ตอนที่ 40 ภารกิจที่ยังเคลียไม่เสร็จ? (ฟรี)
โม่เต๋าคิดว่าคนของเขาและคนจากนิกายหยุนกงรวมกันจะต้องชนะลู่เฟิงในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เขาพบว่ามันผิดไปจากที่เขาคิดเอาไว้ เขาประเมินนิกายหยุนกงสูงไว้เกินไป และยังคงประเมินลู่เฟิงไว้ต่ำทำให้เขารู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้มากที่สุด
สิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดก็คือนักวิชาการพิษ เจี๋ยสวี่ ผู้นี้ ทำไมมันถึงไปอยู่ข้างลู่เฟิงได้!
และกองทหารจินยี่เหว่ยพวกนี้อีก ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินข่าวสารมาก่อน? พวกมันมาจากไหนกัน?
เขาไม่คิดเลยว่า โศกนาฏกรรมนี้จะทำให้เขาเกิดความสูญเสียมากที่สุด
คนสนิทของเขาได้ล้มตายไปครึ่งหนึ่งแผนการทั้งหมดที่เขาสร้างมาเป็นสิบ ๆ ปีได้พังทลายลงในช่วงข้ามวัน
"ฝ่าบาท ข้าน้อยเกาชุน กลับมาพร้อมกับศีรษะของคนจากนิกายหยุนกง!"
ในขณะนี้เอง เกาชุนก็ได้กลับมาพร้อมกับศีรษะของ หยุนซาน
เขาได้โยนศีรษะทิ้งลงไปบนพื้นโลหิตจำนวนมากได้สาดกระเซ็นไปทั่ว
"ทำได้ดีมาก!"
ลู่เฟิงได้หัวเราะออกมา"วันนี้ข้าจะแสดงให้พวกที่ดูถูกข้าและราชวงศ์หนานหยานต้องประจักษ์ว่าใครกันแน่ที่เป็นใหญ่ที่สุดในอาณาจักรหนานหยานและอาณาจักรหนานหยานแห่งนี้เป็นของใคร"
"ขอฝ่าบาททรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน"
บรรดาข้าราชบริพารหลายคนได้คุกเข่าลงและตะโกนขึ้น
เสียงของพวกเขายิ่งมายิ่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ
"ฝ่าบาทตอนนี้เหลือเพียงโม่เต๋าเพียงคนเดียวเท่านั้นหากฝ่าบาทจัดการเขาได้ทุกอย่างก็จะจบลง!"ราชเลขาคนนึงได้กล่าวพูดขึ้น
ลู่เฟิงมองไปที่การต่อสู้ของ ฮวามู่หลาน และ โม่เต๋า ตอนนี้ โม่เต๋ากำลังถูกไล่ต้อนโดยสมบูรณ์ การต่อสู้จะต้องจบลงภายในหนึ่งหรือสองนาทีนี้อย่างแน่นอน
"ฝ่าบาท ให้ข้าช่วยแม่นางมู่หลานจัดการฆ่าโม่เต๋าด้วยเถิด"
เจี๋ยสวี่ ได้โค้งคำนับให้กับลู่เฟิง
ลู่เฟิงไม่ได้ตอบแต่เสียงของโม่เต๋าได้ดังขึ้น"ฝ่าบาท หม่อมฉันยังไหวเพคะ"
ลู่เฟิงได้จ้องมองไปที่ ฮวามู่หลาน และครุ่นคิดเล็กน้อย
เขาไม่ลืมว่า ฮวามู่หลานเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของจีน เธอถูกเรียกตัวมาถึงอย่างนั้นเธอยังไม่มีโอกาสจะได้แสดงความสามารถของเธอเลย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความภาคภูมิใจของเธอขึ้นอยู่กับการต่อสู้ในครั้งนี้
ดังนั้นเขาจะไม่ให้โอกาสเธอได้อย่างไร
เขาได้ยกมือขึ้นและห้ามปราม"ข้าเชื่อในตัวมู่หลาน"
"ขอรับ"
เจี๋ยสวี่ ได้ถอยกลับไปและไม่พูดอะไรอีก
ฮวามู่หลาน ได้จ้องมองไปที่ โม่เต๋าและกล่าวพูดอย่างเย็นชา"โม่เต๋า เจ้าจงใจใช้คนอื่นทำให้ชื่อเสียงของฝ่าบาทต้องด่างพร้อยวันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าซะ"
"ระบำดาบวิญญาณ"
ฮวามู่หลานได้ตะโกนขึ้นดาบยาวในมือของเธอได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในอากาศ
"ทักษะต่อสู้ของมู่หลาน!"
ดวงตาของ ลู่เฟิงได้สว่างวาบขึ้นเเละจ้องมองไปที่การโจมตีของมู่หลาน
"ตายซะ"
พริบตาต่อมาปลายดาบของมู่หลานก็ปักลงไปที่ลำคอของโม่เต๋า
"ทำไมข้าถึงรู้สึก...."
"เป็นทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยระดับของมันก็ไม่น่าจะต่ำไปกว่าระดับสวรรค์"
หลังจากใช้เวลาไปประมาณหนึ่งหรือสองนาทีการต่อสู้ก็จบลงตามที่ลู่เฟิงคำนวณเอาไว้
ฟุ่บ
หลังจากฆ่าโม่เต๋าได้แล้ว มู่หลาน ก็กลับไปหาลู่เฟิงและคุกเข่าลงข้างนึงเพื่อแสดงความเคารพ
ลู่เฟิง ที่เป็นผู้นำได้ดึงตัวขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม"มู่หลาน เจ้าไม่ใช่เหล่าข้าราชบริพารดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องคุกเข่า"
หลังจากหยุดไปชั่วครู่เขาก็เอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของฮวามู่หลาน"มายืนอยู่ข้างหลังข้าและทำตัวให้สบายเถอะ ขอบคุณที่ยอมเหนื่อยเพื่อข้า!"
มู่หลานได้ลดศีรษะลงใบหน้าของเธอเเดงก่ำและไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไร
เหล่าราชเลขาและข้าราชบริพารหลายคนไม่เข้าใจกับการแสดงออกของฝ่าบาทของพวกเขาแต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรและทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ลู่เฟิงพาฮวามู่หลานมายืนข้างหลังและจ้องมองไปที่ศพบนพื้น ผู้คนจากนิกายหยุนกงทั้งหมดถูกสังหาร
"นี่มันไม่ถูกต้อง...."
ลู่เฟิงได้ขมวดคิ้วเเน่น เขาจำได้ว่าภารกิจรองบอกว่าเขาจะต้องฆ่าทุกคนจากนิกายหยุนกงที่มาเหยียบเมืองหลวง
หากทุกคนได้ถูกฆ่าไปแล้วจริงเช่นนั้นก็จะต้องมีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น
"ระบบเกิดอะไรขึ้นยังมีใครรอดชีวิตอยู่งั้นเหรอ?"ลู่เฟิง ได้กล่าวถามระบบในใจของเขา
"โม่เฉียน ยังมีชีวิตรอดอยู่"
โม่เฉียน?
ลู่เฟิงมองไปที่พื้นและไม่เห็นร่างของโม่เฉียน
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนอย่างมาก บ้าเอ้ย เพียงแค่นังบ้านี่คนเดียวถึงกับทำให้ภารกิจรองของเขายังไม่สำเร็จ เขากำลังจะพลาดโอกาสอัญเชิญและค่าประสบการณ์กว่า 300,000 แต้มหรือไม่
ไม่มีทาง สองสิ่งนี้จำเป็นมากสำหรับลู่เฟิงในปัจจุบัน!
เขามองไปที่ เกาชุน และ เจี๋ยสวี่ "เกาชุน,เจี๋ยสวี่ พวกเจ้าสองคนปิดกั้นเส้นทางเข้าออกเมืองหลวงทั้งหมดสั่งให้ทหารยาม และ กองทหารจินยี่เหว่ย มองหา โม่เฉียน และ นำนางกลับมาหาข้า"
"ขอรับ"
เกาชุน และ เจี๋ยสวี่ ได้ตอบสนองพร้อมกัน
ฮูหยิน ราชเลขากรมพิธีการได้จ้องมองไปที่ลู่เฟิงและกล่าวพูดด้วยความเคารพ"ฝ่าบาทท่านต้องการให้คนมาทำความสะอาดกองภูเขาซากศพนอกประตูเมริเดียนเลยหรือไม่?"
"ยังไม่ใช่ตอนนี้"
ลู่เฟิงได้โบกมือและกล่าวพูดขึ้น"พวกเจ้าส่งคนไปแจ้งข้าราชบริพารที่ไม่ได้มาเข้าร่วมในวันนี้ หากพวกมันไปไม่ถึงห้องโถงเจิ้งหลงภายในครึ่งชั่วโมง ฆ่าไม่มียกเว้น"
"ขอรับ"
ราชเลขากรมพิธีการและคนอื่น ๆ ได้ตอบกลับ
เหวิ่นอาน ราชเลขากรมอาชญากรรมได้อยู่ที่นี่เพราะเขารู้ว่า ลู่เฟิง ต้องมีอะไรบางอย่างให้เขาจัดการ
ลู่เฟิง มองไปที่ เหวิ่นอาน และ กล่าวพูดขึ้น"เหวิ่นอาน ข้าจะให้ กองทหารจินยี่เหว่ย และ ทหารยาม หนึ่งพันคน ติดตามเจ้าไปที่คฤหาสน์ของข้าราชบริพารที่ถูกสังหาร เก็บสิ่งมีค่าทั้งหมดกลับเข้าคลังหลวง!"
"ขอรับ"
เหวิ่นอาน ได้จากไปทันที
ในไม่ช้าก็เหลือเพียงฮวามู่หลานเท่านั้นที่อยู่ปกป้องลู่เฟิง
ลู่เฟิงมองไปที่มู่หลานด้วยรอยยิ้ม"ไปกันเถอะมู่หลาน ไปรอพวกเขาที่ห้องโถงเจิ้งหลง"
"เพคะฝ่าบาท"
"มู่หลานวันนี้เจ้าทำได้ดีมาก!"ลู่เฟิงได้หันศีรษะไปกล่าวกับมู่หลาน
เมื่อมู่หลานได้ยินดังนั้นสองตาของเธอก็คลอไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข
หลายวันมานี้เธอต้องทนแบกรับแรงกดดันจากทุกสารทิศโดนตีหน้าหาว่าเป็นหญิงร่านที่นำพาความซวยมาสู่อาณาจักร
แต่เธอได้อดทนมันและทำตามแผนของลู่เฟิง หัวใจของเธอทรมาณมากแค่ไหนทำไมลู่เฟิงจะไม่รู้
ตอนนี้เพียงแค่ได้ยินคำชมจากปากของลู่เฟิง สิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจมาเป็นเดือนก็มลายหายไปจนหมดสิ้น
เธอได้สูดลมหายใจเข้าลึกและกล่าวพูดออกมา"นี่เป็นสิ่งที่หม่อมฉันควรทำ"
เธอรู้สึกขอบคุณกับความพยายามของตัวเอง
ในตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขมากอย่างมาก
ลู่เฟิงได้ยื่นมือไปจับมือของมู่หลานและกล่าวกระซิบ"มู่หลานเจ้าเป็นของข้า ดังนั้นข้าจึงต้องการให้เจ้าคอยเคียงข้างข้าตลอดไป"
ใบหน้าของมู่หลานได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเธอได้กล่าวถามลู่เฟิง"ขอบพระทัยเพคะ แต่ว่าฝ่าบาท ท่านคิดจะจัดการเรื่องของแม่นางโม่เฉียนอย่างไร ก่อนหน้านี้ท่านต้องการให้เธอมาเป็นหนึ่งในนางสนมของท่าน แต่ตอนนี้ ทั้งญาติพี่น้องของเธอล้วนถูกสังหารจนหมดสิ้น หากท่านต้องการให้เธอมาเป็นหนึ่งในนางสนม หม่อมฉันเกรงว่าจะเป็นไปได้ยาก"
"เรื่องนี้..."