ตอนที่แล้วบทที่ 78 เลือดใคร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 80 แน่ใจว่าเป็นเขา

บทที่ 79 ใช่เย่โม่หรือเปล่า?


“ชิงเชวี่ย เธอหายดีแล้ว!?”  เสียงของหลี่มู่เหมยที่ทั้งประหลาดใจและยินดีลอยเข้ามาในห้อง  คนเดินตามหลังเธอมาก็คือหลานยู่ที่ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่นั่นเอง  แม้แต่ซูจิ้งเหวินก็ยังมา…กระทั่งพยาบาลอีก 2 คนที่ยังมีสีหน้าไม่ค่อยอยากจะเชื่อก็มองมายังหนิงชิงเชวี่ยเช่นกัน

“เข้ามาเถอะ”  หนิงชิงเชวี่ยปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ  สีหน้าของเธอดีขึ้นเล็กน้อย  ถึงในใจจะยังรู้สึกหงุดหงิดกระวนกระวายแต่ก็ตัดสินใจได้ว่าจะเลิกคิดเรื่องนี้เป็นการชั่วคราว

“ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?  ชิงเชวี่ย?  ขอฉันดูหลังหน่อย”  หลี่มู่เหมยเคยเห็นอาการบาดเจ็บของหนิงชิงเชวี่ยกับตาตัวเอง  กับเรื่องที่อยู่ดีๆ หนิงชิงเชวี่ยก็หายดีแบบนี้...ต่อให้มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อแต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีสงสัยแต่อย่างใด

หนิงชิงเชวี่ยส่ายหัว  “ไม่ต้องดูแล้ว  ฉันรู้สึกได้เลยว่าตัวเองหายดีแล้วจริงๆ  ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น  เมื่อวาน...”  หนิงชิงเชวี่ยที่ตอนแรกคิดจะพูดว่าเมื่อวานอาจมีคนเข้ามารักษาเธอก็ได้...แต่เมื่อคำพูดมาอยู่ที่ปากเธอกลับไม่ได้พูดมันออกไป

ส่วนหลานยู่ที่ถึงแม้จะตรวจสอบไปแล้วรอบหนึ่ง  แต่เธอก็ยังไม่วางใจเดินไปดูหลังของหนิงชิงเชวี่ยอีกครั้ง  เธอเลิกเสื้อของหนิงชิงเชวี่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง  สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาก็ยังเป็นผิวหลังอันขาวเนียนไร้ตำหนิ   ตอนนี้เองเธอถึงค่อยเชื่ออย่างสนิทใจ...ลูกสาวของเธอหายดีแล้วจริงๆ  เธอรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา   สวรรค์คุ้มครอง!  ลูกสาวของเธออาการดีขึ้นภายในคืนเดียว!

พยาบาลสาวทั้ง 2 คนรีบเข้ามาช่วยตรวจเช็คอาการของหนิงชิงเชวี่ยอย่างตื่นเต้น  แล้วก็พบว่าหนิงชิงเชวี่ยหายดีแล้วจริงๆ  คนอื่นๆ อาจไม่รู้อาการของหนิงชิงเชวี่ยแต่พวกเธอทั้ง 2 รู้ดี  พวกเธอคอยดูแลหนิงชิงเชวี่ยมาตลอด...แน่นอนต้องรู้ว่าอาการของเธอนั้นหนักหนาสาหัสขนาดไหน  แต่พวกเธอกลับคาดไม่ถึงว่าอาการหนักขนาดนั้นอยู่ๆ จะหายดีได้แบบนี้…จะมีอะไรแปลกประหลาดไปมากกว่านี้อีกเล่า!  หรือว่าจะวินิจฉัยอาการผิด?

ตอนที่หนิงชิงเชวี่ยรู้ว่าหมอจากโรงพยายาลกำลังจะมาถึง  เธอก็ปฏิเสธการตรวจเช็คร่างกายอีกครั้งทันที  อาการของร่างกายตอนนี้ตัวเธอรู้ดีกว่าใครทั้งหมด  ตอนนี้เธอสุขภาพดี 100% แล้ว  เธอไม่อยากให้คนทั้งโลกรู้เรื่องนี้

วันนั้นเองที่หนิงจงเฟยรีบมาที่หนิงไห่  อยู่ๆ ลูกสาวของเขาก็หายดีแบบนี้เขาย่อมต้องรู้สึกดีใจเหนือกว่าใครทั้งหมด  ตัวเขามีลูกสาวเพียงคนเดียว...เธอเป็นดั่งสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของเขา  ทว่าหนิงชิงเชวี่ยก็ยังปฏิเสธคำขอของครอบครัวที่อยากให้เธอย้ายออกจากหนิงไห่อยู่ดี  เธอยังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ

ส่วนเรื่องคนที่มาช่วยรักษาเธอเมื่อคืน...หนิงชิงเชวี่ยนั่งคิดอยู่ครึ่งวันก็มีเพียงภาพอันเลือนรางในหัวเท่านั้น

หนิงชิงเชวี่ยจำได้แม่นว่าตอนนั้นตัวเธอกำลังบันทึกเสียงและคิดจะฆ่าตัวตาย  เหมือนกับว่ามีดเล่มนั้นไม่ได้แทงเข้าคอของเธอแต่กลับแทงเข้าแขนของอีกคนแทน  หลังจากนั้นเธอก็สลบไป  หรือว่าคนที่เธอแทงแขนคนนั้นจะเป็นเย่โม่?  หรือว่าเธอจะคิดถึงเขามากเกินไปจนคิดเป็นตุเป็นตะไปเองว่าคนๆ นั้นคือเย่โม่?

เย่โม่เป็นวิชาแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่?  ทั้งยังมีฝีมือร้ายกาจแบบนี้อีก?  หนิงชิงเชวี่ยจำขึ้นมาได้ทันทีว่าเย่โม่ก็เคยวางแผงลอยตรงถนนคนเดินเพื่อขายยาอะไรสักอย่าง…หรือว่าจะเป็นเขา?  เขาเข้าใจวิชาแพทย์จริงๆ?  ถ้าหากว่าเป็นเขาจริงล่ะก็..รอยเลือดบนเตียงเหล่านั้นก็คงจะเป็นของเขาด้วย

เมื่อเห็นว่าแม่ของเธอและคนอื่นๆ เดินออกจากห้องไปแล้ว  หนิงชิงเชวี่ยก็เรียกให้หลี่มู่เหมยรั้งอยู่ก่อน  ถึงตอนนี้เธอจะรู้สึกว่าตัวเองลุกได้แล้ว...กระทั่งว่าสุขภาพร่างกายก็ดีเยี่ยม  แต่เธอก็ไม่อยากจะทำเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นๆ เป็นห่วงเอาได้

“มู่เหมย...เธอช่วยฉันตรวจสอบรอยเลือดบนผ้าปูที่นอนพวกนี้หน่อยสิ”  หนิงชิงเชวี่ยฉีกผ้าปูที่นอนตรงที่มีรอยเลือดออกมาแล้วยื่นส่งให้หลี่มู่เหมย  เธออยากจะรู้ว่าเลือดพวกนี้กับเลือดของเย่โม่เหมือนกันหรือเปล่า   ต่อให้การตรวจกรุ๊ปเลือดก็ยังไม่อาจแน่ใจได้เต็มร้อยว่าใช่เลือดของเย่โม่จริงหรือเปล่า...แต่อย่างน้อยก็ยังช่วยได้ระดับหนึ่ง  หากว่าเลือดพวกนี้เป็นของเย่โม่จริง…หนิงชิงเชวี่ยก็จะแน่ใจได้ทันทีว่าเป็นเขาที่ช่วยรักษาเธอ  คนที่เห็นร่างกายเธอก็คือเย่โม่  หากเป็นแบบนั้น...เธอจึงจะค่อยวางใจได้

หลี่มู่เหมยที่รับชิ้นส่วนผ้าปูที่นอนไปก็ไม่ได้ถามอะไร  สิ่งที่หนิงชิงเชวี่ยไม่อยากพูด...ต่อให้ถามเธอก็คงไม่บอกอยู่ดี

..........

เมื่อคืน…เรื่องที่หนิงชิงเชวี่ยหายดีแล้วสำหรับพ่อกับแม่ของเธอนั้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นข่าวที่ใหญ่ที่สุด   แต่สำหรับนักศึกษาในหนิงไห่นั้น...เรื่องที่ชืออิ่งโค่นผู่ตงเหวินนั้นถือเป็นข่าวที่ใหญ่ที่สุดแล้ว

แต่เมื่อเทียบกับ 2 เรื่องข้างบนแล้ว  เรื่องที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทางการและคนใหญ่คนโตในหนิงไห่รู้สึกสะท้านสะเทือนก็คือข่าวการฆาตกรรมในคฤหาสน์หลังหนึ่ง  นั่นก็เพราะเหยื่อ 2 คนในคดีฆาตกรรมนี้กลับเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมาก  คนหนึ่งคือสมาชิกของตระกูลซ่งที่ถือได้ว่าเป็น 1 ใน 5 ตระกูลใหญ่ของจีน...ซ่งเฉ่าถาน  ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นน่ากลัวเสียยิ่งกว่า  เพราะชื่อของเขาก็คือเชียนชื่อผิง

ด้วยชื่อเชียนชื่อผิงนั้นเดิมทีไม่น่าแปลกประหลาดแต่อย่างใด  สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือพ่อของเขาเชียนหลงโถวยังมีสมญานามอีกอย่าง  นั่นคือเพียงแค่กระทืบเท้าครั้งเดียวก็ทำให้พื้นปฐพีสั่นสะเทือนได้  หากว่าแก๊งยากูซ่ายามากุชิ-กุมิ(องค์กรยากูซ่าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น)และพวกมาเฟียตะวันตกมีอิทธิพลยิ่งใหญ่แล้วล่ะก็   เช่นนั้นแล้วคำว่า ‘หนานชิง’ ก็ถือเป็นตัวแทนของแก๊งที่มีอิทธิพลมากที่สุดของตะวันออก

และเชียนหลงโถวก็คือหัวหน้าแก๊ง ‘หนานชิง’ นั่นเอง  เชียนชื่อผิงคือลูกชายเพียงคนเดียวของเขา  อีกทั้งเขายังมีเชียนชื่อผิงตอนอายุได้ 40 ปีอีกด้วย

ชื่อจริงของเชียนหลงโถว (มังกรพันเศียร) คือเชียนไป๋เฮ่อ  เป็นคนจากหูจง  อายุ 11 ปีก็เข้าสู่วงการใต้ดินแล้ว  ตอนนี้แม้แต่โลกบนดินเขาก็ยังถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง  ทั้งยังมีกองกำลังส่วนตัวอีกด้วย  แต่คนเหล่านั้นก็คือกองกำลังรับจ้างที่ประจำการอยู่ที่แอฟริกา  และตัวเขาเองก็มักจะพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์สุดหรูที่แอฟริกาเช่นเดียวกัน

ส่วนเรื่องของ ‘หนานชิง’ นั้นเดิมทีก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องออกโรงจัดการเองแล้ว  เรื่องทั่วๆ ไปก็มักจะเป็นลูกน้องของเขาจัดการ  จากนั้นค่อยส่งรายงานมาให้เขาก็พอแล้ว

คนปกติทั่วไปยังไม่ต้องพูดถึง  แม้แต่ประเทศเล็กๆ ยังไม่กล้าหาเรื่องบอสของ ‘หนานชิง’ อย่างเชียนหลงโถวเลย  ทว่าวันนี้ลูกชายเพียวคนเดียวของเขากลับถูกฆ่าตายในหนิงไห่  นี่ถือเป็นเรื่องสะเทือนฟ้าสะเทือนดินอย่างแท้จริง!

ไม่ว่าจะเป็นการตายของเชียนชื่อผิงหรือซ่งเฉ่าเหวิน  มันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลของหนิงไห่จะแบกรับได้เลย

..........

วินาทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกหยุนปิงก็เป็นเวลา 9 โมงกว่าๆ แล้ว  เมื่อมองไปยังเย่โม่...เขาก็ยังนอนหลับอยู่อย่างเดิมเหมือนเมื่อวาน  เพียงแต่ใบหน้าที่เคยขาวซีดก็เรื่มมีเลือดฝาดขึ้นบางแล้ว  หยุนปิงค่อยรู้สึกโล่งใจแล้วหันไปรับโทรศัพท์

คนที่โทรมาคือเพื่อนร่วมงานของหยุนปิงชื่อหวังยู่  เขาถามแค่ว่าทำไมวันนี้เธอถึงไม่ไปสอน  เธอจึงรีบขอให้เขาช่วยลางานให้เธอหน่อย  พอวางสายไปก็หันกลับมาช่วยเช็ดตัวเย่โม่อีกรอบ  พอเช็ดเสร็จเธอก็เตรียมทำโจ๊ก  เผื่อว่าถ้าเย่โม่ตื่นขึ้นมาจะได้มีอะไรกิน

เธอช่วยชีวิตเย่โม่เมื่อคืน  ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็นอนสลบอยู่อย่างนี้...มีเพียงครั้งเดียวที่เขาลืมตาขึ้นมามอง  แต่ก็กลับไปนอนสลบต่อทันที  หยุนปิงไม่กล้าส่งเขาให้โรงพยาบาล  ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไงดี  เธอยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าชืออิ่งที่เธอเห็นจากข่าวเมื่อวานใช่เย่โม่จริงหรือเปล่า  เธอเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วเข้าไปในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย  ทว่าข่าวที่ปรากฏสู่สายตากลับทำให้เธอแทบทำเมาส์หล่น

เมื่อคืนวาน...พบคดีฆาตกรรมในคฤหาสน์ส่วนตัวแห่งหนึ่ง  มีผู้เสียชีวิต 6 ราย...

เรื่องเมื่อคืน...ไม่ใช่ว่าเย่โม่ก็ได้รับบาดเจ็บมาเมื่อคืนเหมือนกันหรอกหรือ?  หรือว่าเป็นฝีมือของเขา?  หยุนปิงหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้  เย่โม่จัดการเจิ้งเหวินเฉียวและรุ่นพี่ที่มอมเหล้าเธอคนนั้นให้กลายเป็นคนเสียสติ...เธอพอจะแน่ใจได้ว่าเป็นฝีมือของเย่โม่  ทำไมเขาถึงได้ป่าเถื่อนขนาดนี้?

หยุนปิงหันกลับไปมองเย่โม่ด้วยแววตาซับซ้อน  เธอค้นหาข่าวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อวานอีกครั้ง  จนกระทั่งค้นไปเจอเว็บไซต์ของทางการเธอถึงได้รู้ความจริง  เมื่อคืนวานเนื่องจากคุณชาย 2 คนจาก 2 ตระกูลใหญ่ลักพาตัวหญิงสาว 2 พี่น้องไปข่มขืนในคฤหาสน์  หลังจากนั้นก็ถูกคนบุกเข้าไปฆ่าตายถึง 6 ศพ  มีเพียงหญิงสาว 2 พี่น้องที่ยังมีชีวิตรอด

หยุนปิงถอนหายใจ...ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่าเป็นฝีมือเย่โม่จริงๆ  เขามักจะต่อสู้กับความอยุติธรรมแบบนี้เสมอ  เรื่องของเธอคราวที่แล้วก็เหมือนกัน  ต่างกันตรงที่กรณีของเธอเขาไม่ได้ฆ่าใคร  แต่ครั้งนี้กลับลงมือฆ่า  หรือเขาเป็นพวกมีแนวโน้มชอบใช้ความรุนแรง?

แต่ไม่ว่าเย่โม่จะเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงหรือไม่...เขาก็เป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้อยู่ดี  สำหรับหยุนปิงแล้ว...สิ่งที่เขาทำมันสำคัญเสียยิ่งกว่าแค่ช่วยชีวิตเธอไว้เสียอีก  แล้วอีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเธอก็รู้สึกเข้าข้างเย่โม่  เธอรู้สึกเพียงว่าเย่โม่ไม่ควรฆ่าคนก็เท่านั้น  การฆ่าคนตามอำเภอใจสำหรับสังคมแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้  หยุนปิงแอบรู้สึกดีใจที่ไม่ได้ส่งตัวเย่โม่ให้กับโรงพยาบาล  ถ้าหากเธอส่งตัวเขาไปล่ะก็เรื่องของเย่โม่จะต้องถูกเปิดโปงแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด