บทที่ 80 แน่ใจว่าเป็นเขา
หยุนปิงไม่ได้เดินออกจากห้องของตัวเองทั้งวัน แม้แต่ออกมาซื้อกับข้าวเธอยังไม่ทำด้วยซ้ำ เธอเอาแต่นั่งเป็นกังวลว่าเมื่อไหร่เย่โม่จึงจะตื่นขึ้นมา หม้อต้มโจ๊กของเธออุ่นแล้วอุ่นอีกแต่เย่โม่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลย
หากไม่ใช่ว่าลมหายใจของเย่โม่คงที่เป็นปกติล่ะก็…หยุนปิงคงจะคิดว่าอาการของเขาทรุดหนักลงแล้ว
เธอไม่เคยเห็นใครนอนสลบได้นานขนาดนี้มาก่อน ต่อให้หยุนปิงไม่ได้เดินออกไปข้างนอกแต่เธอก็รู้ดีว่าเรื่องที่เย่โม่ก่อไว้คราวนี้ถือว่าไม่เล็กเลย แค่ยืนมองออกไปนอกหน้าต่างก็สามารถมองเห็นรถตำรวจแล่นอยู่ตรงถนนด้านนอกกันให้ขวักไขว่
หยุนปิงคิดไม่ออกจริงๆ ว่าตกลงแล้วเย่โม่ฆ่าใครไปกันแน่ ทำไมถึงได้เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้?
……….
ภายในสวนที่หนิงชิงเชวี่ยอาศัยอยู่ นอกจากพ่อและแม่ของเธอแล้วก็มีเพียงซูจิ้งเหวินเท่านั้นที่ยังอยู่ด้วยกัน ส่วนคนอื่นๆ นั้นออกไปจากที่นี่กันหมดแล้ว หนิงชิงเชวี่ยตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันและกินอาหารเช้าแล้ว ขณะที่เธอยืนนิ่งมอง ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ ต้นนั้น...หลี่มู่เหมยก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาข้างใน
“ชิงเชวี่ย! เธอลุกขึ้นได้แล้วหรือ!?” หลี่มู่เหมยรู้สึกตื่นเต้นยินดีเมื่อเห็นหนิงชิงเชวี่ยยืนมองดอกไม้ใบหญ้าอยู่ในสวน
“อืม ฉันดีขึ้นมากแล้ว มู่เหมย...ค้นอะไรเจอแล้วหรือ?” หนิงชิงเชวี่ยเมื่อเห็นหลี่มู่เหมยมีท่าทีรีบร้อนก็ถามขึ้น
ตอนนี้เองที่หลี่มู่เหมยเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองควรพูดอะไร เธอจึงรีบพูดขึ้นทันที “ชิงเชวี่ย ฉันได้ยินมาว่าเมื่อคืนวานซ่งเฉ่าถานถูกฆ่าตายในหนิงไห่ ฆาตกรนอกจากจะฆ่าซ่งเฉ่าถานแล้ว...ยังฆ่าไปอีก 5 ศพด้วยกัน และ 1 ในนั้นดูท่าว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตยิ่งกว่าซ่งเฉ่าถานอีก แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร”
หนิงชิงเชวี่ยใจกระตุกไปวูบหนึ่ง เธอรีบถามทันที “มู่เหมย เธอรู้มั้ยว่า 5 คนนั้นเป็นใครบ้าง!?”
หลี่มู่เหมยส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นอกจากข่าวของซ่งเฉ่าถานแล้ว คนอื่นๆ ล้วนไม่มีข่าวคราวอะไรเลย ฉันเองก็รู้เรื่องนี้มากจากเพื่อนคนหนึ่งเหมือนกัน เหตุการณ์คราวนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก นักข่าวหลายคนถ่อมาที่หนิงไห่นี้ มีนักข่าวจากปักกิ่งที่ฉันรู้จักมาหลายคนเหมือนกัน รอไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยถามเอาจากพวกเขาอีกที”
ซ่งเฉ่าถานมาทำอะไรที่หนิงไห่? หรือว่าเขาเป็นคนสั่งให้ลูกน้องมาทำร้ายเธอ? แล้วใครกันที่กล้าฆ่าซ่งเฉ่าถาน หนิงชิงเชวี่ยคิดถึงหน้าเย่โม่ขึ้นมาทันที เธอรีบถามต่อ “มู่เหมย ผลตรวจเลือดออกมาหรือยัง?”
“อืม ออกมาแล้ว” หลี่มู่เหมยยื่นกระดาษในมือส่งให้หนิงชิงเชวี่ย พอเธอเห็นผลตรวจสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยินดี
“เป็นอะไรไป? ชิงเชวี่ย” หลี่มู่เหมยรีบถาม
หนิงชิงเชวี่ยส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอก ฉันจะเข้าไปนั่งพักข้างในสักหน่อย อีกเดี๋ยวจะออกมานะ” พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องทันที
หลี่มู่เหมยมองหนิงชิงเชวี่ยเดินเข้าห้องไป เธอคิดว่าหนิงชิงเชวี่ยคงจะแค่รู้สึกเหนื่อย ถึงยังไงเธอก็เพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บ คิดได้แบบนั้นหลี่มู่เหมยก็ไม่ได้สนใจอีก
ในใจของหนิงชิงเชวี่ยรู้สึกตื่นเต้นมีชีวิตชีวาเกินจะบรรยาย นั่นเพราะกรุ๊ปเลือดในเอกสารผลการตรวจที่หลี่มู่เหมยยื่นให้เธอนั้นตรงกันกับกรุ๊ปเลือดของเย่โม่ เป็นกรุ๊ปเลือด B ถึงแม้กรุ๊ปเลือดอย่างเดียวจะไม่อาจใช้ตัดสินได้ 100% ว่านั่นเป็นรอยเลือดของเย่โม่และคนกรุ๊ปเลือด B ก็มีอยู่ถมเถราวกับขนวัวก็ตาม แต่หนิงชิงเชวี่ยก็เชื่ออย่างสนิทใจไปแล้วว่าใช่เย่โม่แน่นอน
หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกว่าเย่โม่ได้กลับมาหาเธอแล้ว และมีเพียงเขาที่รู้ว่าของข้างในกระเป๋าพยาบาลนั้นมีอะไรบ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้ เมื่อรวมกับผลตรวจเลือดแล้วหนิงชิงเชวี่ยยิ่งเชื่อมั่นเข้าไปอีกว่าต้องเป็นเย่โม่แน่นอน
ถ้าหากว่าเย่โม่มาจริงๆ...เรื่องเมื่อคืนวานที่ซ่งเฉ่าถานและคนอื่นๆ ถูกฆ่าตาย...หรือว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!? แล้วจะมีใครหน้าไหนอีกที่กล้าลงมือกับคนตระกูลซ่ง? แม้แต่ซ่งเฉ่าเหวินเย่โม่ยังกล้าฆ่ามาแล้ว นับประสาอะไรกับซ่งเฉ่าถาน อีกอย่างเขาก็มีแรงจูงใจด้วย
เมื่อรู้ว่าเป็นไปได้มากที่เย่โม่จะเป็นคนช่วยชีวิตเธอ หนิงชิงเชวี่ยค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมา...ถึงยังเธอก็ยอมรับไปแล้วว่าเย่โม่เป็นสามีของเธอ หากร่างกายของเธอถูกเย่โม่เห็นก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไร
ทว่าหนิงชิงเชวี่ยก็รู้สึกกังวัลใจขึ้นมาทันที ในเมื่อเย่โม่มาถึงหนิงไห่แล้ว...ถ้าเขาเป็นคนฆ่าซ่งเฉ่าถาน...ไม่ใช่ว่าสถานการณ์ของเขาตอนนี้ถือว่าอันตรายมากหรอกหรือ? หากเขายังหนีออกไปจากหนิงไห่ไม่ได้แล้วจะทำยังไง? หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกกังวลใจขึ้นมา เธอได้แต่หวังว่าคนที่มาเมื่อวานจะไม่ใช่เย่โม่...
เพราะถ้าหากเป็นฝีมือของเย่โม่จริงล่ะก็...ดูจากอำนาจอิทธิพลของตระกูลซ่งแล้ว...ต่อให้มีปีกก็ยากจะบินหนีจากหนิงไห่ได้
หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกกังวลจนนั่งไม่ติดพื้น เธอออกมาจากห้องด้วยความรีบร้อนแต่ก็ชนเข้ากับซู่เวยที่เพิ่งกลับมาถึงเข้าพอดี
“อ่ะ ชิงเชวี่ย เธอหายดีแล้วหรือ!?” ซู่เวยถามด้วยความประหลาดใจ เธอเคยไปเยี่ยมหนิงชิงเชวี่ยที่โรงพยาบาลมาแล้ว รู้ว่าอาการของหนิงชิงเชวี่ยหนักหนาสาหัสขนาดไหน แม้แต่ทางโรงพยาบาลยังวินิจฉัยเวลาที่เหลืออยู่ของเธอออกมาแล้วด้วยซ้ำ แต่หนิงชิงเชวี่ยตรงหน้าเธอกลับยืนอยู่โดยไม่มีท่าทางหรืออาการที่ผิดแปลกไปจากปกติแต่อย่างใด ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
หนิงชิงเชวี่ยพยักหน้า “อืม ฉันหายดีแล้ว บางทีทางโรงพยาบาลอาจจะวินิจฉัยผิดก็ได้ ดูเหมือนอาการฉันจะไม่ได้สาหัสอย่างที่คิด”
ซู่เวยคิดตามด้วยความสงสัย โรงพยาบาลที่หนิงชิงเชวี่ยพักรักษาตัวเรียกได้ว่าเป็นโรงพยาบาลอันดับ 1 ของหนิงไห่แล้ว อีกทั้งโรงพยาบาลหงรุ่ยยังถือได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศด้วย เป็นไปได้หรือที่จะวินิจฉัยอาการได้ผิดพลาดขนาดนี้? เธอเห็นไม้ท่อนนั้นตีเข้ากลางหลังหนิงชิงเชวี่ยกับตาตัวเองด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นท่าทางไม่ค่อยอยากจะเชื่อของซู่เวยแล้ว หนิงชิงเชวี่ยก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมวันนี้เธอไม่ไปทำงานอีกแล้วล่ะ?”
“เห้อ! เธอ 2 คนถามเหมือนกันเลย เมื่อวานเย่...” ซู่เวยเผลอหยุดปากออกไป เธอคิดถึงคำที่เย่โม่พูดกับเธอเมื่อวานขึ้นมาได้ทันที เย่โม่ห้ามเธอไม่ให้บอกหนิงชิงเชวี่ยว่าเขากลับมาหนิงไห่แล้ว เธอลืมเสียสนิทเลย!
ถึงแม้ซู่เวยจะหยุดพูดไปแล้ว แต่หนิงชิงเชวี่ยก็ยังพอจะฟังออก เธอรีบถามทันที “เมื่อวานทำไม? เย่โม่กลับมาแล้วใช่ไหม!?” ขณะที่ถามออกไปหนิงชิงเชวี่ยก็คว้าจับมือของซู่เวยไปด้วย
ซู่เวยมองมือของตัวเองที่ถูกหนิงชิงเชวี่ยจับเสียแน่น เธอรู้ว่าตัวเองพลาดไปเสียแล้ว จึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมา “เมื่อวานเย่โม่กลับมาแล้ว เขานิ่งมองแปลงดอกไม้นั้นอยู่นาน จากนั้นก็ถามเรื่องของเธอแล้วเขาก็ไป ฉันว่าเขาคงจะไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลนั่นแหละ ทำไมหรือ…พวกเธอไม่ได้เจอกันหรือไง?”
หนิงชิงเชวี่ยปล่อยมือซู่เวยทันที เธอพึมพำกับตัวเอง “เป็นเขาจริงๆ...เขาสบายดี...เขากลับมาแล้ว...และก็จากไปอีกแล้ว...เขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว...”
หลี่มู่เหมยที่เห็นว่าหนิงชิงเชวี่ยยืนอยู่หน้าประตูก็เดินเข้ามาหา “ชิงเชวี่ย...เธอไปพักสักหน่อยเถอะ เพิ่งจะหายดีก็ไม่ควรขยับไปไหนมาไหนมาก ซู่เวย...เดี๋ยวพวกเรามากินข้าวด้วยกันนะ ฉันกับคุณป้ากำลังทำกับข้าวกันอยู่พอดีเลย”
“หนิงชิงเชวี่ย ทำไมหน้าแดงอย่างนั้นล่ะ? หรือว่าร้อน?” หลี่มู่เหมยที่เห็นว่าสีหน้าของหนิงชิงเชวี่ยเหมือนจะเป็นลมก็ถามขึ้นอย่างกังวลใจ
หนิงชิงเชวี่ยที่กำลังคิดเรื่องที่เย่โม่กลับมาเมื่อวาน...ที่เธอพูดสั่งเสียไปเมื่อวานเขาได้ยินไหมนะ? เมื่อคิดว่าเธอดันไปเรียกเขาแบบนั้น...เธอรู้สึกขายหน้าจะตายอยู่แล้ว! หนิงชิงเชวี่ยไม่อยากให้เย่โม่ได้ยินเลยสักนิด! แต่ตอนนี้เธอแน่ใจเต็มร้อยแล้วว่าคนที่มาเมื่อวานก็คือเขานั่นเอง หนิงชิงเชวี่ยทั่งรู้สึกโล่งอกและวาบหวามในหัวใจ
ตอนนี้เมื่อได้ยินสิ่งที่หลี่มู่เหมยถามขึ้น หนิงชิงเชวี่ยก็คิดขึ้นมาได้ว่าในเมื่อคนที่มาหาเธอเมื่อวานคือเย่โม่...ถ้าอย่างนั้นคนที่ฆ่าซ่งเฉ่าถานก็คงจะเป็นเย่โม่เช่นเดียวกัน เขาคงจะทำไปเพื่อแก้แค้นให้เธอ...หนิงชิงเชวี่ยที่เพิ่งคิดได้ว่าตอนนี้เย่โม่อยู่ในช่วงหลบหนีอยู่ก็รีบผุดลุกขึ้นทันที
“ชิงเชวี่ย...” หลี่มู่เหมยเห็นหนิงชิงเชวี่ยหน้าถอดสีก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวล
หนิงชิงเชวี่ยส่ายหัว “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก…มู่เหมย เธอเคยบอกว่ามีเพื่อนนักข่าวจากปักกิ่งอยู่เยอะใช่ไหม คืนนี้ช่วยเชิญมาให้ฉันสักคนสิ?”
หนิงชิงเชวี่ยอยากจะสอบถามนักข่าวเรื่องคดีเมื่อคืนวานเสียหน่อย เป็นการสืบหาข้อมูลเรื่องของเย่โม่ทางอ้อมเช่นกัน
“ชิงเชวี่ย…เธออยากเจอนักข่าว? ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดนักข่าวหรือไง?” หลี่มู่เหมยถาม แต่เมื่อเห็นว่าหนิงชิงเชวี่ยมีท่าทีอึกอักก็รีบแก้ลำทันที “เอาเถอะ! คืนนี้ฉันจะลองถามให้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรฉันน่าจะเชิญมาได้สักคนสองคน”