ตอนที่ 39 ฆ่าให้หมดไม่ให้เหลือ! (ฟรี)
ฮวามู่หลานต้องการจะปลีกไปช่วยลู่เฟิง แต่เธอไม่สามารถทำได้แม้ว่าเธออยากจะไปแค่ไหนก็ตาม
การแสดงออกของเจี๋ยสวี่ เองก็เปลี่ยนไปมาก เขาต้องการจะออกไป แต่อาวุโสจากนิกายหยุนกงไม่ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นทั้งยังปิดกั้นเส้นทางของเขาไว้ทั้งหมด
ทางด้านกองทหารจินยี่เหว่ยก็เช่นเดียวกันทุกคนถูกลากไปต่อสู้กันอย่างดุเดือด
พวกเขาทำได้เพียงแค่จ้องมองข้าราชบริพารของโม่เต๋าคนนั้นเดินเข้าหาลู่เฟิงทีละก้าว
โม่เฉียน ที่เห็นสิ่งนี้เธอได้เผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ตราบเท่าที่ลู่เฟิงถูกฆ่า จะเกิดอะไรขึ้นกับพวก เกาชุน และ คนอื่น ๆ ? แม้ว่าพวกเธอจะไม่สามารถเอาชนะคนเหล่านี้ได้ แต่ในเมื่อพวกเขาไม่มีจักรพรรดิให้รับใช้ พวกเขายังจะดิ้นรนต่อสู้เพื่ออะไรต่อ?
"จักรพรรดิน้อย มีอะไรจะสั่งเสียก่อนตายหรือไม่?"
ข้าราชบริพารคนนี้ได้ถือดาบยาวเข้าหาลู่เฟิงพร้อมกับรอยยิ้มที่เย็นชา
"คำสั่งเสีย?"
ลู่เฟิงจ้องมองไปที่ข้าราชบริพารคนนี้"ในฐานะข้าราชบริพารของอาณาจักรเจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะกล่าววาจาเยี่ยงนี้ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ?"
หลังจากกล่าวพูดออกไปลู่เฟิงก็ปล่อยอำนาจบารมีของจักรพรรดิออกมา
ข้าราชบริพารคนนี้ต้องการจะตอบ แต่ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่าลู่เฟิงที่อยู่ตรงหน้าของเขาเต็มไปด้วยบารมีความสง่างามของจักรพรรดิ เขาแทบจะไม่กล้าสบตาโดยตรง
ก่อนที่เขาจะตอบสนองได้ทันเขาก็ได้ยินเสียงสามคำ "การวาดดาบ!"
"ไม่ดีแล้ว!"
ในที่สุดข้าราชบริพารคนนี้ก็ต้อบสนองและต้องการที่จะถอยหนี แต่ลู่เฟิง ได้ใช้ร่างกายนักล่า ควบคุมไปกับการวาดดาบซึ่งอีกฝ่ายไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ฟวั่บ
ดาบของเขาได้ฟันคอชายคนนี้จนโลหิตพรั่งพรูออกมา
"อั๊กก"
ข้าราชบริพารคนนี้ได้เอามือกุมคอของเขาก่อนที่จะล้มลงเเละเสียชีวิต
เมื่อ เจี๋ยสวี่ เห็นฉากนี้ เขาก็รู้สึกโล่งใจ เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของลู่เฟิงไม่ธรรมดา เมื่อใช้ร่างกายนักล่า กับการวาดดาบ จะสร้างโอกาสในการฆ่านักรบขั้นสร้างรากฐานพลังหยวนได้
แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเพียงเท่านั้น เขาไม่คิดเลยว่ามันจะได้ผลจริง ๆ
ทันทีที่ลู่เฟิงฆ่าข้าราชบริพารคนนี้สำเร็จเขาก็มีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้น
"ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่สังหารนักรบระดับ 1 ขั้นสร้างรากฐานพลังหยวนได้สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 10,000 แต้ม!"
ฟู่ววว
ลู่เฟิงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพื่อที่จะสังหารข้าราชบริพารที่เป็นนักรบขั้นสร้างรากฐานพลังหยวนคนนี้ เขาไม่เพียงแต่ใช้แค่ร่างกายนักล่าและการวาดดาบ เขายังใช้อำนาจบารมีจักรพรรดิอีกด้วย
ด้วยพลังของอำนาจบารมีจักรพรรดิทำให้อีกฝ่ายเกิดความตกใจไปชั่วขณะจนเขาได้โอกาสในการฆ่า
นี่นับเป็นโชคดีของเขาอย่างแท้จริง
"บัดซบ"
เมื่อโม่เต๋าเห็นฉากนี้ สีหน้าของเขาก็กลายเป็นไม่สู้ดี แผนการของเขาที่ถูกวางมากลับถูกทำลายทิ้งอีกครั้ง
ในทางตรงกันข้ามเหล่าข้าราชบริพารที่ยืนอยู่ข้างลู่เฟิงพวกเขาได้แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างเห็นได้ชัด คนเหล่านี้ยิ่งเห็นความแข็งแกร่งของลู่เฟิงมากเท่าไหร่ความภักดีที่มีต่อราชวงศ์ก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ลู่เฟิงจ้องมองไปที่ข้าราชบริพารที่เลือกสนับสนุนโม่เต๋าก่อนที่เขาจะเเสยะยิ้มและกล่าวพูดเสียงดัง"ทหารยามทุกคนฆ่าพวกมันทั้งหมดไม่ต้องปราณี!"
"รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ"
เหล่าทหารยามของอาณาจักรหลายหมื่นคนได้ตอบโต้และพุ่งไปที่ข้าราชบริพารเหล่านี้
ใบหน้าของข้าราชบริพารเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก
เหตุผลที่พวกเขากล้ามาที่นี่ก็เพราะมีอาวุโสจากนิกายหยุนกงคอยสนับสนุนและในทางกลับกันพวกเขาคิดว่าลู่เฟิงไม่กล้าฆ่าพวกเขา
การที่พวกเขาก่อกบฏและถูกสังหารจะทำให้ความมั่นคงทางการเมืองของอาณาจักรหนานหยานพังทลายลงทันที อำนาจทางการเมืองของอาณาจักรหนานหยานจะเป็นอัมพาตและต้องใช้เวลา
ทหารยามเหล่านี้ได้พุ่งเป้าใส่ข้าราชบริพารโดยไม่สนใจสิ่งใดพวกเขาได้ฆ่าคนเหล่านี้ตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิของพวกเขา
คนเหล่านี้แทบไม่มีเวลาให้ตัดสินใจหลายคนได้เริ่มตะโกนขึ้น
"ฝ่าบาท ข้าน้อยได้มองเห็นถึงความสง่างามของพระองค์แล้ว ข้าน้อยยินดีจะถวายความภักดีต่อพระองค์"
"ใช่ฝ่าบาทพวกเราเต็มใจที่จะยอมจำนน"
"ฝ่าบาท พวกเราสำนึกผิดแล้วได้โปรดประทานอภัย"
ข้าราชบริพารเหล่านี้ต่างก็ตะโกนร้องขอชีวิตกันถ้วนหน้า
"ประทานอภัย? เหอะ พวกเจ้าคู่ควรจะได้รับ?"
ลู่เฟิง ได้หัวเราะออกมา "ฆ่าให้หมด"
"ฝ่าบาท ท่านไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ หากท่านสังหารพวกเรา อำนาจทางการเมืองของอาณาจักรหนานหยานจะ..."
เหล่าข้าราชบริพารหลายคนได้ร่ำไห้ร้องขอความเมตตา แต่พวกเขาก็ถูกคมดาบของทหารยามไล่ฟันกันอย่างต่อเนื่อง
เหรินหยาน ราชเลขา คนนึงที่มองดูฉากนี้ได้กัดฟันและพูดขึ้น"ฝ่าบาทหากพวกเขาถูกฆ่าทั้งหมด อำนาจทางการเมืองของอาณาจักรหนานหยาน จะกลายเป็นอัมพาตทันที และ อาณาจักรหนานหยานของเราจะพัฒนาไปได้อย่างเชื่องช้า"
"จริงขอรับฝ่าบาท พระองค์ได้โปรดแสดงความเมตตาไว้ชีวิตคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น"
"ฝ่าบาท ถ้าพระองค์สั่งฆ่าพวกเขาทั้งหมดชื่อเสียงของพระองค์เกรงว่าจะด่างพร้อย ข้าน้อยขอให้พระองค์คิดทบทวนอีกครั้ง"
เหล่าข้าราชบริพารที่ยืนอยู่ข้างลู่เฟิงได้กล่าวพูดขึ้น
ลู่เฟิงได้จ้องมองไปที่กลุ่มคนเหล่านี้และกล่าวพูดเบา ๆ " ข้ายินยอมให้อำนาจทางการเมืองของอาณาจักรหนานหยานของข้าหยุดชะงักชั่วคราว ดีกว่าปล่อยพวกกบฏเหล่านี้ให้ลอยนวลต่อไป"
"ฝ่าบาท..."
"ใครมันกล้าที่จะพูดมากกว่านี้ข้าจะฆ่าโดยไร้ความปราณี!"
ลู่เฟิงจ้องมองไปที่ข้าราชเลขาทั้งสี่อย่างเย็นชา แม้ว่าพวกเขาจะภักดีและซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ แต่ถ้าพวกเขาต่อต้านลู่เฟิง เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลู่เฟิงจะฆ่าพวกเขา
เขายินยอมที่จะให้อำนาจทางการเมืองเป็นอัมพาต แต่พวกกบฏเหล่านี้ต้องตาย
เพราะลู่เฟิง รู้ดีว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมาอำนาจทางการเมืองได้ถูกควบคุมโดยโม่เต๋า หลายคนได้รู้จักโม่เต๋าทั้งหมด แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ทราบถึงตัวตนขององค์จักรพรรดิ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่องค์จักรพรรดิมีชื่อเสียงด้อยกว่าเสนาบดีคนนึง
ลู่เฟิงจำเป็นจะต้องแสดงความสง่างามของตนเองออกมาเผยอำนาจของเขาในฐานะจักรพรรดิให้คนเหล่านี้ได้ประจักษ์เห็น
ข้าราชบริพารหลายร้อยคนได้ถูกสังหารลงอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ย่อมส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของลู่เฟิง
แต่เพียงแค่ชื่อเสียง?
เขาสนมันงั้นหรือ?
เหล่าทรราชที่เเท้จริงพวกเขาจะมานั่งกังวลเพียงเพราะของประดับอย่างชื่อเสียงหรือไม่?
ตั้งแต่ที่ ลู่เฟิง ลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกนี้ เขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนเเปลงทุกอย่างเพื่อตัวของเขา
เขาจะแสดงความโหดเหี้ยมกับศัตรูเพียงเท่านั้น
พวกกบฏทุกคนสมควรตาย การจะปล่อยคนเหล่านี้ไปก็ไม่ต่างไปจากการปล่อยพวกโจรที่สามารถแว้งกัดเราได้ตลอดเวลา
ข้าราชบริพารหลายคนเมื่อเผชิญหน้ากับทหารยามพวกเขาต่างก็ไม่สามารถต่อกรได้และถูกฆ่าทั้งหมดภายในระยะเวลาไม่ถึงชั่วโมง
นอกประตูเมริเดียนเต็มไปด้วยสายธารโลหิต
กลิ่นคาวโลหิตได้คละคลุ้งไปทั่วอากาศแห่งนี้
บนพื้นอัดแน่นไปด้วยซากศพจำนวนมาก
ราชเลขาทั้งสี่จ้องมองไปที่ฉากนี้ด้วยความหวาดกลัว และ ทหารนับหมื่นได้จ้องมองไปที่ลู่เฟิงด้วยความเคารพ
ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามารับใช้อาณาจักรพวกเขาก็ถูกปลูกฝังให้มีความคิดที่จะจงรักภักดีต่อราชวงศ์และจักรพรรดิ ใครที่ต่อต้านล้วนแล้วแต่เป็นกบฏทั้งสิ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชื่นชอบ แต่พวกเขาจะไม่สนับสนุนได้ยังไง
ลู่เฟิง จ้องมองไปที่ เหล่าทหารยามเหล่านี้ด้วยท่าทีพึงพอใจ นี่คือสิ่งที่เขาควรจะทำที่สุดตอนนี้
"อะไร?"
ในเวลานี้ได้มีเสียงกรีดร้องมาจากทางด้านคนจากนิกายหยุนกง
อาวุโสลำดับแปดได้ถูกสังหารภายใต้การล้อมกรอบของกองทหารจินยี่เหว่ย
หลังจากนั้นอาวุโสของนิกายหยุนกงคนแล้วคนเล่าก็ถูกปิดล้อมและถูกสังหารลง
ในไม่ช้าก็เหลือเพียงอาวุโสสามคนที่ต่อสู้กับ เจี๋ยสวี่ และ หยุนซาน ที่ต่อสู้กับเกาชุน
อีกด้านนึง โม่เต๋า และ ฮวามู่หลาน ก็กำลังต่อสู้กัน
ฟวั่บ
แต่ศึกทางด้านเจี๋ยสวี่กลับจบเร็วกว่า
ความแข็งแกร่งของ เจี๋ยสวี่ นั้นสุดยอดมาก เขาสามารถเผชิญหน้ากับศัตรูได้พร้อมกันทีเดียวถึงสามคน และ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ เขายังสังหารหนึ่งในนั้นไปแล้วด้วย
ส่วนสองคนที่เหลือที่เป็นคู่ต่อสู้ของ เจี๋ยสวี่ ก็ถูกจัดการในเวลาต่อมา
อาวุโสจากนิกายหยุนกงที่เป็นนักรบระดับสูงสุดขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน ได้ถูกเจี๋ยสวี่ สังหารอย่างเรียบง่ายและหยาบตาย
โม่เต๋าที่ถูกทิ้งไว้ต่อสู้กับมู่หลานใบหน้าของเขาเริ่มมืดมนจนถึงขีดสุด