ตอนที่ 43 พวกเจ้าเป็นแค่ข้าราชบริพาร! (ฟรี)
"ฝ่าบาทพวกเราทั้งสองคิดว่ารางวัลครั้งนี้ยังไม่ยุติธรรมพอที่จะสะท้อนถึงความดีความชอบของแม่ทัพเกา"เหรินหยานและฮูหยิน ได้พูดและจ้องมองไปที่ลู่เฟิง
ลู่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หากเป็นตำแหน่งทั่วไปย่อมสามารถพูดได้ แต่นี่มันตำแหน่งที่สามารถควบคุมกองทัพนับหมื่นนับแสนได้ รางวัลเช่นนี้ยังไม่ยุติธรรมอีกงั้นเหรอ?
สองคนนี้ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่?
เขามองไปที่เหรินหยานและฮูหยินพร้อมกับกล่าวถาม"พวกเจ้าทั้งสองต้องการจะพูดอะไรกันแน่?"
"แม่ทัพเกาได้ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ข้าน้อยคิดว่าการมอบบรรดาศักดิ์ เฉียนหูโฮ่ว ให้ จะสามารถแสดงถึงความดีความชอบของแม่ทัพเกาได้!"
"ข้าน้อยเองก็คิดเช่นนั้น"ฮูหยิน เองก็ยังกล่าว
ทั้งสว่างและมืดมิด
ในที่สุดลู่เฟิงก็เข้าใจความหมายของพวกเขา
แม้ว่าบรรดาศักดิ์ เฉียนหูโฮ่ว จะฟังดูดี แต่ในความจริง นอกจากความสง่างามของยศนี้แล้ว ผลประโยชน์ที่ได้รับก็น้อยมากเมื่อเทียบกับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่
สองคนนี้กำลังบอกตนเองเป็นนัย ๆ ว่า เกาชุน ยังไม่สมควรได้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ตอนนี้
ลู่เฟิง รู้สึกไม่พอใจกับทั้งสองคนทันที การแสดงออกของเขาเริ่มมืดมนอย่างมาก ตอนนี้บุคลากรที่สำคัญที่สุดในอาณาจักรหนานหยานไม่ใช่ราชเลขาทั้งสองคนนี้ แต่เป็น เกาชุน และ เจี๋ยสวี่!
พวกเขาทั้งสองคือรากฐานการมีอำนาจของลู่เฟิง!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเกาชุน ที่จงรักภักดีต่อเขา อีกฝ่ายสามารถถวายชีวิตให้กับเขาได้อย่างไม่ลังเลแม้เเต่น้อย แต่สองคนนี้กลับกำลังปิดโอกาสในการยกฐานะของเกาชุน นี่จะไม่ทำให้เขารู้สึกโกรธได้อย่างไร
เกาชุนได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกกังวลในใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบตำแหน่งทางการเป็นพิเศษ แต่มันก็เป็นเรื่องที่แย่มากหากต้องเสียตำแหน่งแม่ทัพใหญ่และได้รับศักดิ์เฉียนหูโฮว
ในฐานะผู้บัญชาการทหารมีใครบ้างไม่อยากเป็นแม่ทัพใหญ่!
แต่สิ่งสำคัญก็คือเขากังวลเกี่ยวกับขุนนางอาวุโสทั้งสองคนนี้ว่าจะไม่พอใจและพุ่งเป้ามาที่เขา หากเป็นเช่นนั้นการทำงานของเขาก็อาจจะยากลำบากขึ้นแน่ ๆ
เขาครุ่นคิดและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับคุกเข่าลงข้างนึงแล้วกล่าวด้วยความเคารพต่อลู่เฟิง"ฝ่าบาท ตำแหน่ง ต้าตูตู (แม่ทัพภาค) เป็นความฝันสูงสุดของข้าน้อย หวังว่าฝ่าบาทจะทำให้ฝันของข้าน้อยเป็นจริง"
เขาไม่ต้องการทำให้ลู่เฟิงลำบากใจและริเริ่มที่จะเสียสละตำแหน่งแม่ทัพใหญ่
ลู่เฟิงไม่ได้ตอบเขาได้จ้องมองไปที่ เหรินหยาน และ ฮูหยิน ก่อนที่จะลุกขึ้นและตะโกนออกมา"ข้าบอกว่า แม่ทัพเกา ได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพใหญ่ พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธ?"
"ฝ่าบาท แต่ว่าแม่ทัพเกา..."
"หุบปาก!"
ลู่เฟิงจ้องมองไปที่เหรินหยานด้วยสายตาที่เย็นชา"ราชเลขาเหริน เห็นแก่ที่เจ้ารับใช้ราชวงศ์มานานข้าจะไม่ถือสาเรื่องนี้ แต่ข้าขอบอกให้รู้ไว้คำพูดของข้าถือเป็นเด็ดขาด ในฐานะข้าราชบริพาร เจ้าสามารถให้คำแนะนำได้ แต่ถ้าเจ้ายังดื้อดึงที่จะขัดขืนราชโองการของข้า ข้าจะสังหารเจ้าอย่างไร้ความปราณี"
มีเหตุผลที่ลู่เฟิงได้กล่าวพูดเช่นนี้ออกไป
นั่นคือ เหล่าข้าราชบริพารเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ถูกทิ้งไว้จากจักรพรรดิองค์ก่อน ในเรื่องความภักดี ลู่เฟิงไม่สงสัยพวกเขา แต่ละคนมีคุณสมบัติที่สูงล้ำแอย่างแน่นอน ในศาลไม่มีใครสามารถจับคู่กับพวกเขาได้ในแง่ของคุณสมบัติ
แต่ทว่าหากเขาปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเขาจะสามารถตอบแทนคนอื่น ๆ ในอนาคตได้อย่างไร
ยกตัวอย่างเช่นคนเหล่านี้มีคุณสมบัติที่จะเทียบเคียงกับ เกาชุน หรือไม่?
ย่อมไม่อย่างแน่นอน!
ด้วยความสามารถของ เกาชุน สามารถเอาชนะคนเหล่านี้ได้นับร้อยครั้ง ด้วยความมั่งคั่งของ เกาชุน เขาสามารถเอาชนะคนเหล่านี้ได้นับร้อยครั้ง ในเรื่องของกิจการทหาร เกาชุน ก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้นับร้อยครั้ง
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ ลู่เฟิง จะยอมปล่อยให้ เกาชุน ไปเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอีกฝ่าย
และตอนนี้ เหล่าข้าราชบริพารของเขากำลังปฏิเสธเกาชุน แม่ทัพที่เขาไว้ใจ ในอนาคต เขาจะไม่ถูกโต้แย้งอีกอย่างงั้นหรือ
ในประวัติศาสตร์จีน มีจักรพรรดิหลายคนถูกเหล่าข้าราชบริพารจำกัดขอบเขต และ นี่นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ลู่เฟิง ไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิแบบนั้น
เขาจะต้องแสดงอำนาจบารมีของจักรพรรดิที่แท้จริงออกมา หากเขาต้องการจะทำอะไร คนเหล่านี้ ก็ย่อมไม่สามารถหยุดเขาได้
ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะเสนอความคิดเห็นอย่างไร ลู่เฟิง ก็จะไม่สนใจตอนนี้
"ข้าน้อยรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ"
เหรินหยาน และ ฮูหยิน ได้หัวเราะอย่างขมขื่น พวกเขารู้สึกว่าจักรพรรดิองค์ใหม่แตกต่างจากจักรพรรดิองค์ก่อนโดยสิ้นเชิง เขาไม่ต้องการให้อำนาจของตนเองถูกกีดกันโดยพวกเขา
และนอกจากนี้พวกเขารู้ดีว่า เกาชุน เป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญที่สุดในการควบคุมพลังที่แท้จริงของฝ่าบาท ไม่เเปลกที่ฝ่าบาทจะปฏิเสธพวกเขาทั้งสองคน
"แม่ทัพเกา นี่คือป้ายตราพยัคฆ์ มารับไป"ลู่เฟิงได้ขยับมือ ป้ายตราพยัคฆ์ได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา
เกาชุนได้คุกเข่าลงพร้อมกับยกมือขึ้นสองข้างเพื่อรับเอาก่อนที่จะกล่าวพูดด้วยความเคารพ"ข้าน้อย เกาชุน ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!"
"ยินดีด้วย"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท"
เกาชุน ได้กล่าวพูดด้วยความเคารพ
ลู่เฟิง ได้จ้องมองไปที่ เจี๋ยสวี่ และกล่าวพูด"เจี๋ยสวี่ เจ้าเองก็ทำงานได้ดี มีส่วนร่วมในการช่วยจัดการข้าราชบริพารและกลุ่มกบฏ ก่อนหน้านี้ เจ้าได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็น อัครมหาเสนาบดีของข้า!"
"นี่...."
ใบหน้าของ เจี๋ยสวี่ รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาคิดว่า ลู่เฟิง จะมอบตำแหน่ง แค่ราชเลขาให้กับตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่า เขาจะได้รับตำแหน่ง อัครมหาเสนาบดีแบบนี้
ตอนนี้ เขาดูเหมือนจะดูถูกความทะเยอทะยานของพระองค์ต่ำเกินไป เหตุผลที่ ฝ่าบาทแต่งตั้งเขาให้เป็นอัครมหาเสนาบดีนั่นชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ต้องการให้ข้าราชบริพารกลุ่มเดิมควบคุมอำนาจทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม รากฐานของเขาที่มีต่ออาณาจักรนั้นตื้นเขินเกินไป เหรินหยาน และ ข้าราชบริพารคนอื่น ๆ จะเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่?
เจี๋ยสวี่ ได้มองไปที่ เหรินหยาน ข้าราชบริพารที่อาวุโสที่สุด เขาเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเริ่มน่าเกลียดมากขึ้น เดิมพวกเขาคิดว่า ตำแหน่ง อัครมหาเสนาบดีจะถูกเลือกจากพวกเขา
แต่ใครจะไปคิดว่า จู่ ๆ เจี๋ยสวี่ ที่เพิ่งปรากฏตัวออกมา จะได้รับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี ไป
"เหวินเหอ เจ้ายังไม่มารับราชโองการอีก?"ลู่เฟิง ได้จ้องมองไปที่ เจี๋ยสวี่ ด้วยรอยยิ้ม
"ในเมื่อฝ่าบาทไว้ใจข้าเช่นนี้ ข้าจะไปมัวกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรทำไม"
เจี๋ยสวี่ ได้ครุ่นคิดในใจเล็กน้อยและรีบก้าวไปข้างหน้าทันที"ข้าน้อย เจี๋ยสวี่ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่มอบตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีให้ ข้าน้อยให้คำสัตย์ว่าจะช่วยเหลือกิจการของราชสำนักและนำพาอาณาจักรหนานหยานไปสู่จักรวาลที่สดใส"
"กล่าวได้ดี"
ลู่เฟิง ได้หัวเราะและตอบกลับ"เหวินเหอ ตำแหน่ง ราชเลขา ที่ถูกสังหารในวันนี้ ข้ามอบหน้าที่ให้เจ้าคัดเลือกคนที่เหมาะสมมา ข้าจะตอบแทนเรื่องนี้ในภายหลัง"
"ข้าน้อยรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ" เจี๋ยสวี่ ได้กล่าวตอบ
ในทางกลับกัน เหรินหยาน และ ฮูหยิน สีหน้าของพวกเขาและคนอื่น ๆ ได้กลายเป็นหน้าเกลียด ข้อเสนอของเขาที่มอบศักดิ์ เฉียนหูโฮว ให้ เกาชุน ก็ถูกปฏิเสธ มาคราวนี้ตำแหน่ง อัครมหาเสนาบดีก็ยังถูกแย่งไปอีก
แน่นอนว่า ลู่เฟิง คงจะไม่เพิกเฉยต่อพวกเขา
อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีส่วนช่วยเหลือในการครองราชย์ของลู่เฟิง
ลู่เฟิงได้พูดถึงข้อดีและรางวัลของแต่ละคน
จากนั้นเขาก็พา ฮวามู่หลาน จาก ห้องโถงเจิ้งหลงไป
"ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกว่าพระองค์ทำเกินไป พระองค์ทำให้ขุนนางอาวุโสเหล่านี้ต้องเสียหน้ากันยกใหญ่"ฮวามู่หลานได้กล่าวพูดออกมา
"พวกเขาสมควรโดนแล้วล่ะ ข้ารู้ว่าข้อแนะนำของพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ข้าไม่ต้องการให้ใครมาบ่งการความคิดของข้า"ลู่เฟิง ได้ถอนหายใจเบา ๆ
มันเป็นความจริงว่าหากไม่มีขุนนางอาวุโสเหล่านี้ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมอำนาจทางการเมืองภายในอาณาจักรหนานหยาน
แต่ลู่เฟิงก็ไม่อยากให้ความคิดของเขาถูกบ่งการโดยคนอื่น
เขาหวังว่าคนของเขาจะภักดีตลอดไปและไม่ปล่อยให้ความโลภและอำนาจบดบังสายตาของตนเอง
"ฝ่าบาท ราชเลขาทั้งสี่ ต้องการเข้าเฝ้าพระองค์ พวกเขารออยู่ที่หน้าประตูห้องศึกษาของจักรพรรดิ"
ในตอนนี้ ก็มีคนเดินเข้ามาหาลู่เฟิงและกล่าวรายงานด้วยความเคารพ
"เข้าใจแล้ว"