้นางเลียดินโคลนพวกนี้ออกจากรองเท้าข้าด้วย”

ลี่คันหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหัวเราะเสียงดัง “อย่างนี้ก็ง่ายสิ นี่น้องชาย ทีนี้เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้าแล้วนะ ให้เด็กโสโครกนั่นมาเลียรองเท้านางซะแล้วเรื่องก็จะจบ”

เด็กหญิงปริศนาได้ยินเข้าพอดี ตาของนางเป็นประกายขึ้นด้วยความโกรธ แต่แย่หน่อยที่นางอ่อนแอกว่าจึงต้องยอมรับความอัปยศนี้ ไม่อย่างนั้นนางคงต้องโดนตีจนตาย

สุดท้ายแล้วโลกนี้ก็คงเป็นที่สำหรับให้คนแข็งแกร่งไว้ล่าเหยื่อผู้อ่อนแอเท่านั้นแหละ

นางผ่านความยากลำบากมากมายมาแล้วก่อนที่จะเดินทางผ่านป่าแห่งนี้และมาพบกับเทือกเขาใต้สำนักพินิจดาบ เด็กหญิงเดินทางไกลมาเรียนรู้ทักษะที่สำนักแห่งนี้เพื่อจะได้มีพลังมากพอที่จะไปเอาของของนางกลับคืนมา นางจะไม่ยอมแพ้เพียงเพราะเหตุการณ์เล็กน้อยแบบนี้หรอก

ขณะที่เด็กหญิงปริศนากำลังจะก้มลงยอมรับความอัปยศนั้น เสียงหัวเราะของติงโฮวก็ดังขึ้น

เด็กหญิงหันกลับไปมองติงโฮวด้วยความประหลาดใจ

จากนั้นเด็กหนุ่มตอบกลับอย่างหนักแน่น

“อย่าทำกับคนอื่นในสิ่งที่เจ้าไม่ต้องการให้คนอื่นทำกับเจ้าสิ บ่อน้ำดาบบพิสุทธิ์เป็นของสำนักพินิจดาบและไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของใคร มันจะเป็นไรไปถ้ามีใครใช้น้ำในนั้นทำความสะอาด สิ่งที่เจ้าต้องการน่ะมันงี่เง่า ให้อภัยดาบในมือข้าเถอะ ข้าเห็นด้วยกับเจ้าไม่ได้จริง ๆ!”

สายตาของติงโฮวดูเฉียบคม เขาไม่ได้ต้องการจะเคลื่อนไหวใด ๆ แต่เขาไม่สามารถยอมรับข้อตกลงนี้ได้จริง ๆ

“ไอ้สารเลว อย่ามาเสียใจทีหลังที่ปกป้องนังนี่ก็แล้วกัน” ลี่ยี่โหรวขู่ แม้ใบหน้านางจะสวยงามแต่จิตใจของนางนั้นช่างร้ายกาจนัก

ติงโฮวโกรธขึ้นสมอง

เขาหัวเราะและชักดาบเปื้อนสนิมจากด้านหลังมากวัดแกว่งอีกครั้ง ติงโฮวพูดขึ้นอย่างโอหัง “เห้อ เจ้านี่ยังเด็กอยู่แท้ ๆ แต่ก็ยังเที่ยวเรียกคนอื่นว่า ‘นังตัวดี’ ใบหน้าเจ้างามดั่งดอกไม้แต่เจ้ากลับมีจิตใจที่เป็นพิษอย่างอสรพิษ ข้าว่าเจ้าเองนั่นแหละที่เป็นนังตัวดี หึหึ ยังไงข้าก็ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ และถ้าเจ้าไม่ชอบ ก็เข้ามาสู้กับดาบในมือข้านี่!”

“เจ้า…”

ลี่ยี่โหรวตัวแข็งทื่อด้วยความโกรธ

นางถูกตามใจและทำให้เสียนิสัยมาตั้งแต่เด็ก ชายทั้งหลายที่ได้เห็นใบหน้าที่งดงามของนางต่างก็พยายามจะเข้าใกล้อย่างกับสุนัขที่อยากอาหาร พวกเขารุมล้อมนางทุกวันและทำตามใจนางทุกอย่าง ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มข้างบ่อน้ำดาบพิสุทธิ์ผู้ที่ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ คนนี้จะขัดใจนางหลายต่อหลายครั้งเพื่อเด็กหญิงตัวเปื้อนดินคนนั้น นี่เขาตาบอดหรืออย่างไร ?

“ตายซะเถอะ!”

ลี่ยี่โหรวรู้สึกอับอายอย่างมาก นางตะโกนขึ้นอย่างขุ่นเคือง “เฉินหวู แกรออะไรอยู่ล่ะ ฆ่ามันสิ! หั่นมันซะไม่ให้เหลือชิ้นดี!”

ชายร่างกำยำไว้หนวดนามว่า “เฉินหวู” ผู้เป็นผู้นำทหารของซีหยาง เมื่อได้ยินดังนั้น เขามองไปที่ลี่คันหยางอย่างกระอักกระอ่วน เด็กหนุ่มตรงหน้าดูเหมือนจะเป็นศิษย์ของสำนักพินิจดาบและเฉินหวูเองก็ไม่กล้าที่จะไปจาบจ้วงเขา

“เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว สหายเอ๋ย ข้าขอโทษด้วย ถ้าเจ้าตั้งรับการโจมตีของเฉินหวูได้ทั้งสามครั้ง เรื่องนี้จะจบลง” ลี่คันหยางพิจารณาสถานการณ์ เขาเองก็อยากให้ทหารทดสอบความสามารถของติงโฮวด้วยอยู่แล้ว การแข่งขันศิลปะการต่อสู้และเรียนรู้จากผู้อื่นถือเป็นเรื่องธรรมดาในดินแดนแห่งนี้

ติงโฮวหัวเราะเยือกเย็นและพูดเย้ย “ได้ คงดีเหมือนกันที่ข้าจะได้เห็นเลือดนักสู้ของพวกซีหยาง”

เฉินหวูได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาได้เห็นดาบของติงโฮวมาแล้วก่อนหน้านี้และนั่นทำให้เขาไม่กล้าสู้ด้วย เฉินหวูชักดาบจากข้างเอวและเริ่มออกกระบวนท่า “สหาย ข้าขอโทษ”

สิ้นคำ ดาบเล่มยาวก็สั่นสะท้านและกลายร่างเป็นดาบดอกไม้ห้าเล่มพุ่งทะลวงไปข้างหน้า

ติงโฮวไม่ป้องกันตัวแม้แต่น้อย

เด็กชายไม่ได้กลัวเลย เขาใช้วิชา “ก้าวย่างสะกดใจ” และต่อสู้อย่างคล่องตัว ร่างของเขาเปล่งประกายขึ้นและเคลื่อนหลบใบมีดไป ดาบเปื้อนสนิมในมือส่งเสียงและเขาเริ่มใช้กระบวนท่าเบื้องต้นอย่าง “ดาบผ่าเมฆา”

ดาบเปื้อนสนิมกลายร่างเป็นกลุ่มควันสีแดงแหวกอากาศออกราวกับลิ้นงูพิษ มันพุ่งตรงเข้าหาเฉินหวู

เฉินหวูมองดาบที่ไวราวกับสายฟ้านั้นแทบไม่ทัน เขากรีดร้องในใจและเบี่ยงตัวหลบอย่างไว

เฉินหวูก้าวถอยหลัง ทำให้ติงโฮวจับทางเขาได้

“วูบ!”

ดาบเปื้อนสนิมส่งเสียงหวีดหวิว

เมื่อเขาใช้กระบวนท่าที่ 13 “ดาบสลายวายุ” ดาบก็พลันส่องประกายวาบขึ้นและหรี่ลง ร่างของติงโฮวขยับเล็กน้อยและดาบเรืองแสงนั้นก็เคลื่อนที่ราวกับลม มันตรงเข้าห่อหุ้มจุดสำคัญบนร่างกายของเฉินหวูไว้ทั้งหมด

เฉินหวูตะลึงงัน เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยอมถอยกลับไปตั้งหลัก

ติงโฮวก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เขาตั้งใจจะทำให้คู่ต่อสู้หายใจไม่ออก ดาบเคลื่อนที่เร็วขึ้นทันทีเมื่อเขาเปลี่ยนเป็นกระบวนท่า “ดาบผกผัน”

แสงสีแดงห่อหุ่มบริเวณนั้นและเปล่งรังสีไปทั่วบริเวณ ดูเหมือนว่าติงโฮวจะเป็นผู้ได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้

แสงของดาบนั้นทำให้ผู้ฝึกยุทธจุดลมปราณที่สาม อย่างเฉินหวูให้หมุนเป็นวงกลม เขาเหงื่อออกท่วมร่าง เฉินหวูมีประสบการณ์ต่อกรกับปีศาจและสัตว์ร้ายมามากมาย แต่เมื่อต้องมาติดอยู่ในวงล้อมดาบที่น่ากลัวของติงโฮว เขากลับไม่มีโอกาสใช้ประสบการณ์เหล่านั้นแม้แต่น้อย

ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถแสดงทักษะได้อย่างเต็มเลยที่ในเหตุการณ์นี้

อันที่จริง ทักษะของเฉินหวูล้ำเลิศกว่าติงโฮวเสียอีก แต่เขาระวังตัวและไม่กล้าที่จะใช้มันทั้งหมด อีกอย่าง เขาก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องโจมตีคนที่เขาเข้าใจว่าเป็นศิษย์สำนักพินิจดาบ เพียงเพื่อสนองความต้องการของนายหญิง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปลดปล่อยพลังลมปราณออกมาทั้งหมด

แต่อีกสองคนที่เฝ้ามองดูการต่อสู้อยู่นั้นก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก

สำหรับพวกเขาแล้ว ติงโฮวเป็นแค่ปีศาจตนหนึ่งเท่านั้น เขาใช้แค่กระบวนท่าง่าย ๆ อย่าง “ดาบผกผัน” และไม่ได้ใช้พลังลมปราณด้วยซ้ำ เขาใช้เพียงทักษะดาบที่ไม่เหมือนใครเพื่อข่มเฉินหวูผู้แข็งแกร่งที่ผ่านการต่อสู้จนเกือบถึงแก่ชีวิตมาแล้ว ช่างน่ากังขาเสียจริง

วิถีดาบที่ลื่นไหลนั้นดูธรรมดามาก แต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของติงโฮวก็กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ มันเคลื่อนที่เร็วและช้าสลับกันไป ยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า หากใครมองนานเกินไปก็จะตาพร่ามัวและวิงเวียนทันที นี่เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าติงโฮวเข้าใจดาบเป็นอย่างดี