ตอนที่ 44 ปัญหาใหญ่ทั้งสาม (ฟรี)
"ฝ่าบาท..."
ฮวามู่หลานจ้องมองไปที่ลู่เฟิงแต่ในขณะที่เธอกำลังจะพูดลู่เฟิงก็ยกมือปรามเอาไว้"างใจเถอะ แม้ว่าข้าจะสังหารคนมามากมาย แต่ก็ไม่ได้ฆ่าโดยไร้เหตุผล หากสิ่งที่พวกเขาทำไม่ใช่เป็นการกบฏต่ออาณาจักรข้าก็จะไม่ทำอะไรพวกเขา"
ฮวามู่หลาน ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอกังวลว่า ลู่เฟิง จะสังหาร ขุนนางอาวุโสเหล่านี้
ลู่เฟิง ไม่ลังเลที่จะรีบไปที่ห้องศึกษาของจักรพรรดิ
ที่นี่ ราชเลขาทั้งสี่ ได้ยืนรอด้วยความเคารพ
"เหวิ่นอาน ขอถวายบังคมต่อฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน" ราชเลขาทั้งสี่ได้คุกเข่าลงและตะโกนอย่างพร้อมเพรียง
"อืม"
ลู่ฟิงได้เดินไปนั่งที่เบาะนั่งหลักและจ้องมองไปที่ เหวิ่นอาน ราชเลขากรมยุติธรรมก่อนที่จะกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม"ราชเลขาเหวิ่น สิ่งที่ข้าให้ไปจัดการเป็นยังไงบ้าง?"
"ฝ่าบาท ข้าน้อยได้สั่งให้คนรื้อค้นครัวเรือนของข้าราชบริพารทั้งหมด 731 คน ได้มีการยึดเงินและทองคำมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญ ยังมีวัตถุโบราณ ของมีค่า รวมถึง โอสถ และ อาวุธวิเศษ อีกนับไม่ถ้วน จากการประมาณการเบื้องต้น พบว่า สิ่งของเหล่านี้ล้วนอยู่นอกรายการครอบครองของพวกเขา ทั้งหมดได้ถูกเก็บไปใส่ คลังหลวแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ "
ลู่เฟิง ได้กล่าวยิ้มออกมา"อาณาจักรหนานหยานของข้ามีรายได้จากภาษีประมาณ หนึ่งร้อยล้านเหรียญต่อปีเพียงเท่านั้น เมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะเหลือเพียง 5 ล้านเหรียญที่ถูกเก็บไว้ในคลังหลวง แต่แล้ว ข้าราชบริพารเหล่านี้กลับครอบครองรายได้เทียบเท่ากับรายได้ของอาณาจักรถึง 10 ปี ดูเหมือนว่า ข้าราชบริพารของข้าจะเป็นคนที่เก็บออมเงินเก่งไม่ใช่น้อย"
"ไม่แปลกใจ ที่ มณฑล หลินซาน ,มณฑลซานหลิง และ มณฑลหยุนซาน จะมีผู้ประสบภัยหลายล้านคน เหตุผลก็เพราะเหล่าข้าราชบริพารของข้าได้คิดทำการคดโกงเงินเหล่านี้ไป
ลู่เฟิงจ้องมองไปที่ เหวิ่นอาน และ กล่าวพูดเบา ๆ "เจ้าคิดว่าข้าควรส่งมอบโล่เกียรติยศยกย่องพวกเขาที่เก็บเงินเก่งดีหรือไม่?"
จู่ ๆ ราชเลขาทั้งสี่ ก็ปรากฏเหงื่อเย็นบนใบหน้า แม้ว่าพวกเขาจะเป็นขุนนางอาวุโสที่ภักดีต่อราชวงศ์ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธเกี่ยวกับการฉ้อโกง
ถ้าหาก ลู่เฟิง ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของพวกเขาย้อนหลัง จาก เงินที่น่าจะมีหลักสิบ หลักร้อย อาจจะดีดขึ้นไปเป็นหลักล้านก็เป็นได้
หากจักรพรรดิใช้หัวข้อนี้ในการเล่นงานพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีสิ่งใดจะแก้ตัว
แต่เห็นได้ชัดว่า ลู่เฟิง คิดมากเกินไป เพราะ อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจะจัดการพวกเขา
ลู่เฟิง ได้จ้องมองไปที่ ราชเลขาทั้งสี่ และ กล่าวพูด"ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมีคำตอบในใจ ในเมื่อพวกเจ้าไม่กล้าพูดข้าก็จะไม่บังคับพวกเจ้า เหวิ่นอาน รับคำสั่ง"
"ข้าน้อยอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ"
เหวิ่นอาน ได้ก้าวไปข้างหน้า
"ไปเตือนเหล่าข้าราชบริพารที่ยังมีชีวิตอยู่ บอกพวกเขาให้ทำความสะอาดมือและเท้าซะตั้งแต่ตอนนี้ ทรัพย์สินเงินทองที่ได้มาจากเงามืด ให้พวกเขาส่งมอบมันคืนให้คลังหลวงเท่ากับครึ่งนึงของรายได้ทั้งหมด หากพวกเขาไม่ยอมรับและตกลง ในอนาคต ถ้าถูกตรวจสอบโดยกองทหารจินยี่เหว่ยขึ้นมา ข้าจะสั่งฆ่ามันผู้นั้นโดยไร้ความปราณี"ลู่เฟิง ได้กล่าวเตือนอย่างเย็นชา
"เหวิ่นอาน รับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ"หัวใจของ เหวิ่นอาน รู้สึกสั่นสะท้าน ดูเหมือนว่าฝ่าบาทตั้งใจจะทำความสะอาดอาณาจักรหนานหยานครั้งใหญ่
ตอนนี้ ฮูหยิน ราชเลขากรมพิธีการ ได้ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวพูดขึ้น"ฝ่าบาท ข้าน้อยขอออกความเห็นหน่อยน่ะพ่ะย่ะค่ะ การที่ฝ่าบาททำเช่นนี้ มีแต่จะสร้างความเกลียดชังให้กับเหล่าข้าราชบริพาร ซึ่งมันอาจทำให้อาณาจักรเกิดความสูญเสีย ไม่ใช่ว่าเรามีเรื่องที่ต้องกังวลมากกว่านี้อยู่หรอพ่ะย่ะค่ะ?"
"เจ้าหมายความว่าไง?"
"ฝ่าบาท ท่านคงไม่ได้ลืม ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย ไปแล้ว?"ฮูหยิน ได้จ้องมองไปที่ ลู่เฟิง อย่างระวัง
ลู่เฟิง ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย"เจ้าต้องการจะบอกอะไรกันแน่?"
"ฝ่าบาท ราชาเมกาทรอนแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรหนานหยาน ควบคุม ทหารชั้นยอดนับล้านคน เท่าที่ข้าได้ยินมา กองทหารของเขาได้รับฉายาว่าไร้พ่าย แม่ทัพใหญ่คนเก่าเองก็ถูกสังหารโดยราชาเมกาทรอน เหตุผลที่พวกเราปฏิเสธตำแหน่งของแม่ทัพเกาชุน ก็เพราะกลัวว่า ราชาเมกาทรอน จะเคลื่อนไหว ถ้าเกิดเขา..."
"ข้าเข้าใจแล้ว"
ลู่เฟิงได้โบกมือเพื่อหยุดคำพูดของ ฮูหยิน และกล่าวตอบกลับอย่างเย็นชา"อาณาจักรหนานหยาน เป็นของข้า และ ข้าที่เป็นถึงจักรพรรดิ เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเขา?"
"แต่ว่าฝ่าบาท พวกเราจะทำอย่างไร ถ้าราชาเมกาทรอน ยกทัพมาตี ด้วยทหารชั้นยอดที่เราควบคุมได้ตอนนี้มีประมาณ 300,000 นายเพียงเท่านั้น แม้จะรวมกองทหารจินยี่เหว่ย ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ท่านอัครมหาเสนาบดีเจี๋ย ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี ด้วยทหารเพียงไม่กี่แสนนาย จะไปสู้กับกองทัพนับล้านได้อย่างไร?"ฮูหยิน ได้กล่าวพูดอย่างขมขื่น
ลู่เฟิง ได้ครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบกลับ"ลุงของข้าคงจะยังไม่เคลื่อนไหวตอนนี้"
"ฝ่าบาทหมายความว่ายังไง?"ราชเลขาคนอื่น ๆ ได้จ้องมองไปที่ลู่เฟิงด้วยความสงสัย
"ข้าคือเลือดเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิองค์ก่อนนอกจากข้าแล้วเขาก็เป็นคนเดียวที่มีสายเลือดของราชวงศ์ที่ใหลเวียนอยู่ แต่ถ้าเขาต้องการครองบัลลังก์นั่นหมายความว่าเขาจะต้องสังหารฆ่าให้ได้ เช่นนั้นบัลลังก์ก็จะตกเป็นของเขาโดยธรรมชาติ! แต่การจะทำเช่นนั้น จะไปต่างอะไรจากการกบฏ! ถ้าเขาไม่สนใจสิ่งนี้ป่านนี้เขาคงเคลื่อนไหวด้วยตนเองไปแล้ว เจ้าคิดหรือว่าด้วยอำนาจของเขาการจะยกทัพมาเมืองหลวงจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้?"
"นี่...."
"เอาล่ะพวกเจ้าแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองเถอะ"
แม้ว่า ราชเลขาคนอื่น ๆ จะยังคงสงสัยในคำพูดของลู่เฟิง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่หันหน้าและเดินจากไป
ลู่เฟิง ได้จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างเฉยเมย"ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเป็นห่วงอาณาจักรหนานหยานและราชวงศ์แต่ข้าขอให้เจ้ามั่นใจในตัวข้า และ เจ้าจะได้รู้ว่าเจ้าไม่ได้รับใช้ผิดคน"
ร่างของ ราชเลขาที่เดินจากไปวูบไหวเล็กน้อยรอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบใบหน้าของพวกเขา เห็นได้ชัดว่า ฝ่าบาทไม่ได้ไม่ไว้ใจพวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่ควรจะเชื่อใจฝ่าบาท
ในตอนนี้พวกเขาไม่มีใครกล้าที่จะกังขาในตัวของลู่เฟิงอีกต่อไป"พวเราเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ทั้งสี่คนได้หยุดลงและทำความเคารพลู่เฟิงก่อนที่จะจากไป
ลู่เฟิง ได้นั่งคร่ำครวญเล็กน้อย และ หันหน้าไปทางประตูและกล่าวพูดกับองค์รักษ์ที่อยู่นอกห้อง
"ไปตาม เจี๋ยสวี่ และ เกาชุน มาพบข้า"
"ฝ่าบาทท่านกำลังมองหาพวกเรามีอะไรให้พวกเรารับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ?"
หลังจากนั้นไม่นาน เจี๋ยสวี่ และ เกาชุน ก็มาถึง
ลู่เฟิง ได้ชี้ไปที่เก้าอี้ไม้ที่เขาเตรียมเอาไว้จากนั้นก็ผายมือออกไป
เห็นลู่เฟิง ไม่ได้พูดอะไร เกาชุน และ เจี๋ยสวี่ ได้เดินไปนั่งเก้าอี้ไม้เหล่านั้น
จากนั้น เจี๋ยสวี่ ก็กล่าวถามลู่เฟิงด้วยความเคารพ"ฝ่าบาทท่านกำลังมองหาพวกเรามีเรื่องอะไรให้พวกเราจัดการหรือไม่?"
"เหวินเหอ ในฐานะที่เจ้าเป็นถึงนักวิชาการพิษ เจ้าลองคาดเดาเกี่ยวกับความคิดของข้าดู"ลู่เฟิง กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
เจี๋ยสวี่ ได้ผงะเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับ"ฝ่าบาทท่านคงกำลังคิดเกี่ยวกับแผนต่อไปของอาณาจักรใช่หรือไม่?"
"สมแล้วที่ได้ฉายาว่านักวิชาการพิษ เจ้าสามารถคาดเดาความคิดของข้าได้ในพริบตาเดียว"ลู่เฟิงได้กล่าวชมอีกฝ่าย
เจี๋ยสวี่ ได้รีบตอบกลับ"ข้าน้อยเพียงแค่โชคดีเท่านั้น"
เขารู้ดีว่าการคาดเดาความคิดของจักรพรรดินั้นจะต้องระมัดระวัง เดิมเขาคิดว่าลู่เฟิงกำลังทดสอบเขา
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาคิดมากเกินไป ลู่เฟิง ได้ตอบกลับ"ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า"
หลังจากลังเลเล็กน้อยลู่เฟิงก็กล่าวพูดขึ้น"ตอนนี้อาณาจักรกำลังประสบปัญหาด้วยกันทั้งหมดสามปัญหา ปัญหาแรก คือความไม่มั่นคงของอำนาจในราชสำนัก เพราะมี ข้าราชบริพารจำนวนมากถูกฆ่าตาย ดังนั้นปัญหานี้จะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด,ปัญหาที่สอง ก็คือ นิกายหยุนกง แม้ว่าอาวุโสหลักทั้งสิบจะถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่ภูมิหลังของนิกายหยุนกงก็ไม่ธรรมดา ว่ากันว่าพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งราวกับปุยเมฆไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะหาทางมาจัดการพวกเรา ดังนั้นพวกเราจะต้องระวังตัวเอาไว้,ปัญหาที่สามก็คือ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย ลุงของข้า ตั้งแต่ที่เขาส่งนักฆ่ามาลอบสังหารข้า ข้าก็คิดแล้วว่าเขาคงจะเริ่มแผนการใหญ่อะไรเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน"
หลังจากพูดจบ ลู่เฟิง ก็มองไปที่ เจี๋ยสวี่ และ เกาชุน ด้วยรอยยิ้ม"ข้าต้องการถามความเห็นพวกเจ้าทั้งสองคนเกี่ยวกับปัญหาทั้งสามนี้ พวกเจ้ามีข้อเสนอแนะว่าอย่างไรบ้าง?"