ตอนที่ 46 คิดครองบัลลังก์ในอีกสามเดือน (ฟรี)
ซุนฮก : ในช่วงปลายสุดท้ายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกเขาเป็นผู้นำทางการเมืองและนักยุทธศาสตร์ที่มีชื่อเสียง เขาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าของโจโฉและวีรบุรุษแดนเหนือ
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ระดับพลัง : ระดับ 3 ขั้นจักรพรรดิ ( เนื่องจากข้อจำกัดของระบบ พลังในปัจจุบันจึงอยู่ที่ระดับ 1 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ หากต้องการปลดล็อคโฮสต์จำเป็นจะต้องยกระดับขั้นพลังใหญ่เพื่อปลดล็อคระดับพลังห้าขั้นย่อย)
ความภักดี : 85
"ถือว่าไม่เลว!"
ลู่เฟิง รู้สึกพอใจกับข้อมูลของ ซุนฮก เขาเป็นถึงนักรบขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ สำหรับลู่เฟิงในปัจจุบันไม่เพียงแต่สามารถแก้ปัญหาของราชสำนักได้แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ระดับสูงอีกด้วย
นี่จะไม่ทำให้เขาดีใจได้อย่างไร!
"ระบบซุนฮกจะมาถึงในเวลาที่เหมาะสมสินะ"
"ขอแสดงความยินดีต่อโฮสต์ที่ตอบถูก แต่ไม่มีรางวัลให้!"
"..."
ฉันรู้แล้วน่า!
ลู่เฟิง ได้ถอนหายใจออกมา
จากนั้นเขาก็กล่าวถามระบบด้วยความสงสัย"ระบบทำไมฉันคิดว่าคุณค่อนข้างมีมนุษย์ธรรมมากขึ้นเมื่อเทียบกับแต่ก่อน มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปงั้นหรือ?"
"..."
ระบบไม่ได้ตอบคำถามของลู่เฟิง
หรือไม่เขาก็คิดว่ามันเป็นคำถามที่ไม่จำเป็น
ลู่เฟิงได้สั่นศีรษะและจ้องมองไปที่นอกหน้าต่างและบ่นพึมพัม"ซุนฮก นายจะมาหาฉันตอนไหนกันนะ?"
เขาได้กังวลเล็กน้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
...
ในคืนนั้นข่าวทั้งหมดจากเมืองหลวงได้ถูกส่งไปที่พำนักของราชาลู่เว่ยที่อยู่เมืองฉิวซาน
ลู่เว่ย ได้จ้องมองข่าวในมือและขมวดคิ้วเล็กน้อย"เจ้าจักรพรรดิน้อยนี่ถือว่าพอมีทักษะอยู่บ้าง เขาได้สังหารอาวุโสหลักของนิกายหยุนกงทั้งหมดและยังสังหารข้าราชบริพารไปมากกว่า 700 คนอย่างกล้าหาญ หลานชายของข้า ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ "
"ฝ่าบาท พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี ดูแล้ว จักรพรรดิน้อยนั่นคงไม่คิดจะปล่อยพวกเราไปอย่างแน่นอน!"คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้กล่าวถามด้วยความเคารพ
"เจ้ากังวล?"
ลู่เว่ยได้ยิ้มและตอบกลับ"ฤดูหนาวจะมาถึงในอีกสามเดือนเมื่อถึงเวลานั้นบัลลังก์ก็จะตกเป็นของข้า"
"แต่ฝ่าบาทพวกเราจะทำอย่างไรถ้าจักรพรรดิน้อยเคลื่อนไหวจัดการเราในช่วงสามเดือนที่จะถึงนี้?"
"ฮ่าฮ่า..."
ลู่เว่ย ราวกับได้ยินเรื่องตลก เขาได้หัวเราะและตอบกลับ"เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าราชาของเจ้าคนนี้มีทหารชั้นยอดหลายล้านคนและทหารม้าอีกหลายแสนคน ส่วน เจ้าจักรพรรดิน้อยนั่น มีกำลังพลเท่าไหร่ มากกว่า 300,000 เจ้าคิดว่าเขาจะกล้าลงมือหรือไม่?"
"ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นหลานชายของข้า ราชาคนนี้คงจะยกทัพไปบุกแล้ว! แต่ตอนนี้ ปล่อยให้มันเสวยสุขไปก่อนตลอดช่วงระยะเวลาสามเดือนที่เหลือนี้ หลังจากนั้น บัลลังก์ก็จะตกอยู่ในมือของข้าอย่างสมบูรณ์"
"ข้าน้อยเข้าใจแล้ว"
"เช่นนั้น ขอแสดงความยินดีต่อองค์จักรพรรดิองค์ใหม่ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน"
ในอาณาจักรหนานหยาน จะมีใครหาญกล้าพูดจาเช่นนี้ออกมาอีกนอกจากลุงของเขา
แม้ว่า ลู่เฟิง จะเป็นจักรพรรดิ
แต่ในใจของเหล่าทหารผู้ติดตามราชาเมกาทรอนลู่เว่ย ก็คิดว่า ฝ่าบาทของพวกเขาเป็นองค์จักรพรรดิมานานแล้ว
วันรุ่งขึ้นข่าวทั้งหมดได้แพร่สะพัดออกไป มีรายงานว่า โม่เต๋า ได้นำพาคนจากนิกายหยุนกงและข้าราชบริพารมากกว่า 700 คนก่อการกบฏ แต่เมื่อวานนี้ก็ถูกบัญชาจักรพรรดิสังหารอย่างไร้ความปราณี
มีข่าวลือว่าตระกูลของข้าราชบริพารเหล่านั้นล้วนถูกตัดศีรษะไปมากกว่า 80% ที่เหลือมีเพียงแต่หญิงสาวและคนเฒ่าชราเพียงเท่านั้น
เพียงชั่วข้ามคืนข่าวทั้งหมดก็เเพร่กระจายไปยังหลายอาณาจักร
ทั้งยังเป็นเรื่องถกเถียงกันจำนวนมาก
"หึ่ม องค์จักรพรรดิต้องเป็นคนแบบไหนกัน หลังจากขึ้นครองบัลลังก์ไม่กี่วัน ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับชู้สาวมากมายทั้งยังผ่านไปไม่ถึงเดือนก็ยังมีวีรกรรมสังหารเสนาบดีโม่เต๋าและข้าราชบริพารอีกจำนวนมาก หากปล่อยไปแบบนี้ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น"
ชายหนุ่มที่แต่งตัวชุดยาวสีขาวได้กล่าวพูดด้วยความโกรธ
"โอ้ว,ขุนนางจาง ท่านมีคความเกี่ยวข้องอะไรกับข้าราชบริพารที่ถูกสังหารหรือไม่ก็ญาติของท่านถูกสังหารไปหรือไม่?"
"ไร้สาระ ข้าแค่เพียงพูดถึงเรื่องการสังหารโหดขององค์จักรพรรดิมันเกี่ยวข้องอะไรกับญาติของข้า"
ขุนนางจางได้กล่าวพูดอย่างเย็นชา"หรือว่าเจ้าคิดว่าอาณาจักรหนานหยานจะอยู่ได้ด้วยการปกครองแบบทรราช ข้าเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีนี้อาณาจักรหนานหยานอาจจะถึงคราวจุดจบอย่างแท้จริง"
"จริงด้วยมีข้าราชบริพารต่างก็ถูกฆ่าตายไปมากกว่า 700 คน มันเป็นเรื่องยากที่จะฟื้นฟูอำนาจของราชสำนักกลับมา"
"เห็นด้วยข้าเชื่อว่ามีเพียงราชาเมกาทรอนเท่านั้นที่เหมาะจะกลายเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรหนานหยาน มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่อาณาจักรหนานหยานจะมีอนาคตที่สดใสได้"
"ไร้สาระ"
ทันทีที่คำพูดของชายคนนี้เงียบลงชายหนุ่มที่สะพายดาบยาวที่ข้างเอวก็ได้ลุกขึ้นจากตำแหน่งข้างหน้าต่างและจ้องมองไปที่คนเหล่านี้"พวกเจ้ากำลังดูหมิ่นฝ่าบาทอยู่ ในอดีตอาณาจักรหนานจะหาใครที่สามารถจัดการทำอะไรได้อย่างเด็ดขาดเท่ากับองค์จักรพรรดิคนปัจจุบัน พวกเจ้ากำลังทำให้ชื่อเสียงของพระองค์ด่างพร้อยพวกเจ้าจะต้องถูกลงโทษตามกระบวนกฏหมาย!"
"ฮึ"
ขุนนางจางได้จ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่สะพายดาบข้างเอวและตอบกลับ"ซุนฮก เจ้าจะไปรู้อะไร มีข้าราชบริพารมากกว่า 700 คนถูกฆ่าตาย เจ้าคิดว่าอาณาจักรจะสามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยการบริพารที่เหลือนี้หรือไม่?"
"เจ้าต่างหากที่ไม่รู้อะไร"
ซุนฮก ได้ยิ้มและตอบกลับอย่างเหยียดหยาม"ข้าราชบริพารกว่า 700 คนที่เจ้ากล่าวอ้างมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นพวกกบฏ องค์จักรพรรดิ รู้ว่าเก็บพวกเขาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ คนที่ไม่เห็นหัวองค์จักรพรรดิไม่เหมาะสมที่จะมีชีวิตอยู่ หากคนเหล่านี้หมดไป อาณาจักรหนานหยานของข้าจะต้องมีวันที่สดใสอย่างแน่นอน"
"ฮ่าฮ่า,พูดได้ดี"
ทันใดนั้นเสียงของชายวัยกลางคนก็ได้ดังขึ้น
หลังจากนั้น เจี๋ยสวี่ ก็เดินมาพร้อมกับกองทหารจินยี่เหว่ยเกือบหนึ่งโหล
"กองทหารจินยี่เหว่ย"
ขุนนางจางที่เห็นคนที่อยู่ด้านหลัง เจี๋ยสวี่ ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดษ เขารู้ว่ากองทหารจินยี่เหว่ย ได้นำคนไปสังหารตระกูลของข้าราชบริพารมากกว่า 700 คน เมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาทั้งหมดถือเป็นเพชฌฆาต ดี ๆ นี่เอง
และตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่นี่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาจะได้ยินสิ่งที่เขากำลังด่าจักรพรรดิ?
เจี๋ยสวี่ ได้จ้องมองไปที่ ซุนฮก ด้วยรอยยิ้ม"หนุ่มน้อย เจ้าค่อนข้างมีภูมิความรู้ที่ดี ข้าจะแนะนำเจ้าให้ให้ฝ่าบาท ถ้าเจ้ามีความสามารถมากพอเจ้าจะได้รับการตอบแทนที่เหมาะสมตามความสามารถอย่างแน่นอน"
ซุนฮก รู้สึกดีใจมากกก ความฝันตลอดชีวิตของเขาก็คือการเป็นหนึ่งในข้าราชบริพารชั้นสูง ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะทำเช่นนั้นแล้วเขาจะพลาดได้อย่างไร เขารีบตอบกลับทันที"ซุนฮก ขอบคุณปรมาจารย์เจี๋ย!"
เจี๋ยสวี่ ได้จ้องมองไปที่ ซุนฮก ด้วยความประหลาดใจและกล่าวถาม"เจ้ารู้จักข้า?"
"เบื้องหลังความสำเร็จของกองทหารจินยี่เหว่ย ก็คือ ปรมาจารย์เจี๋ย ทั้งยังมีข่าวลือบอกเล่าจำนวนมากเกี่ยวกับท่าน แม้ข้าจะไม่เคยพบท่านมาก่อน แต่จากอำนาจบารมีของท่านที่เปล่งออกมา ทำให้ข้ากระจ่างได้ในทันทีว่าท่านก็คือปรมาจารย์เจี๋ย"ซุนฮก ได้ยิ้มและตอบกลับ
"ฮ่าฮ่า,เจ้าไม่ธรรมดาจริง ๆ ที่สามารถรับรู้และคาดเดาตัวตนของข้าได้"เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มและตอบกลับ
"อำนาจบารมีของปรมาจารย์เจี๋ยนั้นได้แผ่ขยายไปทั่วเมืองหลวง คนที่ไม่รู้นี่สิแปลก!"
"ฮ่าฮ่า,น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ชื่อเสียงที่ดี!"เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มและตอบกลับ
ถูกต้องชื่อเสียงที่เเพร่ออกไปนั้นล้วนแล้วแต่ไปในทางที่ไม่ดี
ภายใต้การพูดเกินจริงของขุนนางเหล่านี้ เจี๋ยสวี่ ถือเป็นผู้รับใช้ที่ภักดีของจักรพรรดิทรราชลู่เฟิง
"เอาล่ะ เรื่องนี้ช่างมันเถอะ ตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าเข้าวังไปพบกับฝ่าบาท"เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มและตอบกลับ
"ขอรับ"
เจี๋ยสวี่ ได้พา ซุนฮก จากไป เหล่าขุนนางที่ด่าทอสาปแช่งจักรพรรดิก่อนหน้านี้ พวกเขาหวังว่ากองทหารจินยี่เหว่ยจะไม่ได้ยิน
แต่แน่นอนเพียงไม่นานกองทหารจินยี่เหว่ย ได้กำจัดคนไม่กี่คนที่กล้าดูหมิ่นจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว