DH บทที่ 15 - เด็กหนุ่มปริศนา
DH บทที่ 15 - เด็กหนุ่มปริศนา
ติงโฮวอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ
ถ้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอก เด็กสาวคนนี้ดูน่าทึ่งทีเดียว
แต่ความเย็นชาและเย่อหยิ่งทำให้นางดูเป็นธารน้ำแข็งที่เย็นเยือก แม้แต่ใบหน้าของนางยังดูราวกับว่าแตกต่างจากคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง มันทำให้ติงโฮวรู้สึกกระอักกระอ่วน
เด็กสาวผู้นี้ต้องเป็นญาติที่เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นเรียกว่า “ลี่ยี่โหรว” แน่ ๆ
ข้าง ๆ ตัวนางมีสาวใช้สองคนสวมชุดเกราะบาง ๆ ยืนอยู่ สีหน้าพวกนางโหดเหี้ยมและดูเย็นชาไม่แพ้กัน
ติงโฮวเหลือบมองเด็กสาวเหล่านั้น เด็กชายสังเกตเห็นว่าม้าที่พวกนางขี่มานั้นมีขนสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก พวกมันตัวสูงกว่าสองเมตร ขาสี่ข้างนั้นแข็งแรงและว่องไวอย่างสัตว์ร้าย พวกมันคือราชสีห์ฟ้าทมิฬ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ม้าอสุรกาย ว่ากันว่าม้าพวกนี้มีสายเลือดของปีศาจ พวกมันสามารถเดินทางได้ถึง 5000 ไมล์ในเวลากลางวัน และ 1500 ไมล์ในเวลากลางคืน ม้าที่แสนงดงามพวกนี้มีราคาตัวละหลายพันตำลึงเลยทีเดียว
มากไปกว่านั้น คนพวกนี้ยังสวมใส่เกราะที่ทำมาจากหนังของสัตว์อสุรกาย พวกมันมีราคาแพง น้ำหนักเบา และยังมีประสิทธิภาพมากกว่าเกราะโลหะอีกด้วย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขามีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาและมาจากครอบครัวที่มีอำนาจอย่างแน่นอน
ติงโฮวไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มอีกแล้ว เขาจึงถอยห่างออกมา ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์
นักรบนามว่าเฉินหวูกำลังกุลีกุจอตั้งเต็นท์อย่างเร่งรีบ ส่วนนักรบร่างกำยำคนอื่น ๆ กำลังเริ่มทำอาหารอยู่ข้างบ่อน้ำดาบพิสุทธิ์ ทำให้บริเวณนั้นคึกคักทีเดียว
เพียงชั่วอึดใจต่อมา เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น
เสียงกีบเท้าม้ากระทบดังกระหึ่มขึ้นจากเทือกเขาไกลออกไป เสียงนั้นดังจนกลบเสียงกิจกรรมของพวกเขาเสียสิ้น
ไม่นานนัก ก็มีลมพัดฝุ่นฟุ้งกระจายผ่านไป คนกลุ่มใหญ่พากันขี่ม้าออกมาจากป่า พวกเขาสวมเกราะและขี่ม้าสีขาว ดูราวกับว่าพวกเขาเป็นหิมะก้อนใหญ่กลิ้งผ่านอย่างว่องไวปานสายลม ในพริบตาเดียวพวกเขาก็มาปรากฏกายอยู่ข้างบ่อน้ำแล้ว
ผู้นำของกลุ่มนั้นเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างใหญ่และกำยำ เขามีใบหน้าและหูขนาดใหญ่ คิ้วของเขาคมราวกับใบมีดทำให้ดูน่าเกรงขาม สวมเกราะและผ้าคลุมสีขาว เส้นผมสีดำพลิ้วตามลมราวกับน้ำตกและดวงตาของเขาส่องประกาย ดาบเล่มยาวติดอยู่ข้างเอว เขาดูแข็งแรงและมั่นใจ
เด็กหนุ่มดึงเชือกบังเหียนแล้วตะโกนเสียงดัง เขากวาดตามองผู้คนบริเวณรอบบ่อน้ำ เมื่อสะดุดเข้ากับเด็กสาวรูปงามในชุดสีขาว ตาของเขาลุกวาวทันที เขาหันกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาที่ซีดขาวของเด็กหนุ่มอีกคนแล้วหัวเราะเสียงดังก่อนพูดขึ้นว่า “ข้าไม่คิดว่าไอ้ขี้ขลาดจากซีหยางจะมาถึงก่อนพวกข้าซะอีก ลี่คันหยาง พอได้เจอสัตว์ร้ายในป่าเข้าเมื่อวานนี้ เจ้านี่วิ่งเร็วกว่ากระต่ายเชียวนะ”
“ข้าต้องรีบไปที่สำนักพินิจดาบ จะมัวเสียเวลากับสัตว์ร้ายพวกนั้นไม่ได้หรอก”
เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าสีซีดนามว่า ลี่คันหยาง ตอบกลับอย่างเยือกเย็น “แต่เจ้า เซียวเฉิงซวน ปรมาจารย์หนุ่มแห่งชิงหยาง ยืนยันที่จะต่อสู้กับพวกสัตว์ร้ายเพียงเพื่ออวดความสามารถ นี่ทหารของเจ้าหายไปหกคน พวกเขาตายซะแล้วหรือไงกัน หึหึ เจ้าสนองความต้องการตัวเองโดยไม่สนชีวิตของพวกทหารสินะ ข้า ลี่คันหยาง ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นไม่ลงจริง ๆ”
“เจ้า…” เซียวเฉิงซวน ชายร่างใหญ่มองด้วยความโกรธเคือง
คนสองกลุ่มนี้คงเคยพบกันก่อนหน้านี้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่สู้ดีนัก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเคยปะทะกันมาก่อน
ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขามาจากตระกูลขุนนางจากเมืองห่างไกลกันที่ต่างก็มายังสำนักพินิจดาบเพื่อร่ำเรียนวิชา ทหารของทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นนักรบผู้มากด้วยวิชา เด็กหนุ่มทั้งสอง รวมถึงเด็กสาวต่างมีก็พื้นฐานการต่อสู้ที่ดีอยู่แล้วและกำลังจะเข้าเป็นผู้ฝึกฝนอีกด้วย
ทั้งสองฝ่ายต่างหยุดนิ่ง
เซียวเฉิงซวนหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วสั่งทหารให้ตั้งเต็นท์ข้างบ่อแห่งดาบบริสุทธิ์ พวกเขาตั้งใจจะหยุดพักที่นี่โดยเว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายราวสิบเมตร แม้จะไม่มีการปะทะกันซึ่ง ๆ หน้า แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีคำพูดเตรียมไว้อยู่แล้ว
ติงโฮวไม่อยากจะต้องมารับมือกับคนพวกนี้ เขานั่งลงห่างออกไปใกล้ ๆ กับบ่อน้ำดาบพิสุทธิ์และวางดาบเปื้อนสนิมไว้บนหัวเข่าข้างหนึ่งอย่างสมดุล เขาใช้เวลาช่วงนี้ในการฝึกและเคลื่อนพลังลมปราณ นี่คือการฝึกร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
เด็กสาวรูปงามนามว่า ลี่ยี่โหรว ดูจะเป็นคนมีระเบียบเป็นพิเศษ นางไปยังบ่อน้ำดาบพิสุทธิ์พร้อมด้วยสาวใช้สองคนที่แต่งกายอย่างนักรบ ลี่ยี่โหรวตักน้ำขึ้นมาเพื่อทำความสะอาดแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้านักรบสีขาวอย่างรวดเร็ว นางพับกางเกงขึ้นและเล่นอยู่บริเวณข้างบ่อน้ำ
เท้าบอบบางของเด็กสาวนั้นงามเหมือนหยกขาว เล็บบนนิ้วเท้าที่เรียงสวยถูกทาด้วยสีแดงสดและท่อนขาขาวนั้นสวยงามเกินจะเปรียบเทียบ ใครได้เห็นเป็นต้องทึ่งในความงามของนางแม้จะมองจากระยะไกลก็ตาม
นักรบจากทั้งสองฝ่าย รวมทั้งลี่คันหยางและเซียวเฉิงซวน ต่างก็แอบมองลี่ยี่โหรวเป็นครั้งคราว ทุกคนต่างถูกดึงดูดด้วยความงามไร้ที่ติของหญิงสาวผู้นี้
เว้นก็แต่ติงโฮวที่นั่งอยู่ห่างออกไป ดวงตาของเขาปิดสนิท พร้อมกับตั้งใจเคลื่อนลมปราณราวกับว่าไม่ได้ยินหรือเห็นอะไรเลย
แม้จะสวมใส่แค่เสื้อผ้าธรรมดา แต่ติงโฮวกลับดูไม่เหมาะกับโลกใบนี้เอาเสียเลย เขาเปล่งประกายราวกับเทพเซียน
ลี่ยี่โหรวสังเกตเห็นติงมีโฮวอย่างรวดเร็ว
แน่นอน หงส์ตัวน้อยที่เย่อหยิ่งทำเพียงแค่ขยับริมฝีปากเล็กน้อย ปรากฏความยโสและจองหองบนริมฝีปากแสนสวยนั้น
นางเจอมาเยอะแล้ว พวกผู้ชายที่พยายามทำให้นางสนใจด้วยการทำอะไรที่ต่างไปจากคนทั่วไป พฤติกรรมพวกนั้นดูไร้สาระและน่าขันสำหรับลี่ยี่โหรว นางไม่ลดตัวไปสนใจผู้ชายน่าสมเพชพวกนั้นที่สวมเสื้อผ้าราคาถูกและไม่มีอนาคตพวกนั้นเพียงเพราะนางรู้สึกเบื่อหรอก
เมื่อเวลาผ่านไปจนเที่ยงวัน ดวงอาทิตย์เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นทุกปี แต่ปีนี้มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมากกว่าปีไหน ๆ
เงาประหลาดสีดำมืดเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ จากแผ่นดินใหญ่ข้างป่าที่ไกลออกไป มันเป็นเงาดำที่มีรูปร่างผอมและเปราะบางราวกับไม่มีพลังอะไรเลย เงานั้นเคลื่อนมาอย่างทุลักทุเลโดยมีจุดหมายคือบ่อน้ำแห่งดาบบริสุทธิ์
เมื่อเคลื่อนเข้ามาใกล้ ถึงได้รู้ว่าเป็นเด็กหนุ่มร่างผอมไร้เรี่ยวแรงอายุราว 14 ปี
เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่นั้นขาดรุ่งริ่งและโดนหนามฉีกเป็นแถบ ผิวหนังที่เผยออกมาเปื้อนไปด้วยดินและรอยเลือด ผมสีดำของเขาพันกันยุ่งเหยิงดูเหมือนกองฟาง แขนขาที่ผอมบางนั้นไม่มีเสื้อผ้าปกปิดและบนผิวสีแทนของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลมากมาย
เด็กหนุ่มปริศนาคนนั้นแบกตะกร้าไม้ไผ่ไว้บนหลังของเขา ผ้าขาด ๆ ชิ้นหนึ่งปิดตะกร้านั้นไว้ มันนั้นดูหนักแต่ไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร
เขาเดินเท้าเปล่ากะโผลกกะเผลก ดูเหมือนเดินไปอย่างคนเวียนหัว ก้าวเท้าลงบนทรายที่ร้อนระอุทีละก้าวโดยแบกภูเขาลูกใหญ่ไว้บนหลัง ภายใต้เส้นผมที่ยุ่งเหยิงนั้นมีตาคู่หนึ่งส่องประกายอย่างดวงดาวในเวลากลางคืน ตาคู่นั้นมีเสน่ห์ที่เกินอธิบายราวกับว่าพวกมันสามารถทำให้หัวใจคนคนหนึ่งสลายและรู้สึกเคลิบเคลิ้มเมื่อได้มอง
“น้ำ...น้ำ…”
เมื่อเขาเห็นบ่อน้ำแห่งดาบบริสุทธิ์ เด็กหนุ่มผิวแทนหยุดชะงัก แล้วพยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความทุลักทุเล
เขามาถึงบ่อน้ำในที่สุด เด็กหนุ่มใช้พลังที่มีในร่างกายไปหมดแล้ว เขาวางตะกร้าลงข้างบ่อน้ำอย่างระมัดระวังตั้งใจจะคุกเข่าลงและตักน้ำที่ใสสะอาดนั้นขึ้นมาด้วยสองมือ แต่แล้วเขาก็ดันตกลงไปในบ่อบริเวณที่น้ำตื้นและมีต้นกกขึ้นไปทั่ว เขาตัดใจไม่พยายามไม่ปีนขึ้นจากน้ำแล้ว แต่กลับลอยอยู่ในน้ำอย่างนั้นและดื่มน้ำจากบ่ออย่างกระหาย